แสงจันทร์อ่อนโยนสาดส่องลงมาในป่า ป่าล่ามังกรเงียบสงบดังที่ผ่านมา
เสียงฝีเท้าม้าควบผ่านแมกไม้ คนกลุ่มหนึ่งกำลังรีบเร่ง จำนวนคนนั้นกลับมีไม่น้อย นี่คือกองทัพทหารม้าจำนวนสองพันนาย นำขบวนโดยผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์เฟิงจี้สิง ภารกิจในครั้งนี้ก็คือตามหาองค์หญิงถังเสี่ยวซีแห่งนครชีไห่ให้พบ หากหาไม่พบ เฟิงจี้สิงก็ไม่ต้องกลับเมืองหลวงอีก นี่คือพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ
เฟิงจี้สิงกระวนกระวายร้อนใจดั่งถูกไฟเผา!
ที่ด้านหลังของเขา ร่างเล็กกะทัดรัดสะพายกระบี่เรียวยาวตามมาติดๆ ภายใต้สายลมในยามค่ำคืนพัดให้เสื้อคลุมกระพือเปิดขึ้น เผยให้เห็นใบหน้างาม นั่นคือฉินอินองค์หญิงรัชทายาทแห่งจักรวรรดิ นางขบกรามแน่น เอ่ยขึ้นเบาๆ “หากเสี่ยวซีเป็นอะไรไปแม้แต่น้อย ข้าจะขุดรากถอนโคลนไอ้พวกโรงเตี๊ยมจอมยุทธ์ให้หมดทั้งจักรวรรดิ ให้เลือดพวกมันล้างแผ่นดิน!”
เฟิงจี้สิงนิ่งเงียบ เขาเชื่อว่าฉินอินเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะมิตรภาพอันแนบแน่นที่มีต่อถังเสี่ยวซี เกรงว่าองค์หญิงคงจะไม่แอบออกมานอกวังยามวิกาลเช่นนี้
……
เมืองหลวงหลันเยี่ยน
หลินมู่อวี่รีบกลับไปที่วิหาร และจูงม้าออกจากคอกม้า กำลังจะออกไปด้านนอก แต่กลับพบว่ามีคนที่ติดดาวสีทองตรงหน้าอกผู้หนึ่งตะโกนดังมาจากที่ไกลๆ “หลินจื้อ ดึกป่านนี้แล้วเจ้าจะไปไหน ไม่รู้หรือว่าตอนกลางคืนห้ามออกจากวิหาร”
หลินมู่อวี่ไม่สนใจเขา พลิกตัวขึ้นหลังม้าแล้วควบออกไปทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
คนผู้นั้นพุ่งเข้ามาคว้าสายบังเหียนเอาไว้ ตวาดเสียงดัง “เจ้าเด็กนี่จะไม่เห็นหัวใครเกินไปแล้ว ข้าบอกให้หยุด ไม่ได้ยินหรือไง”
อาศัยแสงของดวงจันทร์ หลินมู่อวี่เห็นใบหน้าคนผู้นี้ชัดเจน เขาเป็นหนึ่งในครูฝึกระดับดาวสีทอง นามว่าโอวหยางชิว มีฝีมือกระบี่ยอดเยี่ยม ถูกขนานนามว่ากระบี่มือหนึ่งแห่งวิหาร น่าเสียดายที่เป็นคนของเจิ้งฟาง ดังนั้นจึงทำตัวเป็นศัตรูกับหลินมู่อวี่อยู่ตลอด หากมิใช่เพราะเหลยหงคอยปกป้องเขาไว้ เกรงว่ากระบี่ของโอวหยางชิวคงเจาะทะลุคอหอยของหลินมู่อวี่ไปนานแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” เสียงผู้ดูแลเกอหยางตะโกนดังมาจากที่ไกล “ครูฝึกโอวหยาง หลินจื้อ พวกเจ้าทำอะไรกันหรือ”
โอวหยางชิวกล่าว “เจ้าเด็กหลินจื้อผู้นี้ขี่ม้าออกมายามค่ำคืน ฝ่าฝืนกฎวิหาร ท่านผู้ดูแลโปรดลงโทษเขาให้หนักด้วย!”
เกอหยางขมวดคิ้ว แล้วพูดด้วยท่าทีของผู้เฒ่าใจดีต่อ “ครูฝึกโอวหยางมิต้องรีบร้อน ข้าว่าที่หลินจื้อรีบร้อนออกไปแบบนี้จะต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน เราฟังเขาอธิบายก่อนเถอะ!”
โอวหยางชิวพยักหน้าอย่างไม่ค่อยจะพอใจ
หลินมู่อวี่ที่อยู่บนหลังม้า ร้อนใจดั่งถูกไฟเผา “ผู้ดูแลเกอหยาง สหายข้าถูกลอบทำร้ายอยู่ในป่าล่ามังกร ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดี ข้าจำเป็นต้องไป ข้าจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้ ขอท่านโปรดอนุญาตด้วยขอรับ!”
เกอหยางเอ่ยถาม “สหายของเจ้า ผู้ใดกัน”
“ถังเสี่ยวซี”
“องค์หญิงซี?” เกอหยางตะลึงงัน “หลินจื้อเจ้ารู้จักองค์หญิงซีด้วยหรือนี่”
“ขอรับ”
เกอหยางยิ้ม “องค์หญิงซีถูกลอบสังหารในป่าล่ามังกร ยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย คนทั้งจักรวรรดิต่างกังวลและไม่สบายใจเป็นอย่างมาก แต่กองกำลังรักษาพระองค์ก็ส่งคนออกไปกว่าหมื่นนาย เข้าไปค้นหาในป่าล่ามังกรแล้ว ขาดเจ้าไปคนหนึ่งก็มิเป็นอะไรหรอก เจ้าอยู่ที่เมืองหลวงตั้งใจฝึกยุทธ์เถอะ อีกอย่างถึงแม้จะเป็นสหายกัน เจ้าก็ไม่จำเป็นจะต้องไปนี่!”
“แต่นางถูกลอบทำร้ายก็เพราะข้า…” หลินมู่อวี่หยุดพูดทันที ขืนพูดต่อ เกรงว่าจะเป็นการประกาศตัวตนที่แท้จริงของตัวเองออกไป
โอวหยางชิวหัวเราะเยาะ “เพราะเจ้างั้นหรือ ทำไมกันล่ะ”
หลินมู่อวี่พูดไม่ออก
ในตอนนี้เองเกอหยางก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าเกอหยางในฐานะผู้ดูแล อนุญาตให้เจ้าออกนอกเมืองเป็นเวลาสามวัน หลังจากสามวันแล้วเจ้าจะต้องกลับมายังเมืองหลวง เจ้ารีบไปรีบกลับ เป็นอย่างไร”
“ขอบคุณท่านผู้ดูแล!”
หลินมู่อวี่ตวัดแส้ม้า ม้าพันธ์ุดีส่งเสียงร้องฮี่แล้วพุ่งตัวออกไป
โอวหยางชิวตะลึง “ผู้ดูแลเกอหยาง นี่ท่าน”
เกอหยางรีบโอบไหล่โอวหยางชิว แล้วหัวเราะ “น้องชายเอ๋ย พวกเราต่างเป็นคนของวิหาร ใครจะไม่มีเรื่องเร่งด่วนกันบ้างเล่า เหตุใดต้องไปวุ่นวายกับเจ้าเด็กนี่ด้วย มา มา มา ไปดื่มกับข้าตรงนั้นเถอะ ข้าเพิ่งได้เนื้อกวางมาจากตลาด เนื้อนุ่มยิ่งนัก ถ้าเจ้าพลาดโอกาสนี้ จะมาเสียดายทีหลังไม่ได้นะ”
“ขอรับ ตกลง…” โอวหยางชิวอย่างไรเสียก็เป็นเพียงครูฝึกผู้หนึ่ง ฐานะและตำแหน่งมิอาจเทียบกับเกอหยางที่เป็นผู้ดูแลได้ อีกฝ่ายมีมารยาทด้วยเช่นนี้ เขาจึงมิได้ทำตัวให้ยุ่งยากอีกต่อไป
……
แสงจันทร์ส่องลงมาบนเทือกเขาดูขาวซีด ทหารม้าจำนวนมากควบม้าผ่านทางเดินบนภูเขา ความเงียบสงบของป่าล่ามังกรจึงถูกทำลายลงเฉกเช่นนี้
เฟิงจี้สิงถือดาบ สีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เขาออกแรงดมกลิ่น แล้วตะโกนเสียงดังลั่น “ลดความเร็วลงหน่อย ระวังด้วย ดูเหมือนตรงนี้จะมีกลิ่นคาวเลือด!”
“เกิดอะไรขึ้น ผู้บัญชาการเฟิง?” ฉินอินถาม
เฟิงจี้สิงกัดฟันตอบ “องค์หญิง พวกเราเข้ามาถึงเขตป่าลึกของป่าล่ามังกรแล้ว ที่นี่เป็นเขตต้องห้าม ในแผนที่ของจักรวรรดิบันทึกไว้ว่าสัตว์วิญญาณที่ปรากฏตัวขึ้นในบริเวณนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง อาจจะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุถึงหมื่นปีก็ได้ นั่นมิใช่สัตว์ที่พวกเราจะสามารถจัดการได้ ดังนั้นลดความเร็วให้มากที่สุด อย่าทำเสียงดังเกินไป”
“อืม” แม้ฉินอินจะกังวลถึงความปลอดภัยของถังเสี่ยวซี แต่ก็รู้ว่าเรื่องบางเรื่องไม่อาจรีบร้อนได้
ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงร้องที่น่าเวทนาดังลอยมาจากทางด้านหน้า ตามด้วยเสียงคำรามของสัตว์วิญญาณตัวหนึ่ง เสียงอึกทึกกึกก้องนี้ทำลายความเงียบสงบของป่าไปจนหมดสิ้น
“เกิดอะไรขึ้น” เฟิงจี้สิงตะโกนถาม
ทหารผู้หนึ่งควบม้าเข้ามารายงาน “เรียนท่านผู้บัญชาการ ป่าด้านหน้ามีงูเหลือมยักษ์พ่นไฟได้ตัวหนึ่ง ไม่มีใครเคยเห็นมันมาก่อน ค่ายด้านหน้า…ค่ายด้านหน้าสูญเสียทหารไปร่วมหนึ่งร้อยคนแล้ว!”
“อะไรนะ ตามข้ามา!” เฟิงจี้สิงทั้งร้อนใจและโมโห จับดาบแล้วรีบพุ่งออกไป
ฉินอินรีบตะบึงม้าตามไปทันที
ใต้แสงจันทร์ เปลวไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า งูเหลือมยักษ์ตัวหนึ่งกำลังเลื้อยอาละวาดอยู่ในป่า มันรัดพันทหารสิบกว่านายพร้อมกับม้าเอาไว้ และอ้าปากเขมือบคนเป็นๆ ลงท้อง คนผู้นั้นแม้แต่เสียงร้องตะโกนก็ยังไม่ทันได้ร้องออกมา
เฟิงจี้สิงเห็นดังนั้นก็รู้สึกเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ เขาตะโกน “ข้าจะกันมันเอาไว้ คุ้มครององค์หญิงถอยทัพ แล้วใช้ทางอ้อม ทางนี้ไปไม่ได้แล้ว!”
หลัวเลี่ยรีบร้อนกล่าว “ท่านผู้บัญชาการ งูตัวนี้ไม่รู้ว่าอายุเท่าใด หากพวกเราโจมตีพร้อมกัน น่าจะฆ่ามันให้ตายได้ขอรับ!”
“ไม่!”
เฟิงจี้สิงกัดฟันกรอด “เจ้าไม่เห็นหรือว่าที่หัวของงูมีรอยนูนขึ้นมาสองแถว นี่คืองูมังกรอายุหมื่นปี มันเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงปรับเปลี่ยน กำลังจะเปลี่ยนร่างเป็นมังกรจริงเร็วๆ นี้ ความแข็งแกร่งของมันเหนือกว่าเรามากนัก รีบคุ้มครององค์หญิงหนีไปเร็วเข้า!”
“ขอรับ!”
แต่ในตอนนี้เอง งูมังกรคล้ายกับฟังเสียงของมนุษย์รู้เรื่อง ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงขู่ฟ่อ คลายรัดคนกลุ่มนี้แล้วเลื้อยเข้ามาเขมือบลงท้องทันที มันอ้าปากพ่นไฟเผาทหารม้าสิบกว่านายไหม้ดำเป็นเถ้าถ่าน!
“คุ้มครององค์หญิง!”
ทหารม้าร่วมร้อยนายพุ่งเข้าใส่มันอีกครั้ง ใช้ทั้งกระบี่เหล็กและทวนยาวแทงใส่เกล็ดของงูมังกร แต่ก็ทำให้เกิดประกายไฟนิดหน่อยเท่านั้น แทงไม่เข้าเลยแม้แต่น้อย
แต่งูมังกรตัวนี้มันรู้แล้วว่าจะต้องฆ่าคนที่สำคัญที่สุดในกลุ่มนี้ก่อน ซึ่งก็คือหญิงสาวในชุดเสื้อคลุมขลิบทองผู้นั้น นางคือศูนย์กลางของคนกลุ่มนี้!
“พรึ่บ!”
ดาบของเฟิงจี้สิงมีปราณยุทธ์แผ่ออกมาเป็นวงกว้าง เขากระโดดทะยานขึ้นมา หลังจากเสียงระเบิด รอบตัวเขาปรากฏรูปร่างคล้ายหมาป่าสีม่วงตัวหนึ่งลอยออกมา มันคือวิญญาณยุทธ์ของเขา—หมาป่าเพลิงสายฟ้าสีม่วง วิญญาณยุทธ์อันดับสอง!
ดาบพุ่งทวนกระแสลมออกไป ฟันไปที่หัวของงูมังกรอย่างหนักหน่วง!
“เปรี้ยง!”
ท่ามกลางรัศมีที่สาดทอ งูมังกรคำรามออกมา ในที่สุดเกล็ดบริเวณหัวก็เกิดรอยแตกเป็นเส้น ข้างใต้นั้นกลับเป็นวัตถุสีขาวซีดที่ดูเหมือนกระดูก ทว่าเฟิงจี้สิงรู้ดี นี่มันใช่กระดูกที่ไหนกันเล่า เห็นๆ อยู่ว่าคือเขามังกรที่กำลังจะงอกออกมา งูมังกรตัวนี้เดิมทีคืองู แต่หลังจากการบำเพ็ญเป็นเวลาหนึ่งหมื่นปี มันก็ใกล้จะพัฒนากลายร่างเป็นมังกรแล้ว!
“โฮก!”
เสียงร้องแสบแก้วหูดังขึ้นพร้อมคลื่นเสียงที่กระแทกเข้าใส่จนเฟิงจี้สิงต้องถอยร่นไป เขากระอักเลือด หน้าอกเหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรง เฟิงจี้สิงไหนเลยจะรู้ว่างูมังกรตัวนี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
หลังจากโจมตีจนเฟิงจี้สิงล่าถอย งูมังกรก็เลื้อยไปอย่างรวดเร็ว ใช้หางฟาดใส่ทหารม้าจำนวนสิบกว่านาย ทั้งคนทั้งมาเละเป็นโจ๊ก กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว
“อึก…”
ฉินอินรู้ดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ แต่จะหนีก็หนีไม่พ้น เลยจำใจหันหลังกลับ นางอยู่บนหลังม้าพร้อมกางมือออก วิญญาณยุทธ์ปรากฏขึ้นกลางอากาศ โซ่สีทองแวววาวเส้นหนึ่งปรากฏขึ้น โซ่เส้นตรงแข็งทื่อเคลื่อนที่พลิ้วไหวอย่างรวดเร็ว พลันมัดตรึงปากที่กำลังอ้าของงูมังกร! ไม่มีใครคาดคิดว่าองค์หญิงจะมีพลังยุทธ์สูงถึงเพียงนี้ แต่ยังไม่ทันจะได้ดีใจ งูมังกรก็อ้าปากขึ้นอีกครั้ง กระชากโซ่เทวะจนขาดสะบั้นอย่างคาดไม่ถึง!
“อาาา…”
ฉินอินพึมพำออกมา วิญญาณยุทธ์ได้รับบาดเจ็บ เลือดไหลออกจากมุมปาก งูมังกรตัวนั้นระเบิดเสียงคำรามแล้วพุ่งขึ้นมา อ้าปากใกล้จะกัดลงมาแล้ว!
“ฉึก!”
เขี้ยวพิษของมันแทงเข้าที่เหนือหน้าอกขององค์หญิง แต่ยังไม่ทันได้งับลงไป ดาบของเฟิงจี้สิงก็พุ่งเข้าสังหารอีกครั้ง เขาระเบิดเสียงคำราม และฟันฉับไปที่บริเวณหน้าอกของงูมังกร
“โฮกก…”
ในที่สุดเจ้าสัตว์ยักษ์ตัวนี้ก็รู้สึกเจ็บปวด ร่างบิดไปมา แล้วปล่อยฉินอินคืนให้แก่เฟิงจี้สิง
“โอ๊ยย….”
ฉินอินร้องครวญคราง ฟุบอยู่บนหลังม้า รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่หน้าอกจากการถูกพิษ ผิวหนังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง ม้าศึกตัวนั้นตื่นกลัว เท้าทั้งสี่จึงทะยานพุ่งเข้าไปในป่า ม้าตัวนี้คือม้าพันลี้ฝีเท้าดี ไหนเลยที่ทหารม้าจะไล่ตามทัน ได้แต่มององค์หญิงตัวน้อยหายลับเข้าไปในป่า
ทางบนเขาที่เต็มไปด้วยหนาม เงาดำสายหนึ่งตะบึงม้าเข้ามา แต่ม้าศึกของฉินอินนั้นกำลังตื่นตกใจ ไหนเลยจะมีเวลามาทันสังเกต จึงชนเข้าอย่างจังเสียงดัง โครม
“โอ้ย ตัวอะไรเนี่ย!”
หลินมู่อวี่ยังไม่ทันจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างอ่อนนุ่มก็กระแทกเข้ามาในอ้อมกอด ทั้งสองคนกระเด็นตกจากหลังม้า กลิ้งลงไปตามหน้าผาที่เต็มไปด้วยหินแหลมและหนามคมอย่างรวดเร็ว
ในเสี้ยววินาทีนั้น หลินมู่อวี่เห็นแล้วว่าที่กระแทกเข้ามาในอ้อมกอดนั้นคือสาวงามผู้หนึ่ง เขาใช้ร่างกายของตัวเองปกป้องนางไว้ตามสัญชาตญาณ ดังนั้นพวกหินแหลมเหล่านั้นจึงทิ่มไปบนตัวเขาทั้งหมด ดีที่หลายวันมานี้การฝึกก่อชั้นผิวเห็นผลชัดเจน กลิ้งไปเป็นระยะทางเกือบพันเมตร จนมาถึงใต้หุบเขาถึงได้หยุดลง
ฉินอินใบหน้าซีดเผือด เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาโอบกอดตนเองอยู่ นางผลักเขาออกไปทันที “อย่ามาถูกตัวข้า!”
เป็นถึงองค์หญิงแห่งจักรวรรดิ ไหนเลยจะเคยถูกผู้ชายโอบกอดอย่างสนิทแนบแน่นถึงเพียงนี้
“ใครอยากแตะนักล่ะ…”หลินมู่อวี่เหลือบตามอง แล้วเขาก็เข้าใจทั้งหมดในทันที “แต่เจ้าถูกพิษ ถ้าไม่รีบรักษามีแต่ตายสถานเดียว!”
“เจ้าไม่ต้องมายุ่ง!” ฉินอินยังคงมีท่าทีระแวดระวัง
หลินมู่อวี่เป็นห่วงความปลอดภัยของถังเสี่ยวซี จึงไม่ได้คิดที่จะยุ่งด้วย เขาโซซัดโซเซปีนขึ้นมา และหากระบี่เหลียวหยวนเจอตรงจุดที่ไม่ไกลออกไปนัก
ด้านฉินอินเห็นร่างกายของเขาถูกหินแหลมและหนามคมขูดบาดเป็นแผลเต็มไปหมด ก็ใจอ่อนวูบ รู้ว่าคนผู้นี้เพิ่งจะช่วยตนเองเอาไว้ อีกอย่างตนเองก็ตกลงมาที่ก้นหุบเขา ร่างกายก็เกิดอาการชาไปหมด หากคนผู้นี้ไม่ช่วยนางไว้ นางอาจจะตายไปแล้วจริงๆ ก็ได้
“เอ่อ…เจ้าถอนพิษได้จริงๆ หรือ” ฉินอินงึมงำ “นี่เป็นพิษของงูมังกรสัตว์วิญญาณอายุหนึ่งหมื่นปีเลยนะ…”
หลินมู่อวี่หัวเราะเยาะอยู่ในใจ ข้าเป็นถึงปรมาจารย์ปรุงโอสถ มีพิษอะไรบ้างที่ข้าถอนไม่ได้
เขาเลยยื่นมือออกไป “หนึ่งพันเหรียญทองสำหรับการช่วยชีวิตเจ้า มิเช่นนั้นก็ไม่ต้องคุยต่อ”
ฉินอินตะลึง โมโหหน้าเขียวปัด “จะ…จะ เจ้า! เจ้าคิดว่าข้าจะพกเงินมากขนาดนั้นเชียวรึ”
หลินมู่อวี่มองเสื้อผ้าหรูหราบนตัวนาง แล้วพูดขึ้น “งั้นให้ติดไว้ก่อนก็แล้วกัน จะให้คนอื่นช่วยแล้วยังจะหยาบคายอีก ข้าว่าเจ้านี่นิสัยใช้ไม่ได้เลยนะ…”
ฉินอินโมโหไม่หยุด แทบจะอยากให้ตัวเองถูกพิษตายไปเสียเดี๋ยวนี้ และในตอนนี้เอง อาการวิงเวียนศีรษะก็ถาโถมเข้ามา ร่างกายนางโงนเงน
หลินมู่อวี่ดูออกถึงความผิดปกติของนาง พิษนี้รุนแรงไม่เบา จึงไม่ได้พูดเรื่องเงินต่อ เขาจิ้มไปบนไหล่ของฉินอินเบาๆ ปราณที่แข็งแกร่งสายหนึ่งพรั่งพรูเข้าไป “ข้าใช้ปราณหยุดการไหลเวียนของพิษในเส้นเลือดช่วยเจ้าไว้ก่อน ส่วนยาถอนพิษข้าต้องไปหาสมุนไพรมาปรุงก่อน เจ้าอดทนไปสักพักก่อนได้หรือไม่”
ฉินอินโงนเงนใกล้จะล้ม ดวงตาคู่งามหรี่ลง มองไปยังใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มที่อยู่ใต้แสงจันทร์ รู้สึกสติลางเลือน นางพยักหน้า “อือ เร็วๆ เข้าล่ะ…”