ผู้เล่นนับล้านคนเบียดเสียดกันไปทั่วทุกที่จากข้อความกิจกรรมในระหว่างกิจกรรมวันปีใหม่
มันเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดในสายตาของกองกำลังอื่นๆในดินแดนแห่งเป่ยฉี ผู้เล่นนับล้านคนรีบมุ่งหน้าไปที่พื้นที่และใช้สกิลต่างๆออกมาในอากาศในทุกๆชั่วโมง
ราชาภูตหินที่ได้ติดต่อกับเหล่าเกมเมอร์อยู่บ่อยๆนั้นใจเย็นที่สุด นอกเหนือจากเขา กองกำลังอื่นๆทั้งหมดในเป่ยฉีก็ตกตะลึง โดยเฉพาะราชาไฮดร้าในดินแดนสวรรค์
มันเกิดขึ้นมาแล้วสามครั้งใครคืนนี้ที่เหล่าผู้เล่นพุ่งเข้าไปและโจมตีอย่างบ้าคลั่งไปในอากาศ
ราชาไฮดร้ารู้สึกว่าเขากำลังจะบ้าจากเกมเมอร์กลุ่มนี้
มันเหมือนเป็นแรงกระตุ้นให้เขาเริ่มบุกโจมตีและทำลายสิ่งมีชีวิตพวกนี้ให้สิ้นซาก
…
ห้องฝึกสกิลในเซฟโซน – คฤหาสน์แห่งความตาย
“อาจารย์ ข้าคิดว่าเราน่าจะพยายามและเรียนรู้”
ผู้ฝึกสอนสกิล ฉู่เฟิ่ง จิบไวน์จิตวิญญาณไม้ ไม่มีอะไรจะพูด เขาเอาแต่จ้องไปที่เมอร์ฟี่และโพเมโล่น้อยที่อยู่ด้านหน้าเขา เขาเบื่อหน่ายที่พวกเขาเอาแต่ปฏิเสธที่จะเชื่อว่าพวกเขานั้นยังไม่เชี่ยวชาญสกิล
“พวกเจ้าอยากเรียนจริงๆใช่ไหม?”
“ใช่!” ทั้งสองคนตอบด้วยความตื่นเต้นขณะที่พวกเขาคิดว่าผู้ฝึกสอนสกิลกำลังจะสอนพวกเขา
“ข้าจะบอกอะไรให้… ข้าได้ยินมาว่าตงกั่วที่ทำงานอยู่ที่อีกฝั่งของถนนนั้นได้พบกับเผ่าต้องสาปที่รู้วิธีใช้สกิลสังเวยปัญญา ข้าแน่ใจว่าเขาจะต้องรู้วิธีฝึกฝนมันอย่างแน่นอน พวกเจ้าของไปถามเขาดูสิ… แล้วอีกอย่าง อย่าพูดถึงข้านะ”
เมอร์ฟี่กับโพเมโล่น้อยทำหน้าตาจริงจังเมื่อได้ยิน พวกเขาพยักหน้าก่อนที่จะออกไปและเดินข้ามถนนไป
ฉู่เฟิ่งถอยหายใจออกมาด้วยความโล่ง เขายกขวดไวน์ขึ้นมาราวกับว่าวิกฤติมันผ่านพ้นไปแล้ว แต่ถึงยังไง เขาก็ต้องสำลักไวน์ออกมาจากปากก่อนที่เขาจะกลืนมันลงไปเมื่อเขาเห็นทั้งสองคนนั้นกลับมาที่ประตูอีกครั้งและจ้องเขาอยู่
“มีอะไรอีก?” ฉู่เฟิ่งเช็ดเสื้อผ้าและถามออกมา
“อาจารย์ ท่านลืมมอบภารกิจ(เควส)ให้แก่พวกเรา พวกเราไม่ได้รับข้อความอะไรที่เกี่ยวกับเควสลับเลย”
ฉู่เฟิ่งพูดไม่ออก
“มันไม่เควสเควส มันเป็นเพียงแค่คำแนะนำ เควสลับควรจะอยู่กับตงกั่ว รีบๆไป”
“โอ้! ท่านมีความสุขกับไวน์ของท่านต่อไปนะอาจารย์ พวกเราจะหาไวน์จิตวิญญาณไม้มาให้ท่านเยอะๆเลยถ้าเราเชี่ยวชาณสกิลแล้ว”
ฉู่เฟิ่งพยักหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยิน
ทั้งสองคนทำตามคำแนะนำของฉู่เฟิ่งและไปปรากฏที่หน้าร้านของตงกั่วในเวลาสั้นๆ
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนไม่ได้เข้าไปเนื่องจากมีป้ายแขวนเอาไว้บนประตูของร้าน
[ข้ากำลังหลับอยู่และข้าจะทำงานเมื่อไหร่ก็ตามที่ข้าอยากทำ ข้าจะหักขาใครก็ตามที่กล้าเคาะประตู!]
ทั้งสองคนมองหน้ากัน โพเมโล่น้อยกระซิบ “เมอร์ฟี่ เราจะทำยังไงดี?”
“ท่านตงกั่วบอกแค่ว่าห้ามเราเคาะประตู ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นอะไรถ้าเราไม่เคาะนะ” เมอร์ฟี่น้อยตอบขณะที่ชี้ไปที่หน้าต่างที่เปิดอยู่เพียงครึ่งบานข้างๆประตู
โพเมโล่น้อยตะลึง จากนั้นเขาก็พยักหน้า ทั้งสองคนเริ่มคลานเข้าไปในร้านจากหน้าต่าง
ร้านมันดูเล็กแต่พื้นที่ด้านในนั้นกว้างใหญ่มาก มันมีเตาหลอมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางและขวดไวน์ระเกะระกะไปทั่วห้อง
ขณะเดียวกัน ตงกั่วที่นอนอยู่บนเตียง เสียงกรนที่ดังสนั่นของเขามีกลิ่นแอลกอฮอล์ลอยออกมาด้วย
“ท่านตงกั่ว! ท่านตงกั่ว!”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปข้างเตียงและเริ่มเขย่าตัวเขาที่กำลังนอนหลับอย่างสบายอยู่
“เราควรจะทำยังไงดี? ดูเหมือนเขาจะเมามาก” โพเมโล่น้อยยักไหล่
“ขอคิดแปป” เมอร์ฟฟี่พูดออกมาขณะที่กำลังตรวจสอบร่างกายของตงกั่วก่อนที่จะโฟกัสไปที่สิ่งที่เหมือนไส้เดือนระหว่างขาของเขา
“ไม่นะ มันไม่เหมาะสม…” โพเมโล่น้อยดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของเขาแต่ก็ยังลังเลอยู่
เมอร์ฟี่ไม่ตอบอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มออกมา เขายื่นมือออกไปและหยิบไส้เดือนของตงกั่วอย่างแรง
เมื่อจุดตายของเขาถูกโจมตี ตงกั่วลุกขึ้นมาทันทีด้วยตาที่เบิ่งกว้าง เขามองไปที่สองคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“สวัสดี! ท่านตงกั่ว!” ทั้งสองคนคำนับอย่างเร็ว
“เจ้า… พวกเจ้า… บ้าเอ้ย… เจ็บโว้ย!”
“ท่านตงกั่ว พวกเรามาเพื่อขอคำแนะนำจากท่าน”
“โอ้ย…คำแนะนำ…แนะนำบ้าอะไร… พวกเจ้าทำอะไรกับข้าไป?” ตงกั่วหน้าแดงขณะที่กุมเป้าเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด
“ท่าน ท่านรู้วิธีบ่มพลังสังเวยปัญญาหรือไม่?” ทั้งสองก้มคำนับและถามอีกครั้ง
ความรู้สึกที่เหมือนโดนผึ้งต่อยจากช่วงล่างของร่ายของ ตงกั่วอยากร้องไห้ แต่เขานั้นไม่มีน้ำตา การที่เขาเกือบจะสูญเสียเจ้าตัวน้อยของเขาไปในขณะที่เขากำลังหลับมันน่ากลัวตัวเขามาก
ข้าจะเหม็นหมันไหมเนี่ย? ตงกั่วคิด
ตงกั่วลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยร่างกายที่สั่นเทาขณะที่จับเตียงเอาไว้เพื่อพยุง เขาไม่สนใจสองคนนั้น เขาเดินไปในห้องก่อนที่จะปิดประตูอย่างแรง
ทั้งสองคนรอจนตงกั่วกลับมาพร้อมกับเสื้อคลุมสีแดงและท่าทีที่ไร้ชีวิต
“ท่านตงกั่ว!” ทั้งสองคนคำนับอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“ข้าไปทำอะไรให้พวกเจ้ากัน?” ตงกั่วถามด้วยความสิ้นหวัง
“ทำอะไร? ท่านตงกั่ว ข้าคิดว่าท่านเข้าใจอะไรผิด พวกเรามาที่นี่เพื่อขอคำแนะนำ”
ตงกั่วไม่เชื่อคำพูดเหล่านั้นแม้แต่น้อย เขาเดินไปที่เตียงและนั่งลงอีกครั้ง สายตาจ้องไปที่ทั้งสองคน
“อย่างแรก บอกข้ามาว่าเจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
ทั้งเมอร์ฟี่และโพเมโล่น้อยชี้นิ้วไปที่หน้าต่างพร้อมกัน
ตงกั่วรู้สึกปวดใจเพียงแค่เหลือบไปมอง เขาถาม “เจ้าทำแบบนี้เพื่ออะไร?”
ตงกั่วพยายามจะซื้อเวลาให้ตัวเองเพื่อดูว่าเขานั้นจะสามารถแก้แค้นได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม การบ่มพลังของเขานั้นเป็นศูนย์และความแข็งแกร่งในตอนนี้ก็ทำให้เขาทำอะไรไม่ได้ เขาทำได้เพียงแค่ประนีประนอม
“ท่านตงกั่ว ท่านรู้จักการสังเวยปัญญาไหม?”
“สังเวยปัญญา?” ตงกั่วสตั้นไปครู่หนึ่ง
ทำไมเขาจึงไม่คุ้นกับชื่อนี้เลยในเมื่อมันเป็นสกิลที่ทรงพลังของเผ่าต้องสาป? เขาจำได้ดีถึงการต่อสู้ที่นำมาซึ่งการล่มสลายของเผ่าต้องสาป พวกเขานั้นโชคดีที่ผู้อาวุโสของเผ่านั้นใช้สังเวยปัญญาทุกวัน ถ้าเขาเป็นผู้ถูกเลือก เขาจะต้องตายแน่ๆ
“พวกเจ้าถามถึงมันทำไม?” ตงกั่วสงสัย
“พวกเราได้เลื่อนระดับเป็นสาวกต้องสาปและอยากจะเชี่ยวชาญสกิลสังเวยปัญญาที่แข็งแกร่งนี่เพื่อเป็นนักฆ่าที่แกร่งที่สุด!”
“สาวกต้องสาป?”
ตงกั่วนึกขึ้นได้ทันที ถึงผู้เล่นที่สามารถพัฒนาสกิลของเผ่าต้องสาปได้หลังจากเลื่อนคลาส
ทันใดนั้น ตงกั่วก็เริ่มเชื่อว่าที่สองคนมาที่นี่นั้นไม่ใช่เพื่อการแก้แค้น
อย่างไรก็ตาม วิธีที่พวกเขาใช้เพื่อขอคำแนะนำทำให้เขาค่อนข้างหัวเสีย แม้ว่าเขาจะรู้ความลับของเผ่าต้องสาป แต่เขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะแบ่งปันมันให้กับสองคนนี้
“ลืมมันซะ คุณสมบัติของเจ้าทั้งสองคนนั้นอยู่แค่ระดับกลางและพวกเจ้าไม่สามารถฝึกมันได้” ตงกั่วพูดหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ท่านตงกั่ว ได้โปรดสอนพวกเราด้วยเถิด พวกเขาจะไม่ยอมแพ้ถ้าพวกเรายังไม่เชี่ยวชาญสกิลนั้น!”
“โอ้? แล้วยังไง?” ความภาคภูมิใจของตงกั่วเพิ่มสูงขึ้น เขายกขาขึ้นมาวางบนเตียงพร้อมกับใบหน้าที่ดูภาคภูมิใจ
“พวกเราจะช่วยพยุงท่านด้วยความจริงใจและมาหาท่านบ่อยๆเพื่อขอคำแนะนำ!”
ตงกั่วตาโตเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทำไมทั้งสองคนนี้ที่ดูจริงจังถึงได้หน้าไม่อายขนาดนี้?
มันดูเหมือนว่าพวกเขาพยายามจะโจมตีใส่เขาอีกครั้ง
การคุกคามที่ซ่อนอยู่ของสองคนนี้มันได้ผลกับตงกั่วที่เริ่มจะเชื่อฟัง
แผนเดิมของเขาคือแก้แค้นเมื่อเขาฝึกฝนโชคชะตาเพื่อเสริมพลังงานบ่มพลังของเขาสำเร็จ อย่างไรก็ตาม สองคนที่อยู่หน้าเขาเป็นเกมเมอร์ ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นอมตะ แม้ว่าเขาจะสามารถแก้แค้นได้ แต่หลังจากนั้นไส้เดือนของเขาจะต้องกุดอย่างแน่นอนถ้าสองคนนี้กลับมาหาเขาอีกในอนาคต
ตงกั่วเงยหน้าขึ้น
“ข้าสอนพวกเจ้าได้ แต่มีเงื่อนไขหนึ่ง”
“ว่ามาเลย ท่านตงกั่ว พวกเขาพร้อมจะรับมัน!” สายตาของพวกเขานั้นส่องเป็นประกาย