ในห้องลับ เปลวเพลิงห่อหุ้มร่างกายของเด็กหนุ่ม คัมภีร์หลอมกระดูกมังกรของหลินมู่อวี่ฝึกมาถึงขั้นที่สามแล้ว—การเกิดใหม่ นั่นหมายความว่าหลังจากที่เขาหลอมกระดูก ไขกระดูกของเขากำลังถูกสร้างขึ้นใหม่อย่างช้าๆ ไขกระดูกที่สร้างขึ้นใหม่จะสร้างชีพจรใหม่ให้แก่เขาด้วย ความจริงแล้วชีพจรของเขาได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ แล้ว เรื่องนี้แม้แต่ตัวเขาก็รู้สึกได้
ขณะที่กำลังนั่งสมาธิฝึก ความเร็วของการโคจรปราณในชีพจรแตกต่างกันกับของก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับเหว การระเบิดพลังในพริบตาก็มีการพัฒนา หลังจากสร้างชีพจรใหม่ ไม่ว่าจะเป็นด้านความเร็วหรือพละกำลัง ต่างก็มีการเปลี่ยนแปลงใหม่หมด
……
หลินมู่อวี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น เหยียดเเขนออก จากนั้นเดินไปที่ประตูหินพร้อมสวาปามอาหารเย็นที่คนรับใช้นำมาให้ แล้วฝึกตนต่อ
“ชิ้ง!”
เขาดึงกระบี่เหลียวหยวนออกจากฝัก ส่งปราณเข้าไป คมกระบี่ค่อยๆ ปรากฏเปลวเพลิงขึ้นมา กระบี่ที่ได้มาจากเย่เหลียงเล่มนี้ช่างเป็นของล้ำค่าจริงๆ!
เขาร่ายรำทักษะกระบี่วายุอย่างพลิ้วไหว ด้วยพรสวรรค์และสติปัญญาทำให้เขาเข้าใจทักษะกระบี่นี้อย่างถ่องแท้ ความเป็นจริงฝีมือกระบี่ของหลินมู่อวี่ในตอนนี้อย่างน้อยก็จัดอยู่ในระดับกลางค่อนสูงแล้ว ยกเว้นแต่ว่าจะเจอยอดเซียนกระบี่ที่ฝีมือเหนือคนธรรมดา มิเช่นนั้นเขาก็ยังคงพอประมือได้บ้าง
“เปรี๊ยะ…”
แสงอสนีปรากฏขึ้นบนกระบี่ เขาคำรามเสียงต่ำ ปล่อยพิฆาตอสนีบาตออกไปทันที คมกระบี่และแสงอสนีแบ่งท้องฟ้าออกเป็นสองส่วน รวดเร็วเหลือเกิน ถึงขั้นเกิดเป็นสุญญากาศขึ้นชั่วขณะตรงรอยผ่า มวลความกดอากาศสั่นสะเทือนรุนแรง
ในสมองมีภาพรอยยิ้มชั่วร้ายของโอวหยางชิวลอยขึ้นมา กระบวนท่ากระบี่ของเขาเริ่มดูสับสน พอคิดถึงสุดยอดวิชาเคล็ดหมื่นกระบี่ของโอวหยางชิว นั่นเป็นการใช้ปราณควบคุมกระบี่ จัดเป็นทักษะกระบี่ขั้นสูงสุด น่าเสียดายที่ตัวเขาเองไม่มีความรู้เรื่องนี้เลย
“เอ๋?”
จู่ๆ เขาก็ยิ้มออกมา นึกถึงผู้เฒ่ากระบี่ เถ้าแก่ร้านศาสตราวุธว่านเซิ่งลึกลับผู้นั้น เห็นชัดว่าผู้เฒ่ากระบี่เป็นเซียนกระบี่ที่ฝีมือไม่ธรรมดา ดูเหมือนทักษะการใช้ปราณควบคุมกระบี่ของเขาจะเหนือกว่าโอวหยางชิวและเจิ้งฟาง ถ้าเป็นแบบนี้ บางทีการขอเรียนทักษะควบคุมกระบี่จากผู้เฒ่ากระบี่อาจจะเป็นวิธีเพิ่มความเเข็งแกร่งก็ได้ เพียงแต่ผู้เฒ่ากระบี่รักสันโดษและหลงใหลในการเก็บสะสมกระบี่ เขาคงไม่ยินดีสอนทักษะควบคุมกระบี่ให้กับตน
วิถีกระบี่เปลี่ยนแปลงได้ตลอด แต่ถ้าไม่สามารถใช้ปราณบังคับกระบี่ได้ก็ยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป เพราะอย่างไรเสียในการต่อสู้ หากจำเป็นขึ้นมาการใช้ปราณควบคุมกระบี่ได้ก็ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ต่างกัน
ช่างเถอะ วันหลังค่อยไปหยั่งเชิงถามผู้เฒ่ากระบี่ดูก็แล้วกัน!
……
หลังจากฝึกทักษะกระบี่วายุติดต่อกันห้าครั้ง เขาก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นกลับไปฝึกปราณบนเตียงหินอีกครั้ง ระดับความแข็งแกร่งของปราณในร่างกายของตนเองยังแข็งแกร่งไม่พอ!
นอกหน้าต่าง ดวงจันทร์สว่าง ดวงดาวน้อยนิด พริบตาก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว
“ซ่า ซ่า…”
เกิดเสียงเบาๆ ขึ้น เขาลืมตาและมองไปทางประตูหิน เหมือนมีกลิ่นอายเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว หรือว่าปู่เหลยหงจะมาแอบดูการฝึกของเขาอีกแล้ว
พอนึกถึงเหลยหง หลินมู่อวี่รู้สึกทั้งโมโหและขัน ความจริงเหลยหงเหมือนกับเด็กหัวรั้น เขาสนุกที่ได้พนันกับสหายรุ่นเดียวกันอย่างชวีฉู่และเกอหยาง และยังดูแลตัวเขาเป็นพิเศษด้วย แม้ตอนกลางวันตนเองเกือบได้รับบาดเจ็บ แต่ความรับผิดชอบนี้ไม่ได้อยู่ที่เหลยหง เหลยหงเป็นผู้ดูแลอาวุโสแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ และยังเป็นหนึ่งในหกองครักษ์อวี้หลินชุดขาวแห่งจักรวรรดิฉิน แน่นอนว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมายจักรวรรดิอย่างเข้มงวด
ทัศนวิสัยต่างกัน สิ่งที่เห็นย่อมต่างกันเป็นธรรมดา หลินมู่อวี่ที่มาจากสังคมอารยะ จึงรู้สึกโกรธเเค้นขนาดนั้น แต่พวกจางเหว่ย ฉินจื่อหลิงและเหลยหงกลับมองว่าครูฝึกสังหารผู้ช่วยฝึก ชนชั้นสูงฆ่าสามัญชน เป็นเรื่องปกติธรรมดา พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็เข้าใจปู่เหลยหงขึ้นมาเล็กน้อย
หลินมู่อวี่ปิดตาลงและฝึกพลังต่อไป
ปราณไหลเวียนไปตามชีพจรทั่วร่างกาย แม้แต่ตาเปล่าก็มองเห็นว่ารอบตัวเขามีมังกรสีแดงอ่อนว่ายเวียนอยู่ ไม่ทันที่จะได้รู้ตัว ชีพจรของเขาก็กำลังถูกหลอมขึ้นใหม่ แน่นอนว่าหลินมู่อวี่ยังไม่รู้ว่ากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับตนเอง
เมื่อทำจิตให้ผ่อนคลาย ปล่อยปราณโคจรทั่วร่างอย่างอิสระ คัมภีร์หลอมกระดูกมังกรยังมีข้อดีอยู่อีกข้อก็คือสามารถฝึกได้ไม่จำกัด ทุกครั้งที่ปราณโคจรครบรอบ พลังก็จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ ขอแค่ปฏิบัติตามเคล็ดวิชาฝึกต่อไป แน่นอนว่าพลังจะต้องแข็งแกร่งขึ้น!
ในตอนที่เขาเกือบจะเข้าสู่ภาวะหลับสนิท จู่ๆ ข้างหูก็ได้ยินเสียงภูตระบบลู่ลู่ดังขึ้น “พี่ชาย ระวัง!”
เหนือศีรษะเกิดความเย็นวาบขึ้นวูบหนึ่ง
หลินมู่อวี่ตื่นขึ้นมาจากการฝึกตน ไอสังหารมาจากด้านบนเหนือศีรษะ แทบไม่ต้องคิดเลย เขากลิ้งลงจากเตียงหินออกไปทางด้านข้างทันที!
“เคร้ง!”
ประกายไฟสะเทือนมาจากด้านหลัง กระบี่ของผู้บุกรุกแทงเข้าใส่เตียงหินจนเตียงแตกออกเป็นเสี่ยงๆ !
“วิ้ง วิ้ง…”
หลินมู่อวี่เรียกวิญญาณยุทธ์ออกมาอย่างรวดเร็ว ปราการเกล็ดมังกร กระดองเต่าทมิฬและทักษะวิญญาณยุทธ์ทั้งหมดถูกเรียกออกมาราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจ มือดึงกระบี่เหลียวหยวนที่วางอยู่ด้านข้างออกมา เขาระเบิดปราณออกมา กระบี่เหลียวหยวนแผ่เปลวเพลิงรุนแรงออกมา จนส่องสว่างไปทั่ว ผู้บุกรุกไม่พูดพร่ำทำเพลง จับกระบี่พุ่งโจมตีเข้ามาอีกครั้ง!
“โฮก!”
วิญญาณยุทธ์ของเขาคือจิ้งจอก ทว่าไม่ใช่จิ้งจอกเพลิงแบบของถังเสี่ยวซี แต่เป็นจิ้งจอกขนดำที่ร้ายกาจมาก มันโจมตีได้เงียบเชียบ ทำให้หลินมู่อวี่ตระหนักได้ทันทีว่าเพราะเหตุใดเขาจึงตั้งตัวไม่ทัน เขาสัมผัสกลิ่นอายของคนผู้นี้ไม่ได้เลยสักนิด ที่แท้เป็นเพราะความสามารถเฉพาะตัวของวิญญาณยุทธ์ วิญญาณยุทธ์ของคนผู้นี้สามารถซ่อนกลิ่นอายของเจ้าของได้!
กระบี่ของผู้บุกรุกโจมตีเข้ามาห้าเพลงติดต่อกันในชั่วพริบตา กระบี่ของคนผู้นี้จะเร็วเกินไปแล้ว!
แต่หลังจากหลินมู่อวี่ผ่านการหลอมกระดูก แม้แต่สายตาก็พัฒนาขึ้นไม่น้อย จึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน กระบี่เหลียวหยวนขยับ สกัดการโจมตีได้ถึงสามครั้ง ส่วนอีกสองครั้งถูกกระดองเต่าทมิฬจัดการไว้ได้
“ฉึก ฉึก…”
กระดองเต่าทมิฬถูกแทงเป็นรูสองรู หลินมู่อวี่พลันเจ็บที่หน้าอก เพิ่งจะเริ่มวิญญาณยุทธ์ก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว
“พันธนาการ!”
เขาส่งเสียงคำรามต่ำ เถาวัลย์น้ำเต้านับไม่ถ้วนงอกออกมาจากร่องหิน พุ่งเข้าใส่ศัตรู
ฝีมือของผู้บุกรุกไม่ธรรมดา และไม่คิดจะถอยด้วย บนด้ามกระบี่ปราณยุทธ์เป็นประกาย หลังจากเสียงระเบิดดัง ประกายกระบี่ก็ทำลายล้างไปทุกทิศ ระเบิดเถาวัลย์น้ำเต้าจนกระจุยเป็นชิ้นๆ
“แกร้ง!”
หลังจากหลินมู่อวี่โจมตีออกไปหนึ่งครั้ง ไม่คิดว่ามุมที่โจมตีพิฆาตอสนีบาตออกไปจะถูกสกัดไว้ได้!
“หึ!”
ผู้บุกรุกหัวเราะกระหยิ่มยิ้มย่อง แกว่งคมกระบี่ลงด้านล่าง ไม่คิดว่ากระบี่โลหะนั้นจะสร้างแรงดูด ทำให้กระบี่เหลียวหยวนตกลงไปด้านล่าง ส่วนตัวเขาก็กระโดขึ้นไปในอากาศแล้วฟันกระบี่วาดใส่หลินมู่อวี่
หลินมู่อวี่รีบก้มศีรษะลง ความเย็นวาบผ่านศีรษะเขาไป พร้อมเส้นผมหลายเส้นที่ถูกตัดออก กระบี่ของคนผู้นี้ทั้งรวดเร็วและคมกริบ!
หลินมู่อวี่จับกระบี่เหลียวหยวนเเน่นพลางถอยหลัง เขาแฉลบตัวออกด้วยฝีเท้าดาวตก แต่ทว่าด้านหลังกลับเย็นเยียบ กระบี่อันบ้าคลั่งของผู้บุกรุกฟันถูกกระดองเต่าทมิฬ ในที่สุดกระดองเต่าทมิฬก็แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ขอบเขตกระบี่!”
ผู้บุกรุกคำรามเสียงต่ำ พื้นที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของหลินมู่อวี่ราวกับนรกภูมิ ปราณกระบี่หลายสายเริ่มทำลายล้างสิ่งที่อยู่รอบๆ ราวกับปราณกระบี่นับล้านสายกำลังรอให้เขาขยับ หากประมาทเพียงนิด อาจถูกกระบี่พุ่งเข้าแทงจนร่างแหลกเป็นชิ้นๆ นี่คงจะเป็นการใช้ปราณควบคุมกระบี่ที่ฉลาดแบบหนึ่งสินะ
ในช่วงเวลาที่คับขันนี้ หลินมู่อวี่ใช้เท้าข้างหนึ่งดีดตัวกับพื้นขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศ ขณะที่หลบการโจมตีของปราณกระบี่ เขายกมือปามีดบินออกไป!
“อาวุธลับ!? ต่ำทรามนัก!” ผู้บุกรุกเบี่ยงตัวหลบมีดเสียงปีศาจ และขอบเขตกระบี่ก็ถูกทำลายลงแล้ว
“ปราณกระบี่สังหาร!”
เขาคำรามเสียงต่ำ คลายมือที่จับกระบี่ กระบี่ยาวบินเข้ามาด้วยความเร็วสูง พร้อมกับปราณกระบี่หลายสาย
พื้นที่ในห้องลับเล็กเกินไป หลินมู่อวี่ไม่รู้จะเบี่ยงหลบยังไง จึงรีบแบบมือออก เถาวัลย์สีเขียวนับไม่ถ้วนงอกขึ้นมากลายเป็นปราการขวางไว้ ขณะเดียวกันก็ใช้ปราณที่เหลือสร้างปราการเกล็ดมังกร!
“ปังๆ ๆ…”
ท่ามกลางเสียงรุนแรง ปราณกระบี่ของศัตรูระเบิดทลายการป้องกันของปราการเกล็ดมังกร!
“ฉึก” กระบี่ด้ามยาวก็แทงเข้าที่ไหล่
หลินมู่อวี่ถอยหลังกรูด กระอักเลือดออกมา เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาตลอด ถึงขนาดที่กระบี่เหลียนหยวนของตนยังฟันไม่ถูกเส้นผมของศัตรูเลยแม้แต่น้อย ความล้ำเลิศของทักษะการควบคุมกระบี่ก็อยู่ตรงนี้แหละ สังหารคนที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตร ไม่เหลือโอกาสให้ศัตรูได้ทันตั้งตัวเลยสักนิด
……
“ฮ่าๆ…”
ผู้บุกรุกหัวเราะได้ใจ แล้วถอดผ้าปิดหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าซูบตอบ ก่อนจะหัวเราะเยาะ “ข้าก็นึกว่าหลินมู่อวี่จะเป็นยอดฝีมือเก่งกาจขนาดไหนเชียว ที่ไหนได้ฝีมือแค่นี้ ตายด้วยกระบี่ของข้าจงหลีซ่าน เจ้าก็คงตาหลับแล้ว!”
พูดจบ เขาแบมือออก แรงดึงดูดไร้ลักษณ์กำลังบังคับกระบี่ให้บินกลับไป
“ฟึบ!”
หลินมู่อวี่แบมือออกอย่างฉับพลัน พลังปราณของปราการเกล็ดมังกรไหลวนตามนิ้วมือ เขาจับปลายกระบี่ของจงหลีซ่านไว้ ด้วยความแข็งแกร่งของชั้นก่อผิวและหลอมกระดูก กระดูกของหลินมู่อวี่จึงแข็งเป็นพิเศษ เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บมากนัก รีบถอยกลับมาทันที ตะโกนเสียงต่ำ “เจ้ายังอยากได้อาวุธคืนอีกรึ”
จงหลีซ่านแววตาเย็นชา “เจ้ามันเป็นไอ้บ้าจริงๆ!”
เขาเหาะออกมาด้านหน้า มือหนึ่งคว้าด้ามกระบี่ ปราณยุทธ์พุ่งพล่าน กระบี่เริ่มหมุนคว้างทันที ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ทำลายล้าง ทำให้ผิวหนังบนมือข้างซ้ายของหลินมู่อวี่เป็นแผลเหวอะหวะ เลือดสาดกระเซ็นไปทุกสารทิศ
แต่ที่หลินมู่อวี่ต้องการก็คือโอกาสในครั้งนี้!
“พรึ่บ…”
เปลวไฟสีม่วงปะทุขึ้นบนกระบี่เหลียวหยวน แก่นเพลิงมังกร!
เมื่อหลินมู่อวี่ฟาดกระบี่ออกไปเต็มพลัง แววตาของจงหลีซ่านกลับมีแต่ความดูถูก เพราะในสายตาของเขา กระบี่นี้ของหลินมู่อวี่ไม่มีทักษะใดๆ ออกจะดูโง่ด้วยซ้ำ เด็กสิบขวบก็ฟันแบบนี้ได้
“ย้าก!”
เสียงร้องดังลั่น เกราะปราณสามชิ้นรวมกันอยู่ตรงหน้าอก จงหลีซ่านหัวเราะเยาะ “เข้ามาสิ เจ้าหนู!”
“อ๊าก…”
แก่นเพลิงมังกรโอบรอบกระบี่เหลียวหยวน ตอนที่กระบี่เล่มนี้อยู่ห่างจากหน้าอกไม่ถึงสิบเซนติเมตร จู่ๆ จงหลีซ่านก็รู้สึกผิดปกติ นั่นเป็นพลังที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน พลังอันแข็งแกร่ง!
“ฉึก…”
คมกระบี่แทงทะลุเกราะปราณ แก่นเพลิงมังกรที่ร้อนแรงเผาไหม้การป้องกันของเขา ทะลุเข้าสู่หน้าอกเขาอย่างรวดเร็ว และแทงทะลุหัวใจจงหลีซ่านทันที!
……
กระบี่เดียวปลิดชีพ!
ร่างของจงหลีซ่านถูกกระบี่ของหลินมู่อวี่ตรึงไว้บนกำแพงหิน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่ยอมจำนน ก่อนเขาจะสิ้นใจได้มองไปที่หลินมู่อวี่แล้วพึมพำ “จะ…เจ้าเป็นใครกันแน่”
หลินมู่อวี่พูดเบาๆ “เจ้าคือคนที่เจิ้งฟางส่งมางั้นหรือ”
“ใช่…”
“เช่นนั้นก็ตายเสียเถอะ!”
แก่นเพลิงมังกรปะทุขึ้น เผาหัวใจของจงหลีซ่านจนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน!