The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1169 – ผู้ที่ถูกเลือกโดยสวรรค์

  ซือหยูพยักหน้าและพูดอย่างจริงใจ

   ขอบคุณท่านที่สนับสนุนและช่วยเหลือมาหลายปี! 

  ม่อเทียนฉวนหน้าแดงนางสงสัยซือหยูที่มาจากต่างโลกโดยตลอดว่าเขาพยายามจะชิงจิวโจว นางมักจะทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายอยู่เสมอ ดังนั้นนางจึงอับอายเมื่อซือหยูบอกว่าขอบคุณที่นางช่วย

   ฮ่าๆๆๆ!น้องซือ ข้ารู้ว่าข้าตัดสินใจถูกที่เลือกติดตามเจ้า… 

  จักรพรรดิผีพูดด้วยความตื่นเต้น

   สิ่งที่เจ้าทำช่างน่าสนุกนัก! 

  แม้จักรพรรดิเทพจะเคยเห็นเทพมามากมายแต่เป็นซือหยูที่ทำให้เขาสนุกสนานเช่นนี้

  ซือหยูตอบ

   หึหึ!เรื่องที่น่าตื่นเต้นกว่านี้ยังรอเจ้าอยู่!    ซือหยูมองเทพกิเลนที่ยืนบนไหล่ของเขา

   ข้ายังมีความปรารถนายิ่งใหญ่กว่าที่ยังไม่ลุล่วง!มันจะน่าสนุกกว่านี้อีก! 

  จักรพรรดิผีตาลุกวาวแม้ซือหยูจะไม่ได้เล่ารายละเอียด มันก็น่าตกใจราวกับเกิดแผ่นดินไหวเมื่อดูจากความมั่นใจของเขา

   ไปกันเถอะ!ผู้สืบสวนกำลังจะเทียบท่าแล้ว! 

  ภายในสองเดือนชาวพันธมิตรบูรพาตกตะลึงกับข่าวประหลาด

   เฮ้ย!เจ้าได้ยินหรือไม่? อาชญากรที่ลักพาตัวลูกเทพกระเรียนไม่ใช่โจรลักพาตัวอีกแล้ว! 

   หือ?เกิดอะไรขึ้น? เขาถูกจับกลายเป็นนักโทษไปแล้วรึ? 

   ไม่ใช่!เขาไม่มีความผิดแล้ว! 

   หา!เจ้าแน่ใจเรอะ? ใครก็ตามที่กล้าลักพาตัวลูกเทพล้วนต้องโทษประหาร! เขาจะไม่มีความผิดได้ยังไง? เจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน? ถ้าเขาไม่ผิด ลูกหลานเทพทั้งหมดก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว! 

   หึหึ!ความบริสุทธิ์ของเขาถูกประกาศโดยเทพสองคน หนึ่งในนั้นคือเทพกระเรียนเองด้วย! ไม่มีใครอื่นได้รับอนุญาตให้สืบความเรื่องนี้อีกแล้ว! 

   นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?เจ้าจะบอกว่าเทพสองคนสั่งอภัยโทษเขารึ? เจ้าหมายความว่าเขากลายเป็นประชาชนหลังจากเป็นอาชญากรงั้นเรอะ? 

   เจ้าพูดผิดไปสองอย่าง!อย่างแรก เทพสองคนไม่ได้ให้คำสั่ง พวกเขาสองคนอภัยให้เขาด้วยตัวเอง! อย่างที่สอง เขาไม่ใช่แค่ประชาชน แต่เขายังเป็นคนที่ถูกมอบหมายให้ทำงานสำคัญด้วย! 

   บ้าไปแล้ว!เจ้าหลอกข้าเล่นเรอะ? ข้าไม่เชื่อหรอกว่าคนที่กล้าลักพาตัวลูกเทพกระเรียนจะถูกมอบหมายหน้าที่สำคัญ! เจ้าหมายความว่าเขากลายเป็นผู้คุมกฎใช่ไหม? นี่มันไม่น่าเชื่อแล้ว!     โว้!ผู้คุมกฎ? เจ้าล้อเล่นเรอะ? ตอนนี้ ชายคนนั้นคือตัวแทนของเทพทั้งสองคน ตราประจำตัวเทพทั้งสองคนนั้นอยู่ในมือเขา เขามีอำนาจสั่งทุกคนในโลกสองใบ ตั้งแต่ผู้คุมกฎไปจนถึงคนธรรมดา! ใครก็ตามที่ขัดคำสั่งเขาจะถือว่าเป็นการดูหมิ่นเทพ! ตอนนี้เขาไม่ต่างจากเทพในโลกทั้งสองใบนั้น! 

  เพล้ง!

  ทุกคนในร้านอาหารเงียบกริบมีเพียงเสียงถ้วยชาหลายใบที่ร่วงกราวลงกับพื้น

   ได้โปรดพูดว่าเจ้าล้อเล่นเถอะ!เทพสองคนให้ตราเทพกับเขาคนนั้นเรอะ? เขาเป็นตัวแทนของเทพสองคนนั้นจริงเรอะ? 

  แม้แต่เสียงเส้นผมร่วงลงพื้นยังดังลั่นในเวลานี้หูของทุกคนผึ่งผายพร้อมรับฟังทุกสิ่งทุกอย่าง

  ชายคนที่เล่าเรื่องนี้ตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าทุกคนฟังเขาอย่างตั้งใจเขาที่เป็นยอดฝีมือธรรมดาภูมิใจที่กลายเป็นที่สนอกสนใจจากยอดฝีมือมากมายที่นี่  หลังจากยกสุราขึ้นดื่มเขาพูดเสียงดัง

   บางทีเจ้าอาจจะไม่รู้แต่ท่านซือที่กลับชาติมาเกิดจากมังกรได้มีวิญญาณเก้ามังกรในร่าง เขาควรจะถูกประหารหลังจากลักพาตัวเหอเสี่ยวหลาน! แต่เขาก็ปั่นป่วนธารดาราด้วยพลังเก้ามังกรอันแข็งแกร่ง มันทำลายฟ้าดินและดวงดาราไปมากมาย เทพทั้งสองตกตะลึงกับสิ่งที่เขาทำ! 

   เมื่อเทพทั้งสองเห็นความผิดตกที่เกิดจากดวงวิญญาณเก้ามังกรพวกเขาก็เชื่อว่าท่านซือคือยอดฝีมือหายากที่ถูกเลือกโดยสวรรค์ พวกเขาจึงอภัยให้กับเขาและให้ตราเทพกับเขาตามลำดับ! 

  หลังพูดจบชายคนนั้นหยุดพัก เมื่อเห็นว่าทุกคนในร้านกำลังตั้งใจฟังเขา เขาก็ถามต่อไป

   เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะอะไรเทพสองคนนั้นถึงให้ตราเทพกับท่านซือ? 

   ทำไมกันล่ะ?บอกพวกข้าสิ! แม้แต่ลูกหลานเทพก็ไม่ได้ตราเทพมาง่าย ๆ! เทพสองคนเต็มใจให้ตราเทพของตัวเองกับเขาได้ยังไง? 

  ทุกคนในร้านวางจานชามและตะเกียบพร้อมกับมองชายที่พูดเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นปล่อยให้พวกเขาเดา พวกเขาก็เริ่มรำคาญใจ

  ทำไมกัน?

  ก็แค่ตอบพวกข้ามา!

  พวกข้าคิดคำตอบเองไม่ได้หรอก!

   เพราะเทพทั้งสองคนคิดจะรับท่านซือเป็นศิษย์น่ะสิ!ในอนาคต คนผู้นี้จะถูกบ่มเพาะจนกลายเป็นเทพ! 

  อ๊ากกก!

  ทุกคนใจร้านอุทานด้วยความตกใจ

  พวกเขาเริ่มหันไปพูดคุยกันเอง

   ท่านซือเป็นผู้มีน้ำใจเขาไม่อยากให้เทพทั้งสองผิดหวัง จึงยอมรับตราเทพของทั้งสองพ้อมกัน เมื่อเขาตัดสินใจได้เมื่อใด เขาจะเลือกเองว่าจะเป็นศิษย์ของเทพคนใด!    คำตอบเช่นนี้ไร้เหตุผลสำหรับหลายคนแต่ใครจะต้องการเหตุผลสำหรับโจรลักพาตัวที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นผู้สืบสวนของเทพสองคนเล่า?

  เรื่องประหลาดย่อมมีคำอธิบายอันไร้เหตุผลรองรับ

  เมื่อข่าวลือไปถึงหูคนตระกูลเทพกระเรียนทุกคนก็หงุดหงิดใจ พวกเขารู้ว่านี่คืออุบายของซือหยู เป็นไปไม่ได้ที่เทพกระเรียนจะเต็มใจให้ตราเทพกับซือหยู

  แต่ตระกูลเทพกระเรียนก็ถูกบังคับให้ต้องทนเงียบ

  เมื่อคนบนโลกเทพจิงรู้ข่าวพวกเขามิอาจหาเหตุผลในการตัดสินใจของเทพจิงได้ เทพจิงไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย ผู้คนเองก็ไม่ถามเพราะพวกเขาจะไม่มีวันไม่ฟังคำสั่งของเทพจิง

  เมื่อโลกเต็มไปด้วยข่าวลือเทพทั้งสองเงียบไร้การเคลื่อนไหว ไม่มีใครมาไขข่าวลือให้กระจ่างเลย  คนที่ไม่เชื่อข่าวลือก็ถูกหยอกล้อว่าเป็นคนโง่จากคนที่เลือกเชื่อข่าวลือ

  เมื่อโลกได้เห็นการตอบสนองของเทพที่นิ่งเงียบผู้คนก็เริ่มที่จะเชื่อว่าซือหยูเคยเป็นมังกรกลับชาติมาเกิดและถูกเลือกโดยสวรรค์ หมายความว่าเทพสองคนคิดจะรับเขาเป็นศิษย์จริง ๆ!

  ไม่ช้าไม่นานข่าวลือก็กำลังจะกลายเป็นเรื่องจริง

  ในขณะเดียวกันท่านซือผู้โด่งดังกำลังสนุกสนานอยู่กับการดูแลอย่างยอดเยี่ยมในตำหนักที่ตกแต่งอย่างดี

  ในสองเดือนซือหยูได้กลายเป็นอสูรเนรมิตรขั้นสอง

  ซือหยูเอนกายใต้ต้นไม้อย่างเกียจคร้านได้สั่ง

   องุ่น! 

  องุ่นที่ปอกเปลือกแล้วถูกป้อนใส่ปากซือหยูโดยนิ้วอันเรียวเล็ก  ซือหยูเคี้ยวองุ่นอย่างชอบใจ

   หั่นแตงโมให้ข้าชิ้นนึงสิ! 

   ซือหยู!อย่าล้ำเส้นนะ! 

  เสียงคนโมโหดังที่ข้างหูของเขาดูเหมือนว่าคนที่รับใช้เขาจะข่มความโกรธมานานแล้ว

  เหอเสี่ยวหลานฟื้นฟูร่างกายกลับมาแล้วหญิงสาวอวดดีกำลังสวมชุดสาวใช้จ้องมองซือหยูพลางกัดฟันแน่น

  ในสองเดือนที่ผ่านมาซือหยูได้ตำหนักในโลกเทพกระเรียนมาด้วยตราเทพ ต่อมาเขาก็เริ่มปิดประตูฝึกตนในตำหนักหลังจากได้ทรัพยากรมากมายบนโลก เมื่อเขาคิดจะพัก เขาก็ให้เหอเสี่ยวหลานมารับใช้เขา

  ซือหยูลืมตาพูดด้วยรอยยิ้ม

   ก็ได้ถึงเวลาที่ข้าต้องสืบคดีแล้ว! ใช่สิ! ข้าได้ยินว่าคังเตี้ยยี่หายตัวไปเมื่อไม่นานมานี้ นี่เป็นปัญหากวนใจข้า! เขาอยู่ที่ไหนกัน? ขอข้าคิดหน่อย! บางทีข้าอาจจะต้องไปโลกเทพตำราก่อน บางทีเทพตำราอาจจะมีตราชีวิตของเขา! แล้วถ้าเขาพูดอะไรมาก่อนตายเล่า? 

   นี่นายท่าน โปรดทานแตงโมเถอะ 

  เหอเสี่ยวหลานยิ้มแห้งๆ และป้อนแตงโมให้ซือหยู

  ซือหยูเอนกายลงและถอนหายใจ

   เห้อขอข้าคิดอีกหน่อยก็แล้วกัน ใช่ คิดอีกสักหน่อย นี่เป็นเรื่องสำคัญ ข้าจะตัดสินสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ 

  เหอเสี่ยวหลานถอนหายใจด้วยความโล่งอกถึงในใจนางจะมีแต่ความชิงชังซือหยูก็ตาม

  ซือหยูรู้ว่าเทพจิงและเทพกระเรียนไม่คิดจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างกัน

  เทพจิงยอมรับความตายของจิงไป่สิ่งที่เขาต้องการในเวลานี้คือศักดิ์ศรี เขาไม่สนว่าซือหยูจะหาตัวฆาตกรเจอหรือไม่

  แต่เขาก็ยังหวังให้ซือหยูสืบสวนอย่างเหมาะสม

  ดังนั้นเทพจิงจึงไม่รับตราเทพคืนจากซือหยูเทพทั้งสองยังค่อนข้างพอใจกับซือหยูที่ชักช้าในตอนนี้เพราะจะลำบากหากซือหยูเจอหลักฐาน

  พวกเขายินดีที่ได้เห็นว่าการสืบสวนชะงักลงส่วนเรื่องข่าวลือนั้น ทั้งสองเลือกที่จะไม่สนใจ

  ด้วยเหตุนี้ซือหยูจึงทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้ในโลกของเทพทั้งสองด้วยตราเทพ

  โชคดีที่ซือหยูนั้นใช้อำนาจได้ดีเขาไม่ทำเรื่องอุกอาจแม้จะมีตราเทพ นี่เองก็เป็นเหตุผลที่เทพทั้งสองไม่ริบตราเทพคืนจากเขา

  ซือหยูรู้ว่าเขาทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้นั่นทำให้เทพทั้งสองสบายใจ

  หลังจากพักไม่นานซือหยูกำลังจะปิดประตูฝึกตนต่อไป

  เขาเรียกเทพกิเลนออกมา

   เทพกิเลนเจ้าใช้ทรัพยากรที่ข้าให้หมดหรือยัง?    เทพกิเลนตอบด้วยรอยยิ้ม

   ยังไม่หมดหรอกน่า!ที่เจ้าให้ข้ามาน่ะคือหนึ่งในพันของโลกเทพจิงกับเทพกระเรียนเชียวนะ มันมากกว่าทั้งหมดในจิวโจวเสียอีก ข้าจะใช้หมดในเวลาไม่นานได้ยังไง? 

   แต่เจ้าหนูทำไมเจ้าถึงเลือกบ่มเพาะเซียนพวกนั้นล่ะ? เจ้าจะทำอะไรกับพวกเขาในอนาคต? 

  เทพกิเลนถามด้วยความสงสัย

  ซือหยูตอบอย่างจริงจัง

   ข้ารวบรวมข้อมูลตั้งแต่มาถึงที่นี่ข้าแอบบ่มเพาะคนหาข่าวอยู่ จึงเทพกระเรียนกับเทพจิงจะไม่รู้ ตามข้อมูที่ข้าได้ ข้ารู้ว่าพันธมิตรบูรพาที่ดูเจริญรุ่งเรืองนี้เต็มไปด้วยวิกฤติ ถ้าข้าไม่สะสมพลังในตอนนี้ มันจะสายไปเมื่อเกิดปัญหา! 

  ข้อมูลส่วนใหญ่ที่เขาได้มานั้นเกี่ยวข้องกับเผ่าอสูร

  เมื่อซือหยูอยู่ในจิวโจวเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเผ่าอสูรเลย

  เขาคิดว่าจิวโจวเป็นเพียงโลกที่ถูกทำลายโดยเผ่าอสูรหลังจากรวบรวมข้อมูลมา เขาหนักใจ ข้างในมีแต่ความกังวล

  เผ่าอสูรมิได้บ่อนทำลายแต่เพียงจิวโจวแต่ยังร่อนเร่อยู่ในธารดารา

  เผ่าอสูรมีที่มาจากดินแดนอสูรในโลกใบอื่นอสูรแทบทั้งหมดมาจากที่นั่น

  อสูรเกิดมาพร้อมกับความแข็งแกร่งวิธีฝึกฝนเองก็โหดร้ายเกินทน พวกเขาจะเติบโตได้โดยการกลืนกินเลือดเนื้อของสิ่งอื่น

  ในธารดารามีสายพันธุ์เกินหนึ่งพันสาย แต่ก็ไม่มีเผ่าพันธุ์ใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าเผ่าอสูร

  เผ่าอสูรนั้นเหนือกว่าใครพวกมันมักจะบุกรุกโลกหลาบใบในธารดาราและกลืนกินสิ่งบนโลกนั้นจนหมด

  มันจะเกิดทุกๆ สองถึงสามทศวรรษ

  ในสิบปีที่ผ่านมามีเกิดขึ้นในทุกสองปี

  หลังจากได้รับสัญญาณจากโลกใบนั้นว่าอสูรกำลังจะบุกรุกหยางไท่ที่เป็นผู้คุมกฎอาวุโสลำดับสามได้รับมอบหมายให้นำกลุ่มสิบคนไปต่อกร

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset