สิ่งประดิษฐ์นี้ทำขึ้นโดยบรรพบุรุษที่ทะเยอทะยานของเขาเพื่อพิชิตทั้งอันเดอร์เวิลด์ ตามคำแนะนำ พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแหวนคือการสร้างกองทัพอันเดดโดยทำจากพลังงานหยินที่พบในอันเดอร์เวิลด์ ซึ่งเป็นพลังงานที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า พวกเขาไม่ต้องการเงือนไขมากนักแต่เพียงต้องการวิญญาณเท่านั้น ร่างกายของพวกเขาสามารถเปลี่ยนใหม่ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วมันเป็นนิยามของอันเดด
อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะสร้างทหารหยินนับไม่ถ้วน จำเป็นต้องมีพลังที่สามารถควบคุมวิญญาณจำนวนมากได้
ลู่หวู่ดึงตัวเองกลับสู่ความเป็นจริงขณะที่เขาตกอยู่ในภวังค์เป็นเวลานาน
“คุณคิดยังไง? มันไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่หรือไม่?” โลลิน้อยถามด้วยความรู้สึกพึงพอใจในตัวเอง
“อันที่จริง ฉันต้องการรู้ว่าจะสามารถหาพวกวิญญาณที่สามารถกระตุ้นได้ยังไง” ลู่หวู่พูดไปที่ปัญหาหลักของพวกเขา
โลลิน้อยตกใจเมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านั้น ร่างเธอเริ่มแข็งทื่อและน้ำตาคลอเบ้า “ฉัน…ทำไมฉันไม่คิดถึงเรื่องนี้? หากปราศจากวิญญาณใดๆ สิ่งประดิษฐ์นี้จะไม่ทำงานเลย”
ลู่หวู่รู้สึกอาการปวดหัวกำลังจะมาขณะที่เขาดูโลลิน้อยน้ำตาไหล เมื่อลองมาคิดถึงมันทำให้เขาคิดว่าบรรพบุรษคนนี้ไม่น่าเชื่อถือเลยทีเดียว ความคิดเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์นั้นไม่เลวเลยด้วยความสามารถของมัน…แต่เราจะหาพวกวิญญาณได้ที่ไหน? มันหาไมได้อย่างแน่นอน
เขาเอื้อมมือออกไปลูบหัวโลลิน้อยเบาๆ และขณะที่เขากำลังอ้าปากเพื่อพูดคำปลอบใจ มีไอเดียเกิดประกายขึ้นในความคิดเขาทันที
“ใช่แล้ว คุณยังเป็นผู้สร้างสิ่งประดิษฐ์รุ่นนี้ด้วยใช่มั้ย?”
โลลิน้อยลูบดวงตาบวมแดงของเธอแล้วพยักหน้า
“แล้วมันเป็นไปได้ไหมที่จะเพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษให้มัน?”
โลลิน้อยเงยหน้าขึ้นมาอย่างสับสนโดยไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
ลู่หวู่ดึงเครื่องรางหยินออกมาซึ่งมันมีอำนาจในการเดินทางระหว่างหยินและหยาง โดยแกว่งไปแกว่งมาด้านหน้าของโลลิน้อยแล้วพูด “ทำไมคุณไม่เพิ่มฟังก์ชั่นแบบวัตถุนี้ลงในสิ่งประดิษฐ์”
“มันไม่ยาก แต่เพื่ออะไร?” โลลิน้อยสะอื้นเป็นช่วงๆราวกับว่าพยายามที่จะทำให้ตัวเองสงบลง
ลู่หวู่ยิ้ม “คุณไม่รู้หรอว่าฉันทำอะไรในโลกจริง?”
ขณะที่เธอได้ยิน โลลิน้อยก็หยิบสมุดบันทึกขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าของเธอแล้วเปิดมันขึ้น “ลู่หวู่….อายุ 23 ปี…เกิดในรุ่นที่ 365…ลูกหลานของผู้ปกครองเป่ยฉี…ได้เริ่มเป็นผู้ประกอบการเป็นเวลาสามปี…ปัจจุบันยังเป็นผู้แพ้…ได้พัฒนาเว็บไซต์เกมที่มีผู้สมาชิกเป็นศูนย์…เป็นโสดจนถึงวัน….”
ลู่หวู่รีบขัดจังหวะเธอทันที “คุณแค่ต้องรู้ว่าฉันเป็นผู้พัฒนาเกม ดังนั้นมันเป็นไปได้ไหมที่คุณจะอัปเกรดสิ่งประดิษฐ์นี้ ตัวอย่างเช่นส่งคนร้ายข้ามแดนจากโลกไปอันเดอร์เวิลด์ผ่านเครือข่ายเสมือนจริง เหมือนวิธีที่เหล่าเกมเมอร์เขาทำ พวกเขาจะกลายเป็นกองทัพอันเดดของเรา และตราบใดที่สิ่งนี่ดำเนินต่อไป เราจะมีกองทัพจำนวนมากตามที่เราต้องการ”
โลลิน้อยไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งสักครู่จากนั้นดวงตาของเธอก็เปล่งประกาย “ไอเดียยอดเยี่ยม นี่เรายังไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับศพของพวกเขา ดังนั้นพวกเราจึงสามารถสร้างร่างกายหยินใหม่ได้เรื่อยๆ เช่นเดียวกับผู้เล่นเกิดใหม่ในเกม”
ลู่หวู่รู้สึกประหลาดใจกับปฏิกิริยาของเธอ เขาไม่เคยคาดหวังให้เธอเข้าใจภาพรวมั้งหมดในเวลาอันสั้น
“คุณเคยเล่นเกมมาก่อนหรือไม่” ลู่หวู่ถามออกไปตรงๆ
“ฮ่าๆ ฉันเป็นผู้เล่นที่ซื่อสัตย์ของ เวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ มาเกือบสามร้อยปีแล้ว!” โลลิน้อยวางมือไว้บนสะโพกของเธออีกครั้ง
ลู่หวู่รู้สึกอับอายอย่างแท้จริง เขาจะไม่เคยคิดเลยว่าโลลิน้อยมีอายุมากแล้ว
“แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะต้องมีชุดระบบจากหลากหลายเกม เช่นการสวมบทบาท การค้า การผจญภัย การจำลองชีวิตและอื่นๆ…” หัวใจของลู่หวู่จมลงเมื่อเขาระบุสิ่งที่พวกเขาต้องการ
“คุณสามารถไว้ใจฉันได้ สิ่งประดิษฐ์ต่อสู้นี้ไม่เพียงจะมีพลังในการสร้างกองทัพอันเดด แต่ยังมีความสามารถในการสร้างสิ่งต่างๆจากพลังงานหยินและพลังงานวิญญาณ โดยครอบคลุมไอเทมที่มีทั้งหมดในเกมทั่วไป”
“พลังวิญญาณคืออะไร?” ลู่หวู่ถามด้วยความอยากรู้เพื่อตัวเขา
“พลังวิญญาณมีความสามารถในการวัดความแข็งแกร่งของสัตว์ร้ายใดๆในอันเดิลเวิล์ด ซึ่งเทียบเท่ากับการวัดอำนาจจิตของบุคคลที่ฝึกพลัง พลังวิญญาณของทุกชีวิตจะกระจัดกระจายหลังจากเจ้าภาพตาย และมันทรงพลังมากกว่าพลังงานหยิน”
สิ่งทำให้ลู่หวู่เต็มไปด้วยความหวัง “แล้วมันเป็นไปได้ไหมที่นักเล่นเกมของเราจะเก็บของและดูดซับพลังวิญญาณจากศพหลังจากฆ่ามันตาย? แล้วนักเล่นเกมของเราจะมีโอกาสเพิ่มระดับหรือไม่? ”
“ทำได้อย่างแน่นอน” โลลิน้อยตบหน้าอกของเธออย่างมั่นใจ
“อย่างไรก็ตามมันจะดีมากถ้าเราได้ส่วนแบ่งของมันเพื่อตัวเราเองหลังจากนักเล่นเกมของเราฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างๆ นี่เป็นเพราะพลังวิญญาณสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนของคุณได้ ไม่เพียงแค่นั้นมันยังสามารถช่วยในการสร้างอาณาจักรเป่ยฉี และท้ายที่สุดมันสามารถทำหน้าที่เป็นรางวัลสำหรับการทำงานหนักของเรา”
ข้อเสนอแนะของโลลิน้อยคือสิ่งที่ลู่หวู่วางแผนไว้ว่าจะพูดตลอด เขาฉีกยิ้มและเสนอว่า “คุณคิดยังไงกับส่วนแบ่ง 20%?”
“มาเอา 30% กันเถอะ”
พวกเขาทั้งคู่ระเบิดเสียงหัวเราะ
สิ่งที่พูดไปจะต้องเริ่มทำ หลังจากยืนยันทิศทางที่พวกเขาจะมุ่งหน้าไป เป่ยลี่ซึ่งเป็นชื่อจริงของโลลิน้อยได้นำลู่หวู่ไปยังพระราชวังซึ่งตอนนี้ถูกทิ้งร้าง เธอดึงเปิดประตูที่ไหม้เกรียมซึ่งมีเสาดำเป็นตอตะโกด้านข้างและมุ่งหน้าไปตามทางเดินเพื่อไปสู่ห้องใต้ดิน
ขณะที่ลู่หวู่กำลังเข้าไป เขาก็ตระหนักว่าห้องใต้ดินของพระราชวังกว้างขวางมากเช่นเดียวกับพระราชวังข้างบน
มีอุปกรณ์โบราณทุกชนิดตั้งอยู่ มันดูราวกับว่ามันเป็นห้องปฏิบัติการบางอย่าง
จากคำอธิบายของโลลิน้อย ในที่สุดลู่หวู่ก็รู้ว่านี่เป็นสถานที่ที่ทำการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ของบรรพบุรุษของเขา สำหรับเป่ยลี่ เธอเป็นผู้ช่วยเพียงคนเดียวของบรรพบุรุษของเขา ผู้ที่ยืนช่วยทำการวิจัยจากจุดเริ่มต้นจนแล้วเสร็จ
ในขณะที่เขาก้าวเข้าไปในห้องปฏิบัติการ รูปลักษณ์ของเป่ยลี่ก็กลายเป็นจริงจังขึ้น ลู่หวู่รอให้เธอเปลี่ยนเป็นชุดสีทองซึ่งครอบคลุมร่างกายของเธอทั้งหมด แล้วส่งแหวนไปให้เธอ เธอหยิบมันขึ้นมาและเริ่มไปทำงานโดยเดินไปเดินมาระหว่างอุปกรณ์
ลู่หวู่จ้องมองอย่างว่างเปล่าไปที่เป่ยลี่ขณะที่เธอเปลี่ยนจากค้อนเป็นสว่านไฟฟ้าแล้วเป็นแปรงทำความสะอาด แล้วจากนั้นก็ใช้อุปกรณ์ต่างๆทดสอบบนแหวน แล้วทำสิ่งที่คล้ายๆหมอผีทำโดยสวดมนต์ร่ายคาถาตลอดเวลา
หลังจากสองชั่วโมงแห่งความทรมาน เป่ยลี่ก็ถอดหมวกสีทองของเธอออกและส่งแหวนที่อัพเกรดใหม่ไปยังลู่หวู่ที่รู้สึกเบื่อหน่าย
“มีอะไรใหม่บ้าง?” ลู่หวู่กำลังมีปัญหากับการเชื่อมัน
“มันไม่ยากที่จะเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ลงไปที่มัน ตอนนี้มันมีเซิร์ฟเวอร์ในตัวที่สามารถส่งผู้เล่นข้ามโลก และนอกเหนือจากนั้น มันมีฐานข้อมูลของตัวเอง ตอนนี้เราสามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้จริงแล้ว”
ลู่หวู่สวมแหวนด้วยความสงสัย และคำแนะนำของสิ่งประดิษฐ์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ลู่หวู่รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเนื้อหา นี่คือสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่สิ่งที่ติดตั้งโดยเป่ยลี่นั้นดีมากกว่าสิ่งที่เขามีอยู่ในใจ เธอยังนึกถึงวิธีส่งผู้เล่นข้ามผ่านมายังอันเดอร์เวิลด์
สิ่งนี้ทำให้ลู่หวู่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข “การทำงานหนักของคุณในที่สุดก็ได้รับผลตอบแทน”
ไอเดียใหม่และฟังก์ชั่นนำมาซึ่งความหวังต่อเป่ยลี่ ซึ่งเปลี่ยนมุมมองของเธอที่มีต่อลู่หวู่ ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ที่เธอเพิ่มเข้าไปนี้ เธอรู้สึกว่าลู่หวู่จะสามารถสร้างกู้ความรุ่งโรจน์ให้แก่ราชาแห่งเป่ยฉีอย่างแน่นอน
“ใช่ ไปกันเถอะ”
ในขณะที่เขาพูดสิ่งนี้ เขายื่นมือออกมาจับมือเล็กๆของเป่ยลี่
เป่ยลี่รุ่นดั้งเดิมที่สบายอกสบายใจ ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ซึ่งมีใบหน้าแดงเหมือนมะเขือเทศ เธอพยายามหลุดเป็นอิสรจากกับใจแน่นและวิ่งไปด้านข้าง “ฉันจะไปเปลี่ยนชุดทดลอง รอ…รอฉันสักครู่”
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ออกมาพร้อมกับกระโปรงสั้นสีดำของเธอ เป่ยลี่รุ่นโลลิน้อยสไตล์โกธิคกลับไปที่ด้านข้างของลู่หวู่อีกครั้ง
ลู่หวู่หัวเราะลับๆในใจเมื่อเขาเห็นว่าเธอเขิน เขาจับมือเธออีกครั้งและเปิดใช้งานฟังก์ชั่นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาของแหวนอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ออกเดินทางระหว่างหยินและหยาง
วังวนความมืดก่อตัวขึ้นที่ด้านหน้าของพวกเขา แต่ลูหวู่ไม่กลัวมันอีกต่อไป แทนที่เขาให้มันดูดเข้าไปด้วยความเต็มใจ