EP.36 แล้วยังอร่อยอีกด้วย 2
กลางดึก ในที่สุดฝนก็หยุดตก ทั่วทั้งป่าสัตตะดาราตกอยู่ในสภาพดินเลน กลางหุบเขาลึกแบบนี้ไม่มีทางที่จะมีบ้านคนได้ นายพรานเองยังไม่กล้าค้างแรมกลางป่าสัตตะดารา เพราะไม่มีใครอยากจะถูกสัตว์วิญญาณอายุพันปีมากระชากหัวทิ้งตอนกลางคืนหรอก ดังนั้นชวีฉู่ หลินมู่อวี่และถังเสี่ยวซีสามคนจึงได้แต่ค้างคืนกลางขุนเขา
หลังจากพวกเขาเก็บกิ่งไม้แห้งจำนวนหนึ่งกลับมา ถังเสี่ยวซีใช้วิญญาณยุทธ์จิ้งจอกอัคคีก่อกองไฟ แล้วนำซาลาเปามาย่างเป็นอาหารเย็น หลังอาหารเย็น ถังเสี่ยวซีนั่งขัดสมาธิฝึกวิชาใต้แสงไฟจากกองเพลิง เด็กสาวผู้นี้กำลังฝึกวิถีแห่งเปลวไฟ แถมรูปร่างของนางยังเร่าร้อนมากอีกด้วย
หลินมู่อวี่ฝึกไปได้สักครู่ ลมปราณสามารถไหลผ่านชีพจรได้โดยไม่ติดขัด ตำนานปราณพิการถือว่าถูกทำลายลงแล้ว ทว่าความแข็งแกร่งของปราณเขายังไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้เร็วมากนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หลินมู่อวี่ลุกขึ้นยืน หยิบมีดบินที่ชวีฉู่ให้เขามาออกจากถุง ได้เวลาฝึกขว้างมีดบินนี่แล้ว คันธนูไม่จัดเป็นอาวุธลับ แถมยังไม่สะดวกที่จะพกติดตัวตลอดเวลา และยังไม่มีคุณสมบัติลอบโจมตีอีกด้วย
เขาเกรงว่าถังเสี่ยวซีจะโดนลูกหลง จึงเดินออกมาที่เนินเตี้ยๆ แทน อาศัยแสงจันทร์มองสำรวจมีดบินทั้งสี่เล่ม งดงามและเป็นเอกลักษณ์ ส่องประกายอยู่ใต้แสงจันทร์
หลินมู่อวี่ขว้างมีดออกไป!
“ ฟิ้ว!”
ประกายของคมมีดห่างออกไป เกิดเสียงหวีดฝ่าสายลมดังขึ้น เพียงชั่วพริบตามีดก็บินวกกลับมา แต่หลินมู่อวี่ไม่ได้ยื่นมือออกไปคว้ามีดนั้น เขายังไม่อยากตาย
“ ฉึก” มีดบินปักเข้ากลางลำต้นของต้นไม้ด้านข้าง หลังจากที่เขาดึงมีดออกมา ก็ขว้างมันออกไปอีกครา แล้วก็หลบอีกเช่นเคย เขาเฝ้าสังเกตครั้งแล้วครั้งเล่า ปามีดแบบนี้อยู่กว่าชั่วโมง
ในความมืด เงาของคนผู้หนึ่งเฝ้าสังเกตเด็กหนุ่มอยู่พักใหญ่แล้ว ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ทำไมเจ้าถึงไม่ลองรับมีดดูสักครั้งเล่า“
หลินมู่อวี่หันไปมองแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อ้าว ท่านอาวุโสชวีเองหรือขอรับ…ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากรับมีด แต่ว่าข้าต้องการสังเกตให้มากกว่าก่อน ข้าอยากเข้าใจวิถีโค้งตอนที่มีดวกกลับมาภายใต้องศาและแรงที่ต่างกัน ไม่งั้นมือสองข้างของข้าคงได้พิการแน่”
ชวีฉู่อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เจ้านี่ฉลาดใช้ได้ ข้าไม่ได้มองเจ้าผิดไปจริงๆ มีดบินชุดนี้จะต้องได้แสดงความเก่งกาจของมันออกมาอย่างเต็มที่ด้วยฝีมือของเจ้าเป็นแน่ แต่เจ้าสังเกตนานเกินไปแล้ว ลองรับดูหน่อยเป็นไง เป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั้งที ไม่บาดเจ็บสักหน่อยแล้วคิดจะสำเร็จสุดยอดวิชา มันเป็นไปไม่ได้ ”
“ ขอรับ”
แต่ว่านี่ทดสอบพลังสายตาเกินไป โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใต้แสงจันทร์แบบนี้
ทว่าหลินมู่อวี่กลับเริ่มจะลองรับมีดอย่างไม่ลังเล เขาปามีดบินออกไปเต็มแรง คำนวณองศาที่มีดจะวกกลับมา ตลอดจนวิถีการหมุนของด้ามมีดและใบมีด เขาต้องจับที่ด้าม ไม่ใช่ใบมีด
“ ปึก!”
จังหวะที่ยื่นมือออกไป แต่ปลายนิ้วยังไม่ทันจับถูกด้ามมีด ก็ถูกใบมีดบาดเข้านิดหน่อยก่อน ความปวดแสบปรากฏขึ้นทันที เลือดสดๆ ไหลออกมา นิ้วชี้ถูกบาดเป็นแผลยาว
“ โชคดีที่เจ้าเป็นนักปรุงโอสถ มีโอสถสมานแผลเหลือเฟือ” ชวีฉู่ยืนหัวเราะอยู่อย่างมีความสุขในความทุกข์ของผู้อื่น
หลินมู่อวี่ไม่มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับอาจารย์ผู้ไร้มนุษยธรรมผู้นี้ จึงหยิบโอสถสมานแผลขึ้นมาทา จากนั้นก็ลองรับมีดบินอยู่สิบกว่าครั้ง ครั้งที่สองเขารับไม่ได้และมีดบินพุ่งผ่านเขาไป แต่ครั้งอื่นๆ เขารับได้หมดทุกครั้ง เขาเริ่มจับเทคนิคเบื้องต้นในการรับมีดบินได้แล้ว ฉะนั้นขั้นต่อไปก็คือเรียนรู้วิถีของมีดตอนที่มันวกกลับมาหลังจากที่ฟันโดนเป้าหมาย ซึ่งยากกว่าเดิมมาก
ดึกมากแล้ว มือข้างซ้ายและขวาของหลินมู่อวี่ก็เต็มไปด้วยบาดแผล ดีที่ว่าเขาค่อนข้างรู้ความสามารถตัวเองดี จึงไม่ได้บาดเจ็บลึกไปถึงกระดูก มิเช่นนั้นจะต้องส่งผลต่อการฝึกยุทธ์อย่างแน่นอน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น โอสถสมานแผลก็ใช้ไปไม่น้อย โชคดีที่เขาเป็นนักปรุงโอสถจึงปรุงโอสถตรงนี้ได้เลย
เขาเดินไปรอบๆ มองหาหญ้าด้ายเงินและดอกรัตติกาลซึ่งเป็นสมุนไพรที่พบได้ทั่วไป แล้วเด็ดมาจำนวนหนึ่ง สักพักเขาก็เจอดอกสาลี่เหล็กต้นหนึ่ง
“ ฟึ่บ!”
เขาแบมือออก ฝ่ามือพิสุทธิ์ปรากฏขึ้น และเริ่มการสกัดแก่นโอสถของดอกสาลี่เหล็ก
ชวีฉู่ที่นอนเอนหลังอยู่หน้าผาหิน แสร้งทำเป็นหลับ แต่ก็ลอบมองหลินมู่อวี่หลอมโอสถ พอเห็นหลินมู่อวี่นำผงแก่นโอสถของดอกสาลี่เหล็กผสมเข้าไปในโอสถสมานแผลนั้น ชวีฉู่ก็ทนไม่ไหว พลิกตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เลิกคิ้วถาม “เจ้าหนู ในตำราโอสถบันทึกไว้ การปรุงโอสถสมานแผลใช้เพียงหญ้าด้ายเงินและดอกรัตติกาล เจ้าเพิ่มดอกสาลี่เหล็กเพื่ออะไร”
หลินมู่อวี่ยิ้มมุมปาก แล้วเอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม “ผงแก่นโอสถดอกสาลี่เหล็กแม้จะไม่สามารถรักษาบาดแผลได้ แต่ช่วยเพิ่มความเร็วในการสมานแผล หญ้าด้ายเงินและดอกรัตติกาลล้วนมีฤทธิ์อุ่น ดอกสาลี่เหล็กมีฤทธิ์เย็น ผสมกันแล้วโอสถจะมีคุณภาพดียิ่งขึ้น”
ดวงตาชวีฉู่เบิกกว้าง “เจ้า…เจ้าไม่ได้หลอกข้าใช่ไหม”
“ ข้าจะหลอกท่านไปทำไม โอสถสมานแผลที่ข้าหลอมเป็นเกรดหนึ่ง เชื่อไหมล่ะ”
พอชวีฉู่ดมโอสถสมานแผลที่เพิ่งจะปรุงเสร็จขวดนี้ หน้าเขาก็ซีดเผือด “โอสถเกรดหนึ่งจริงๆ ด้วย…”
หลินมู่อวี่ยังคงก้มหน้าก้มตาหลอมโอสถที่เหลือต่อ เขาหยิบเลือดหมาป่าวายุออกมา จากนั้นสกัดแก่นโอสถของหญ้าหลันหยิน สุดท้ายหยิบแอปเปิ้ลจากถุงออกมาหนึ่งลูก หลังจากบดแอปเปิ้ลเสร็จก็ใช้น้ำแอปเปิ้ลที่ได้ผสมเข้ากับแก่นโอสถ
ชวีฉู่ต้องตกตะลึงอีกครา “เจ้าเพิ่มน้ำแอปเปิ้ลเข้าไปทำไม”
หลินมู่อวี่ยิ้ม “เลือดหมาป่าวายุมีฤทธิ์รุนแรง เติมน้ำแอปเปิ้ลเข้าไปนิดหน่อยช่วยลดฤทธิ์ที่รุนแรงนี้ได้ และทำให้โอสถมีประสิทธิภาพมากขึ้น แล้วยัง…”
“ แล้วยังอะไร” ดวงตาของยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์เบิกกว้างเหมือนระฆัง
หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “ยาเพิ่มความเร็วที่ผสมเพิ่มน้ำแอปเปิ้ลลงไปยังอร่อยขึ้นด้วยยังไงล่ะ!”
“ อร่อย…ขึ้นด้วย…”
ดวงตาของชวีฉู่แทบจะหลุดออกมาจากเบ้า ศาสตร์ที่เขาได้ร่ำเรียนในโลกแห่งการปรุงโอสถถูกเจ้าเด็กนี่ทำลายลงในพริบตา ตลอดชีวิตของชวีฉู่ ในโลกของการฝึกยุทธ์ เขาเป็นยอดฝีมือ แต่ในโลกแห่งการปรุงยา เขาจัดเป็นมือสมัครเล่น ถึงขนาดที่ว่าหลังจากได้เจอปรมาจารย์ด้านการปรุงโอสถอย่างหลินมู่อวี่ เขาก็ไม่คิดว่าเขาเคยเรียนการปรุงโอสถมาก่อน!