ตอนที่ 125 :
ทันใดนั้น ฝ่ามืองทองคำขนาดใหญ่ก็สลายไปก่อนที่มันเกือบจะปะทะเข้ากับชางสือ พลังงานวิญญาณทองคำเพิ่มร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
“เจ้าล้ำเส้นมาแล้ว เป่ยตู๋!” เสียงโบราณดังขึ้นบนฟ้า
“ชางสือได้ละเมิดกฎที่พวกเขาตั้งขึ้นมา เฝิงตู่ ทำไมเจ้าจึงปกป้องเขา?”
“ใช่ การลงโทษนี้อยู่ในฐานที่ละเมิดกฎ แต่เมื่อเขาอยู่ในดินแดนของข้า ข้าจะเป็นคนลงโทษเขาเอง”
“เฝิงตู่!” เสียงบนฟ้าตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เจ้าต้องการจะเข้าสู่สงครามใช่ไหม?” เสียงโบราณดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ได้ ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป เฝิงตู่ แต่เจ้าติดค้างคำอธิบายต่อพวกเรา ถ้าเจ้าไม่มีคำอธิบายที่ดีพอ สงครามระหว่างสองโลกของเราจะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างไรความผิดของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามไปได้!”
ฝ่ามือทองคำก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง มันกำเทพทั้งแปดเอาไว้ในมือก่อนที่จะหายไป
“เฮ้อ…ชางสือ ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะจบลงเช่นนี้!”
ปากของชางสือสั่นเมื่อเขาได้ยินเสียงของเฝิงตู่ เขาไม่คิดว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เฝิงตู่จะทำให้เรื่องเป็นแบบนี้เพื่อช่วยเขา
เขารู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันเป็นความผิดที่ใหญ่หลวงขนาดไหน สิ่งที่เขาต้องการจะทำนั้นสามารถทำให้สงครามระหว่างสวรรค์กับอันเดอร์เวิลด์เกิดขึ้นได้ แต่ถึงอย่างไรเฝิงตู่ก็ยังยืนหยัดเพื่อปกป้องเขา
หัวใจของชางสือเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเมื่อเขานึกถึงการที่เขาทรยศในอดีต
เขาคุกเข่าลงและคำนับลงบนพื้นขณะที่มองไปบนท้องฟ้า
“ได้ยินข้าหรือไม่ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ข้า ชางสือ พร้อมที่จะรับผิดชอบต่อทุกๆอย่างที่ข้าได้กระทำลงไป ข้าจะไม่ดึงอันเดอร์เวิลด์ให้ไปพัวพันกับเรื่องนี้ แม้ว่าวิญญาณของข้าจะถูกฉีกให้แหลกสลายก็ตาม”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นมาจากท้องฟ้า
“ไปจัดการกับธุระของเจ้าให้เสร็จสิ้น!”
“ขอบพระคุณที่ท่านอนุญาต จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!” ชางสือคำนับอีกหลายครั้งก่อนที่จะยืนขึ้นและเดินกลับไปที่ปราสาทอย่างโดดเดี่ยว
…
ในที่พักของเขา ชางสือเอนตัวลงบนผ้าคลุมจักรพรรดิที่ทำจากเส้นไหม หญิงสาวที่สวยสง่าเข้ามากอดเขา
“ตอนนี้เจ้ารู้แล้วว่าจะเขียนมันยังไง?”
ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าเขาจุ่มพู่กันลงในน้ำหมึด ก่อนที่จะยกขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย
“ท่านลอร์ด ท่านมั่นใจแล้วใช่ไหม?”
ชางสือพยักหน้าอย่างใจเย็น เขารู้เว่าเขาต้องตัดสินใจถ้าเขาไม่อยากให้ดินแดนชางสือถูกลากมาเกี่ยวกับเรื่องนี้
ชายคนนั้นเขียนลงไปด้วยความเศร้าโศกในหัวใจ:
ชางสือผู้เยี่ยมยอดแห่งดินแดนชางสือ แย่งชิงดินแดนมาโดยการสังหารหยวนซู ผู้ปกครองดั้งเดิมของดินแดนแห่งนี้ เขากดขี่ข่มเหงผู้คนแห่งดินแดนชางสือในระหว่างที่ครองบัลลังก์ เขาจมตัวเองอยู่ในความชั่วช้าตลอดเวลา เขาเป็นผู้ที่น่าอับอายต่อราชาทุกองค์ เขายังมีความทะเยอทะยานที่โหดเหี้ยมอำมหิตที่ทำให้ชนวนสงครามระหว่างสวรรค์และอันเดอร์เวิลด์ต้องปะทุขึ้น ผู้ที่อยู่ในดินแดนชางสือไม่ควรที่จะยกการกระทำที่ชั่วร้ายของเขาเป็นตัวอย่าง หลังจากที่ตรึกตรองจากพลังทั้งหมดในดินแดนชางสือ พวกเขาตัดสินว่าจะถอดถอนเขาออกจากอำนาจการปกครอง เขาจะถูกพิพากษาให้เนรเทศ ณ บัดนี้…
ชายคนนั้นหายใจเข้าปอดหลังจากที่เขียนเสร็จ เขายื่นแผ่นกระดาษแผ่นนั้นให้กับชางสือ
ชางสือเหลือบดูก่อนที่จะพยักหน้า ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ส่งสารไปทุกๆเขตในดินแดนชางสือว่าทุกคนควรจะเฉลิมฉลองให้กับการกำจัดผู้ที่ชั่วร้ายเช่นชางสือ มันเป็นนิทานสอนใจได้อย่างดี!”
ชางสือมองลงไปที่ความสวยงามที่อยู่บนแขนของเขาหลังจากชายคนนั้นออกไป สายตาที่อ่อนโยนปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
“เจ้าพยายามมานับหมื่นปีเพียงเพื่อที่จะเป็นที่รู้จักในนามของคนที่ชั่วร้ายที่ถูกเนรเทศและโดนรังเกียจจากทุกๆคนหลังจากนี้ เจ้าเสียใจหรือไม่?” หญิงสาวที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของชางสือกะพริบตาที่สวยงามของเธอ
“ตราบใดที่เจ้าไม่เกลียดข้า ถึงคนอื่นจะคิดอย่างไรก็ไม่สำคัญ ชีวิตนี้มันคุ้มค่าแล้ว”
ริมฝีปากของหญิงสาวคนนั้นโค้งขึ้นมาด้วยรอบยิ้มที่อบอุ่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรัก “คราวนี้อย่าทิ้งฉันไว้ข้างหลังอีกนะ”
“ข้าสัญญา เราจะไปด้วยกัน มันจะทำให้ข้าต้องกังวลถ้าข้าทิ้งเจ้าไว้ข้างหลัง”
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสุขเมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านั้น เธอหยิบแก้วไวน์จากโต๊ะข้างๆ
“นี่คือเครื่องดื่มเพื่อการหมั้นหมาย ข้าจะแต่งงานกับเจ้า แต่เจ้าจะรับข้าเป็นภรรยาหรือไม่?”
“ข้ารับ!”
ชางสือหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาเช่นกัน ทั้งสองคนควงแขนกัน
…
ร่างกายของเขาทั้งสองคนค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นหินหลังจากที่ดื่มน้ำในแก้ว พวกเขายังอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันจนกระทั่งถึงเวลาที่พวกเขาต้องลาจากกันด้วยความตายและใบหน้าของพวกเขานั้นก็เต็มไปด้วยความสุข
บางทีการหนีไปด้วยกันอาจจะเป็นทางที่ดีที่สุดในการเป็นอิสระสำหรับพวกเขาหลังจากความพยายามอย่างหนักหนาที่มีมาอย่างยาวนานนับแสนปี
เสียงโบราณถอนหายใจออกมาที่โถงใหญ่
“ข้าจะส่งเจ้าไปที่เส้นทางทั้งหกแห่งการเกิดใหม่ ชางสือ จากนี้ไปภาระในฐานะมนุษย์ของเจ้าได้สิ้นสุดลงแล้ว”
ดวงวิญญาณทั้งสองแยกออกมาจากร่างหิน ลอยหายไปในอากาศราวกับว่ามันไม่เคยมีตัวตนมาก่อน
…
บนสะพานแห่งการหลงลืม เส้นทางทั้งหกแห่งการเกิดใหม่
มองไปที่ซุปที่เหมิงโปยื่นให้ เทพธิดาแห่งการหลงลืม แสงแห่งความทรงจำแวบเข้ามาที่ดวงตาของของเธอ เธอรับซุปมาและดื่มมันจนหมดในครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม ร่างเงาของชางสือปรากฎขึ้นในหัวของเธอเมื่อเธอหลับตาลง
“รากแห่งความรักมันหยั่งลึกลงไปในใจของเธอ อย่างไรก็ตาม เธอสามารถข้ามสะพานแห่งนี้ไปหลังจากที่ตัดความสัมพันธ์ในอดีตได้แล้วเท่านั้น และเขาจะเป็นเพียงแค่อดีต ยิ่งเธอดื่มมันลงไปเต็มๆชามที่จะช่วงให้ความทรงจำของเธอนั้นถูกล้างไป…”
น้ำตาไหลลงมาบนหน้าของเสี้ยนเค่อ เธอยื่นมือไปที่เหมิงโปและพูดว่า “ฉันขออีกหนึ่งชาม ฉันอยากจะตามเขาไป อยากจะอยู่กับเขาในภพต่อไป”
เหมิงโปแทบจะทนไม่ได้ แต่เธอก็ยังมอบให้เธออีกชามหนึ่ง
หลังจากที่ดื่มน้ำแห่งการหลงลืมชามที่สองลงไปแล้ว เสี้ยนเค่อหมอบลงที่ด้านข้างของสะพานและร้องไห้ออกมาอย่างหนัก “ฉันยังลืมเขาไม่ได้!”
เหมิงโปถอนหายใจเมื่อเธอเห็นเหมิงโปร้องไห้ “ก็ได้ ข้าจะช่วยทำให้เจ้าลืมเขา”
ชามที่บริสุทธิ์ น้ำยาแห่งการหลงลืมที่แสนบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเหมิงโป เธอยื่นไปมันให้กับเสี้ยนเค่อช้าๆ
“ดื่มมัน เจ้าจะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้อย่างแน่นอน!”
…
เสี้ยนเค่อยืนขึ้นช้าๆหลังจากที่เธอได้ดื่มน้ำยาบริสุทธิ์ เธอเดินตรงไปอย่างเหม่อลอยพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาบนแก้ม
เธอรู้สึกราวกับว่าเธอได้สูญเสียบางสิ่งที่สำคัญ แต่เธอนึกไม่ออกว่ามันคืออะไร
ร่างเงาปรากฏขึ้นข้างๆเหมิงโป เขามองดูผู้หญิงคนนั้นที่กำลังเดินจากไปด้วยความรัก จนกระทั่งเธอหายไปที่สุดปลายทางของสะพาน…
“เจ้าตัดสินใจหรือยัง?” เหมิงโปจ้องไปที่ชางสือ
“ครั้งนี้ความผิดมันอยู่ที่ข้า มันจะไม่แตกต่างจากการนิรโทษกรรมเลยถ้าเจ้าส่งข้าเข้าไปในเส้นทางแห่งการเกิดใหม่ สิ่งที่ข้าได้กระทำลงไปนั้นข้าต้องรับผิดชอบมันด้วยตัวข้าเอง เพียงแค่ทำลายวิญญาณของข้า ก็ไม่สามารถแก้ไขบาปของข้าได้ ข้าไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เฝิงตูหรือจุดชนวนสงครามระหว่างสองโลก”
เหมิงโปถอนหายใจอย่างแรงเมื่อเธอเห็นใบหน้าที่ดูตั้งใจของชางสือ เธอจึงเปิดประตูแห่งการหลงลืมที่อยู่ด้านล่างของแม่น้ำแห่งการหลงลืม
“เจ้าจะไม่มีตัวตนอีกต่อไปหลังจากนี้ โลกนี้อาจจะไม่มีชางสืออีกต่อไป แต่ข้า เหมิงโปจะจดจำเจ้าเอาไว้ในความทรงจำ!”
จางสือพยักหน้าและเดินไปที่ประตูแห่งการหลงลืมด้วยความแน่วแน่
เสียงของเหมิงโปดังขึ้นมาอีกครั้งในตอนที่เงาของจางสือกำลังจะถูกปกคลุมโดยประตูแห่งการหลงลืม
“โชคชะตาทั้งสองผูกกันมานานกว่าร้อยชาติ ข้าจะปลุกความทรงจำในอดีตของเจ้าเมื่อมันถึงเวลา จางสือ การที่ทำให้เจ้าได้เห็นภาพความสัมพันธ์ในอดีตของเจ้าเป็นสิ่งสุดท้ายที่ข้าจะทำให้เจ้าได้”
แสงไฟด้านหน้าของเขาสว่างขึ้น และภาพเงาก็เริ่มปรากฏขึ้นมาในช่วงสุดท้ายของเขา ชางสือเห็นการเกิดใหม่ของเขาในอดีตร้อยกว่าครั้งและน้ำตาก็ไหลนองเต็มหน้าเขาอย่างควบคุมไม่ได้
เธออยู่ข้างกายเขามาโดยตลอด
เขาเป็นราชาในชาติแรก แม้ว่าเขาจะปกครองโลกและอาณาจักรของเขานั้นจะสวยงามมาก แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะมาเปรียบเทียบกับสัญลักษณ์สีแดงที่อยู่ระหว่างดวงตาของเธอและสายตาที่ไม่มีใครมาเทียบได้
เขาเป็นขุนพลในชาติที่สอง แม้ว่าเขาจะมีชีวิตที่ด้วยความฟุ่มเฟือย แต่ก็ไม่มีอะไรเทียบกับเส้นผมสีดำดุจไหมและรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบ
เขาเป็นปรมาจารย์ดาบในชาติที่สาม แม้ว่าเขาจะท่องไปรอบโลกและสร้างชื่อเสียงให้แก่ตัวเองด้วยดาบของเขา แต่ก็ไม่มีอะไรสามารถเทียบกับความงดงามและอ่อนโยนของผิวกายของเธอ
เขาเป็นนักเปียโนในชาติที่สี่ แม้ว่าเขาจะแสดงให้เหล่าขุนนางได้ฟังและบรรเลงโน้ตที่ไพเราะจนนับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีอะไรสามารถเทียบได้กับเสียงของฟรุตที่เธอบรรเลงออกมา
เขาเป็นพระในชาติที่ห้า แม้ว่าเขาจะกำจัดความชั่วออกไปจากจิตใจและฝึกฝนบนเส้นทางแห่งพุทธศาสนา แต่เขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับดวงตาของเธอแต่แทบจะทอดทิ้งหน้าที่ของตัวเอง
…
เขาเป็นผู้ปกครองดินแดนในชีวิตนี้ แม้ว่าเขาจะมีทหารนับล้าน แม่ทัพที่เก่งกาจนับหมื่น แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับรอยยิ้มของเธอได้เลย
วิญญาณของเขาค่อยๆลอยลงไปใต้แม่น้ำแห่งการหลงลืม อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดที่วิญญาณของเขาได้รับก็ไม่สามารถเทียบได้กับความทุกข์ทรมานในความโหยหาต่อชีวิตในอดีต
เส้นผมสีขาวของชางสือลอยบนผิวน้ำขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าและส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา เสียงร้องของเขามีแต่ความขมขื่นจากความโหยหาต่อชีวิตของชาติที่ผ่านมา
โชคชะตาของพวกเขามาถึงจุดจบแล้วในชีวิตนี้…
ชางสือยังเศร้าโศกเสียใจจนกระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายที่วิญญาณของเขาถูกทำลายลง…