ที่เซฟโซน(เขตปลอดภัย)ของคฤหาสน์แห่งความตาย, เป่ยฉี
ผู้คนจำนวนมากมารวมกำที่จุดเกิด รออย่างจดจ่อต่อการปรากฏตัวของผู้เล่นที่พวกเขาเกลียดชัง
หลังจากรอมาประมาณสามชั่วโมง เงาร่างหนึ่งที่ทุกคนตั้งตาคอยก็ปรากฏขึ้นตรงจุดเกิด
เมื่อเข้าสู่เกม ฮู่เฮ่อถึงกับผงะเมื่อได้เห็นกลุ่มผู้เล่นจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่เพื่อรอเขา เขายิ้มออกมาเจื่อนๆและรีบออกจากเกมอย่างรวดเร็ว เขาหายไปในทันที
ทุกคนพูดไม่ออก
“บ้าเอ้ย! นี่มันหนีไปอีกแล้วเหรอ? พวกเรายังไม่ได้ระบายความโกรธเลย!”
“ไอ้งั่ง ข้าว่าจะขอให้เขาเอาหัวของชานามาคืน การรอคอยมันจะไปได้อะไรถ้ามันจะหนีไปแบบนี้?”
“ข้าคิดว่ามันคงไม่กลับมาออนไลน์แล้วหล่ะ”
เหล่าผู้เล่นยังคงเฝ้ารอคอยการปรากฏตัวของเขา ฮู่เฮ่อเองก็ปรากฏตัวขึ้นมาที่จุดเกิดอยู่หลายครั้งในช่วงเวลานี้ แต่เขาก็ออฟไลน์ไปเมื่อเขาเห็นว่ากลุ่มผู้คนยังคงรอเขาอยู่ที่นั่น
หลังจากที่อดทนรอคอยมากว่าครึ่งวัน ฮู่เฮ่อก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ออฟไลน์ กลับกัน เขาจ้องไปที่ทุกคนด้วยท่าทีหมดกำลังใจ
“สวัสดีทุกคน พวกนายไม่เบื่อกันหรือไง?”
ผู้เล่นบางคนถึงกับเอากระดานหมากรุกมาตั้งเล่นกัน บางคนก็เอาชุดเครื่องชงชามาและเริ่มทำชาดื่ม และอีกหลายคนก็รวมตัวกันเล่นไพ่ มันเหมือนกับเป็นศูนย์รวมความบันเทิงและก็ดูเหมือนว่าไม่มีใครจะมีความคิดที่จะออกไปจากที่นี่
ฮู่เฮ่อตะลึงกับสิ่งที่เขาเห็น เขาคิดอยู่ในใจ นี่มันเกมประเภทไหนกัน! ที่พวกเขาจะตามล่าอย่างจริงจังแม้กระทั่งในเซฟโซน
เมื่อได้เห็น มีพวกตัวเลือกเดียวที่เขาเหลืออยู่ ก็คือการรอคอยให้คนพวกนี้ออนไลน์จนครบกำหนดเวลาและหลบหนีออกไปอย่างลับๆ ฮู่เฮ่อรู้สึกเศร้าที่ต้องคิดถึงเรื่องพวกนี้
ในตอนนี้ มีกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้ามาจากไกลๆ
“เฮ้ พี่น้อง ได้เวลาเปลี่ยนเวรแล้ว ไปทำภารกิจของพวกนายเถอะถ้าจำเป็น หรือไปก็ไปล่าวัตถุดิบเล่น”
เมื่อผู้คนที่อยู่รอบจุดเกิดได้ยิน พวกเขาก็เก็บข้าวของและยืนขึ้น พวกเขาเดินออกไป และกลุ่มคนกลุ่มใหม่ก็เข้ามานั่งรอบๆจุดเกิด
ฮู่เฮ่อหมดคำบรรยาย
“ยอมแพ้ซะเถอะ กิลด์ใหญ่ๆทุกกิลด์ได้ลงมติกันว่าจะคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ 24 ชั่วโมงแบบไม่มีหยุดพัก พร้อมจะยอมแพ้หรือยัง?”
กู่หยูจากกิลด์มิธเดินเข้ามาที่จุดเกิดและตบไหล่ของฮู่เฮ่อ
“ไม่ใช่ว่ามันน่าสนใจเหรอ?” ซันฉีถามขึ้นขณะที่เขานั่งลงข้างๆขาของกู่หยู
“มันผิดศีลธรรมมากที่พวกนายทำแบบนั้น!” ฮู่เฮ่อถูกครอบงำไปด้วยความเศร้าโศกและความโมโห
“ผิดศีรธรรม?” กู่หยูสตั้นเมื่อได้ยิน มันดูแปลกนิดหน่อยที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้จากผู้ที่ขุดหลุมศพฝังตัวเอง
“แล้วศีลธรรมของนายไปไหนตอนที่นายขโมยหัวกะโหลกของชานาแล้วแทนที่มันด้วยของปลอมที่สร้างขึ้นจากไม้?” ซันฉีที่อยู่ข้างๆกัดฟันแน่นขณะที่ตอบโต้
ฮู่เฮ่อโบกมือ แสดงให้เห็นว่าเขานั้นเศร้าใจแค่ไหน เขานั่งลงที่จุดเกิดโดยไม่พูดคำใดๆออกมา เขามองไปที่สายตาของกู่หยูและคนอื่นๆ ทำให้ดูเหมือนว่าเขาพยายามโน้มน้าวพวกเขาด้วยความจริงใจ
“เออใช่ นายขุดหลุมศพ นายขุดหาอะไร ที่ทำให้นายต้องตกอยู่ในปัญหาแบบนี้?” กู่หยูและซันฉีถามขึ้นมาด้วยความสงสัยขณะที่พวกเขากำลังเล่นหมากรุกอยู่
ทำให้ฮู่เฮ่อคิดถึงฮิเดริกามิที่เขาได้เข้าไปพัวพันด้วย เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจอย่างแรง
“ข้าเกือบจะได้ฮิเดริกามิและเกือบกลายเป็นผู้เล่นที่ไร้เทียมทานแล้ว ถ้าข้อได้ครอบครองฮิเดริกามิ ข้าก็ไม่ต้องกลัวใครและสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ข้าเกือบทำได้แล้ว!” เมื่อเขาพูด เขาได้ใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งทำสัญลักษณ์
“ฮิเดริกามิ!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู่หยูรู้สึกถึงความสดชื่อขึ้นมาทันที
แม้ว่าเขาจะเป็นสาวกของเทพปิศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในเหล่าบรรดาคลาสสืบทอด แต่ข้อเสียของคลาสนี้ก็คือการพัฒนานั้นไม่เป็นระบบ เขาจึงไม่สามารถพัฒนาตัวเขาได้ในระยะยาวและจะต้องถูกคนอื่นๆก้าวข้ามไปอย่างแน่นอน
ฮิเดริกามิเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เขาพัฒนาคลาสได้และเป็นภารกิจที่สำคัญของเขา
“ฮิเดริกามิอยู่ไหน?” กู่หยูถามด้วยความรีบร้อน
“เขาอยู่ที่เมืองฝันร้ายปิศาจ เขาพยายามฟื้นฟูผ่าพลังงานที่ดูดซับไปจากตราผนึก ข้าใช้พลังงานไปมากมายในการขุดมันขึ้นมา ใครจะไปรู้ว่าตราผนึกนั่นมันเปราะบางมากและมันก็แตกออก ข้อรู้สึกโกรธแค้นมากเมื่อคิดถึงมัน” เมื่อคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ฮู่เฮ่อก็เริ่มโมโห
“แล้วเจ้าเข้าไปที่นั่นได้ยังไง?” กู่หยูตะลึง
เขานำทีมไปที่นั่นหลายครั้งแต่ก็ถูกขวางจากพิษซอมบี้ พวกเขาทั้งหมดต้องตายแม้จะยังไม่ได้เข้าไปในสถานที่นั้น
“พวกนายเคยไปที่นั่นด้วยเหรอ?” ฮู่เฮ่ตกใจ
“ตอบข้ามาเร็ว! เจ้าเข้าไปได้ยังไง?” กู่หยูถามด้วยความกระหาย
เมื่อเขาได้ยินคำถาม ฮู่เฮ่อดูเหมือนจะคิดอะไรได้ เขาจึงหัวเราะออกมาขณะที่พูด “คนๆหนึ่งจะต้องมีทักษะเฉพาะเพื่อที่จะเข้าไปในเมือง ในเมื่อนายไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้สร้างซอมบี้ของเรา นายก็ไม่รู้วิธีเข้าไปหรอก มันเป็นอะไรที่ยากมากที่จะเข้าไป แต่ถ้านายพาข้าไปด้วย ข้าสามารถช่วยให้เจ้าเข้าไปได้”
คำพูดของฮู่เฮ่อทำให้กู่หยูเริ่มมีความรู้สึกย้อนแย้ง
ในที่สุดเขาก็พบวิธีที่จะเข้าไปในเมืองฝันร้ายปิศาจ แต่มันดูเหมือนว่าผู้เล่นที่น่ากลัวคนนี้จะเป็นคนเดียวที่รู้วิธี มันทำให้เขาสงสัยว่าเขาจะสามารถทำอะไรได้บ้าง
“พี่ชาย ถ้าเจ้าอยากจะเข้าไป เจ้าจำเป็นต้องใช้ข้า เจ้าไปคิดก่อนก็ได้ ข้าเห็นความปรารถนาในดวงตาเจ้า” เมื่อฮู่เฮ่อรู้ว่ามันมีความเป็นไปได้สูง เขาก็ยิ้มจนปากแทบฉีก
“หัวหน้า เราปล่อยเจ้านี่ไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นกิลด์ของเราจบแน่!” ซันฉีคัดค้านทันทีเพื่อกีดกันกู่หยูที่ดูสนใจในข้อเสนอนั้น
กู่หยูรู้ดีถึงผลที่จะตามมา ตอนนี้กิลด์ใหญ่ๆได้ตกลงร่วมกันเพื่อที่จะเปลี่ยนเวรกันป้องกันพื้นที่ ดังนั้นถ้าเขาปล่อยชายคนนี้ไปโดยที่ไม่มีการอนุญาต เขาจะต้องถูกล้อมอย่างแน่นอน
มันเป็นสิ่งที่ยากที่จะได้เห็นความหวังในการพัฒนาตัวละคร เขาจึงไม่อยากจะยอมแพ้ง่ายๆ
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว กู่หยูก็เปิดกลุ่มแชทขึ้นมาและได้เพิ่มเฉินซีหยู หวู่กัวอี้ ลู่ฉาน หลิวไช่ และผู้นำคนอื่นๆเข้ามาในช่องแชท
กู่หยู: “พี่น้อง ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับพวกนายทุกคน!”
เย่เสี่ยวเอ้อ: “เรื่องอะไร?”
เฉินซีหยู: “ข้ากำลังสังหารวิญญาณชั่วร้ายอยู่ เดี๋ยวคุยกันทีหลัง!”
หลิวไช่: “คำถามเดียวกัน มีอะไร?”
เมื่อเห็นว่าผู้นำของทุกกิลด์ได้เข้ามาในกลุ่มแชทแล้ว กู่หยูก็อธิบายถึงความตั้งใจของเขา
กู่หยู: “พี่น้อง ข้ามีเรื่องที่จะต้องปรึกษาพวกนายทุกคน! ข้าขอยืมตัวผู้เล่นที่เป็นที่เกลียดชังที่สุดในตอนนี้ไปสักพักหนึ่งได้ไหม? ข้ารับประกันว่าจะไม่ปล่อยให้มันหนีไปได้!”
เย่เสี่ยวเอ้อ: “ไม่!”
หลิวไช่: “ไม่+1”
หวู่กัวอี้: “ไม่+2”
เฉินซีหยู: “ไม่+3”
กู่หยูรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีเมื่อเขาเห็นคำตอบที่ปฏิเสธคำขอของเขา
แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ต่อโอกาสที่จะได้พัฒนาคลาส เมื่อคิดไตร่ตรองมากขึ้น เขาจึงพยายามอธิบายอีกครั้งและบอกเกี่ยวกับความยากในการพัฒนาคลาสของเขา ถ้าไม่มีฮู่เฮ่อ มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำมันได้สำเร็จ
เมื่อได้เห็นความจริงใจของกู่หยู เหล่าผู้นำของกิลด์หลักก็เริ่มลังเล
อย่างที่พูดกัน ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน ดังนั้น กู่หยูจึงสัญญาที่จะมอบประโยชน์และให้ความมั่นใจว่าเขาจะส่งตัวชายคนนี้กลับมาที่เซฟโซนเมื่อเขาเสร็จภารกิจ หลังจากที่เขาพยายามมา พวกเขาก็ตกลงด้วยความฝืนใจที่จะให้กู่หยูได้ยืมตัวฮู่เฮ่อไปเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
หลังจากที่ได้รับอนุญาตจากกิลด์หลักทั้งหมด กู่หยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาหันไปมองฮู่เฮ่อ
“ไปกันเถอะ พาข้าไปที่เมืองฝันร้ายปิศาจ แต่เพื่อมั่นใจว่าเจ้าจะไม่หนีไปหรือออฟไลน์หนี เจ้าต้องคงสถานะการต่อสู้”
เมื่อได้ยินคำพูดของกู่หยู ฮู่เฮ่อก็แสดงความประหลาดใจออกมาทางสีหน้าขณะที่กำลังคิดว่าจะต้องโง่แค่ไหนที่จะไม่หนี
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้ยินกู่หยูพูดถึงการคงสถานะต่อสู้เพื่อป้องกันไม่ให้ออฟไลน์ เขาก็สตั้นไปในทันที
“เราจะคงสถานะสู้ได้ยังไง?”
“ง่ายๆเลย ก็แค่ให้เจ้าหมานี่กัดนายเอาไว้ตลอดทาง!”
ทั้งฮู่เฮ่อและซันฉีไม่รู้จะพูดอะไร…