เป่ยลี่เปิดหน้าหนังสืออย่างจริงจัง เธอชี้ไปที่หน้ากระดาษสีดำมืดและพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “นายควรจะบ่มเพาะพลังนี้!”
ลู่หวู่จ้องไปที่เธอด้วยความว่างเปล่า
“มันดำไปหมด ฉันจะเรียนอะไรได้?” ลู่หวู่ทำอะไรไม่ได้
“ฮี่ฮี่…” เป่ยลี่หัวเราะอย่างมีเลศนัย เธอฉีดหน้ากระดาษสีดำออกมาจากหนังสือจากนั้นเธอก็แตะไปที่หนังสือ
ทันใดนั้นหน้ากระดาษสีดำก็ค่อยๆย่อขนาดลงจนกระทั่งมันหายไป
“เตรียมตัวให้ดี ฉันกำลังจะส่งมันไปให้นาย!”
ข้อมูลจำนานมหาศาลไหลเข้าไปในหัวของลู่หวู่หลังจากที่เป่ยลี่พูดจบ
นอกจากข้อมูลที่มหาศาลแล้ว อสูรระดับต้นๆก็ปรากฏต่อหน้าลู่หวู่ พวกมันร้องคำราม พวกมันเหมือนกับภูเขาที่สามารถถล่มผืนดินได้ดั่งเทพแห่งสวรรค์
“โค้ดจักรพรรดิแห่งความมืด ที่จะเข้าใจกฎของโลกด้วยร่างกายของเหล่าอสูร ควบแน่นร่างอมตะแห่งความมืดทั้งหมด ให้เป็นดั่งวันโลกาวินาศ!” เสียงของเป่ยลี่ดังขึ้นในหัวของลู่หวู่
“หวู่ เลือกสัตว์อสูรเทพไว้ในหัวให้เป็นอสูรเพื่อเป็นผู้ชี้นำเริ่มต้น!” เสียงของเป่ยลี่ดังขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อได้ยิน ลู่หวู่ก็เพ่งสมาธิและเริ่มทำการเลือกอสูรมาหนึ่งตัวจากที่มีทั้งหมดหลังจากที่เขาได้ยินสิ่งที่เธอพูด
ในมุมมองของลู่หวู่นั้น อสูรเทพเหล่านี้ครอบครองพลังที่ไม่ธรรมดาเอาไว้ พวกมันดูทรงพลังมาก ในขณะนั้น เขาไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกอสูรตัวไหนมาเป็นผู้ชี้นำให้กับเขา…
เสียงของเป่ยลี่ดังขึ้นมาอีกครั้ง “เร็วเข้า หวู่!”
เมื่อเขาได้ยิน ลู่หวู่ก็รู้สึกว่าหัวใจของเขานั้นบีบรัดขึ้นมา เขาเหลือบไปมองอสูรเทพทั้งหมดอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เพ่งสมาธิไปที่อสูรเทพที่มีขนสีขาวหิมะและร่างกายที่ส่องประกาย
“ซวนหนี่!”
แผ่นกระดาษสีดำปรากฏขึ้นมาในหัวของลู่หวู่และมอดไหม้อย่างรวดเร็ว จากนั้นอสูรเทพก็ค่อยๆจางหายไป
ลู่หวู่รู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังถูกเผา เขารู้สึกร้อนและพยายามจะลืมตา แต่เขาก็รู้ว่าเปลือกตาของเขานั้นไม่สามารถควบคุมได้
ความรู้สึกที่ถูกเผาไหม้นั้นยังอยู่อีกครู่หนึ่ง และเขาก็เริ่มรู้สึกว่าคอแห้ง
ผ่านไปสักพัก ความหนาวเย็นก็ระเบิดออกมา จากนั้นลู่หวู่ก็พบว่าเขาสามารถควบคุมร่างกายของเขาตามปกติได้แล้ว เขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้น
อย่างไรก็ตาม ลู่หวู่รู้สึกอึดอันขึ้นมาทันที ทำไมตอนนี้ทุกๆอย่างดูใหญ่ขึ้น?
“ยี่! เธอน่ารักมาก!” เป่ยลี่ย่อตัวลงขณะมองมาที่ลู่หวู่ผู้ที่เปลี่ยนไปเป็นแมวสีขาว เธอยิ้มจนตาปิด
ลู่หวู่เงียบไป
จากนั้นเป่ยลี่ก็หยิบกระจกบนโต๊ะมาให้กับลู่หวู่ “ดูตัวเองสิ เธอน่ารักมาก!”
ลู่หวู่อ้าปากค้างเมื่อเขาเห็นแมวสีขาวในกระจก “นี่เธอทำอะไรกับฉัน!!?”
“มันคืออสูรชี้นำ และนี่ก็เป็นร่างเริ่มต้นที่เธอได้เลือกมา!”
ลู่หวู่แทบเป็นลมเมื่อได้ยินสิ่งที่เป่ยลี่พูด
หลังจากฟังเป่ยลี่อธิบายยาวเหยียด ลู่หวู่ก็เข้าใจแล้วว่าเขาต้องอยู่ในสภาพนี้ไปสักระยะก่อนที่จะเอาร่างเดิมของเขากลับคืนมาได้ ลู่หวู่ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ แต่ลึกๆแล้ว เขาไม่มีความสุขเลย
อย่างไรก็ตาม ลู่หวู่ได้รู้อีกอย่างหนึ่งว่ารอบๆตัวเขานั้นชัดเจนมากในร่างนี้ และเขารู้สึกว่าแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อน
ลู่หวู่เริ่มเดินไปรอบๆเพื่อปรับตัวให้เขากับร่างกายใหม่ของเขา
เขาพยายามขยับแขน แต่เขาก็ล้มลงหลังจากที่เขาก้าวเท้าหน้าออกไป ลู่หวู่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเพราะเขายังไม่คุ้นเคยกับร่างใหม่ของเขา เขาทำได้แค่เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการวิ่งและกลิ้งไป ลู่หวู่หน้าตาบูดบึ้งในความเจ็บปวด และเขาก็หยุดการร้อง เหมียว เหมียว ของเขาไม่ได้
เขาสะดุดล้มอีกครั้ง ลู่หวู่กำลังจะลุกขึ้นมา แต่เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นเบาลงและสายตาของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมหาศาล
“ทำไม?” ลู่หวู่สับสน เขาจ้องไปที่เป่ยลี่ที่กำลังอุ้มเขาขึ้น
“เธอมันน่ารักเหลือเกิน!” เป่ยลี่กอดลู่หวู่แน่นและลูบเขาอย่างแรกในขณะที่พูด
นี่มันอะไรวะเนี่ย…
ลู่หวู่ร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา โคตรน่าอนาถ ฉันไม่เคยคิดว่าฉันจะได้เจอกับอะไรแบบนี้!
“เอ้อ ใช่ ได้เวลาอาหารแล้ว เธอสามารถดึงร่างเดิมกลับมาได้เร็วขึ้นถ้ากินข้าวเชื้อสายแห่งจิตวิญญาณนี้” เป่ยลี่วางลู่หวู่ลงบนพื้นและต้นข้าวเชื้อสายจิตวิญญาณก็ปรากฏขึ้นมาจากชาแนลในขณะที่เธอยื่นมือออกไปหยิบมัน
จากนั้นเป่ยลี่ก็หยิบเมล็ดข้าวและวางลงบนฝ่ามือของเธอ เธอยื่นมือเข้าไปใกล้ๆปากของลู่หวู่
มากินนี่เร็ว!”
“พอได้แล้ว! อย่าใจร้ายกับฉันนักเลย!” ลู่หวู่รู้สึกว่าเขากำลังถูกท้าทายอยู่เมื่อเขาเห็นเป่ยลี่กำลังจะป้อนอาหารเขา
“กิน! เร็ว! มันจะช่วยให้เธอโตขึ้น” เป่ยลี่ยื่นเมล็ดข้าวไปให้ลู่หวู่อีกครั้ง
ลึกๆในใจของลู่หวู่เต็มไปด้วยความโกรธ แต่เขาก็ก้มหัวลงและกลืนเมล็ดข้าวทั้งหมดลงท้องไป
ข้าวเชื้อสายวิญญาณนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นหมอกวิญญาณหลังจากที่ถูกกินเข้าไป มันกระจายไปทั่วร่างกายของลู่หวู่ เขาตัวสั่นจนหยุดไม่ได้ และเขาก็รู้สึกถึงความผ่อนคลาย
“ใช่แล้ว หวู่ เธอควรจะออกกำลังบ่อยๆเพื่อเพิ่มความเร็วในการดูดซับพลังงานวิญญาณนะ แสดงความพยายามของเธอเพื่อเอาร่างมนุษย์กลับมาเร็ว!” เป่ยลี่ทำท่าให้กำลังใจในขณะที่กำลังพูด
ลู่หวู่ยังคงไร้อารมณ์ เขารู้สึกว่าชีวิตเขากลายเป็นแมว…ไม่สิ…กลายเป็นมนุษย์ที่สิ้นหวังไปแล้ว
ไม่จริง ทำไมชาติชายอย่างฉันจะต้องกลัวเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆนี่ด้วย? ยังไงเธอก็กินเราไม่ได้อยู่แล้วนี่ ใช่ไหมล่ะ?
เมื่อลู่หวู่คิดได้ เขาก็ยกอุ้งมือขึ้นมาตบลงไปที่พื้นและคำรามออกมาอย่างดุร้าย
อย่างไรก็ตาม เป่ยลี่หัวเราะและลูบหัวของเขา และความดุร้ายของเขาก็หายไปจนหมดสิ้น
ลู่หวู่รู้สึกเหมือนโดนโจมตีอย่างรุนแรง เขาลุกขึ้นมา กลิ้งไปที่ลูกบอลและเริ่มสะอึกสะอื้นเงียบๆ
ชีวิตช่างโหดร้าย นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น เมื่อไหร่มันจะจบ?
…
เช้าตรู่ในวันต่อมา
ลู่หวู่นอนอยู่บนเตียง หลับด้วยแขนของเขาที่เหยีดยืดยาวออกมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนถูกเขย่า
การที่อยู่ยาวจนดึกดื่นเพื่อคิดเรื่องชีวิตของเขา ลู่หวู่ลืมตาแดงๆของเขาขึ้นมาและเจอกับรอยยิ้มแสนหวานของเป่ยลี่ เขายืนอุ้งเท้าของเขาออกไปปัดมือของเป่ยลี่
“ไปไกลๆเลย ฉันจะนอน!”
“หวู่ ฉันบอกเธอไปเมื่อวานแล้วนะ ว่าเธอต้องออกกำลังกายเพิ่มเสริมการดูดซับพลังงานวิญญาณ” เป่ยลี่พยยามดึงลู่หวู่ออกจากเตียง
ลู่หวู่ไม่สนใจ เขาหลับตาลงหลังจากที่โบกมืออย่างขี้เกียจ
เมื่อได้เห็นลู่หวู่กำลังจะนอนต่อ เป่ยลี่ทำปากงอ เธอคว้าเอาเมล็ดข้าวสายเลือดวิญญาณเม็ดใหญ่เท่าลูกเชอรี่จากชาแนลสิ่งประดิษฐ์และปาใส่หัวของลู่หวู่
“ไปเอาข้าวของเธอมา!”
จมูกของลู่หวู่บิดไปมาเมื่อข้าวสายเลือดวิญญาณลอยผ่านหัวของเขาไป ตั้งแต่เขาเริ่มบ่มพลัง ลู่หวู่ก็หิวตลอดเวลา ความปรารถนาที่แรงกล้าได้ลอยผ่านร่างกายของเขาไป เมื่อเขาได้กลิ่นของข้าวสายเลือดวิญญาณ เขาก็กระโดดจากเตียงเพื่อคว้าข้าวนั้นด้วยปากของเขา แต่ตาของเขานั้นยังคงปิดอยู่
ตะครุบ!
เป่ยลี่กอดลู่หวู่เอาไว้ในอ้อมแขนก่อนที่เขาจะลงสู่พื้น
“นายต้องไปปออกกำลังกายเดี๋ยวนี้!” เป่ยลี่พาลู่หวู่ที่กำลังดิ้นรนเพื่อที่จะหนีไปที่ประตู เธอเปิดประตูและโยนลู่หวู่ออกไปข้างนอก จากนั้นเธอก็ปิดประตูอย่างแรง
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง
เมื่อเธอไม่ได้ยินอะไรจากข้างนอกเลย เป่ยลี่จึงเปิดประตูอย่างระมัดระวัง
“สวัสดี! เธอเป็นยังไงบ้าง ลี่?” ลู่หวู่ทักทายเป่ยลี่ขณะที่กำลังนั่งยองอยู่บนพื้น
“ปัง!”
ประตูปิดไปอีกครั้ง ลู่หวู่ตากลมอยู่ข้างนอก
ปัง! ปัง! ปัง!
เปิดประตู เปิดประตู ฉันจะกลับบ้าน! ฉันหิว ฉันอยากกินข้าว! ฉันอยากกิน! เปิดประตู!
ไม่มีเสียงตอบรับจากข้างในแม้ว่าลู่หวู่จะเคาะประตูไปเรื่อยๆ