แม้ว่าจะมีห้าพันธมิตรคอยช่วยเหลือ แต่กิลด์มิธก็ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างใหญ่หลวงขณะที่พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วจากอีกหกกิลด์ที่พยายามจะบุกเข้าไป
เมื่อมองไปที่แถบเลือดของประตูป้อมปราการที่ลดลงมาเหลือมากกว่าครึ่ง การจ้องมองของกู่หยูก็กลายเป็นมั่นคงขึ้น
“หลิงเทียน ยิงไปที่แหล่งกำเนิดการโจมตีเพื่อช่วยลดแรงกดดันที่กำลังเกิดขึ้น”
ชายผมยาวที่อยู่ข้างกู่หยูพยักหน้า แล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและค่อยๆยกธนูทะลวงเมฆสีเขียวมืดขึ้นมาช้าๆ จากนั้นเขาก็เริ่มเล็งไปที่ป้อมปืนน้ำที่ตั้งอยู่ด้านหลังของกองทัพกิลด์ซิจ
ในฐานะผู้ที่ได้ตำแหน่งรองอันดับหนึ่งในการทดสอบการยิงธนู ทักษะการยิงธนูของโม่หลิงเทียนนั้นทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย ลูกธนูเปลวเพลิงทุกตัวที่ปล่อยออกมาจากเขาสามารถจัดการกับนักเวทธาตุน้ำที่อยู่ด้านหลังได้อย่างง่ายดาย
การกระทำของโม่หลิงเทียนได้รับความสนใจจากกิลด์ซิจทันที ในไม้ช้าเหล่านักฆ่าก็ย่องมาหาเขาและเฉือนมีดแหลมคมเข้าใส่เขาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
เมื่อเห็นสิ่งนี้ รอยยิ้มก็ปรากฏที่มุมปากของโม่หลิงเทียน จากนั้นเขาก็เอียงร่างกายและสกิลสลิดดิ้งก็ถูกเปิดใช้งาน ร่างของเขาสไลไปข้างหน้าหนึ่งเมตรโดยหลบการโจมตีถึงตายได้หลายครั้งได้อย่างง่ายดาย
เหล่านักฆ่านั้นต่างตกใจ แต่ก่อนที่พวกเขาจะตอบโต้ เหล่าผู้เล่นนักฆ่าจากกิลด์มิธก็ได้เข้าหาพวกเขาและทำดาเมจจนพวกเขาตายกลายเป็นลำแสงสีขาว
ดวงตาของโม่หลิงเทียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วหลังจากจ้องมองที่กองทัพกิลด์ซิจต่อหน้าเขา จากนั้นเขาก็วิ่งไปข้างหน้าผ่านพื้นที่ว่างระหว่างผู้เล่นของกิลด์ตัวเอง ขณะที่เขาวิ่งเขาจะยกคันธนูยาวเป็นครั้งคราวเพื่อเล็งและยิง
ทุกครั้งหลังจากที่เขายิงธนูเขาจะหันไปรอบๆและเปลี่ยนตำแหน่งการโจมตีของเขาอย่างเด็ดเดี่ยว เขาไม่จำแม้แต่ต้องดูวิถีการบินของลูกศรของเขาด้วยซ้ำ เนื่องเพราะลูกศรสามารถยิงเป้าได้อย่างแม่นยำ
การโจมตีแบบวิ่งของเขาทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เล่นนักฆ่าจะมองเห็นตำแหน่งของเขาได้อย่างแม่นยำ ความสามารถในการฆ่าที่แข็งแกร่งของเขาก็ทำให้ผู้ชมประหลาดใจเช่นกัน
“นี่ควรเป็นวิถีที่แชมป์เปี้ยนที่แท้จริงของการทดสอบยิงธนูควรเป็น! เขายอดเยี่ยมจริงๆ เย่เฉินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน!”
“น่าทึ่งว่ะ! เขาไม่ได้แม้แต่จะมองย้อนกลับไปดูหลังจากปล่อยลูกธนูและยังสามารถกำหนดจุดปลอดภัยที่จะยิงต่อไปได้ด้วย เหล่าคนเก่งของเกมควรเก็บคีย์ต่ำ สุดยอดด น่าประทับใจมากก!”
“มันมีคนเคยกล่าวในฟอรัมว่านักฆ่าเป็นตัวซวยของนักเวท แต่ฉันคิดว่าเขานี้แหละตัวซวยที่แท้จริงของนักเวท เขาเล่นเก่งมากๆ”
……
ทุกคนสามารถจินตนาการได้ว่าถ้าโม่หลิงเทียนเกิดในสมัยโบราณ เขาจะเป็นนายพลผู้กล้าหาญอย่างแน่นอนเพราะเขามีความสามารถส่วนบุคคลที่ทรงพลัง เพียงพึ่งความสามารถส่วนตัวของเขา จำนวนผู้เล่นนักเวทที่อยู่เบื้องหลังกองทัพซิจก็ลดลงเรื่อยๆและนักฆ่าก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
โม่หลิงเทียนหันหลังทันทีหลังจากปล่อยลูกศร จากนั้นเขาก็เดินไปยังจุดยิงที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ ลูกศรเปลวเพลิงปรากฏขึ้นจากด้านหน้า
ใบหน้าของโม่หลิงเทียนแข็งทื่อและเขารีบเปิดใช้สกิลสลิดดิ้ง
“ฮะ?” โม่หลิงเทียนตกตะลึงขณะที่เขาสังเกตเห็นว่าลูกศรไม่ได้เล็งมาที่เขา แต่มันไปลงจอดในจุดที่ห่างจากเขาสามเมตร
ดังนั้นเขาจึงเปิดใช้สกิลอีเกิ้ลอายของเขาทันทีและพบว่าเย่เฉินกำลังวิ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกับถือคันธนูยาวของเขา
เมื่อเห็นเงาของเย่เฉิน คำใบ้ของความหดหู่จะปรากฏให้เห็นในดวงตาของโม่หลิงเทียน
เขาเป็นคนรู้สึกมั่นใจในทักษะการยิงธนูของเขา ดังนั้นการพ่ายแพ้ต่อเย่เฉินในการยิงธนูจึงทำให้เขารู้สึกอับอายและเขาก็รู้สึกละอายใจอยู่กับมันเสมอ
โม่หลิงเทียนจะยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดีหากเย่เฉินชนะด้วยความสามารถที่แท้จริงของเขา อย่างไรก็ตามเย่เฉินเป็นพวกสุ่มยิ่งมั่ว ดังนั้นโม่หลิงเทียนจึงปฏิเสธที่จะยอมรับความจริงที่ว่าเขาแพ้!
ดวงตาของโม่หลิงเทียนเปิดเผยร่องรอยของการดูถูกเหยียดหยามเมื่เขาเห็นเย่เฉินวิ่งมาทางเขา เขาค่อยๆยกคันธนูยาวขึ้นและเล็งไปที่เย่เฉิน จากนั้นเขาก็ยิงออกไปหลังจากเหนี่ยวเต็มที่
เย่เฉินซึ่งอยู่ในระยะไกลสังเกตเห็นสิ่งนี้และเปิดใช้สกิลสลิดดิ้งทันที เขาแทบเกือบหลบลูกศรแทบไม่ทัน
โม่หลิงเทียนไม่แปลกใจกับความจริงที่ว่าเย่เฉินสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของเขาได้ ท้ายที่สุดความสามารถในการสไลไปข้างๆที่เป็นสกิลให้มากับอาชีพนี้ก็ใช้เพื่อการหลบสกิลที่โจมตีมาหา
เมื่อเห็นภาพเงาของเย่เฉินเริ่มเข้ามาใกล้ โม่หลิงเทียนก็เริ่มทำนายเส้นทางการเคลื่อนไหวของเย่เฉิน เขายังคำนึงถึงระยะทางสลิดดิ้งในครั้งนี้ด้วย จากนั้นเขาก็ยิงธนูไปอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามมันก็ทำให้โม่หลิงเทียนประหลาดใจ เย่เฉินไม่ได้เปิดใช้สกิลสลิดดิ้งเลย ลูกศรนี้ที่ยิงไปตามคาดการณ์ไว้ก็เลยพลาดเป้าและมันตกลงไปด้านหน้าของเย่เฉิน
เมื่อเห็นอย่างนี้ ความประหลาดใจกระพริบผ่านดวงตาของโม่หลิงเทียน แต่ลึกๆในใจของเขาก็ยังคงสงบนิ่งอยู่
การฝึกฝนสภาพจิตใจก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการฝึกฝนการยิงธนู แม้การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในความคิดก็จะส่งผลกระทบต่อความแม่นยำของลูกศร
นอกจากนี้โม่หลิงเทียนไม่เคยรู้สึกว่าเขาแพ้เย่เฉิน ท้ายที่สุดเขาเป็นนักธนูที่แท้จริง
แล้วไม่นานระยะทางระหว่างพวกเขาก็ลดเหลือน้อยกว่า 15 เมตร ในขณะที่โม่หลิงเทียนยกคันธนูขึ้น เย่เฉินซึ่งกำลังวิ่งอยู่ก็ค่อยๆยกคันธนูขึ้นอย่างช้าๆ
ลูกศรเปลวเพลิงถูกปล่อยยิงออกมาพร้อมกัน
“เฉียวว!”
ตัวเลขสีแดงเลือด ‘-110’ ปรากฏขึ้นเหนือหัวของเย่เฉิน แถบเลือดของเขาลดลงไปกว่าครึ่ง ในขณะเดียวกันนักฆ่าจากกิลด์เดโมลิชั่นซึ่งอยู่ไม่ไกลหายไปกลายเป็นแสงสีขาว
ในช่วงเวลานี้ เย่เฉินรู้สึกกดดันอย่างไม่ต้องสงสัยเนื่องจากความล้มเหลวจากโชคชะตาจนทำให้หดหู่
โม่หลิงเทียนดูหมิ่นเมื่อเขาเห็นว่าเย่เฉินใกล้ตายแล้ว เขาดึงลูกธนูออกมาจากด้านหลังอีกครั้งแล้ววางมันลงบนคันธนู จากนั้นเขาก็ดึงสายธนูแล้วเล็ง โดยหวังจะฆ่าเย่เฉินในครั้งนี้
สายตาที่เฉียบแหลมปรากฏในดวงตาของเย่เฉินเมื่อลูกธนูยิงมาหาเขา เขาเปิดใช้สกิลสลิดดิ้งทันทีและเอนตัวไปข้างหลังขณะสไลไปด้านหน้าสามเมตรโดยไปหยุดอยู่ข้างๆโม่หลิงเทียน
“เดส!”
เย่เฉินใช้คันธนูเป็นอาวุธโดยเหวี่ยงมันไปที่หน้าอกของโม่หลิงเทียน
[ถูกทำให้มึนงงโดยสกิล (เดสแอทแทค) โดยตกอยู่ในความมึนงงหนึ่งวินาที]
การปรากฏตัวของข้อความเกมทำให้โม่หลิงเทียนตกตะลึง นี่ไม่ใช่ความสามารถที่อาชีพตีใกล้ฝึกฝนจากศาลาการฝึกฝนไม่ใช่เหรอ? ในฐานะนักธนู ทำไมเขาถึงไปเรียนมัน?
ก่อนที่โม่หลิงเทียนจะสามารถเข้าใจได้ เขาก็ถูกตีด้านหลังศีรษะโดยเย่เฉินอย่างเต็มแรง เขาล้มลงไปที่พื้นในขณะที่เขาก็หายมึนงงพอดี
“แก…”
ก่อนที่โมหลิงเทียนจะสามารถพูดเสร็จ เย่เฉินก็ตะโกนเสียงดังออกมา
“เดาะ ฟอลเลิน สแลช!”
คันธนูที่มีเปลวเพลิงสีแดงปรากฏขึ้นทุบอย่างเต็มแรงไปที่ร่างของโม่หลิงเทียนที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เกิดความเสียหายไป 68
โม่หลิงเทียนที่ถูกทำให้ตกตะลึงครั้งที่สองรู้สึกโกรธเกรี้ยว อย่างไรก็ตามเย่เฉินก็ใช้สกิลของพวกตีระยะประชิดอีกครั้งและเหวี่ยงไปหาเขา เขารีบใช้สกิลสลิดดิ้งทันที โดยต้องการอยู่ห่างจากเย่เฉิน
แต่เมื่อโม่หลิงเทียนใช้สกิลสลิดดิ้ง เย่เฉินก็เปิดใช้งานสกิลสลิดดิ้งทันทีโดยตามไปอย่างใกล้ชิดเขา คันธนูที่เย่เฉินถืออยู่กลายเป็นอาวุธระยะประชิดอีกครั้ง เขาตีไปที่โม่หลิงเทียนที่ใบหน้า
ในขณะนี้สภาพจิตใจของโม่หลิงเทียนได้รับผลกระทบอย่างมาก แม้ว่าเขาจะสามารถฆ่าเย่เฉินที่กำลังจะตายได้ด้วยการยิงธนู แต่เย่เฉินก็ไม่ได้ให้โอกาสเขาทำเช่นนั้น เขาติดตามเขาอย่างใกล้ชิดและใช้สกิลสายตีใกล้ใส่เขาตลอดทาง
สิ่งนี้ทำให้โม่หลิงเทียนรู้สึกแย่และหดหู่ มันเป็นการแข่งขันกันระหว่างนักธนูสองคน มันจะยุติธรรมได้ยังไงในการต่อสู้แบบนี้?
“อ่า อยู่ห่างๆกูนะเว้ยยย” โม่หลิงเทียนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขายกคันธนูขึ้นแล้วเหวี่ยงมัน
“อีกครั้ง เดส” ขณะที่ธนูกระแทกโดนกัน เย่เฉินก็เปิดใช้งานสกิลอีกครั้งและโม่หลิงเทียนก็ตกไปอยู่ในความมึนงงอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ถือคันูยาวด้วยมือทั้งสองและทุบมันที่ใบหน้าของโม่หลิงเทียนจนทำให้เขากลายเป็นลำแสงสีขาว