จู่ๆก็มีเชือกตาข่ายปรากฏขึ้นจับกู่หยูและซันชีอย่างไม่ทันตั้งตัว
สุนัขแยกเขี้ยวของมันใส่หลี่เสี่ยวลั่งผู้ซึ่งยังคงยิ้มอย่างเอ๋อๆ ในขณะที่มันยังใช้กรงเล็บตบไปรอบๆเพื่อพยายามหลุดพ้นจากตาข่าย
อย่างไรก็ตามตาข่ายทำจากวัสดุที่แข็งแรงและทนทานมาก แม้แต่กรงเล็บที่แหลมคมของสุนัขก็ไม่สามารถฉีกมันออกจากกันได้
“พ่อ ข้าจับบางอย่างได้” หลี่เสี่ยวลั่งเริ่มตะโกน
ผู้เล่นทั้งสองต่างหวาดผวา
สิ่งที่ตัวละครสามารถถูกทำได้ในเกมนั้นไม่จำกัด แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยไปเกาะกิลฟิชมาก่อน แต่พวกเขาก็ยังรู้ว่าสถานที่นั้นเป็นฝันร้ายสำหรับผู้เล่นหลายคน ในขณะนี้ พวกเขาได้จินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขา
พวกเขาดิ้นรนอย่างหนัก แต่ไม่สามารถหลบหนีได้เพราะตาข่ายแข็งทนทานเกินไป
ไม่นานก็มีสองเงาในชุดเกราะสีเหลืองปรากฏขึ้นและเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างรวดเร็ว
“พ่อ ข้าจับเอิร์ทเอสเซนส์ได้” หลี่เสี่ยวลั่งสูดหายใจเข้าอย่างรุนแรงเพื่อดูดน้ำมูกของเขาและส่งเสียงร้องอีกครั้ง
เงาสองเงาหยุดข้างเขาและมองดูสองคนที่ถูกจับอยู่กลางอากาศภายในตาข่าย จากนั้นหนึ่งในนั้นตบหัวของหลี่เสี่ยวลั่ง
“สิ่งนี้มีลักษณะเหมือนเอิร์ทเอสเซนส์สำหรับแกงั้นเหรอ? แกสร้างปัญหาให้ข้ากี่ครั้งแล้วฮ่ะ แกนี้ทำให้ข้าต้องปวดหัวอีกแล้ว” เมื่อเขากำลังจะก้าวไปหาลูกชายของเขา เขาถูกหยุดโดยผู้หญิงที่มีผิวคล้ำ
“อะไร? เธอจะหยุดไม่ให้ข้าลงโทษมันงั้นเหรอ?” หลี่ต้าลั่งถามอย่างโกรธเคือง
“ไม่! เราจะลงโทษเขาด้วยกัน!” ผู้หญิงคนนั้นก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับหลี่เสี่ยวลั่งและตีเขาอย่างรุนแรง หลังจากที่เธอพอใจ เธอก็ส่งเขาไปที่หลี่ต้าลั่งเพื่อลงโทษอีกรอบ
ทั้งกู่หยูและซันฉีต่างก็พูดไม่ออกในฉากนี้
สุนัขนั้นงุนงงเมื่อเห็นเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวที่ดุเดือด “หัวหน้า ฉันกลัว” เขาพูดด้วยปากสั่น
“ฉันคิดว่าเด็กคนนี้โง่เกินไปเพราะเขาถูกตีจนเพี้ยน” กู่หยูพูดออกมาด้วยหัวใจที่เต้นแรง
ในที่สุดทั้งสองก็หยุดตีหลังจากผ่านไปห้าถึงหกรอบ อย่างไรก็ตามแทนที่จะใกล้ตาย ร่างกายของหลี่เสี่ยวลั่งนั้นมีอาการฟกช้ำและบวมเท่านั้น เขาร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเสียงดัง แต่เขาก็ไม่ได้บาดเจ็บสาหัสเลย
ทันใดนั้น สายตาของผู้ปกครองของหลี่เสี่ยวลั่งก็หันมามองผู้เล่นทั้งสอง
“ข้าขอโทษ ชาวต่างถิ่น” หลี่ต้าลั่งขอโทษ จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกจับตาข่าย มันก็คลายทันทีและพวกเขาก็ล้มลงไปที่พื้นด้วยเสียงดัง
“ข้าขอโทษด้วย เสี่ยวลั่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ ดังนั้นเขาจึงทำอะไรที่ไม่เหมือนคนโต หวังว่าพวกเจ้าจะไม่รังเกียจ!” หลี่ต้าลั่งเกาหัวด้วยความเสียใจเมื่อเขาพูด
หวังว่าเชาจะรอดชีวิตอยู่จนกว่าเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่! กู่หยูและสุนัขอยากพูดออกมาดังๆ
กู่หยูถามอย่างสงสัยเมื่อเขามองตาข่ายบนพื้น “เอาล่ะพวผมไม่ถือสา…แล้ว พวกคุณกำลังจับอะไรอยู่งั้นเหรอ?”
“เรากำลังพยายามจับเอิร์ทเอสเซนส์” หลี่ต้าลั่งเอาลูกกลมๆออกมาจากกระเป๋าของเขาซึ่งมีขนาดเท่าแตงโม
ลูกกลมๆมีลักษณะแปลกประหลาดมาก มีปาก หูและตาที่กะพริบ สิ่งนี้เป็นสิ่งมีชีวิต!
[เอิร์ทเอสเซนส์ (วัสดุจิตวิญญาณระดับ 9)]:
รายละเอียดวัตถุ: วัสดุจิตวิญญาณพิเศษของกราสแลนด์บาห์เรนเป่ยฉี ถูกจัดอยู่ในประเภทครึ่งมีชีวิต ครึ่งจิตวิญญาณ มันจะเติบโตเป็นสมุนไพรระดับราชา
สมบัติ! ดวงตาของกู่หยูและซันฉีเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
สุนัขยกอุ้งมือของเขาเพื่อถามอย่างสงสัย “มันทำอะไรได้?”
หลี่ต้าลั่งชี้ไปที่ลูกชายของเขาซึ่งยังคงร่ำไห้อยู่ “มันสามารถรักษาพิษ เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเด็กคนนี้ถูกดูไม่เต็ม?”
“ไม่!” พวกเขาทั้งสองตอบพร้อมกัน
“นั่นเป็นเพราะเขากินเอิร์ทเบรกกิ้งสโตนและได้รับพิษที่ร้ายแรง ดังนั้นเขาค่อนข้างสับสนและไม่สนใจสิ่งรอบตัวในตอนนี้!”
หลี่ต้าลั่งมองไปที่หลี่เสี่ยวลั่งอย่างไม่สบอารมณ์และพบว่าเขายังร้องไห้อยู่ เขาโยนเอิร์ทเอสเซนส์ไปทางเขาและลูกชายของเขาถูกมันกระแทกล้มลงไปกับพื้น
หลังจากได้ยินคำว่าเอิร์ทเบรกกิ้งสโตน ผู้เล่นทั้งสองก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นจุดประสงค์ว่าทำไมพวกเขาจึงเดินทางครั้งนี้
“ใช่แล้ว ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่? เจ้าไม่รู้หรือไงว่านี่เป็นพื้นที่ต้องห้ามของเป่ยฉี?” หลี่ต้าลั่งถามอย่างสังสัย
กู่หยูและซันฉีกลายเป็นเขินอาย พื้นที่ต้องห้ามไม่มีผลกับพวกเขาเนื่องจากพวกเขาเป็นผู้เล่น อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถเปิดเผยได้ดังนั้นพวกเขาจึงตอบว่า “เราไม่รู้ว่าสถานที่นี้เป็นพื้นที่ต้องห้าม เหตุใดสถานที่แห่งนี้จึงเป็นพื้นที่ต้องห้าม?”
หลี่ต้าลั่งยอมรับข้อแก้ตัวและชี้แจงอย่างชัดเจน “ดังนั้นเจ้าจึงไม่รู้จริงๆ ฟ้าข้าแล้วออกไปจากที่นี่ พื้นที่นี้ได้รับการประกาศว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามโดยราชาแห่งเป่ยฉี…โดยไม่อนุญาติให้ชาวต่างถิ่นเข้ามา”
สุนัขอดไม่ได้ที่ต้องถามเพิ่ม “จะเกิดอะไรขึ้นหากเราเข้าสู่พื้นที่ต้องห้ามอีกครั้ง?”
หลี่ต้าลั่งส่ายหัว “แม้แต่ข้าก็ไม่รู้ แต่อาจถูกประหารโดยราชาแห่งเป่ยฉี”
อยู่ดีๆก็มีคำถามปล่องขึ้นมาในใจของกู่หยู เขาจึงถามว่า “ราชาที่คุณว่าชื่ออะไร?”
“จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ? ก็ลอร์ดนอร์ทซีไง” หลี่ต้าลั่งตอบกลับอย่างทันควัน
กู่หยูและสุนัขจ้องหน้ากันชั่วครู่หนึ่งและคิดว่าไม่ใช่ราชาที่ตายไปแล้วเหรอ
สุนัขถามด้วยปากกว้าง “พี่ชาย คุณไม่รู้หรือว่านอร์ทซีจากไปนานแล้ว?”
หลังจากคำพูดของสุนัขจบ กู่หยูรู้สึกไม่สบายใจแต่มันก็สายเกินไปแล้ว เขาทำได้แค่ดูหลี่ต้าลั่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหมือนสายฟ้าแลบเพื่อยกสุนัขขึ้นและเริ่มต่อยมันรัวๆ
“อุก อุก อุก” ซันฉีพยายามดิ้นรนแต่ความแข็งแกร่งของหลี่ต้าลั่งไม่ใช่สิ่งที่มันสามารถเอาชนะได้ มันทำได้เพียงจ้องไปที่กู่หยูด้วยความสิ้นหวัง
กู่หยูเห็นสิ่งนี้และถอยกลับไปหนึ่งก้าว
หลังจากที่เขาตีสุนัขจนใกล้ตาย หลี่ต้าลั่งก็โยนมันลงไปที่พื้น “เจ้าสิ่งมีชวิตเล็กๆ ให้ข้าเตือนเจ้า เจ้าควรระวังปากเจ้าไว้ดีๆ หากเจ้าดูหมิ่นยังดูหมิ่นท่านราชาอีก ข้าจะจบชีวิตเจ้าซะ!”
เมื่อมันได้ยินอย่างนี้ มันสั่นสะท้านไปทั้งตัวที่พื้น
นี่คืออะไร? ทำไมฉันต้องถูกลงโทษเพราะพูดความจริง?
จากนั้นหลี่ต้าลั่งก็จ้องไปทางกู่หยู
กู่หยูเปล่งเสียงออกมาทันที “เขายังมีชีวิตอยู่ ดินแดนเป่ยฉีรุ่งเรืองภายใต้การปกครองของท่าน!”
หลี่ต้าลั่งพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตอนนี้ไม่เป็นไรเนื่องจากเจ้าไม่รู้กฎ ข้าจะให้อภัยเจ้า ตอนนี้ออกไป!”
กู่หยูไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้หลังจากที่เขาเดินทางมาไกลขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงถามว่า “ฉันได้ยินมาว่าคุณมีเอิร์ทเบรกกิ้งสโนหลายอัน ฉันยินดีที่จะแลกเปลี่ยนวัสดุใดๆที่คุณต้องการ คุณเห็นด้วยกับการแลกเปลี่ยนกับฉันหรือไม่?”
หลี่ต้าลั่งตกตะลึงแต่ในไม่ช้าความรู้สึกของเขาก็กลับมาแล้วตอบว่า “วัสดุจิตวิญญาณอะไรที่เจ้าสามารถแลกกับข้าได้?”
กู่หยูพบสถานการณ์ที่มีความหวัง ดังนั้นเขาจึงนำวัสดุจิตวิญญาณมากมายออกจากพื้นที่เก็บของส่วนตัวของเขาในทันที “แลกได้ทุกอย่าง คุณต้องการอะไร?”
หลังจากที่เขาตรวจสอบสิ่งต่างๆที่กู่หยูนำออกมา หลี่ต้าลั่งมองไปที่ภรรยาของเขาขณะที่เธอประคองลูกชายที่สลบไปของพวกเขา
“ข้าไม่รู้เหมือนกัน ลองไปถามหัวหน้าตระกูล” ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัวของเธอเมื่อเธอตอบ
“เอิร์ทเบรกกิ้งสโตนอาจไม่ใช่สิ่งที่มีค่าสำหรับข้า แต่เราไม่มีสิทธิ์ที่จะแลกเปลี่ยนพวกมัน ข้าสามารถพาเจ้าไปหาหัวหน้าเพื่อแลกเปลี่ยนได้” หลี่ต้าลั่งหันไปทางกู่หยูและอธิบาย
กู่หยูยิ้มและพยักหน้า เขาหยิบสุนัขขึ้นมาจากพื้นดินและนำมันไปพร้อมกับตามหลังหลี่ต้าลั่งและครอบครัวของเขา
กู่หยูและซันฉีในที่สุดก็มาถึงดินแดนแห่งตระกูลเอิร์ทเบรกกิ้งหลังจากเดินไปครึ่งชั่วโมงกับหลี่ต้าลั่งและครอบครัวของเขา
พื้นที่ของตระกูลนั้นมีขนาดใหญ่และกว้างชวาง นอกเหนือจากอาคารที่ทำจากโคลนแล้ว ยังมีเจดีย์สูงทุกที่ ชาวต่างถิ่นทั้งสองดึงดูดความสนใจอย่างมากเมื่อพวกเขาเดินผ่านไป
พวกเขาถูกพาไปที่เจดีย์อันหนึ่ง หลี่ต้าลั่งหยุดอยู่ตรงหน้าและคุกเข่าลงที่พื้นด้วยเข่าข้างหนึ่งเพื่อรายงาน “ท่านหัวหน้าตระกูล ชาวต่างถื่นเหล่านี้ต้องการที่จะเยี่ยมชมท่าน พวกเขาต้องการแลกเปลี่ยนวัสดุจิตวิญญาณสำหรับเอิร์ทเบรกกิ้งสโตนของเรา”
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงเปล่งออกมาจากเจดีย์และประตูก็เปิดออก ยักษ์ตัวใหญ่โตเดินออกมา
กู่หยูเงยหน้าขึ้นมองร่างที่เหมือนหอคอยนี้…
[หลี่ชาน (จักรพรรดิผีขั้นกลาง)]
รายละเอียดตัวละคร: หัวหน้าของตระกูลเอิร์ทเบรกกิ้งโบราณแห่งเป่ยฉี เป็นผู้ต่อสู้ในสงครามเพื่อชิงตำแหน่งราชาองค์แรกแห่งเป่ยฉีซึ่งเขาเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับบัลลังก์ หลังจากความพ่ายแพ้ของเขา เขาสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อนอร์ทซีและสาบานที่จะไม่ทรยศเขา!
สถานะตัวละคร: ปกติ
เมื่อหลี่ชานปรากฏตัว หลี่ต้าลั่ง โค้งคำนับอย่างลึกซึ้งเพื่อแสดงความเคารพต่อผู้นำ
หลี่ชานมองลงไปเพื่อดูกู่หยูและถาม “เจ้าต้องการเอิร์ทเบรกกิ้งสโตนงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว ข้ามีวัสดุจิตวิญญาณมากมาย เพื่อท่าน…”
หลี่ชานขัดจังหวะกู่หยูก่อนที่เขาจะสามารถพูดจนเสร็จและชี้ไปที่สุนัข “ข้าไม่ต้องการวัสดุจิตวิญญาณของเจ้า ข้าสามารถให้เอิร์ทเบรกกิ้งสโตนมากมายให้แก่เจ้าได้ แต่เพื่อแลกกับสัตว์เลี้ยงของเจ้า ไวท์แฟนท่อม”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ซันฉีรู้สึกถึงวิกฤต ทำให้เขารีบคว้าไปที่แขนของกู่หยูทันที
กู่หยูมองสุนัข เขาต้องการพิจารณาการค้านี้จริงๆ แต่เขารู้สึกว่าเขาต้องปฏิเสธมัน
“ท่านหัวหน้าตระกูลหลี่ชาย นี่คือเพื่อนของฉัน…ฉันกลัวว่าฉันไม่แลกเปลี่ยนเขาได้ แต่ฉันสามารถมอบวัสดุจิตวิญญาณมากมายเป็นการแลกเปลี่ยนได้”
“ข้าจะไม่ยอมรับสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากวัสดุจิตวิญญาณระดับราชา สิ่งอื่นนอกจากนั้นไม่มีประโยชน์สำหรับข้า ทำไมเจ้าไม่ลองคิดดูมันอีกล่ะ?”
“ไม่ ข้าไม่ต้องการแลกเปลี่ยน! ข้าไม่ใช่วัตถุ” สุนัขประท้วงอย่างดื้อรั้นในขณะที่เขาสบตากับหลี่ชาน อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันเขาก็เริ่มเกาะแน่นบนแขนของกู่หยู
“ไวท์แฟนท่อมพูดได้” ดวงตาของหลี่ชานเบิกกว้างราวกับว่าเขาเพิ่งเห็นผี