หลังจากที่ผู้อาวุโสทั้งสองถูกทุบตีอย่างดุร้ายและเลือดเย็นเสร็จ แสงสีขาวกระพริบจากร่างเงานั้นหายไป เผยให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคนที่อยู่ในแสงสีขาวที่ทำให้มองไม่เห็น
ทั้งเมอร์ฟีและพาเมโลน้อยงงงวยเมื่อพวกเขาเห็นลักษณะของบุคคลนี้
คนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าโดยผู้อาวุโสทั้งสองนั้นจริงๆแล้วเป็นเด็กอายุประมาณ 7 หรือ 8 ปี ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่งและความภาคภูมิใจ ในขณะที่เขาจ้องมองคนอื่นอย่างเหนือกว่า
การแจ้งเตือนปรากฏขึ้นทันทีด้านหน้าทั้งสองคน :
[โฟรเซ่น (จักรพรรดิผีขั้นกลาง)]
ข้อมูลตัวละคร : ลูกหลานของตระกูลศักสิทธิ์แห่งเป่ยฉี หัวหน้าเผ่าของเผ่าไอซ์โสนว์ และเป็นนายพลที่แกร่งที่สุดภายใต้ผ้บังคับบัญชาของราชาแห่งเป่ยฉีองค์แรก
ข้อมูลความสามารถ: ระดับต้นของการควบคุมกฎน้ำแข็ง
(คำเตือนจากผู้ดูแลเกม : อย่าให้เขาโกรธ)
เมื่อพวกเขาเห็นข้อความ การแสดงออกของเมอร์ฟีและพาเมโลน้อยก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือก ในขณะที่พวกเขาสั่นอย่างรุนแรงด้วยความหวาดกลัวจนเป็นอัมพาต
ตามความรู้ก่อนหน้านี้ นอกเหนือจากเทพปีศาจซึ่งความแข็งแกร่งไม่เป็นที่แน่ชัด สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้คือราชาทะเลและตงกั่ว
อย่างไรก็ตามพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอย่างมากในระดับราชาผี มันดูเหมือนไม่น่าเชื่ออย่างแท้จริงที่ว่าเด็กด้านหน้าที่ซ่อนตัวอยู่ในดินแดนน้ำแข็งนี้สามารถบรรลุถึงพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ในระดับเหนือราชาผี
หลังจากนวดมือของเขาสักพักหนึ่ง โฟรเซ่นก็วางมือไว้ด้านหลังและจ้องไปที่ผู้อาวุโสทั้งสองที่มีใบหน้าเจ็บปวดอย่างหนัก แล้วพูดว่า “บอกข้ามาสิ พวกเขาเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
“หัวหน้า พวกเขาถูกพาเข้ามาโดยพวกเด็กๆ มันไม่ใช่ความผิดของเราจริงๆ” ผู้อาวุโสสโนว์รีบอธิบาย โดยเกรงว่าเขาจะถูกตีอย่างไร้ความปราณีอีกครั้ง
“ใช่แล้ว ผู้อาวุโสสโนว์พูดถูก เด็กเหล่านั้นพาพวกเข้าเข้ามา มันดูเหมือนว่าพวกเขากำลังหามาตระกูลต้องสาป” ผู้อาวุโสไอซ์ยกนิ้วของเขาขึ้นและชี้ไปที่รูปปั้นน้ำแข็งบนหน้าผาน้ำแข็ง
โฟรเซ่นเงยหน้าขึ้นและมองไปที่รูปปั้นน้ำแข็งในทิศทางที่ผู้อาวุโสไอซ์ชี้ไป ก่อนที่จะหันไปดูเมอร์ฟีและพาเมโลน้อย
“ใครบอกพวกเจ้าทั้งสองว่าตระกูลต้องสาปอยู่ในอาร์กติกอบีส?”
“ตงกั่ว!” พวกเขาสองคนเปิดเผยตัวตนคนบอกโดยไม่ลังเล
“ใครคือตงกั่ว?” โฟรเซ่นในไม่ช้าก็งุนงง ในขณะที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าบุคคลนี้คุ้นเคยกับอาร์กติกอบีส
“ตงกั่วคือห่านยักษ์” เมอร์ฟีตอบทันที
“ไม่ เขาคือนกกระเรียนสวรรค์ เขาแม้กระทั่งมีข่าวลือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ราชาเป่ยฉี” พาเมโลน้อยเสริมเข้ามาอย่างเร่งรีบเช่นกัน
“นกกระเรียนสวรรค์งั้นเหรอ? แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ราชาเป่ยฉียังงั้นเหรอ?”
โฟรเซ่นสับสนและไม่เชื่ออย่างแน่นอน
จากสิ่งที่เขารู้ แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ราชาแห่งเป่ยฉีควรจะเป็นเขา ตงกั่วนี้มันออกมาจากที่ใด?
“ตงกั่วนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ราชาแห่งเป่ยฉีจริงงั้นเหรอ? แล้วใครคือราชาองค์ปัจจุบันของเป่ยฉี?” โฟรเซ่นถามอีกครั้ง
“ราชาแห่งเป่ยฉีองค์ปัจจุบันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลู่หยาน ผู้บอกข่าวประจำ…” พาเมโลน้อยหยุดพูดเมื่อนึกขึ้นได้ เธอหยุดตัวเองจากการพูดมากขณะที่เธอกลัวว่าจะถูกตีโดยเขา
“อะไรน่ะ” โฟรเซ่นอุทาน ในขณะที่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก
“ราชาแห่งเป่ยฉีองค์แรกอยู่ที่ไหน?” โฟรเซ่นถามอย่างเร่งรีบ โดยรู้สึกราวกับว่าหน้าอกของเขาจะระเบิด
ในตอนแรกเขาทำตามคำสั่งของราชาแห่งเป่ยฉีองค์แรกที่ให้มาหลบซ่อนตัวในอาร์กติกอบีสเป็นเวลาหลายพันปี อย่างไรก็ตามเขารู้สึกตกใจอย่างมากเมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับการออกจากตำแหน่งราชาของราชาองค์แรก ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นี่ไม่ใช่เวลาเราเสียเวลาไปเหรอ?
สีหน้าของโฟรเซ่นมืดลงทันทีเมื่อเขาคิดถึงมันยิ่งทำให้เขาไม่พอใจ
“เจ้าไร้ประโยชน์ลู่หยานมาเป็นราชาแห่งเป่ยฉีได้อย่างไร? ข้าจะไปฆ่าเขาตอนนี้ หากราชาองค์ก่อนหน้าจากไปแล้ว ราชาคนต่อไปควรเป็นข้า ในฐานะข้าคือลูกหลานที่แท้จริงของตระกูลศักสิทธิ์แห่งเป่ยฉี”
“ว่าแต่ว่า เจ้าจิตวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งเป่ยฉียังอยู่ที่นั่นหรือไม่?” โฟรเซ่นดูเหมือนจะจำบางสิ่งบางอย่างและถามอย่างรวดเร็ว
“จิตวิญญาณผู้พิทักษ์?”
เมอร์ฟีและพาเมโลน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกถึงเมนูวิเคราะห์ของตงกั่วซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะเป็นชาติกลับมาเกิดของจิตวิญญาณผู้พิทักษ์แห่งเป่ยฉี
“หัวหน้าเผ่า มันดูเหมือนว่าจิตวิญญาณผู้พิทักษ์นั้นคือตงกั่ว”
เมื่อเขาได้ยินคำตอบของพวกเขา โฟรเซ่นบีบมืออย่างแน่นหนา
“ตงกั่ว ใช่มั้ย? เมื่อเห็นว่าเจ้านี้ยังไม่ตายอีก มันเยี่ยมมาก ข้าแค่ต้องฆ่ามันอีกครั้ง”
การสนทนาเกี่ยวกับจิตวิญญาณผู้พิทักษ์ทำให้โฟรเซ่นนึกถึงเกี่ยวกับหนังสือศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าวิถีแห่งโชคชะตาที่เผ่าไอซ์สโนว์นมัสการ
ในอดีต หนังสือศักดิ์สิทธิ์ถูกขโมยโดยจิตวิญญาณผู้พิทักษ์ของเป่ยฉี อย่างไรก็ตามมันจะต้องจ่ายในราคาที่สูงมากสำหรับการโจรกรรมและถูกไล่ล่าสังหารอย่างโหดเหี้ยมโดยเผ่าไอซ์สโวน์ อย่างไรก็ตามความกลัวของมันทำให้ผู้พิทักษ์วิญญาณไม่ได้ถูกฆ่าในเหตุการณ์นั้น แทนที่มันเปลี่ยนชื่อของมันเปลี่ยนเป็นตัวตนใหม่
“ดีมาก”
“ลู่หยานและตงกั่ว ทั่งคู่ต้องตาย!” รอยยิ้มอันน่ากลัวปรากฏบนใบหน้าของโฟรเซ่นในขณะที่เขาปรากาศด้วยเสียงร้องดัง
หลังจากรู้ว่าราชาองค์แรกของเป่ยฉีเสียชีวิตแล้ว โฟรเซ่นรู้สึกว่าไม่มีใครสามารถระงับเขาได้อีกต่อไป ได้เวลาของเผ่าไอซ์สโนว์ที่จะครองตำแหน่งสูงสุดในดินแดนเป่ยฉีแล้ว
เมอร์ฟีและพาเมโลน้อยลิ้นแข็งขณะที่พวกเขาดูการแสดงออกทางสีหน้าอันร่าเริงของโฟลเซ่น พวกเขาไม่มีหัวใจที่จะบอกเขาว่าลู่หยานนั้นหายไปแล้ว
“ข้ารู้สึกปิติมาก เจ้าทั้งคู่ พวกเจ้าต้องการผลตอบแทนเช่นใด?” เขาจ้องมองไปที่ทั้งคู่ด้วยมือของเขาที่ด้านหลัง
“ไม่เป็นไร เราไม่ต้องการอะไรเลย ตอนนี้สังเวยปัญญาไม่อาจเรียนได้อีกแล้ว เราจะจากไปแล้วตอนนี้” เมอร์ฟีโบกมือด้วยสีหน้าผิดหวังอย่างมากราวกับว่าความหวังทั้งหมดหายไป
“อย่าพูดถึงมันไอ้สังเวยปัญญากระจอกๆนั้น เจ้าคิดเหรอว่าข้าในฐานะลูกหลานแห่งตระกูลศักสิทธิ์ไม่สามารถให้อะไรเจ้าที่มันดีกว่านั้นได้?” โฟรเซ่นม้วนแขนเสื้อของเขาขึ้น ลักษณะดูเหมือนว่าเขาพร้อมที่จะจู่โจมใครซักคน
“ใช่แล้ว ผู้คนจากเผ่าไอซ์สโนว์มีทุกสิ่ง เรามีหนังสือศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถช่วยให้บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์!” ผู้อาวุโสทั้งสองตะโกนอย่างอวดดีจากด้านข้าง
“หนังสือศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์หรือไม่? มันอยู่ที่ไหน?” ทั้งคู่ถามด้วยตาที่สดใสและคาดหวัง
เมื่อเขาได้ยินคำถามที่กระตือรือร้น โฟรเซ่นก็หยุดหัวเราะในความอับอายและปล่อยหัวเราะแห้งๆ
“อแฮ่ม อแฮ่ม หนังสือศักดิ์สิทธิ์เป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูลเรา แน่นอนว่าข้าไม่สามารถมอบให้เจ้าได้ อย่างไรก็ตามข้าจะให้บางสิ่งเป็นการแลกเปลี่ยน”
“แล้วเราต้องการสังเวญปัญญา” พวกเขาทั้งสองดูเจ็บปวดอีกครั้ง
“ไอ้ขยะสังเวยปัญญาคืออะไร มันมีอะไรดีหนักหนา?” โฟรเซ่นถามด้วยความรำคาญ
“มันเป็นสกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลต้องสาปและอาชีพนักฆ่าในเซิฟตอนนี้ไม่มีใครรู้วิธีจะใช้สกิลนี้เลย” เมอร์ฟี่พูดอย่างตรงไปตรงมา
“สกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลต้องสาปคืออะไร? เซิฟคืออะไร?” โฟลเซ่นถูกทำให้สับสนเล็กน้อยโดยคำตอบที่ไม่น่าเชื่อของพวกเขา
“ตระกูลนักฆ่าที่ทรงพลังที่สุดไม่ใช่เหล่าเงาในเป่ยฉีงั้นเหรอ? มันกลายเป็นตระกูลต้องสาปจากอาณาจักรนารากะได้ยังไง?”
“ตระกูลเงาไหน?” เมอร์ฟีและพาเมโลน้อยสับสนอย่างเห็นได้ชัด เพราะพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อหรือใครก็ตามจากเป่ยฉีพูดถึงมันมาก่อน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง โฟรเซ่นก็พูดอีกครั้ง
“หากเจ้าต้องการเรียนทักษะนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าสามารถสอนให้เจ้าได้ อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มาจากตระกูลต้องสาป”
“มันมาจากตระกูลเงางั้นเหรอ?” พาเมโลน้อยถามโดยไม่รู้ตัว
“แน่นอน”
“มันทรงพลังยิ่งกว่าสังเวยปัญญาหรือปล่าว?”
“ข้าไม่รู้ว่าสังเวยปัญญาคืออะไรเลย มันทรงพลังจริงๆงั้นเหรอ?” โฟลเซ่นเริ่มรู้สึกร้อนใจ ขณะที่คนสองคนด้านหน้าเขาดูเหมือนเป็นพวกคิดลึกและเชื่องช้า
“แน่นอนมันทรงพลัง มันเป็นหนึ่งในทักษะที่ดีที่สุดจากอาณาจักรนารากะ หากคุณสามารถเชี่ยวชาญมันได้ คุณจะมีพลังทำลายทุกคนที่คุณต้องการ”
“มันไม่ใช่เพียงแค่ทักษะไร้ประโยชน์จากนาระกะ…”
โฟรเซ่นหยุดพูดทันที กลืนคำพูดเยาะเย้ยที่เขากำลังจะพูดออกไป
เมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับอาณาจักรนารากะและทักษะขั้นสุดยอด โฟรเซ่นรู้แล้วว่าการโจมตีนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งแค่ไหน
อาณาจักรนารากะมีระบบการฝึกฝนขนาดใหญ่ในอันเดิลเวิล์ด และทักษะขั้นสูงสุดของมันนั้นมีชื่อเสียงในด้านพลังทำลายล้าง มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้เกี่ยวกับพวกเขา
“คุณไม่คิดว่ามันแข็งแกร่งมากใช่มั้ย?”
“มันก็….พอได้” โฟลเซ่นฝืนใจบีบรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
“อย่างไรก็ตามทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของนารากะเป็นเพียงคาถา วิธีการลอบสังหารนั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกับตระกูลเงาได้” โฟลเซ่นอวดอ้างอย่างดื้อรั้น
“จริงงั้นเหรอ?”
“แน่นอน มันเป็นเรื่องจริง ตระกูลเงาแม้แต่เคยลอบสังหารพระเจ้า…วิธีการลอบสังหารของพวกเขานั้นไร้คู่แข่งอย่างแท้จริง”
“แล้วพวกเขาจัดการสังหารพระเจ้าได้ไหม?” เมอร์ฟี่และพาเมโลน้อยถาม เมื่อหัวใจของพวกเขาหวั่นไหวด้วยคำพูดคุยที่โอ้อวดของเขา
“ไม่”
“ยังไงก็ตามที หัวหน้าเผ่า คุณสามารถให้เหรียญวิญญาณเราสักเล็กน้อยหากคุณมีมัน มิฉะนั้น ก็ลืมมันซะ เราจะกลับมือเปล่า”
เมอร์ฟี่และพาเมโลน้อยโบกมืออย่างหงุดหงิดขณะที่พวกเขาเตรียมออกจากสถานที่ที่ถูกทอดทิ้งนี้
“หยุดตรงนั้น”
ความเย่อหยิ่งของโฟลเซ่นนั้นแตกสลายอย่างรุนแรงเมื่อเขาคิดว่าเขาไม่สามารถให้รางวัลแก่เมอร์ฟีและพาเมโลน้อยได้
แม้กระนั้นเขาก็ยืนยันอย่างแน่วแน่ “ถึงแม้ว่าตระกูลเงาจะล้มเหลวในการลอบสังหารพระเจ้า เรายังทำให้พวกเขาบาดเจ็บหนัก พลังแบบนี้แข็งแกร่งกว่าของอาณาจักรนารากะมาก ในแง่ของเทคนิคการลอบสังหาร ทักษะของเรานั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก หากเจ้าไม่เชื่อข้า ข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นตอนนี้!”
หลังจากพูดอย่างนั้น โฟลเซ่นก็โบกมือไปข้างหน้าขณะที่ละอองน้ำแข็งเกิดขึ้นและลอยขึ้นไปในอากาศก่อตัวเป็นภาพเคลื่อนไหวต่อหน้าพวกเขา
ในภาพ มีคนกลุ่มหนึ่งสวมชุดดำสนิทท้าทายคนผมแดงที่ลอยอยู่ในอากาศ
คนๆนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกสีแดงหนาและทุกครั้งที่เขาขยับแขนของเขา ดวงอาทิตย์และดวงดาวในท้องฟ้าจะเปลี่ยนตำแหน่งของพวกเขา เมื่อมีการเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหลแต่ละครั้ง ท้องฟ้าจะสลับกันอย่างไม่หยุดหย่อนระหว่างกลางวันและกลางคืน
แม้คนๆนี้จะมีความสามารถที่น่ากลัว แต่กลุ่มคนที่แต่งตัวชุดสำสนิทก็ไม่ได้สะดุ้งหรือเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขากลับพุ่งไปหาคนๆนี้อย่างต่อเนื่อง พยายามโจมตีเขา
อย่างไรก็ตามวิธีการของพวกเขาแปลกมาก
เห็นได้ชัดว่ามีคนหลายสิบ แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็รวมกันเป็นหนึ่งคน ในพริบตามีหลายสิบคนโผล่ออกมาจากภาพเงาเดี่ยวอีกครั้ง
ทุกครั้งที่ชายผมสีแดงปลดปล่อยการโจมตี ร่างมืดจะเปลี่ยนและสลับตำแหน่งกับอีกคนหนึ่ง เทคนิคของพวกเขานั้นชั่วร้ายและไม่สามารถแตะต้องได้อย่างสมบูรณ์เหมือนกับเงาที่ไหลลื่น ทักษะนั้นยอดเยี่ยมและทำให้งงงวยจนดูเหมือนไม่สามารถโจมตีพวกมันได้สำเร็จเลย
ในที่สุดชายผมสีแดงก็โกรธแค้นเดือดดาลอย่างมาก ทั้งท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงเข้มอย่างสิ้นเชิงขณะที่ดวงอาทิตย์สีแดงสดใสลอยขึ้นไปขอบฟ้า ภายใต้แสงเจิดจ้าที่รุนแรง โลกนี้กำลังถูกอาบไปด้วยแสงแดดที่ลุกโชติช่วงและในที่สุดชายที่สวมหน้ากากก็ถูกเผาด้วยรังสีแผดเผาจนกลายเป็นกองขี้ถ้า
……
“วิธีการลอบสังหารนั้นดีพอสำหรับเจ้าหรือไม่?” โฟลเซ่นถามด้วยสีหน้าพอใจในตัวเอง
“เราต้องการเรียนมัน” เมอร์ฟีและพาเมโลน้อยตอบด้วยความกระตือรือร้น ดวงตาสุกใสของพวกเขาเต็มไปด้วยความกระหาย
“ฮ่าฮ่า ดูสิ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเผ่าไฮซ์สโนว์ของเรามีสมบัตินับไม่ถ้วน เราจะไม่มีสิ่งที่จะทำให้พวกเจ้าพึงพอใจได้อย่างไร?” โฟลเซ่นยกมือขึ้นแล้วโบกมือ โดยสร้างลูกกลมสีเข้มที่เปล่งประกายแวววาวอย่างแผ่วเบาบนฝ่ามือของเขา
“รับสิ่งนี้ไป มันเป็นมรดกของตระกูลเงา อย่างไรก็ตามการสืบทอดของตระกูลเราไม่ใช่เรื่อยง่าย โดยปราศจากความสามราถตามธรรมชาตของตระกูลเงาจะพบว่ามันยากมากที่จะเข้าใจความซับซ้อนของมัน อย่างไรก็ตามเจ้าทั้งคู่สามารถเรียนรู้มันอย่างช้าๆได้ บางที พวกเจ้าอาจค้นพบคำใบ้ของเทคนิคการลอบสังหารที่ลึกซึ้งของมันได้”
หลังจากที่เขาส่งลูกกลมแสงสีดำไปยังเมอร์ฟี่และพาเมโลน้อย โฟลเซ่นลอยอยู่ในอากาศและทำการประกาศคำราม
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เผ่าไอซ์สโนว์ของเราจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากสัญญาการแยกนิรันดร์ของเรา ภายใต้คำสั่งของข้า พวกเราทุกคนจะออกจากสถานที่แห่งนี้ในวันนี้และกลับไปยังดินแดนแห่งเป่ยฉี!”
คนในเผ่าทั้งหมดบนพื้นดินพุ่งออกมาจากบ้านน้ำแข็งของพวกเขาและคุกเข่าลงอย่างแรงเพื่อนมัสการหัวหน้าเผ่าของพวกเขา โฟลเซ่น
หลังจากพวกเขาเสร็จสิ้นการนมัสการเขา ทั้งเผ่าไอซ์สโนว์ก็รวบรวมสมบัติของพวกเขาทันทีและรวมตัวกันอย่างเร่งรีบในสถานที่ที่กำหนด
เมื่อพวกเขาเห็นการเตรียมการสำหรับการอพยพเสร็จสิ้น โฟลเซ่นและผู้อาวุโสทั้งสองก็ปรากฏตัวต่อหน้าคนในเผ่าหลายพันคน
“หัวหน้าเผ่า มีอะไรอยู่ในโลกภายนอกงั้นเหรอ?”
“หัวหน้าเผ่า โลกภายนอกนั้นตื่นเต้นเท่าที่นี้ไหม?”
“หัวหน้าเผ่า…”
เมื่อพวกเขาเห็นว่าโฟลเซ่นปรากฏตัว คนในเผ่าก็เริ่มถามคำถามเหล่านี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างมากเนื่องจากพวกเขาไม่เคยออกไปผจญภัยข้างนอกมาก่อน
จากนั้นโฟลเซ่นยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุด ขณะที่ฝูงชนจมลงในความเงียบเชื่อฟังในทันที
“เหตุผลที่เราออกจากก้นบึ้งอาร์คติคนั้น คือข้าต้องการจะเรียกคืนบัลลังก์ในฐานะราชาแห่งเป่ยฉี ดังนั้นเราอยู่ใกล้กับขอบของสงครามแล้ว และเราทั้งหมดจะต่อสู้ไม่สิ้นสุดจนกว่าความตายจะถามหาเรา”
เมื่อได้ยิน เหล่าผู้คนก็ส่งเสียงเชียร์ระหว่างพวกเขา พวกเขาแต่ละคนมีสีหน้ามีความสุขแปลกๆบนใบหน้าของแต่ละคน
“การต่อสู้คือสิ่งที่ดี ข้าชอบต่อสู้มากที่สุด”
“มันเป็นข่าวที่ดีมาก เราเพียงต้องสู้ทุกวัน ทุกเวลา โลกภายนอกนั้นน่าตื่นเต้นจริงๆ!”
“ผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกภายนอกนั้นได้รับพรมากจนสามารถต่อสู้ได้ตลอดเวลา ไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับพวกเขากันเถอะ!”
“ข้ารู้สึกอิจฉามากจริงๆที่ผู้คนในโลกภายนอกสามารถต่อสู้กับเนื้อหาของหัวใจพวกเขาได้ ในที่สุดเราก็สามารถออกไปข้างนอกและสนุกกับพวกเขา ข้ารู้สึกมีความสุขมาก!”
โฟลเซ่นไม่สามารถช่วยได้โดยทำได้เพียงยิ้มเยาะเมื่อเขาเห็นใบหน้าของผู้คนเต็มไปด้วยความสุข
เขาโบกมืออย่างรวดเร็ว แล้วเขาก็สั่ง “ออกจากชายแดน”
ทันทีกลุ่มคนจำนวนนับพันจากเผ่าไอซ์สโนว์พุ่งเข้าหาดินแดนแห่งเป่ยฉีอย่างมุ่งมั่นด้วยโฟลเซ่นที่เป็นคนนำพวกเขา
เมื่อพวกเขามาถึงขอบของก้นบึ้งอาร์ติก ทันใดนั้นโฟลเซ่นก็หยุดลง ทำให้กลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังเขาทำตามกันติดๆ
การแสดงออกของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติและอึดอัด เมื่อเขาสังเกตเห็นเงาที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา
ชายผมขาวกำลังหัวเราะอย่างเต็มที่ขณะที่เขาดูพวกเขาอยู่ใกล้ๆ
“เฮ้…เจ้าเฟิงน้อยไม่ใช่เหรอ? ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่? เจ้าอยากถูกตีงั้นเหรอ ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังพยายามที่จะไม่เชื่อฟังข้าและออกไปงั้นเหรอ?”
“ฝ่า….ฝ่าบาท” โฟลเซ่นตะโกนด้วยการแสดงออกที่อับอาย
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าต้องการที่จะเป็นราชาแห่งเป่ยฉีงั้นเหรอ?” ชายผมขาวถามอีกครั้ง
“ไม่ใช่…ไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด ข้า…ข้ากำลังนำกลุ่มของข้าออกไปเดินเล่น เราจะกลับไปแล้วตอนนี้” โฟลเซ่นอธิบายอย่างเร่งด่วน
ในขณะนั้นความเกลียดชังที่รุนแรงเกิดขึ้นในใจโฟลเซ่น ขระที่เขาต้องการอย่างยิ่งที่จะบีบคอทั้งเมอร์ฟี่และพาเมโลน้อยให้ตาย พวกมันกล้าเล่นกลกับข้า! ข้าอุส่ามอบของขวัญให้พวกมัน แต่พวกมันก็ยังหลอกข้า โลกนี้ช่างมืดมิดและอันตรายยิ่งนักโดยเฉพาะความชั่วร้ายของมนุษย์! ข้าเกลียดพวกมันไปถึงกระดูกจริงๆ
“จริงหรือปล่าว…ที่เพียงแค่ออกไปเดินเล่น?”
“เราเพียงแค่ออกไปเดินเล่นจริงๆ” โฟลเซ่นตอบซ้ำอย่างจริงจัง
“ทำไมทุกคนถือของส่วนตัวเพื่อเดินเล่น” ชายชราผมขาวถามด้วยเสียงหัวเราะอีกครั้ง
ทันใดนั้นโฟรเซ่นหันกลับไปและค้นพบว่ากลุ่มคนทั้งหมดถือกระเป๋าใบใหญ่และกระเป๋าเล็กราวกับว่าพวกเขากำลังเตรียมตัวเดินทางไกล
“ฝ่า…ฝ่าบาท…” โฟลเซ่นยอมจำนน หมดหวังและหมดหนทาง เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถหาข้อแก้ตัวอื่นที่จะโกหกต่อไปได้อีกต่อไป
“รีบกลับไปตอนนี้ หากเจ้าออกไปโดยไม่มีคำสั่งของข้าอีกครั้ง ข้าจะทำลายขาเจ้าให้เหลือขาเดียวซะ” ชายชราผมขาวพูดอย่างดุร้ายไปที่โฟลเซ่น
“แน่นอน แน่นอน แน่นอน”
เมื่อเขารู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น โฟลเซ่นจึงรีบสั่งคนของเผ่าของเขาแล้วรีบกลับไปอย่างว่องไว
ดังนั้นเผ่าไอซ์สโนว์ที่กำลังเตรียมไปพิชิตดินแดนแห่งเป่ยฉีได้กลับมาที่อาร์กติกอบีสอย่างน่าสังเวชอีกครั้ง