เพราะการที่ข้าจะฆ่าเจ้า มันง่ายดายเหมือนเหยียบมดตายเท่านั้น!”
……
ประโยคนี้ของเจิ้งฟางราวกับเสียงนาฬิกาเรือนยักษ์ที่ดังก้องอยู่ในใจของหลินมู่อวี่ ก็ใช่น่ะสิ ยามที่ความแข็งแกร่งสู้ผู้อื่นไม่ได้ ผู้อื่นจะฆ่าเจ้าก็ง่ายเหมือนเหยียบมดตาย
หลินมู่อวี่ยกมุมปากขึ้นน้อยๆ กำกระบี่เหลียวหยวนไว้แน่น “งั้นก็ลองดูสิ!”
ไม่มีการให้สัญญาณล่วงหน้า เจิ้งฟางลงมือทันที!
“ฟิ้ว!”
เสียงคมกระบี่แหวกอากาศแสบแก้วหู และพลันเกิดการโจมตีต่อเนื่องกันถึงสี่ครั้งโดยไม่ทันตั้งตัว ทิ้งรอยลึกไว้บนกระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกร
หลินมู่อวี่ถอยหลังไปหลายก้าว หน้าอกเหมือนถูกกระแทกรุนแรง กระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกรแตกสลายในพริบตา เขามองเจิ้งฟางด้วยความตกใจ เจ้าลูกผู้ดีนี่แข็งแกร่งกว่าฮว๋าหวันมากนัก และวิญญาณยุทธ์เจดีย์แก้วที่เจิ้งฟางเหยียบอยู่ จะต้องช่วยเพิ่มความรุนแรงให้กับการโจมตีของเขาอย่างแน่นอน ถึงขั้นมีพลัง “ทะลวง” ที่แข็งแกร่งมาก ผิวหนังของหลินมู่อวี่แสบร้อนขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าปราณกระบี่ของอีกฝ่ายสามารถเจาะกระดองเต่าทมิฬและปราการเกล็ดมังกรมาสร้างบาดแผลให้แก่ตนเองได้
หลินมู่อวี่ใช้ทักษะกระบี่วายุ กระบี่เหลียวหยวนจึงเหาะออกไปตามลม เฉียดผ่านเส้นผมของเจิ้งฟางดัง “ฝึ่บ”
“หืม?”
เจิ้งฟางตกตะลึงรีบพลิกตัวไปอีกด้าน กระบี่เหลียวหยวนแทบจะแนบไปกับใบหน้าของเขาแล้ว เลือดกระเซ็นออกมา เกิดบาดแผลเล็กๆ ขึ้นบนใบหน้า
“ตายซะ!”
เจิ้งฟางอับอายจนโกรธ กระทืบเท้ารุนแรง พร้อมคำรามออกมา “โล่ระฆังทอง!”
แสงสีทองปรากฏออกมาพร้อมเสียงตะโกน วนอยู่รอบตัวเขา ทักษะวิญญาณยุทธ์กลายเป็นโล่ป้องกัน ต่อจากนั้นกระบวนท่ากระบี่สังหารก็ถาโถมเข้ามาไม่หยุด ร่างโงนเงนแล้วถอยหลังไปหลายก้าว เขายกมือข้างหนึ่งขึ้น กระบี่ก็เหาะออกไป เจิ้งฟางปิดตา ร่างกายสั่นเทิ้ม ปราณยุทธ์ไหลเข้าสู่ชีพจร เขาคำรามออกมา กระบี่สิบเล่มปรากฏขึ้นกลางอากาศ และพุ่งโจมตีเข้าใส่หลินมู่อวี่
“เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่!”
หลินมู่อวี่ตกตะลึง รีบเรียกเกราะศิลาเขียวออกมา มือสองข้างจับกระบี่สะบัดใช้แทนโล่!
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง!”
เสียงโลหะปะทะกันแสบหูดังไม่หยุด ผู้ช่วยฝึกแทบทุกคนอดยกมืออุดหูไม่ได้ เมื่อหันไปดูอีกครั้ง กระดองเต่าทมิฬของหลินมู่อวี่แตกไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนปราการเกล็ดมังกรก็พรุนไปหมด ที่แย่ไปกว่านั้นคือชุดสีครามปรากฏรูขึ้นมากมาย เลือดไหลเป็นทางออกมาจากหน้าอกและแขน การโจมตีของเจิ้งฟางนั้นไม่มีทางสกัดได้เลยจริงๆ!
ในเมื่อป้องกันไม่ได้ เช่นนั้นคงได้แต่บุกโจมตี!
ไม่มีทางเลือก หลินมู่อวี่ยกมือมีดบินสี่เล่มก็ปรากฏขึ้น เป็นมีดเสียงปีศาจ ขณะที่เขาคำรามออกมาแล้วสะสมปราณอีกครั้ง พลังสายฟ้าก็มารวมกันที่กระบี่เหลียวหยวน วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าส่องประกายเจิดจ้า เถาวัลย์น้ำเต้าเลื้อยไปตามพื้นพุ่งเข้าไปมัดขาสองข้างของเจิ้งฟาง
เจิ้งฟางแค่นเสียง โบกมือ ปราณยุทธ์แปรเป็นสายลมพัดออกไป ทันใดนั้นเถาวัลย์น้ำเต้าก็ถูกฉีกกระจุย เพียงแค่ใช้ลมจากปราณยุทธ์ก็สามารถปัดการโจมตีของหลินมู่อวี่ได้ พลังนี้ออกจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
แต่การโจมตีหลินมู่อวี่ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ เจิ้งฟางยังไม่ทันจะได้ยิ้มย่อง ที่ด้านหลังมีกระแสอุ่นๆ จู่โจมเข้ามา พ่นพิษ!
“เฮ้ย!”
เจิ้งฟางตะลึง รีบเบี่ยงตัวหลบ แต่ใจเขาไม่ได้จดจ่อ พอเบี่ยงตัวก็เห็นสายฟ้าแสบตา พิฆาตอสนีบาตของหลินมู่อวี่โจมตีมาทางบริเวณเอวของเขา จะหลบก็หลบไม่พ้น เจิ้งฟางไม่มีทางเลือก จึงรวมเกราะปราณสามอันมาไว้ที่บริเวณเอว ได้ยินแค่เสียงดังปัง สายฟ้าสลายไปในอากาศ การโจมตีของหลินมู่อวี่ที่มั่นใจว่าเข้าเป้าแน่ ก็ยังคงพลาด
กลับเป็นฝ่ายเจิ้งฟางที่เบี่ยงตัวเข้ามาเตะรัว ด้านหน้ารองเท้าของเขาทำจากเหล็กหลอม “ตุบ ตุบ ตุบ” เตะฟาดเข้าที่อกของหลินมู่อวี่ไม่ยั้ง
“พรืดดดด…”
หลินมู่อวี่ไถลไปตามพื้นหินไกลหลายสิบเมตร มือนึงกดพื้นเพื่อหยุดแรงที่ถูกโจมตี แต่นิ้วมือทั้งห้าก็ทิ้งเลือดไหลเป็นทางบนพื้นอย่างเวทนา
“หลินจื้อ…” ฉินจื่อหลิงตกใจ
เหลยหงทำปากขมุบขมิบอยู่เงียบๆ ความตั้งใจและความแน่วแน่ของเจ้าเด็กนี่เกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก เผชิญหน้ากับเจิ้งฟางที่มีพลังเหนือกว่าตนเองอย่างสิ้นเชิง แต่เขากลับยังตอบโต้กลับไปได้ นี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
……
เลือดลมภายในปั่นป่วน หลินมู่อวี่รู้แค่เพียงในลำคอมีรสเลือดหวานๆ แต่เขากลั้นใจไว้ไม่พ่นเลือดนี้ออกมา จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นตนเองก็จะไม่มีที่ยืนในเมืองหลันเยี่ยน!
“ฟิ้ว…”
เสียงหวีดแหลมดังขึ้น มีดบินสี่ด้ามบินวกกลับมาด้วยความเร็ว เจิ้งฟางหันมองแล้วจึงฟันกระบี่ติดกันหลายครั้ง ซัดมีดบินจนกระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือเจ้ามีดบินสี่เล่มนี้เหมือนมีชีวิต หมุนกลับมาต่อรวมกันได้ กลายเป็นมีดบินสี่คม เกิดเสียงระเบิดขึ้นกลางอากาศหนึ่งครั้ง มีดเสียงปีศาจหมุนกลับไปอย่างรวดเร็ว เพื่อโจมตีอีกครั้ง
“น่ารำคาญชะมัด!”
เจิ้งฟางตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ทันใดนั้นเขาก็กางมือออก นิ้วมือทุกนิ้วมีแสงจากโล่ระฆังทองปกป้องอยู่ เขาจะใช้มือเปล่ารับมีดเสียงปีศาจงั้นหรือ
หลินมู่อวี่ยืนอยู่ที่เดิม กางฝ่ามือข้างหนึ่งออก คลื่นเสียงของหมัดเสียงปีศาจระเบิดขึ้นที่ด้านล่างมีดเสียงปีศาจดังปัง ส่งแรงสะเทือนใส่มีดเสียงปีศาจจนมีดเปลื่ยนวิถี และเฉือนเข้าที่ไหล่ของเจิ้งฟาง!
“ฟึบ!”
อีกแผลหนึ่งแล้ว เจิ้งฟางได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งที่สอง
“ระยำ!”
เจิ้งฟางที่โมโหหน้าแดงก็หมุนตัวพุ่งเข้าใส่หลินมู่อวี่ กระบี่เปล่งประกายสีทองเจิดจ้า วิญญาณยุทธ์เจดีย์แก้วลอยขึ้นและร่วงลงมาด้วยความเร็ว ครอบตัวหลินมู่อวี่ไว้ข้างในราวกับเป็นคุกคุมขัง
หลินมู่อวี่ใจหายวาบ รีบหาทางสลัดหลุด แต่ร่างกายกลับขยับเขยื้อนไม่ได้เลย
“คิดจะหนีจากเจดีย์กักวิญญาณของข้างั้นหรือ” ใบหน้าที่หล่อเหลาของเจิ้งฟางบิดเบี้ยว เจ้าเด็กที่ชื่อหลินมู่อวี่ทำให้เขาได้รับความอัปยศครั้งใหญ่ ยอดฝีมือขอบเขตนภากลับถูกขอบเขตปฐพีโจมตีบาดเจ็บ เรื่องนี้เขารับไม่ได้
ร่างของเขาที่อยู่ในเจดีย์กักวิญญาณ เห็นการโจมตีหมายปลิดชีวิตของเจิ้งฟางใกล้เข้ามา หลินมู่อวี่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เรียกปราณในร่างกายทั้งหมดออกมา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็หลุดออกไปไม่ได้
ในช่วงความเป็นความตาย จู่ๆ ก็มีแรงกดดันขึ้นในอากาศ!
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ปราณยุทธ์ที่เจดีย์กักวิญญาณสลายไปอย่างรวดเร็ว พลังนี้เหนือกว่าของเจิ้งฟาง จนเขาและหลินมู่อวี่เงยหน้าขึ้นไปมอง และเห็นผู้ดูแลอาวุโสเหลยหงลอยอยู่กลางอากาศ ในมือมีพลังขอบเขตปราชญ์ สายตาทรงพลัง กล่าวเรียบๆ ว่า “การประลองสิ้นสุดแล้ว หลินมู่อวี่รับมือได้หนึ่งนาทีโดยไม่เสียชีวิต กลายเป็นผู้ช่วยฝึกดาวทองของวิหารศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นทางการ!”
……
ในที่สุดหลินมู่อวี่ก็โล่งอก เมื่อครู่นี้รู้สึกเหมือนความตายกำลังมาเยือน เจิ้งฟางคิดจะสังหารตนจริงๆ หากไม่ใช่เพราะว่าเหลยหงยื่นมือมาช่วย ชีวิตนี้ของตนคงต้องจบลงตรงนี้แล้ว
เหลยหงลอยกลับไปบนที่นั่ง ผู้ดูแลเกอหยางที่อยู่ไม่ไกลค่อยๆ เดินลงมาที่ลานประลอง และหยุดตรงหน้าหลินมู่อวี่ จากนั้นก็หยิบเข็มกลัดสีทองติดเข้าที่หน้าอกของเขา นั่นคือดาวสีทอง เหมือนกับของครูฝึกระดับดาวทอง แต่ที่ไม่เหมือนก็คือเข็มกลัดของครูฝึกระดับดาวสีทองจะมีกระบี่อยู่ด้านหน้า แต่ของหลินมู่อวี่กลับเป็นโล่ ซึ่งอธิบายบทบาทของผู้ช่วยฝึกได้เป็นอย่างดี นั่นคือการป้องกัน!
“เรียบร้อยแล้ว ฝีมือของหลินจื้อไม่ธรรมดา พลังของท่านเจิ้งฟางก็ไร้เทียมทาน การประลองฝีมือครั้งนี้จบลงเท่านี้”
เกอหยางเป็นชายชราใจดีผู้หนึ่ง ยิ้มพูดด้วยเสียงสั่นแบบชายชรา “ยินดีกับเจ้าด้วยหลินจื้อ ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าคือผู้ช่วยฝึกระดับดาวทองของวิหารศักดิ์สิทธิ์ เงินเดือนเบิกที่คลังได้หนึ่งร้อยเหรียญทอง หึ หึ เจ้านี่โชคดีไม่เบา สวัสดิการเท่ากับครูฝึกระดับดาวทองเชียวนะ พยายามเข้าละ!”
หลินมู่อวี่พยักหน้า ขณะเดียวกันก็ก้มมองรอยกระบี่สิบเอ็ดรูบนเสื้อผ้า บาดแผลแปดแห่งบนร่างตัวเอง ถึงแม้จะไม่ลึกและไม่นับว่าสาหัสนัก แต่พลังของเจิ้งฟางก็น่ากลัวเกินไปจริงๆ
เจิ้งฟางก็กำลังมองเขาอยู่ไกลๆ แสยะมุมปาก “ฝากไว้ก่อนเถอะ ข้าจะสั่งสอนเจ้าอีกแน่!”
เหลยหงลุกขึ้นยืน “การทดสอบจบลงแล้ว ลำดับต่อไปผู้ดูแลเกอหยางจัดการภารกิจฝึกซ้อมของช่วงเช้าวันนี้”
……
พูดจบ ผู้ดูแลอาวุโสเหลยหงก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป ส่วนผู้ดูแลเกอหยางคลี่ม้วนหนังสือออก ใช้เสียงอาวุโสประกาศ “การจับคู่ฝึกช่วงเช้ารายชื่อดังนี้ เจิ้งซานเหอคู่ลู่ฟาง จางเหว่ยคู่หลินจื้อ เหลยหยิ่งคู่หลิวข่าย…ซุนเหว่ยคู่ฉินจื่อหลิง…”
ประกาศอยู่นาน ในที่สุดก็ประกาศชื่อฉินจื่อหลิง คู่ต่อสู้ของเขาชื่อซุนเหว่ย จึงทำให้เขาโล่งอก “ยังดีเป็นครูฝึกระดับดาวเหล็กท่านซุนเหว่ย ว่าแต่ หลินจื้อ บาดแผลของเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม ยังจะซ้อมต่อได้อีกหรือ”
“ได้”
หลินมู่อวี่โคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บ เลือดหยุดไหลแล้ว เพียงแต่เสื้อผ้ายังมีรอยกระบี่ที่เปื้อนเลือดอยู่ มองแล้วน่ากลัวอยู่บ้าง แต่เรื่องเดียวตอนนี้ที่ไม่ดีก็คือปราณได้รับความเสียหายหนัก เหลืออยู่ไม่ถึงหกส่วน
“น้องหลินจื้อ พวกเรามาทางนี้!”
จางเหว่ยเป็นคนเปิดเผย เดินโอบไหล่หลินมู่อวี่ไปยังห้องซ้อมที่อยู่ไม่ไกล ประตูห้องทำจากโลหะ คนรับใช้คนหนึ่งเปิดประตูให้สองคนเข้าไปแล้วก็รีบปิดประตู ราวกับเกรงว่าการต่อสู้ด้านในจะรบกวนคนอื่น
“เมื่อเช้าเจ้าเพิ่งผ่านการประลองทดสอบมา ปราณน่าจะเหลือไม่เยอะใช่ไหม” จางเหว่ยยิ้มถาม ถึงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนพวกใจร้อนขี้โมโห ดูหยาบคาย แต่จริงๆ แล้วกลับละเอียดอ่อนอยู่เหมือนกัน
หลินมู่อวี่ยิ้มขอบคุณ “ยังเหลือประมาณหกส่วน”
“งั้นก็ดี พอใช้แล้ว ข้าก็จะใช้พลังหกส่วนฝึกกับเจ้าด้วยเหมือนกัน”
จางเหว่ยยกมือ เรียกวิญญาณยุทธ์หมีเพลิงออกมา กำปั้นสองข้างมีเปลวเพลิงพุ่งออกมา หน้าตายิ้มแย้ม “ข้าน้อยฝึกทักษะหมัด ชื่อว่าหมัดเพลิงวิญญาณ ออกหมัดสี่ทิศ ตามองแปดทิศ พลังหมัดมากพอและตรงไปตรงมา ดัดแปลงมาจากหมัดเพลิงของเทพสงครามเซี่ยงเหวินเทียน เหมาะสำหรับใช้สังหารศัตรูในสนามรบ!”
หลินมู่อวี่ได้รับการชี้แนะทักษะหมัดของจางเหว่ยแล้ว แข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ ส่วนหมัดเสียงปีศาจที่ตนเองเรียนจากชวีฉู่นั้นเน้นการโจมตีระยะไกล แต่กลับมองข้ามการตะลุมบอนระยะประชิด หมัดเพลิงวิญญาณของจางเหว่ยนั้นมาเสริมข้อด้อยของหมัดเสียงปีศาจพอดี ประลองสู้จางเหว่ยไม่ได้ ยิ่งจะต้องศึกษาให้มาก
“ใต้เท้าจางเหว่ย ข้าใช้ทักษะหมัดต่อสู้กับท่านได้หรือไม่” หลินมู่อวี่ยิ้มถาม
จางเหว่ยพยักหน้าทันที “ทำไมจะไม่ได้เล่า ห้องซ้อมนี้มีแค่ท่านกับข้าสองคน จะสู้อย่างไรก็ได้ ไม่เป็นปัญหา”
“ขอบคุณมาก!”
ครู่เดียว ในห้องซ้อมก็เริ่มมีประกายเพลิงกระจายออกมา สองคนผลัดกันรุกผลัดกันรับ ซ้อมกันอย่างมีความสุข
……
แต่การโจมตีระยะประชิดของหลินมู่อวี่นั้นกากมากจริงๆ ถูกชกไปกองกับพื้นอยู่ตลอด ได้แต่เพียงอาศัยการป้องกันของน้ำเต้าเอาคืนเท่านั้น
“ปัง!”
ด้วยการโจมตี คลื่นอากาศสั่นสะเทือน หมัดของจางเหว่ยถูกเจ้าเด็กนี้จับทางและสกัดได้เสียแล้ว จนเขาอดที่จะหัวเราะฮ่าๆ ไม่ได้ “สนุก สะใจจริงๆ!”
พูดจบ จางเหว่ยยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยถาม “น้องหลินจื้อ ทำไมเจ้าถึงไปล่วงเกินผู้ดูแลเจิ้งฟางหนึ่งในสิบสองได้ล่ะ”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…” หลินมู่อวี่แกล้งทำเป็นไม่รู้แล้วถาม “ท่านเจิ้งฟางนี่มีความเป็นมาอย่างไรหรือท่าน พลังเขาแข็งแกร่งมาก แถมยังอายุน้อยอยู่เลยก็ได้เป็นผู้ดูแลของวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้ว น่าจะมีเบื้องหลังใช่ไหม”
“ไม่ใช่แค่มีเบื้องหลังเท่านั้นนะ”
จางเหว่ยเลิกคิ้วและยิ้มตอบ “ที่จักรวรรดิมีวันนี้ได้ ต้องย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อนมีแม่ทัพผู้หนึ่งนามว่าเจิ้งอี้ฝาน เขานำทัพทหารจักรวรรดิห้าหมื่นนายไปรบชนะทหารแสนเจ็ดหมื่นนายที่เหลียวเป่ย ตายไปแสน เป็นเชลยอีกสี่หมื่น แก้ไขคลี่คลายสถานการณ์อันตรายของทางเหนือ ต่อมาจักรพรรดิองค์ปัจจุบันทรงแต่งตั้งให้เป็นราชครู ยกย่องเป็นเทพสงครามแห่งจักรวรรดิ และยังได้รับราชทินนามว่าเสินโหว และท่านเจิ้งฟางผู้นี้ก็เป็นลูกชายของเสินโหวเจิ้งอี้ฝาน!”