เป่ยฉี, อาร์คติกอบีส
ร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาจากระยะไกลๆ ในมือของเขาถือไม้เท้า เขาค่อยๆลอยลงไปที่โลกแห่งน้ำแข็งและหิมะ เพียงไม่นานทั้งตัวของเขาก็ปกคลุมได้ด้วยหิมะ
หลังจากรู้มาจากเมอร์ฟี่ว่ามีการสืบทอดอยู่ในอาร์คติกอบีส ชี่หมิงก็เตรียมตัวและวางแผนมาอย่างดีเพื่อที่จะออกสำรวจสถานที่และตามหาเควสลับ
ชี่หมิงนั้นแตกต่างจากอ้าวเจียน เขามีความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นและไม่มีขอบเขตใดๆ จริงๆแล้วเขานั้นไม่ได้ทำเพียงเพื่อแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่เป้าหมายของความแข็งแกร่งของเขาก็เพื่อการบ่มพลังให้มีอายุยืนยาวขึ้น มีเควสลับมากมายสำหรับการบ่มพลังในเกมนี้ เขาจึงไม่ต้องการพลาดโอกาสเหล่านี้
อย่างที่เมอร์ฟี่บอกเอาไว้ ข้างในอาร์คติกอบีสนี้นั้นหนาวมาก ข้อความสูญเสียพลังชีวิตเริ่มปรากฎขึ้นบนหัวของเขาขณะที่เขาเข้าไปลึกลงไปเรื่อยๆ
ในตอนนี้ ชี่หมิงตวัดคทาของเขา ภูตปิศาจที่น่ากลัวปรากฏขึ้นจากพื้นและเริ่มล้อมวงรอบๆตัวเขา
ความหนาวเหน็บนั้นลดลงทันทีเนื่องจากภูตปิศาจนั้นมีความสามารถที่จะตัดเขาออกจากโลกภายนอก
ขณะที่เขามุ่งหน้าลึกเข้าไป ร่างกายจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นด้านหน้าของเขา เด็กหนุ่มร่างสูงเดินนำออกมาและชี้ไปที่เขา
“จับมัน!”
พวกเขาพุ่งเข้าใส่ชี่หมิงด้วยความเร็วสูงในทันที
ด้วยความตกใจ ชี่หมิงรีบยกคทาของเขาขึ้นเพื่อซัมม่อนภูต แต่พวกเขาก็เคลื่อนไหวเร็วเกินไป ทำให้เขาล้มลงกับพื้นก่อนที่เขาจะตอบโต้
“เอ๋! ไม่ใช่พวกนั้นนี่ พวกเราจับผิดคน” หลังจากได้เห็นชี่หมิงชัดเจนแล้ว เด็กหนุ่มผู้นำก็เกาหัว ดูอายๆ
“มันเป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด!” เด็กที่อยู่ถัดไปชูกำปั้นขึ้นมาและชกเข้าไปที่หน้าของเขา
“ปั้ก!”
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น พื้นสั่นและหิมะรอบๆก็ฟุ้งกระจาย
ชี่หมิงลุกขึ้นช้าๆและปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า เขาจ้องไปที่เด็กวัยรุ่นจากเผ่าหิมะน้ำแข็งที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ดูงงงวย
ในตอนแรก เขาคิดว่ามันเป็นการซุ่มโจมตี แต่มันกลับกลายเป็นอย่างอื่น มันคือการทะเลาะกันส่วนตัวในหมู่พวกเขา และเขาเองก็ได้เข้ามาพัวพันโดยไม่ตั้งใจ
หลังจากวิเคราะห์เด็กหนุ่มจากเผ่าหิมะน้ำแข็งแล้ว ใบหน้าของชี่หมิงก็แสดงถึงความประหลาดใจ เขารีบเดินเข้าไปในอาร์คติกอบีสหลังจากที่คิดทบทวนแล้ว
ข้าคงไปวุ่นวายกับเด็กวัยรุ่นไม่ไหว
แต่ก็มีอีกร่างหนึ่งพุ่งลงมาที่ด้านหน้าของชี่หมิงก่อนที่เขาจะก้าวต่อ มันไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากลอร์ดแห่งอาร์คติกอบีส, ฟรอสเซ่น
เขายื่นมือมาจับที่ไหล่ของชี่หมิง จากนั้นร่างกายของเขาก็ลอยขึ้นบนอากศ สิ่งที่ชี่หมิงสัมผัสได้ก็คือสายตาของเขาเริ่มเบลอ และเมื่อเขาลอยลงมายืนบนพื้นอีกครั้ง เขาก็พบว่าเขามาอยู่ที่หน้าผาคริสตัลน้ำแข็งแล้ว มีรูปปั้นน้ำแข็งจำนวนมากอยู่ที่ผาแห่งนี้
“ชาวต่างถิ่น เจ้าได้เข้ามาในเขตหวงห้ามของเผ่าหิมะน้ำแข็ง เจ้าอยากจะตายอย่างไร!?”
ชี่หมิงสับสน
เมื่อดูจากข้อความที่แจ้งเกี่ยวกับพื้นที่ต้องห้ามของเผ่าหิมะน้ำแข็งบนแผนที่แล้ว ชี่หมิงก็งงงวย เจ้าไม่ใช่หรือไงที่พาข้ามาที่นี่?
หลังจากที่ได้วิเคราะห์ฟรอสเซ่นแล้ว ชี่หมิงก็อึ้งไป ไม่คาดคิดว่าเด็กที่อยู่ตรงหน้าเขาจะเป็นจักรพรรดิภูตที่น่าเกรงขาม
“บอกข้ามา ว่าเจ้าอยากจะตายเช่นไร!?” ฟรอสเซ่นจ้องไปที่ชี่หมิง ร่างกายของเขาลอยอยู่บนอากาศ
“ไม่…ไม่ใช่ว่าท่านพาข้ามาที่นี่เองหรอกหรือ?” ชี่หมิงกระซิบ
“หุบปาก เจ้ามันน่าไม่อาย เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ก้าวเท้าเข้ามาในเขตหวงห้ามของเผ่าหิมะน้ำแข็งโดยไม่ได้รับอนุญาต ละเมิดกฎของเผ่าและพูดจ้าให้ร้ายข้า”
ชี่งหมิงพูดไม่ออก
“แม้ว่าเจ้าจะละเมิดกฎของเผ่าหิมะน้ำแข็ง แต่ข้านั้นสามารถไว้ชีวิตเจ้าได้ ก่อนอื่น เจ้าจะต้องตอบคำถามของข้าก่อน” ฟรอสเซ่นพูดออกมาอีกครั้ง
ชี่หมิงมองขึ้นไปที่ฟรอสเซ่นที่ดูเหนื่อยขึ้นมาในทันที ก็แค่บอกมาว่าแกอยากจะถามคำถาม ทำไมต้องทำให้มันดูน่ากลัว? ข้าไม่ได้กลัวตายสักหน่อย
“โปรดถามมาได้เลย ท่านหัวหน้าเผ่า ฟรอสเซ่น!”
ฟรอสเซ่นคิดว่าชี่หมิงนั้นเป็นผู้บุกรุก เขาพยักหน้า ดูพึงพอใจกับตัวเอง
“ข้าขอถามเจ้าว่าใครเป็นราชาแห่งเป่ยฉีในตอนนี้?”
เขาได้ถามเมอร์ฟี่และโพเมโล่น้อยก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาบอกว่าคนๆนั้นคือลู่หยาน นั่นทำให้ฟรอสเซ่นคิดว่าราชาแห่งเป่ยฉีตายไปแล้ว เขาเกือบจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่ก็เพราะเหตุนั้น เขาจึงต้องการถามให้แน่ใจอีกครั้ง
“ราชาแห่งเป่ยฉี? ราชาแห่งเป่ยฉีก็คือราชาแห่งเป่ยฉี! ข้าไม่รู้จักชื่อหรือนามสกุลของเขาหรอก”
เขาไม่เคยพบกับตงกั่ว เขาเป็นเหมือนกับผู้เล่นทั่วๆไปที่รู้ว่าลู่หยานนั้นเป็นราชาแห่งเป่ยฉีองค์ปัจจุบัน
“เจ้าไม่รู้? เจ้าไม่ได้มาจากดินแดนแห่งเป่ยฉีหรือ?” ฟรอสเซ่นดูประหลาดใจ
“ข้าเป็นสมาชิกของกองทัพเป่ยฉี แต่ข้าไม่รู้จักชื่อของราชาแห่งเป่ยฉีจริงๆ”
“โอเค ถ้าอย่างนั้นให้ข้าได้ถามเจ้า เจ้ารู้จักคนที่ชื่อว่าทะเลเหนือหรือเปล่า? ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนในเป่ยฉี?”
“ทะเลเหนือ? ข้าไม่เห็นเคยได้ยินชื่อของเขาเลย” ชี่หมิงส่ายหัว
“จะเป็นไปได้ยังไง เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเป่ยฉี เป็นไปได้ยังไงที่เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อของเขา?”
เมื่อคิดถึงชายผู้หยิ่งยโสที่สามารถกดดันกองกำลังเป่ยฉีได้ทั้งหมดและมีอำนาจสูงสุดในฐานะราชาแห่งเป่ยฉีด้วยทัศนคติที่ยอดเยี่ยม ฟรอสเซ่นนั้นก็สั่นกลัวอยู่ในใจ
“เป็นไปไม่ได้ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเป่ยฉีก็คือราชาแห่งภูตเช่น ภูตหินกับไฮดร้าไม่ใช่เหรอ?” ชี่หมิงเองก็ช็อคเหมือนกัน ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเราสองคนไม่ได้อยู่ในหน้าหนังสือหน้าเดียวกันเลย?
“ไอ้ ภูตหินหรือไฮดร้านี่มันเป็นตัวอะไร… เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อของทะเลเหนือจริงๆงั้นรึ?”
ฟรอสเซ่นดูลุกลนและโกรธเกรี้ยวเพราะเขาไม่เข้าใจว่าราชาแห่งเป่ยฉีนั้นวางแผนอะไรอยู่ ทำไมตำนานถึงได้หายสาบสูญไปจากดินแดนแห่งเป่ยฉี? สิ่งที่น่าแปลกกว่าก็คือทำไมเขาถึงยังมีชีวิตอยู่ แต่ทำไมเขาถึงไม่ได้เป็นราชาแห่งเป่ยฉีอีกแล้ว?
“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อๆนี้จริงๆ” ชี่หมิงมองฟรอสเซ่นด้วยความสงสัย
“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ อ้อใช่ บอกข้ามาตามตรงว่าราชาแห่งเป่ยฉีองค์ปัจจุบันนี้ได้เป็นราชาได้ยังไง ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะแข็งแกร่งพอที่จะแย่งบัลลังก์ไปจากราชาของข้าได้!” ฟรอสเซ่นพูดขณะที่ทำท่าทางน่ากลัว
“ราชาแห่งเป่ยฉีองค์ปัจจุบันนั้นเป็นที่รักจากเหล่าจิตวิญญาณในดินแดนแห่งเป่ยฉี เขาเป็นที่เชื่อถือและกลายเป็นราชาแห่งเป่ยฉีไปโดยปริยาย” ชี่หมิงบอกเขาจากข้อมูลที่ได้มาจากเนื้อเรื่องของเกมที่ปรากฏขึ้นมาตอนเข้าเกมในครั้งแรก
“เจ้ามาโง่อะไรเช่นนี้ มีที่ไหนกับความเชื่อมั่นในเป่ยฉี พวกเขาทั้งหมดต้องต่อสู้กัน!” ฟรอสเซ่นถกแขนเสื้อด้วยความโมโห ความตั้งใจที่จะตบชี่หมิงนั้นแสดงออกมาจากสีหน้าได้อย่างชัดเจน
“สิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ราชาองค์ปัจจุบันต่อสู้กับราชามังกรดำเพื่อจิตวิญญาณของดินแดนแห่งเป่ยฉี เขายอมสละชีวิตเพื่อความชอบธรรม กลายเป็นลูกไฟและตายไปพร้อมกับราชามังกรดำ เขาช่วยทุกชีวิตที่อยู่ในดินแดนแห่งเป่ยฉีทั้งหมด!” ชี่หมิงถอนหายใจเนื่องจากเขาจดจำการเปิดเกมที่น่าตื่นเต้นในตอนเริ่มเกมได้
ฟรอสเซ่นตาโตเมื่อได้ยิน ราชามังกรดำนั้นมันเป็นใครมาจากไหน? ยอมสละชีวิตเพื่อความชอบธรรม? เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังอ่านนิทานให้ข้าฟังอยู่ใช่ไหม?
ครั้งที่แล้ว เมอร์ฟี่และโพเมโล่น้อยบอกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่สุดยอด แต่ครั้งนี้มันยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่ มีแม้แต่ราชามังกรดำ ฟรอสเซ่นรู้สึกว่ามุมมองที่มีต่อโลกใบนี้ของเขาจะต้องกลับไปกลับมาถ้าหากว่าเขาอาศัยอยู่ที่นั่น
ในที่สุด เขาก็กำหมัดแน่นและยกชี่หมิงขึ้นด้วยมือขวา
“ข้าทนเจ้าไม่ไหวอีกต่อไป เรียกข้าว่าขี้แพ้ได้เลยถ้าข้าไม่สามารถทุบตีเจ้าจนเจ้าร้องขอความช่วยเหลือได้!”