เมื่อมองไปที่ทูตปลดปล่อยวิญญาณที่คุกเข่าลงบนพื้นตัวสั่น ลู่หวู่คิดและถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงต่ำ
“ตายอย่างงั้นเหรอ? คุณคิดว่ามันง่ายมากที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นหลังจากหักหลังฉันอย่างงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทูตปลดปล่อยวิญญาณสั่นสะท้าน และวิญญาณเปลวไฟในกะโหลดศีรษะของมันโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ในขณะที่มันรีบก้มหัวต่ำลง
“โปรดยกโทษให้ฉัน ท่านราชา ฉันยินดีที่จะชดเชยการทรยศของฉัน”
เป่ยลี่ได้กำลังฉากนี้อยู่ตกตะลึง เธอไม่ได้คาดหวังว่าลู่หวู่จะแสดงแบบนี้ และทูตปลดปล่อยวิญญาณก็ฌถูกหลอกอย่างง่ายดายจนยอมจำนน
ตอนแรกลู่หวู่ตั้งใจจะให้ทูตปลดปล่อยวิญญาณฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตามด้วยความคิดที่ว่ามันรับใช้นาลพลผีชานาของเขตหลิวหลี่ ทำให้ลู่หวู่มีแผนอื่น
“ชดใช้? คุณจะไถ่ถอนตัวเองยังไง?” ลู่หวู่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ในเวลาเดียวกันพลังงานหยินในท้องฟ้ายังคงรวมตัวกัน เพื่อเน้นให้ดูรูปร่างทรงพลังของลู่หวู่
“ฉันยินดีที่จะช่วยท่านราขาฟื้นคืนดินแดนที่เสียไป และฟื้นความรุ่งโรจน์ของราชาของฉัน!”
ลู่หวู่ยินดีอย่างยิ่งเมื่อได้ยินสิ่งนี้ขณะที่เขาไม่ต้องพูดอะไรเลย เขาไม่ได้คาดหวังว่าทูตปลดปล่อยวิญญาณจะฉลาดมาก
ลู่หวู่เงียบไปครู่หนึ่งโดยแกล้งทำเป็นว่าเขาคิดอยู่ จากนั้นเขาพูดช้าๆ
“คุณวางแผนจะทำอะไร?”
เมื่อลู่หวู่จบคำพูดของเขา ทูตปลดปล่อยวิญญาณก็เงยหน้าขึ้นมองลู่หวู่ “คุณไม่ใช่ราชาแห่งเป่ยฉี คุณเป็นใคร?”
“ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้น?”
ลู่หวู่ค่อนข้างท้อใจ เขาไม่รู้ว่าเขาได้แสดงอะไรผิดพลาดไป
“หากคุณเป็นราชาแห่งเป่ยฉี คุณจะไม่มีวันปล่อยฉันแม้ว่าฉันจะมีค่ามากสำหรับคุณ ฉันติดตามเขามาหลายพันปี และฉันรู้จักเขาดีมาก ยิ่งไปกว่านั้นฉันเห็นการตายของเขาด้วยตาของฉัน และพลังวิญญาณของเขาก็สลายไปทันที แล้วสิ่งที่ฉันเคยเห็นจะเป็นขอมปลอมได้ยังไง? คุณเป็นใคร?”
คำตอบของทูตปลดปล่อยวิญญาณทำให้ลู่หวู่รู้สึกหมดหนทาง เขาไม่มีประสบการณ์มากเกินไป
“คุณเป็นใคร? คุณซ่อมคฤหาสน์แห่งความตายได้ยังไง และทำไมคุณถึงมาที่นี่? แล้วทำไมเจ้าผีสามถึงตาย? และสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏขึ้นข้างนอกนั้นต้องเกี่ยวข้องกับคุณ”
ทูตปลดปล่อยวิญญาณยืนขึ้นและเสียงแหบห้าวสะท้อนทั่วคฤหาสน์แห่งความตาย
“ใช่ ผู้บัญชาการสุดยอดผีถูกฆ่าตายโดยคนของฉัน และเป้าหมายต่อไปจะเป็นชานา”
ตั้งแต่เขาได้รับการเปิดเผย ลู่หวู่เลยยอมรับอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อความสงสัยของเขาได้รับคำตอบ วิญญาณเปลวไฟก็ประทุขึ้นในหัวกะโหลกของทูตปลดปล่อยวิญญาณ เขาเหยียดมือออกไปอย่างช้าๆ และเปลวไฟสีดำก็เปล่งประกายออกมาจากฝ่ามือของเขา
“คุณกล้าจริงๆ คุณไม่สมควร เป่ยฉีไม่ใช่สถานที่ที่คนนอกสามารถยุ่งได้”
เช่นเดียวกับการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น ลู่หวู่เปิดปากอีกครั้ง “โอ้ คุณคิดว่าเป่ยฉีจะยังสมบูรณ์โดยไม่มีราชาอย่างงั้นเหรอ?”
“นั่นไม่ใช่สำหรับคนนอกที่จะตัดสินใจ!” ทูตปลดปล่อยวิญญาณโบกมือของเขา และลูกไฟก็ลอยไปทางลู่หวู่
บูม!
ร่างที่ลู่หวู่สร้างขึ้นจากคารควบแน่นของพลังงานหยินถูกบดขยี้ทันที จนทำให้เกิดหมอกมืด
อย่างไรก็ตามลู่หวู่ควบคุมพลังงานหยินอีกครั้งและปรับสภาพร่างกายของเขาเองต่อหน้าทูตปลดปล่อยวิญญาณ
“ตาย!”
เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงเปล่งประกายและล้อมรอบลู่หวู่ โดยเผาเขาอย่างดุเดือด
หมอกมืดเริ่มสลาย และลู่หวู่จัดการกับสิ่งประดิษฐ์อีกครั้งโดยสร้างร่างของเขาในที่อื่น
“ตู่หยาน คุณจะไม่สามารถฆ่าฉันได้”
ตู่หยานไม่เชื่อมัน และยังคงโยนเปลวไฟมืดไปที่ร่างของลู่หวู่ โดยเผาเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากความพยายามครั้งที่สิบของเขา ตู่หยานก็หยุดลงเพราะเขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แน่นอน
ลู่หวู่ก่อตัวเองขึ้นอีกครั้ง และในขณะที่เขากำลังพูดอะไรบางอย่าง เป่ยลี่ที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆก็พูดขึ้นทันที “หวู่ ให้อำนาจการจัดการสิ่งประดิษฐ์ให้ฉัน ฉันจะเป็นคนพูดมัน”
ลู่หวู่ลังเล แต่เขาพยักหน้ารับ และมอบอำนาจให้เป่ยลี่
ภายใต้การควบคุมของเป่ยลี่ ร่างนั้นค่อยๆก่อตัวใหม่เป็นร่างเล็ก
คนนี้เหมือนลู่หวู่ตอนเด็ก เขาแต่งตัวในชุดคลุมสีม่วงที่มีรูปมังกรเปลวเพลิง และแสงสีม่วงส่องแสงในม่านตาที่มืดมิดของมัน ราวกับว่ามันเกิดมาพร้อมกับออร่าเผด็จการ
ทูตปลดปล่อยวิญญาณรู้สึกออร่าที่คุ้นเคยซึ่งคืออร่าผู้ปกครองที่ไม่สามารถควบคุมได้โหมกระหน้ำใส่มัน และทำให้มันเกือบคุกเข่าลง อย่างไรก็ตามเมื่อคิดว่าบุคคลลนี้ไม่ใช่ราชาแห่งเป่ยฉี มันก็ลุกขึ้นอีกครั้ง
“หยุดแสดงว่าคุณเป็นเขา คุณไม่สามารถทำให้ฉันกลัวได้!”
“ตู่หยาน ฉันไม่ใช่ราชาแห่งเป่ยฉีแน่นอน แต่เลือดของเขาไหลเวียนอยู่ในตัวฉัน ดินแดนแห่งเป่ยฉีควรเป็นมรดกของฉัน”
ขณะที่ทูตปลดปล่อยวิญญาณกำลังจะยั่วยุเขาต่อไป เขาเห็นร่างราชาแห่งเป่ยฉีโบกมือ และหยดเลือดลอยอยู่ในอากาศ
สำหรับต้นกำเนิดของเลือดก็คือมาจากลู่หวู่ผู้รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
นี่เป็นเพราะเป่ยลี่จับมือเขาอย่างกะทันหัน และกัดอย่างเต็มแรงลงไป
ทูตปลดปล่อยวิญญาณจับยดเลือดไว้ และดูร่างราชาแห่งเป่ยฉีด้วยความสับสน แล้วจากนั้นเขาก็เลือกที่จะกลืนเลือดหยดนั้น
หลังจากยืนเผชิญหน้ากันชั่วครู่หนึ่ง ทูตปลดปล่อยวิญญาณก็ยกศีรษะของเขาขึ้นและพูดด้วยความกลัว
“คุณเป็นผู้สืบทอดของราชาแห่งเป่ยฉี่จริงๆอย่างงั้นเหรอ?”
“ฉันเชื่อว่าคุณรู้คำตอบอยู่แล้ว ทำไมคุณต้องถามเพิ่มเติมอีก”
ทูตปลดปล่อยวิญญาณมีอารมณ์ผสมกันไปมั่วอยู่ตอนนี้ ขณะที่เขาตรวจสอบหยดเลือด เขาพบว่ามันมีเลือดของราชาแห่งเป่ยฉี แม้ว่ามันจะจางมาก แต่มันก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ตัวตนของบุคคลต่อหน้าเขา
“ทำไมฉันไม่เคยเห็นคุณตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา และทำไมคุณต้องกลับมาตอนนี้?” ทูตปลดปล่อยวิญญาณถามด้วยเสียงลึก
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ลู่หวู่ก็เข้าควบคุมอำนาจที่เป่ยลี่ส่งคืนมาและกล่าวว่า
“เป่ยฉีเป็นดินแดนของครอบครัวลู่ แม้ว่าบรรพบุรุษจะตายแล้ว มันก็ยังเป็นของเรา”
“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณต้องบ้าแน่ๆ คุณคิดว่าคุณมีคุณสมบัติในการต่อสู้กับราชาผี และนายพลผีอย่างงั้นเหรอ?” เสียงหัวเราะที่แหบห้าวของทูตปลดปล่อยวิญญาณเป็นที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง
“การมีคุณสมบัติหรือไม่นั้นไม่เกี่ยวกับคุณ ฉันจะให้โอกาสคุณตอนนี้ ยอมจำนนต่อฉัน”
“คุณคิดว่าคุณเป็นใคร?” ทูตปลดปล่อยวิญญาณพูดด้วยใบหน้าที่น่าเกลียด
“คุณต้องเห็นและฆ่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ที่ประกาศว่าตัวเองเป็นผู้เล่นใช่มั้ย?” ลู่หวู่ยิ้ม
“แน่นอน” ทูตปลดปล่อยวิญญาณกล่าวอย่างไม่เกรงกลัว
เมื่อทูตปลดปล่อยวิญญาณพูดเสร็จ วิญญาณเปลวไฟในหัวกะดฆลดของเขาก็เริ่มเดือดพล่านอย่างรุนแรง
“นี่เป็นไปไม่ได้! คุณกำลังบอกว่าคุณเป็นเหตุผลที่วิญญาณของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้หายไป และพลังวิญญาณของพวกเขาก็ยงคงอยู่เหมือนเดิม”
“คุณเข้าใจกฏแห่งการกลับชาติมาเกิดอย่างงั้นเหรอ?”
การคาดเดาของทูตปลดปล่อยวิญญาณทำให้ตัวเองกลัว กฎการกลับชาติมาเกิดเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่แม้แต่ราชาแห่งเป่ยฉีก็ไม่เข้าใจ ถ้าชายข้างหน้าเขาเข้าใจมันจริงๆ…
ความกลัวกลับมาอีกครั้งลุกลามผ่านความคิดของทูตปลดปล่อยวิญญาณ
“ฉันจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่คุณในการยอมจำนนต่อฉัน หรือจะถูกทำลายไปพร้อมกับชานา นี่เป็นตัวเลือกของคุณ” น้ำเสียงของลู่หวู่ก็หนักแน่นขึ้นเช่นกัน
“ฉันจะเชื่อคุณได้อย่างไร? แผนของคุณที่จะได้รับดินแดนแห่งเป่ยฉีกลับคืนมานั้นบ้าคลั่งเกินไป ฉันกลัวว่าฉันไม่อาจหวนย้อนกลับคืนมาได้”
คราวนี้ทูตปลดปล่อยวิญญาณไม่ได้ปฏิเสธ เขาจ้องลู่หวู่และถามแทน
“คุณคิดว่าฉันบ้าเหรอ?” ลู่หวู่หัวเราะ
“ไม่” ทูตปลดปล่อยวิญญาณกล่าวหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
จากนั้นร่างกายของเขาก็ค่อยๆก้มลง และเขาคุกเข่าลงบนพื้น “ราชาของฉัน”