ตอนที่ 225 : การประชุม 7 เหล่า
ที่มหาสมุทรวอยด์ทางตกวันออก ลึกลงไปใจกลางมหาสมุทรกุ้ยหลง
น้ำรอบๆมีแสงสีน้ำเงินส่องแสงระเรื่ออยู่ทั่ว
รูปปั้นอันสูงส่งทั้งเจ็ดต้นห้อมล้อมเมืองอยู่ แต่ละต้นถืออาวุธพร้อมกับมองลงมาด้านล่าง
รูปปั้นแต่ละรูปหันหน้าเข้าหากัน
มีร่างเงาหนึ่งปรากฏขึ้นที่ตรงกลางระหว่างรูปปั้น เขาถือตําราโบราณและค่อยๆเดินขึ้นไปบนแท่น
“การประชุมของเมืองทั้งแปดเริ่มต้นขึ้นแล้ว แสดงตัวตนของท่าน!” ชายแก่ที่พูดมีสาหร่ายปกคลุมไปทั่วเรือนร่าง มีเปลือกหอยและปะการังที่อยู่บนหลัง กลิ่นลม หายใจของเขาเน่าเหม็น
“ราชาแห่งเมืองเทียนหยู เทียนคุน!” ชายที่อยู่ข้างหน้าชาแมนยกหอกสีน้ำเงินใสในมือขึ้นตามด้วยเสียงคํารามที่ดัง มาจากรูปปั้นด้านหลังของเขา
“ราชาแห่งเมืองเสี่ยวหยู หลานหยู!”
“ราชาแห่งเมืองเฮ่ยหยู เฮ่ยซุ่ย!”
“ราชาแห่งเมืองหลันตี้ หลัน ฮูซาน!”
เหล่าคนที่มาได้แจ้งชื่อของพวกเขาและใช้สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ประจําเผ่าพร้อมกับจิตวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับเมืองของพวกเขาเพื่อยืนยันตัวตน
หลังจากทุกคนได้ยืนยันตัวตนเสร็จแล้ว หมอผีก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น สายตาสีเหลืองของเขามองไปรอบๆ
“ราชาแห่งทะเลมู่เต่ออยู่ไหน?”
“ท่านอาวุโส อาณาจักรมู่เต่อถูกทําลายไปนานแล้ว!” เทียนคุนพูดด้วยความเคารพ
“ตายแล้ว?” ผู้อาวุโสมองด้วยความตะลึง จากนั้นเขาก็ส่ายหัว ขีดค่าชื่อที่อยู่บนตําราโบราณ
“ก็ได้ จากนี้ไป การประชุมจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นการประชุม 7 เหล่า”
หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“มีใครบอกข้าได้ไหมว่าอาณาจักรเต่อล่มสลายได้ยังไง? ในฐานะผู้นําของเมืองทั้งแปดและเป็นผู้ปกครองมหาสมุทร ยังจะมีศัตรูที่เก่งกาจเกินกว่านั้นอยู่อีกหรือ?”
“พวกเขาถูกเผ่าแห่งความตายหมายหัว ราชาคนเก่าที่ดื้อด้านพยายามต่อสู้กับเถาหวู่แต่ก็ต้องเสียชีวิตลง ไม่มีใครสามารถต่อต้านเผ่าแห่งความตายได้ พวกเขาถูกกําจัดท งหมด!” ราชาแห่งเมืองเฮ่ยหยูดูเหมือนไม่พอใจกับอาณาจักรมู่เต่อ
“ทําไมเจ้าถึงไม่ไปช่วย?” ชาแมนอาวุโสถามอีกครั้ง
“อาณาจักรมู่เต่อคิดว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งที่สุด เพราะว่าพวกเขาได้ปกครองมหาสมุทร แถมยังไม่มีความเคารพต่อคนอื่นๆและยังข่มเหงพวกเขาอยู่บ่อยครั้ง พวกเราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องช่วย อีกอย่างมันคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าทั้ง 7 เมืองไม่ส่งกองกําลังไปช่วยพร้อมกันเพื่อต่อต้านเผ่าแห่งความตายที่เป็นอมตะ!” ราชาแห่งเมืองเฮ่ยหยูพูดออกมาด้วยความเย็นชา
“พวกเจ้าทั้งหมดต้องเข้าใจว่าเมืองทั้งแปดเมืองนี้ เป็นหนึ่งเดียวพวกเราเป็นทายาทของทะเลเนเธอร์ และแม้ว่าเราจะถูกแบ่งออกเป็นแปดเผ่า ความจริงนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไป เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเคยเกิดอะไรขึ้น?” ชาแมนอาวุโสมองด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาสั่นขณะที่พูด
ทุกคนเงียบเมื่อได้ยินคําพูดของผู้อาวุโส
แน่นอนว่าพวกเขารู้เรื่องประวัติศาสตร์ดี
หลายล้านปีก่อน เมืองแห่งทะเลเนเธอร์ที่ปกครองวอยด์อยู่ กุ้ยหลงและมหาสมุทรเจดสปริงเป็นบรรพบุรุษของเมืองทั้งแปดในปัจจุบันนี้
สงครามที่ยืดเยื้อและแผ่ขยายเป็นวงกว้างทําให้เมืองแห่งมหาสมุทรเนเธอร์นั้นแบ่งออกเป็นแปดส่วน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอเรื่องพวกนั้นด้วยตัวเอง มันก็ถูกบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนในบันทึกประวัติศาสตร์ของเผ่า ทุกอย่างมันเป็นอย่างที่ผู้อาวุโสได้บอกมา
“ท่านผู้อาวุโส พวกเรามาที่นี่ในวันนี้เนื่องจากบรร พบุรุษของพวกเขาได้บอกเอาไว้ พวกเราขอถามได้ไหมว่ามันคือเรื่องอะไรในการประชุมในวันนี้?” เทียนคุนถามผู้อาวุโสด้วยความเคารพ
“การประชุมครั้งนี้จะถูกจัดขึ้นทุกๆ 500,000 ปี เพื่อเตือนทั้งแปดเมืองถึงคําสอนของบรรพบุรุษ มันจะทําให้พวกเรารวมกันเป็นหนึ่งและฟื้นฟูพลังของเมืองแห่งทะเลเนเธอร์ แต่ตอนนี้ข้าไม่คิดว่ามันสําคัญอีกต่อไปแล้ว!”
ท่าทีของผู้อาวุโสดูเย็นชา “จากที่ข้าเห็นพวกเจ้าทั้งหมด ได้ลืมความภาคภูมิใจที่พวกเราเคยมีไปนานแล้ว พวกเจ้ามันเห็นแก่ตัว ถ้ามันเป็นเช่นนี้ เรื่องที่จะประชุมในวันนี้จะ ถูกเปลี่ยนเป็นการผนึกทั้งเจ็ดเมืองแทน และชื่อของเมืองต้องเป็นทะเลเนเธอร์!”
พวกเขาทั้งเจ็ดคนช็อคเมื่อได้ยินเขาพูด บางคนดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย
“ข้าไม่ได้หารือเรื่องนี้กับเจ้าในเมื่ออาณาจักรมู่เต่อล้มสลายไปแล้ว พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้ฟื้นฟูทะเลเนเธอร์ทั้งหมดแล้วถ้าเราไม่ร่วมมือกัน ดังนั้นเรื่องในวันนี้จะเกี่ยว กับการผนึกเมืองทั้งเจ็ดและรวมรวบกองกําลังทั้งหมดของเรา!”
“ถ้าอย่างนั้นใครจะเป็นราชาของเมืองแห่งทะเลเนเธอร์ล่ะท่านอาวุโส?” เฮ่ยสุยถามด้วยความเย็นชา
นี่ก็เป็นเรื่องที่ราชาคนอื่นๆก็อยากจะรู้เหมือนกัน
การผนึกอาณาจักรทั้งหมดไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกเขาไม่ใช่กองกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปที่พวกเขาอยู่ ดังนั้นการร่วมทีมกันจะทําให้พวกเขาได้ประโยชน์เช่นกัน แต่คํา ถามที่ใหญ่ที่สุดก็คือใครจะเป็นราชา?
ถ้ามีบางคนนอกเหนือจากพวกเขาได้ขึ้นเป็นราชา อํานาจและพลังของพวกเขาก็จะต้องอยู่ในมือของผู้ปกครองคนใหม่ ไม่มีใครต้องการแบบนี้
“ใครจะเป็นราชา….แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า?” ผู้อาวุโสพูดเย้ย
“ไอ้แก่ นี่เจ้าคิดจะเป็นราชาเองใช่ไหม? พวกเราเคารพเจ้าเพียงเพราะว่าเจ้าเป็นผู้อาวุโสของอาณาจักรแม่ของเรา แต่จากที่ข้าเห็นเจ้าไม่ต้องการความเคารพจากพวกเราอีกต่อไป!” ขณะที่เฮ่ยสุยพูด จิตวิญญาณด้านหลังเขาก็ชี้ดาบใหญ่มาที่ชาแมน
สถานการณ์ตรึงเครียด แต่ก็ยังไม่มีใครเคลื่อนไหวหรือหยุดพวกเขา
พวกเขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน และไม่มั่นใจเรื่องภูมิหลังของเขาเช่นกัน ตอนนี้คนที่ใจร้อนกําลังจะคว้าโอกาสของเขาแล้ว มันเป็นช่วงที่ดีที่จะได้เห็น
ผู้อาวุโสหัวเราะ ในขณะที่เขากําลังจะพูด ร่างเงาก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าช้าๆและเข้ามาในดินแดน จากนั้นเขาก็มองไปรอบด้วยความสงสัย
“เพื่อนข้า การสํารวจมหาสมุทรนี่มันสนุกจริงๆ ทายสิว่าข้าเจออะไร!” ขณะที่เขาพูด ชายแปลกๆคนนั้นก็เริ่มปีนขึ้นไปบนรูปปั้น
“จากประสบการณ์ของข้า รูปปั้นพวกนี้มีประวัติที่ยาวนาน พวกเขาคงจะร่ำรวยมหาศาลถ้าขายพวกนี้เป็นของโบราณ น่าเศร้าที่ไม่มีใครสะสมของเก่าในโลกใบนี้” ขณะที่เขาพูด ชายคนนั้นว่ายน้ำไปข้างหน้าอีกครั้ง
เมื่อเขาได้เห็นรูปร่างที่หุ้มไปด้วยเกราะที่เงาวาว เขาตะลึง
ขณะที่สถานที่นี้กําลังส่องแสงสีน้ำเงินอันอบอุ่น เขาไม่ได้สังเกตสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านล่างเขา ถ้ามันไม่ใช่ข้อความของผู้เล่น เขาก็คงจะจ้องมองรูปปั้นต่อไปและสร้างเรื่องราวประวัติศาสตร์เอามาเล่าให้ผู้ชมฟัง
ทันใดนั้น สายตาของผู้เล่นก็เริ่มส่องประกาย เขาดําน้ำลงไปและลงไปข้างๆชาแมนอาวุโส
“และเจ้าคือ?” ชาแมนอาวุโสประหลาดใจ
สถานที่แห่งนี้ปกครองโดยเมืองทั้งเจ็ด ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามารบกวนการประชุมเช่นนี้ไม่อย่างนั้นจะต้องเจอกับความโหดร้ายของพวกเขา นั่นคือเหตุผลที่ทําให้ผู้อาวุโสสับสนเมื่อได้เห็นชายคนนี้
“พวกท่านมาทําอะไรกันที่นี่?” ผู้เล่นคนนั้นถามด้วยความตื่นเต้น
“พวกเรากําลังจัดประชุมแห่งเมืองทั้งเจ็ดเพื่อเลือกราชาองค์ใหม่!”
ผู้อาวุโสไม่รู้เกี่ยวกับคนๆนี้มากนัก แต่เขาก็ยังตัดสินใจที่จะพูดตรงๆ ยังไงมันก็ไม่ใช่ความลับอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะกลับมารวบรวมเมืองแห่งทะเลเน เธอร์ใหม่ การประชุมนี้มันก็ต้องประกาศให้โลกรู้อยู่แล้ว
หัวใจของผู้เล่นคนนั้นเต้นรัว เขารู้ว่าโชคอยู่ข้างเขาแล้ว ยิ่งกว่านั้น มันเป็นการประชุมแห่งเมืองทั้งเจ็ดอีกด้วย
เป็นไปได้ไหมที่ผู้เล่นที่ได้เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ จะปลดล็อคภารกิจลับในการสืบทอดแห่งเมืองทั้งเจ็ดและได้เป็นราชา?
เขาเพ้อฝันไปในทันที
“ท่านคิดว่าข้าเป็นผู้ลงสมัครที่ดีพอไหม?” เขาถาม
เมื่อราชาทั้งเจ็ดได้ยิน สีหน้าของพวกเขาก็ซีดลง
ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร จู่ก็โผล่มาแล้วขอเป็นราชาในการประชุมที่สําคัญเช่นนี้? เขาไม่มีความเคารพเลยแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสยังคงคิดคําที่จะพูด หลังจากที่ตรวจสอบเขาอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ถามขึ้นมา “จริงๆแล้วเจ้าเป็นใคร?”
“ข้าเหรอ? ข้าเป็นผู้เล่น!” เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา
เขาคิดอยู่สักพักและนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาตอบอีกครั้งว่า “ข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพแห่งเป๋ยฉี!”
ในตอนนี้ทุกคนจ้องมองเขาด้วยความอึ้ง
สําหรับพวกเขา เป่ยจีนั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพวกเขา ทําไมคนจากกองทัพเป่ยฉีจึงมาที่นี่และขอเป็นราชา? กําลังของเมืองทั้งเจ็ดรวมกันนั้นมันมากกว่ากองกําลังเป๋ยฉี กองทัพเดียวอยู่หลายขุม
“กองทัพแห่งเป๋ยฉี? เจ้ามีธุระอะไรที่นี่?” เฮ่ยสุยแสดงท่าทางเย็นชา
โคลทอิส นอทแมด นั้นพูดอะไรไม่ออก เขาคิดอยู่พักหนึ่งและพูดเบาๆ “เพื่อเปิดภารกิจของข้า!”
เพี้ยะ!
เฮียสุยไม่ลังเล เขาตบหน้าผู้เล่นคนนั้นตายในครั้งเดียวด้วยความรุนแรง
หลังจากที่มีคนแปลกหน้ามารบกวนนั้นจบลง บรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดอีกครั้ง
การเลือกราชาแห่งเมืองทั้งเจ็ดนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
ขณะที่เขานั้นแสดงท่าที่สับสน ผู้อาวุโสก็กระทืบเท้าลงร่างเงาปรากฏขึ้นจากแท่นบูชาที่อยู่ใต้น้ำ
ร่างนั้นดูอ่อนวัยเป็นวัยรุ่นที่ดูดี เขามีคุณสมบัติที่แตกต่าง นั่นก็คือโกลเด้นอายส์ของเขา รูนในดวงตาของเขาหมุนอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนกับเป็นชนชั้นสูง
“เขาคือผู้สืบทอดของขุนนางแห่งเนเธอร์ ในเมืองทั้งเจ็ดเมืองถูกรวมเข้าแล้ว พวกเราจะแต่งตั้งเขาเป็นราชา!”
เด็กหนุ่มดวงตาสีทองยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยเมื่อได้ยิน เขาดูพึงพอใจกับการตัดสินใจนี้
“ข้าไม่เห็นด้วย!”
“ข้าไม่เห็นด้วย!”
ทุกคนคัดค้านในทันที
แม้ว่าราชาหลายองค์จะเป็นผู้สืบทอดแห่งทะเลเนเธอร์ พวกเขาก็ไม่เคยตกลงที่จะร่วมมือและรับใช้เหล่าขุนนางอีก
“นี่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า!” เด็กตาสีทองยิ้มและชูมือขึ้น เสาทองคําปรากฏขึ้นรอบๆพวกเขา ขังพวกเขาเอาไว้ด้านใน
“ตราผนึกมหาสมุทรแห่งทะเลเนเธอร์!”
พวกเขาทั้งเจ็ดคนตกใจเมื่อเห็น
พวกเขาเคยได้ยินเรื่องของผนึกมหาสมุทรในวรรณกรรมเท่านั้น มันบอกว่ามันมีพลังไม่จํากัดและเป็นสิ่งประดิษฐ์ของประเทศ ใครก็ตามที่มีระดับไม่ถึงจักรพรรดิภูตระดับสูงจะถูกมันเผา
พวกเขาจึงตื่นกลัวเมื่อเห็นผนึกมหาสมุทรนี้
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเจ้า! สาบานความจงรักภักดีต่อข้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะสังหารพวกเจ้าและเข้ายึดครองเมืองของพวกเจ้าซะ!”
ไม่มีการคัดค้านใดๆ สีหน้าของทุกคนซีดเซียว
ใครก็ตามที่กล้าพูดอะไรออกไปในสถานการณ์แบบนี้จะต้องถูกสังหารเพื่อเป็นการตักเตือนให้คนอื่นๆได้เห็น พวกเขาจึงไม่สามารถบ่นอะไรได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ยินดีตั้ง แต่แรกก็ตาม
“เลือดของขุนนางแห่งทะเลเนเธอร์ไหลเวียนอยู่ในร่างกายข้า พรสวรรค์ของข้าในอนาคตจะต้องอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง! ภายใต้การครองบัลลังก์ของข้า พวกเราจะกอบกู้พลังที่พวกเราเคยมีในดินแดนมหาสมุทรทั้งสาม พวกเขาจะทําให้ได้ดีกว่าอดีตอย่างแน่นอน นี่เป็นคนสอนของบรรพบุรุษและมันยังเป็นคําสั่งจากเทพเจ้าแห่งทะเล!” เด็กคนนั้นพูดออกด้วยความมุ่งมั่นที่ยิ่งใหญ่
เมื่อได้ยิน ผู้อาวุโสก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและมองไปที่ราชาทั้งเจ็ด
“อย่างที่ราชาของเราบอก ถ้าพวกเจ้ายินดีที่จะรับใช้เขา พวกเขาจะสามารถผนึกเป็นหนึ่งเดียวได้และจะทรงพลังเป็นอย่างมาก พวกเจ้าทั้งหมดจะกลายเป็นเหนือหัว พื้นที่มหาสมุทรที่พวกเจ้าจะปกครองนั้นจะใหญ่ขึ้นอีกมาก พวกเจ้าไม่อยากร่วมมือด้วยหรือไง?”
“ข้าขอรับใช้!” ราชาแห่งเมืองชาลุ่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังจะโกนขึ้นมาทันที
“เจ้า…ไอ้คนโง่! ไม่แปลกใจเลยที่อาณาเขตของเมืองชาสุ่ยนั้นถดถอยลงเรื่อยๆ ไอ้ขี้แพ้!” เฮ่ยฮุยด่าทออย่างเย็นชา
เดิมที เขาคิดว่าถ้าทุกคนเงียบเอาไว้ ทายาทแห่งทะเลเนเธอร์นั้นก็จะไม่สามารถทําอะไรพวกเขาได้ แต่บางคนได้ทําให้แผนการมันล่มไปแล้ว เขาโมโหมาก
“ข้าขอรับใช้!” อีกคนหนึ่งพูดออกมา
“ข้าขอรับใช้!”
ราชาแห่งชาสุ่ย หลานตี้ และเสี่ยวหยุตัดสินใจที่จะยอมทําให้ราชาอีกสี่คนเสียวสันหลังวาบ
พวกเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติในทันที แต่สามเมืองนั้นยอมแพ้ไปแล้ว และพลังของพวกเขารวมกันก็แข็งแกร่งกว่า ถ้าพวกเขาสี่คนไม่เข้าร่วมด้วยตัวเอง พวกเขาคงจะต้องลําบากเป็นแน่
“เจ้าจะไม่เสียอะไรทั้งนั้น หยุดดื้อด้านได้แล้ว เราจะแข็งแกร่งขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออยู่ใต้การปกครองของบัลลังก์ราชาและกองกําลังที่เมื่อก่อนนี้ไม่เคยเคารพเจ้าเท่านั้น!”
ผู้อาวุโสตวาดขึ้นในจังหวะที่เหมาะสม
เมื่อได้เจอสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งสี่คนก็อึดอัด สีกายของพวกเขาเริ่มซีดลง พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะเลือกเส้นทางไหน
เด็กหนุ่มตาสีทองชูมือขึ้นอีกครั้ง สร้อยข้อมือทองคําบนข้อมือของเขาส่องแสงออกมา แสงสีทองห่อหุ้มพวกเขาทั้งสี่เอาไว้
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเจ้า!”
“ข้าขอรับใช้!”
“ข้าขอรับใช้!”
อีกสองคนตัดสินใจยอมแพ้
มีเพียงเฮียสุ่ยและเทียนคุนที่ไม่พูดอะไร
สีหน้าของพวกเขาซีดขาวเหมือนไข่มุกขณะที่จ้องไปที่คนอื่นๆด้วยความผิดหวัง
มันจบสิ้นแล้ว พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมก้มหัว ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงต้องตายและเมืองของเขาก็จะถูกยึด
เมื่อเด็กหนุ่มตาสีทองเห็นเฮ่ยสุยและเทียนคุนก้มหัว เขาก็เริ่มหัวเราะออกมา
“เจ้าควรจะก้มหัวตั้งแต่แรก…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ รัศมีสีดําก็แผ่ออกมาจากไกลๆและ เจาะผ่านมานสีทองเข้ามา แทงเข้าไปที่หัวใจของเด็กหนุ่มตาสีทองคนนั้น
“ข้า ราชาแห่งอาณาจักรฟูเต่อยังไม่ทันจะถึงเลย พวกเจ้าจะเลือกราชาองค์ใหม่โดยไม่มีข้า? พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่สําคัญแล้วใช่ไหม!?”