ชายแก่ผมขาวมองไปที่กู่หยูและซันฉีเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นคู่หูที่แปลกประหลาด
“ทำไมพวกเจ้าจึงอยากจะขึ้นไปที่จุดสูงสุดเหนือผาแห่งนี้?”
ในตอนแรก กู่หยูเพียงแค่อยากจะพูดขำๆ แต่เขาก็ได้รู้ว่ามันไม่เหมาะสมสำหรับเขาที่จะบอกอะไรกับคนพื้นเมืองในเกม หลังจากคิดได้ เขาก็พูดออกไปอีกครั้ง
“พวกเราได้ยินมาว่ามีสมบัติอยู่บนยอดผาแห่งนี้ พวกเราจึงอยากขึ้นไปเพื่อเสี่ยงโชคดูสักครั้ง!”
“แค่เจ้ากับสุนัขตัวนั้นน่ะนะ?”
ซันฉีปลอบกู่หยูที่กำหมัดแน่นและรีบส่งสัญญาณให้เข้าใจเย็นลง
ความโกรธของกู่หยูมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขานั้นได้ยินคำพูดพล่ามที่ออกมาจากปากของชายแก่ผมขาวคนนั้น
เมื่อเขากำลังจะระเบิดความโกรธออกมา ชายแก่ผมขาวก็เดินไปอีกห้องหนึ่ง เวลาผ่านไปพักหนึ่ง เขากลับมาด้วยม้วนกระดาษหนังแกะ
กู่หยูและซันฉีมองด้วยความสงสัย ชายแก่คลี่ม้วนกระดาษหนังแกะนั้นลงบนโต๊ะ
ทั้งสองเดินไปดูที่ม้วนกระดาษในทันที
มันมีผาที่สูงตระหง่านอยู่ที่กลางแผ่นกระดาษนั้น แต่ที่ทำให้พวกเขาสงสัยก็คือยอดเขานั้นแบ่งเป็นหลายส่วน และพื้นที่ในแต่ละส่วนนั้นมีรูปวาดของปิศาจดุร้ายอยู่ด้วย
“พวกเจ้าเห็นอะไรไหม?” ชายแก่ลูบเคราของเขาและถามคำถามด้วยความจริงจัง
กู่หยูพยักหน้า “ถ้าข้าเดินขึ้นไปบนผาแห่งความสิ้นหวัง ก็จะมีปิศาจคอยเฝ้าอยู่ในทุกๆจุด ซึ่งมันอันตรายมาก”
ชายแก่ผมขาวส่ายหัว “ปิศาจพวกนี้มันตายไปหมดแล้ว จึงไม่มีอันตรายใดๆ!”
กู่หยูพูดไม่ออก
เขากำหมัดแน่นอีกครั้ง แต่ซันฉีพยายามหยุดกู่หยูและส่งสัญญาณว่าเขานั้นจะต้องควบคุมอารมณ์ไม่ให้โมโห
“งั้นท่านบอกข้าได้ไหมว่าท่านเอารูปภาพพวกนี้มาให้พวกเราดูทำไม?” กู่หยูกัดฟันถามออกไป
ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็พร้อมที่จะรับฟังประโยคต่อไปจากตาแก่ปากไม่ดีคนนี้ “แค่สนุกๆน่ะ”
“ข้าแค่อยากแสดงข้อความนี้ที่อยู่บนกระดาษให้พวกเจ้าดู!” ชายแก่พูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ประโยคเล็กๆที่อยู่ตรงมุมขวาล่างของกระดาษ
เมื่อกู่หยูและซันฉีได้ฟังดังนั้น พวกเขาก็ชะโงกหัวไปดูด้วยความสงสัย
อย่างไรก็ตาม กู่หยูกับซันฉีนั้นไม่เคยเห็นคำพวกนี้ แม้แต่ภาษาที่เขียนเอาไว้พวกเขาก็ไม่รู้จัก พวกเขาแสดงออกถึงความสงสัยมากกว่าเดิม
แต่ด้วยการที่มีสิ่งประดิษฐ์ ระบบตรวจจับอัตโนมัตก็เริ่มแปลให้ทันที คำที่ปรากฏอยู่บนรูปภาพนั้นเริ่มเลือนราง
[ข้า เป่ยฉี ขอสาบานต่อผู้คนรุ่นหลังว่าจะปกป้องผาแห่งความสิ้นหวังแห่งนี้ ขับไล่ความชั่วร้าย รักษาความเชื่อมั่น!]
[มันหมายความว่ายังไง?”
ทั้งชายหนุ่มและสุนัขมองหน้ากันด้วยความสงสัยเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา
“เรื่องมันยาว” ชายแก่เงยหน้ามองท้องฟ้าและถอนหายใจ
“งั้นก็สรุปมาสั้นๆสิ!” กู่หยูตอบห้วนๆ
“พวกเจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?” สีหน้าของชายแก่จริงจังอีกครั้ง
ชายแก่ผมขาวคนนี้เป็นปิศาจอย่างแท้จริง!
แต่คำพูดเหล่านั้นมันอยู่แค่ในใจของกู่หยูและซันฉีเท่านั้น พวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกไปจริงๆและส่ายหัวพร้อมกัน
“ข้าคือทายาทของราชาแห่งเป่ยฉี!” ชายแก่ผมขาวพูดด้วยความภาคภูมิใจ
หลังจากพูดจบ ชายแก่ก็คิดว่ากู่หยูกับซันฉีนั้นจะต้องประหลาดใจ แต่เขาก็พบว่าสองคนนั้นกำลังจ้องมองมาที่เขาเหมือนกับว่าเขาเป็นคนปัญญาอ่อน
“พวกเจ้าไม่เชื่อข้างั้นสิ?”
ครั้งนี้กู่หยูและซันฉีไม่ตอบเขา กลับกัน พวกเขาหันหน้าหนีและเดินไปที่ประตูพร้อมกัน
หลังจากจัดการกับเขาเป็นเวลายาวนาน เขาก็กลายเป็นแค่คนโง่!
“พวกเจ้าทั้งสองหยุดตรงนั้นแหละ!” ชายแก่ผมขาวกระวนกระวายเมื่อเขาเห็นว่าเขาโอ้อวดไม่สำเร็จ
“อะไร?” สองคนนั้นหันมาช้าๆและพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์
“ดูสิว่านี่คืออะไร!” ชายแก่หยิบตราประทับสีเทาออกมาจากกระเป๋า
กู่หยูและซันฉีมองหน้ากันและอยากที่จะออกไปจากที่นี่อีกครั้ง แต่เขาทั้งสองคนก็หันกลับมาพร้อมกันในทันที
[ตราประทับของราชาแห่งเป่ยฉี(ตำนาน)] : ผู้สร้างดินแดนแห่งเป่ยฉี ตราประทับของราชาแห่งเป่ยฉีถูกสร้างขึ้นโดยราชาแห่งเป่ยฉีองค์แรก และแต่งตั้งให้เป็นสัญลักษณ์ของพลังอันแกร่งกล้าและความรุ่งโรจน์ของดินแดนแห่งเป่ยฉี (ยุติแล้ว)
พวกเขาทั้งคู่ตะลึงเมื่อพวกเขาเห็นคำแนะนำของตราประทับของราชาแห่งเป่ยฉี
“แต่ทำไมมันถึงยุติ?” ซันฉีสงสัย
“อาจจะเป็นเพราะว่ามันเก่ามากแล้วและมันไม่มีผลอีกต่อไป” กู่หยูส่ายหัว
“ตอนนี้พวกเจ้าเชื่อข้าหรือยัง!” ชายแก่พูดด้วยความปลื้มใจ
ทั้งสองคนมองหน้ากันและนั่งลงข้างเตียงอีกครั้ง พวกเขามองไปที่ชายแก่ รอฟังเรื่องราวจากเขา
เมื่อชายแก่เห็นเขาทั้งสองนั่งลง เขาก็ถอนหายใจ “เรื่องมันยาว!”
“งั้นก็สรุปมาสั้นๆสิ!” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
ชายแก่กรอกตาขึ้น “บรรพบุรุษของฉันป็นผู้สร้างดินแดนแห่งเป่ยฉีขึ้นมา เขาปกครองดินแดนแห่งนี้มานานนับแสนปี ผาแห่งความสิ้นหวังแห่งนี้เป็นที่ที่เขานั้นปกป้องด้วยชีวิตทั้งหมดและเป็นที่ที่ฝังร่างของเขาไว้”
“ปิศาจที่พวกเจ้าเห็นบนกระดาษนั้นเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและทำตามความปราถนาของเขาหลังจากที่เขานั้นตายจากไป มันคือเทพปิศาจผู้ที่ปกป้องดินแดนแห่งเป่ยฉี!”
“อะไรคือเทพปิศาจ? มันทรงพลังมากไหม?” กู่หยูถามด้วยความสงสัย
“ผาแห่งความสิ้นหวังแห่งนี้เป็นเหมือนเขาเดี่ยวๆที่อยู่บนหัวของเทพปิศาจ… สุดยอดใช่ไหม?” ชายแก่ดูไม่พอใจเล็กน้อยที่กู่หยูขัดจังหวะการเล่าประวัติศาสตร์ของเขา
กู่หยูกับซันฉีขนลุกเมื่อได้ฟังเรื่องราว
พวกเขารู้ว่าความสูงของผาแห่งความสิ้นหวังนั้นสูงเสียดฟ้า แล้วถ้านี่เป็นเขาบนหัวของเขา พวกเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าเทพปิศาจนั้นจะมีขนาดใหญ่ขนาดไหน บอกได้เลยว่ามันสามารถบดบังพระอาทิตย์กับท้องฟ้าได้มิดชิดเลย
“นี่แปลว่าบรรพบุรุษของท่านนั้นได้พิชิตเทพปิศาจตัวนี้แล้วก็ผนึกมันเอาไว้ที่นี่ และทำให้มันเป็นทายาทเพื่อปกป้องที่นี่?”
“เป็นไปไม่ได้ แม้จะมีบรระบุรุษของข้าถึงสิบคน ก็ไม่สามารถปราบเทพปิศาจตัวนี้ลงได้” ชายแก่ตอบพร้อมกับกรอกตาขึ้น
“ข้าไม่รู้แน่ชัดถึงสาเหตุที่เทพปิศาจนั้นถูกผนึกเอาไว้ที่นี่หรอก แต่มันก็ยังไม่ปลอดภัย แม้แต่เทพปิศาจที่ถูกผนึกแต่ความคิดที่ชั่วร้ายก็ยังรั่วไหลออกมาเป็นบางครั้ง มันถูกต้องเพราะว่าบรรพบุรุษของข้าต้องต่อสู้กับความคิดชั่วร้ายของเทพปิศาจ และได้ใช้พลังเฮือกสุดท้ายจนหมดและตายลงที่ผาแห่งความสิ้นหวังในระยะเวลาไม่ถึง 100 ปีหลังจากที่ปราบความคิดที่ชั่วร้ายของมันได้สำเร็จ!”
“แต่นี่มันเกี่ยวอะไรกับความยากในการปีนขึ้นเขาล่ะ?” กู่หยูถามอย่างสงสัย
“มันไม่ใช่เรื่องความยาก มันเป็นเรื่องง่ายๆเลยคือพวกเจ้าไม่สามารถปีนเขานี้ได้!” สีหน้าของชายแก่จริงจังมากขึ้น
“ทำไมล่ะ?”
“ข้ากลัวว่าพวกเจ้าจะกัดกร่อนจากความคิดชั่วร้ายของเทพปิศาจและยึดร่างของพวกเจ้าเอาไว้เพื่อที่จะกลายเป็นหุ่นเชิดสำหรับเทพปิศาจ”
“ปิศาจทุกตัวบนกระดาษแผ่นนี้ เดิมทีแล้วก็ถูกส่งมาโดยบรรพบุรุษของข้าเพื่อหยุดยั้งใครก็ตามที่จะปีนเขาขึ้นไป!”
“ช่างลึกลับจริงๆ!”
ทั้งกู่หยูและซันฉีมองหน้ากัน แต่กิเลสของพวกเขานั้นกลับลุกโชนไปด้วยไฟ
“ข้ากำลังเตือนพวกเจ้าอยู่ ห้ามปีนขึ้นเขา ไม่เช่นนั้นร่างกายที่ถูกยึดไปของพวกเจ้านั้นจะเป็นปัญหา ถ้าพวกเจ้ากลายเป็นหุ่นเชิดของเทพปิศาจเมื่อไหร่ มันจะกลายเป็นหายนะแห่งดินแดนเป่ยฉี”
การได้เจอกับคำเตือนที่จริงจังจากชายแก่ผมขาวนั้น ทั้งสองคนมองหน้ากันอีกครั้ง พวกเขาพูดขึ้นมาอย่างชอบธรรม
“ได้โปรดอย่ากังวลเลย เพื่อความปลอดภัยของดินแดนแห่งเป่ยฉี พวกเขาจะไม่มีทางปีนเขาลูกนี้ขึ้นไปเด็ดขาด!”