พระราชวังตั้งอยู่ในใจกลางของดินแดนขนาดใหญ่ของชางสือ
นั่งอยู่ในห้องโถงหลัก ท่านลอร์ชางสือมองไปที่ชายที่คุกเข่าต่อหน้าเขาด้วยสีหน้าไม่แยแสและพูดอย่างเฉยเมยว่า “เจ้าชัดเจนกับสิ่งที่เจ้าควรทำตอนนี้หรือไม่?”
ชายที่อยูเบื้องล่างสั่นด้วยความกลัว เขาเป็นวิญญาณปกติที่ลอยอยู่รอบๆดินแดนแห่งชางสือโดยไม่รู้สึกตัวใดๆแต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ชายผมขาวที่รู้จักในนามท่านลอร์ดชางสือจะปลุกความทรงจำจากก่อนตายและอนุญาติให้เขาตระหนักว่าเขาได้มาอยู่ที่นารากะ ทำให้เขากลัวความสามารถลึกลับเหล่านี้มาก
เขาไม่แม้แต่จะคิดแม้แต่น้อยในขณะนี้เพราะเขากลัวว่าเขาจะถูกโยนเข้าไปในระดับ 18 ของนารากะและถูกทรมาน
ชายคนนี้ก้มลงคำนับไปที่พื้นทันทีเมื่อได้ยินคำถามของชางสือ “ท่านลอร์ดประทานการเกิดใหม่ให้กระผมด้วยเถิด กระผมพร้อมที่จะทำงานให้ท่านลอร์ดด้วยความสามารถที่ดีที่สุดที่กระผมมี”
“จากนั้นไป ข้าจะให้โอกาสเจ้ากลับไปและจะให้รางวัลแก่เจ้าหากเจ้าทำงานได้สำเร็จ” เมื่อมองไปที่ชายคนนี้ที่กำลังจ้องมองไปที่พื้นอยู่ ร่องรอยของความเด็ดขาดส่องประกายแวววับในสายตาของชางสือ
……
กลางคืนมืดมิด โคมไฟส่องสว่าง
หลังจากเสียงของไซเรนดังออกมาจากระยะไกล เสียวฝีเท้าและเสียงเห่าของสุนัขตำรวจก็เริ่มเข้ามาใกล้
หยาดฝนกระทบรัวๆอย่างไม่หยุดยั้งใส่ฉินหยูขณะที่เขาเอนตัวพิงที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาลร้าง เขาหอบหายใจหนักและใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
รูขุมขนกระชับเหงื่อบนหน้าผากของเขาผสมปนเปกับน้ำและเลือดขณะที่พวกมันไหลลงไปในริมฝีปากที่สั่นเทาและใบหน้าที่ซีดเซียว
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสิบสองชั่วโมงที่ผ่านมาทำให้ฉินหยูรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังประสบกับฝันร้าย แต่ทุกสิ่งดันเป็นของจริงและทำให้เขาหวาดกลัวอย่างหนัก
ฉินหยูหันหัวไปโดยจิตสำนึกเพื่อมองไปที่ปลายอีกด้านของโรงพยาบาลร้าง วิสัยทัศน์ของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืดสลัวทำให้เขากังวลและเครียด
หลังจากรอครู่หนึ่ง ในที่สุดฉินหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกในขณะที่เขาเอาหลังถไถลไปกับกำแพงเพื่อให้ก้นไปนั่งที่พื้นได้ จิตใจของเขาเริ่มหลุดลอยและรถไฟแห่งความคิดของเขาล่องลอยไปในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสิบสองชั่วโมงก่อน
……
ฉินหยูเพิ่งจะเสร็จจากการทำงานทั้งวัน เขากลับไปที่บ้านของเขาที่เขาเช่ากับเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา หวู่เฮ่า ผู้ซึ่งเรียนจบป.ตรีมาหมาดๆ และเป็นคนกำลังเตรียมอาหารค่ำ
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเคาะประตู คนที่เปิดประตูออกมาดันเป็นคนตัวสูง ดำ และผอมแห้งพร้อมมีเคราแพะ แทนที่จะเป็นหวู่เฮ่า ชายคนนี้ดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบ
สายตาของพวกเขาพบกันแล้วจ้องกันไม่นานก่อนที่ชายคนนี้จะยิ้มและริเริ่มที่จะพูดว่า “คุณกลับมาแล้ว มาเข้ามา”
เขากลับไปที่บ้านของตัวเอง แต่มันเป็นคนแปลกหน้าที่เปิดประตู
เขาพูดคำแปลกๆเช่นคุณกลับมาแล้ว แม้ว่าฉินหยูจะมีคำถามในใจ แต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก เขาคิดว่าชายผู้นี้อาจเป็นแขกของหวู่เฮ่า
แต่ฉินหยูรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อเขาเดินเข้าไปในบ้าน
บ้านเงียบมาก โทรทัศน์ไม่ได้เปิด โต๊ะอาหารว่างเปล่า ห้องครัวก็เงียบมากและม่านหน้าต่างทั้งหมดก็ถูกปิด ความเงียบในบ้านค่อนข้างผิดปกติ
นี่เป็นสิ่งผิดปกติอย่างสิ้นเชิงในบ้านเมื่อมีแขกมาเยี่ยม
เพื่อนร่วมบ้านของเขาหวู่เฮ่ามักจะเตรียมอาหารและรอให้เขากลับมาทุกคืน ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเริ่มผิดปกติ
ฉินหยูรู้สึกไม่สบายใจ เขาตะโกนเรียกชื่อหวู่เฮ่าออกมาโดยไม่รู้ตัวและเดินไปที่ห้องของหวู่เฮ่า
แต่ก็มีเสียงของเจ้าเคราแพะมาจากด้านหลังของฉินหยู
เขาเรียกฉินหยูเพื่อไม่ให้ฉินหยูกลับไปที่ห้องของตัวเอง จากนั้นเขาก็เปิดประตูห้องศึกษาและชี้ไปที่ห้องขณะที่เขาบอกว่า “มานี้สิ หวู่เฮ่าอยู่ที่นี่”
ฉินหยูหันกลับไปมองที่ห้องศึกษาโดยสัญชาตญาณแต่รูม่านตาของเขาหดลงทันทีเมื่อเขาเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน
หวู่เฮ่าถูกผูกไว้กับเก้าอี้คอมพิวเตอร์ด้วยเชือกที่หนาแน่น ปากของเขาถูกปิดด้วยเทป ร่างกายของหวู่เฮ่าสั่นเบาๆขณะที่เขามองไปที่ฉินหยูด้วยความหวาดกลัว
ฉินหยูตระหนักทันทีว่าเขากลับมาบ้านในช่วงกำลังถูกปล้น
ฉินหยูได้มีส่วนร่วมในการศึกษาวิจัยทางด้านอาชญกรรมวิทยาสองครั้งในโรงเรียนดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเขาไม่สามารถปอดแหกในสถานการณ์แบบนี้ได้ ไม่งั้นหากอาญชากรเปลี่ยนใจที่จะทำให้เขาเงียบตลอดไปแล้วเขาก็ต้องยอมแพ้ชีวิตโดยไม่มีสิทธิ์ที่พวกเขาจะปกป้องชีวิตตัวเอง
เขากระชับกำปั้นของเขาเมื่อเขาเตรียมใจ เขาพร้อมที่จะก้าวไปหาชายคนนี้และชกหมัดที่ขมับของเขาเนื่องด้วยเขาตั้งใจโจมตีอย่างรวดเร็วและน๊อกเขาให้ได้
อย่างไรก็ตามฉินหยูแข็งตัวทันทีหลังจากก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
เผชิญหน้ากับปากกระบอกปืนที่มีที่เก็บเสียง หัวใจของฉินหยูเต้นอย่างหนักหน่วง เขาไม่ได้คาดหวังว่าอาชญากรจะมีปืน
ชายเคราแพะเดินไปที่หวู่เฮ่าและดึงเทปออกจากปากของเขาก่อนที่จะดึงมีดออกมาจากเอวด้วยมือซ้ายของเขา
“ไอ้หลานชาย ถ้าฉันใช้มีดเล่มนี้ตัดผ่านร่างกายของแก เลือดของแกจะหมดไปภายในครึ่งชั่วโมง ไม่มีทางไหนจะช่วยแกได้”
ใบหน้าของหวู่เฮ่าซีดตายเมื่อได้ยินอย่างนี้และรีบหันไปหาฉินหยูทันที “พี่หยู ทำตามที่ลุงของฉันพูด เขาไม่ใช่คนดี เขาจะฆ่าเราทั้งคู่”
เมื่อมองไปที่ความหวังในสายตาของหวู่เฮ่าในท่ามกลางของความหวาดกลัว ฉินหยูก็เหลือบไปที่ปืนที่เชาเคราแพะถืออยู่
ฉินหยูตระหนักทันทีถึงความจริง พลังในการตัดสินใจอยู่ในมือของชายเคราะแพะอยู่แล้ว
หวู่เฮ่าพูดขึ้นอีกครั้ง “ลุง คุณต้องการเงินเท่าไหร่ เราจะให้มันให้กับคุณ เราสาบานว่าเราจะไม่แจ้งเกี่ยวกับคุณให้ตำรวจ”
ลุงของหวู่เฮ่ายิ้มฮึๆเมื่อได้ยินแต่เขาก็ไม่ตอบอะไรไป เขาหยิบเชือกอีกเชือกขึ้นมาและเดินไปที่ด้านข้างของฉินหยู
เมื่อมองไปที่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธของฉินหยู เขาผูกเขาไว้แล้วพูดว่า “อย่าขยับ ฉันจะปล่อยพวกแกทั้งคู่เมื่อฉันได้รับเงินแล้ว”
ฉินหยูได้ภาพที่ชัดเจนของสถานการณ์เมื่อได้ยินอย่างนี้
ชายเคราแพะจะต้องเป็นลุงของหวู่เฮ่าและมีแรงจูงใจในการปล้นบ้านของพวกเขาเพื่อให้ได้เงิน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงตั้งเป้าหมายที่หวู่เฮ่าผู้ซึ่งเป็นญาติของเขาเอง
อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉินหยูเชื่อว่าพวกเขาจะไม่ถูกฆ่า
ฉินหยูถูกลากกลับไปที่ห้องนอนของเขาและถูกโยนลงบนเตียงขณะที่ถูกมัด
ลุงของหวู่เฮ่ามัดแขนขาเขาไว้ที่มุมเตียงเพื่อป้องกันไม่ให้เขาสลัดหลุด
จากนั้นชายเคราะแพะออกไปสักครู่แล้วกลับมาพร้อมม้วนเทปซึ่งเอามาใข้พันร่างกายของฉินหยูหลายครั้งจนแน่น
แต่ชายเคราะแพะก็ยังไม่พอใจและใช้เทปปิดวงตาของฉินหยูและดึงถุงพลาสติกในกระเป๋ามาพันไว้รอบหูของฉินหยูเพื่อกันไม่ให้เขาได้ยินอะไร
“น่าสงสารจริงๆ แกยังเด็กมาก”
การถอนหายใจของชายเคราแพะทำให้หัวใจของฉินหยูเต้นอย่างผิดปกติก่อนที่เขาจะไม่ได้ยินอะไรอย่างสมบูรณ์
ความรู้สึกเย็นชามาจากหัวใจของเขาและห่อหุ้มไปทั่วร่างกาย
ฉินหยูพยายามดิ้นหลุดแต่ปมก็แน่นเกินไปและเขาไม่สามารถขยับพวกมันได้สักนิด
ความเงียบเริ่มท่วมท้นจิตใจทำให้กระตุ้นความกลัวในใจของเขาหลังจากที่ประตูถูปิด แขนขาของเขาเริ่มชาเพราะเลือดของเขาไม่ไหลเวียน
ทุกอย่างเริ่มกลายเป็นความมืดหลังจากนั้น โดยไม่สามารถได้ยิน ได้เห็น หรือพูดอะไรได้
การสั่นศีรษะของเขาเบาๆทำให้เกิดเหมือนมีเสียงอะไรหยดในหูของเขาซึ่งหูยังคงปกคลุมด้วยถุงพลาสติก
จินตนาการของฉินหยูเริ่มที่จะควบคุมไม่ได้ในขณะนั้น ภาพของเขาถูกแทงด้วยมีดแล้วล้มลงไปในสระเลือดเริ่มปรากฏขึ้นในใจของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ศพของเขาจะเริ่มเหม็นหลังจากเลือดของเขาแข็งตัว ฉินหยูถูกทรมานด้วยความคิดและความกลัวที่มองไม่เห็นของเขาแต่เวลาดูเหมือนจะเดินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
……
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฉินหยูซึ่งอยู่ในอาการงุนงงก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยแรงฉุดกระชาก
เขาสามารถรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังแก้มัดเชือกบนเตียง แต่เขาก็ไม่ได้โล่งใจเลยเพราะเขารู้ว่าปฏิกิริยาในการใช้กำลังไม่น่าใช่จากทีมกู้ภัย
ตามที่ฉินหยูคาดไว้เลย เขาถูกลากออกไปข้างนอกอย่างรุนแรงหลังจากที่เชือกบนเตียงถูกแก้
ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาอ่อนแอเนื่องจากมือและขาของเขาชาจากการที่เลือดไม่ได้ไปหล่อเลี้ยง
ฉินหยูพยายามที่จะคว้าบางสิ่งบางอย่างเพื่อที่จะได้ลุกขึ้นเพราะเขามีลางสังหรณ์ว่ามีบางสิ่งที่ไม่ดีจะเกิดขึ้น
จากนั้นความเจ็บปวดก็พุ่งไปที่ศีรษะของเขา ทำให้เขาหมดสติ
เมื่อฉินหยูได้สติ เขาก็รู้ว่าเขานอนอยู่ในโรงพยาบาลร้างด้วยเลือดเต็มไปทั่วตัว ลุงของหวู่เฮ่าก็อยู่ที่นั่นพร้อมมีแสงสีเหลืองสลัวๆแล้วยังดูแปลกๆในขณะที่วาดอะไรบางอย่างบนพื้น
ฉินหยูพลิกร่างกายของเขาอย่างยากลำบากเพื่อหันไปดูด้านข้าง
อย่างที่คาดหวังไว้ หวู่เฮ่ายังสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งปกคลุมไปด้วยเลือด โดยนอนยังไม่ได้สติ
“ลุงจะทำอะไรกันแน่ ลุงไม่ได้บอกหรือไงว่าต้องการเงิน? ผมจะให้เงินลุง…”
ฉินหยูถูกปิดปากโดยชายเคราะแพะที่ยื่นมืออกมาปิดก่อนที่เขาจะพูดได้เสร็จ
ฉินหยูยืมแสงอันริบหรี่เพื่อมองไปข้างหน้าและพบว่าลุงของหวู่เฮ่ากำลังถือถังสี เขาจุ่มมือตัวเองลงไปเป็นครั้งคราว
มันดูเหมือนว่าเขาจะวาดลวดลายอะไรบางอย่างลงบนพื้น
รูจมูกของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเปรี้ยวและเขาทันทีก็นึกถึงบาดแผลที่เกิดขึ้นกับเขาและหวู่เฮ่า ฉินหยูเดาได้ทันทีว่ามีอะไรอยู่ในถังสี
แม้ว่าเขาจะเป็นคนโง่ ฉินหยูก็รู้ว่าชายคนนี้ไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องมีวัตถุประสงค์อื่น
อย่างไรก็ตามร่างกายของฉินหยูนั้นมึนชาอ่อนแอและเขาไม่สามารถแม้แต่จะรวบความแข็งแกร่งเพื่อลุกขึ้นยืนเพื่อวิ่งหนีได้
หวู่เฮ่าค่อยๆได้สติ แต่ดูเหมือนว่าจะอ่อนแอกว่าฉินหยู
ใบหน้าของเขาซีดเซียวไม่มีร่องรอยของเรี่ยวแรงแม้แต่การแสดงออกของเขาก็ดูไร้ชีวิตชีวา มันแน่นอนว่าสถานการณ์กำลังย่ำแย่
“กระผมทำเสร็จแล้วท่านลอร์ด กระผมควรทำอะไรต่อไป?” ชายคนนั้นยืนขึ้นและจู่ๆก็พึมพำกับตัวเอง
ไม่มีใครตอบ แต่การแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปแปลกประหลาดทันที
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาพยักหน้าอย่างหนักหน่วงแล้วจ้องมองที่ฉินหยูและหวู่เฮ่า
“ลุง คุณจะทำอะไร? หากคุณต้องการเงิน ผมจะมอบให้คุณ โปรดพร่อยเราไปเถอะ” หวู่เฮ่าพูดด้วยเสียงสะอื้นเต็มไปด้วยความอ่อนแอ
“ไอ้หลาน แกรู้ไหมว่าฉันชอบเล่นการพนันและเป็นคนน่าสมเพชอย่างมาก แต่คราวนี้ ฉันมีโอกาสเริ่มต้นใหม่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยโอกาสอย่างนี้หลุดลอยไป” เขาหยุดสักครู่ก่อนที่จะพูดต่อ “จริงๆแล้วฉันถูกทุบตีจนตายเมื่อหนึ่งเดือนก่อนเพราะฉันไม่สามารถชำระหนี้การพนันของฉันได้…”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฉินหยูและหวู่เฮ่ารู้สึกถึงความเย็นชาไปถึงกระดูกและผมของพวกเขาก็ตั้งชูชันขึ้น
มีแสงเย็นยะเยือกที่ดวงตาของชายคนนี้ขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างช้าๆ
หัวใจของฉินหยูเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ฉันจะตายด้วยมือของคนบ้าอย่างนี้จริงๆเหรอ?
ชายคนนี้จับข้อมือของหวู่เฮ่าและผมของฉินหยูและดึงพวกเขาไปด้วยขณะเดิน
ฉินหยูเริ่มหวาดกลัวหลังจากถูกลากไปที่มีแสงสว่างทำให้เขาตระหนักทันทีว่ารูปแบบแปลกๆใต้ฝ่าเท้าของเขาถูกวาดด้วยเลือด
พวกเขาสองคนถูกลากไปที่รูปแบบที่วาดและชายคนนี้คว้าแขนซ้ายของหวู่เฮ่า จากนั้นเขาดึงมีดออกมาจากเอวแล้วเฉือนอย่างแรงบนข้อมือของหวู่เฮ่า
เลือดพุ่งออกมาและไหลลงอย่างต่อเนื่อง
หวู่เฮ่าและฉินหยูเต็มไปด้วยความสิ้นหวังเมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้
ฉินหยูเริ่มเดินกะโผลกกะเผลกไปข้างๆแล้วหันไปดูอย่างช่วยอะไรไม่ได้ขณะที่ชีวิตของหวู่เฮ่าเริ่มจางหายไป
เขาพยายามคิดวิธีที่จะต่อต้าน แต่เขาถูกเตะอย่างแรงและไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
การไหลของเลือดอย่างไม่หยุดยั้งทำให้หวู่เฮ่าสติเลือนลางหายไป เขาชักกระตุกอยู่กับพื้นโดยอยู่กับที่จนลุงของเขาปล่อยข้อมือของเขา
“มันเป็นตาแกแล้ว”
ความกระหายเลือดพุ่งผ่านสายตาของชายคนนี้ขณะที่เขาลากฉินหยูไปกับพื้นและใช้มีดตัดไปที่ข้อมือของฉินหยู
“คุณ…คุณมีจุดประสงค์อะไรในการทำแบบนี้?” ฉินหยูถามอย่างอ่อนล้า
ความตายใกล้เข้ามาแต่เขาไม่ต้องการตายโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ฉันพูดได้แค่ว่าแกมันโชคร้าย ตอนแรกฉันต้องการเพียงชีวิตหลายชายของฉันเพราะวิญญาณของเขาโดดเด่นท่ามกลางคนอื่นๆ สำหรับแก แกแค่โชคไม่ดี แต่แกยังสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างคุณค่าเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย”
น้ำเสียงของเขารู้สึกตื่นเต้นราวกับว่าเขากำลังรอคอยบางสิ่งอยู่
จิตสำนึกของฉินหยูเริ่มมีความพร่ามัวในตอนนี้
เขาสามารถเห็นอย่างคลุมเครือบนรูปแบบเลือดและเงาของผีชั่วร้ายเริ่มโผล่ออกมาจากรูปแบบวาดทีละตัว…