The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1176 – ความหวังจะจู่โจมเทพ

  คงจะเป็นเรื่องของโชคชะตาอันลักลั่นหากเขาจะช่วยให้ซือหยูหนีในเวลานี้ไม่ต้องพูดถึงกำจัดศัตรูให้เขา!

  น่าเศร้าที่โชคชะตานั้นถูกทำลายโดยอู๋โจวเขาเรียกตำราที่มีตัวอักษรมากมายออกกักขังตู่หลงเอาไว้อย่างรวดเร็ว

   คุกอักษร! 

  อู๋โจวหัวเราะอย่างพิลึกพิลั่นเมื่ออัดพลังเซียนพันธนาการตู่หลง

  เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเทพกระเรียนแต่ก็หมดทางสู้เมื่อเจอกับเซียนขั้นสูงสุดหลายคนพร้อมกันพลังมหาศาลบดขยี้กายหยาบของเขาในพริบตา

  ยอดฝีมือแห่งสวนไผ่เก็บกวาดขวากหนามและบุกเข้าไปในตำหนัก

  แต่พวกเขาก็ต้องแปลกใจที่นอกจากซือหยูจะไม่สะทกสะท้านจากความวุ่นวายด้านนอกแล้วเขายังบ่มเพาะอย่างสบายใจอีกด้วย

   จับมันก่อน! 

  ทั้งสามสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องแต่ก็ต้องตัดสินใจอย่างเฉียบขาด

  สตรีที่ดูดีสะบัดพู่กันในมือวาดเชือกออกมาเชือกที่เป็นเพียงภาพเขียนกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเข้าพันรอบตัวซือหยู

   ไม่ใช่แล้ว! 

  นางตกใจที่พบว่าเชือกของนางพันรอบความว่างเปล่าเท่านั้น

   นี่มัน…สายโลหิตเทพกระเรียน? 

  พวกเขาเป็นเซียนขั้นสูงสุดพวกเขาย่อมสามารถบอกว่าซือหยูทำอะไรได้อย่างแม่นยำ ถ้าหากพลังเช่นนี้ไม่ใช่พลังของสายโลหิตเทพกระเรียนแล้วมันจะเป็นอะไรไปได้เล่า?

  หรือว่าซือหยูจะเป็นหนึ่งในลูกหลานของเทพกระเรียน?

  ถ้าเช่นนั้นการจับตัวลูกเทพกระเรียนของเขาก็เป็นเรื่องที่ใหญ่เกินไปแล้ว!

  แต่พวกเขาไม่กล้าจะขัดคำสั่งนายน้อย

   เจ้าจะหนีไปไหน? 

  ยอดฝีมือที่นำหน้าเปิดตำราและพูด

   ปราญช์เคยขานถ้อยคำปัญญาไม่มีสิ่งใดสำเร็จได้โดยไร้ซึ่งบรรทัดฐาน และโลกก็อยู่ไม่ได้หากไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ 

  ทันใดนั้นพื้นที่รอบตัวซือหยูหยุดนิ่ง มันกักขังซือหยูไว้ภายใน

  ซือหยูตกตะลึงกับวิชานี้

   กายาเก้ามังกร! 

  ซือหยูมีทางเดียวในการจัดการกับผนึกนี้และนั่นก็คือทำลายมันด้วยกำลังของฎีกาสวรรค์!

  ฝ่ามือยักษ์หล่นจากฟ้าฟาดผนึกจากนั้นซือหยูก็ใช้พลังของกายามังกรจู่โจมในจุดเดียว

  เสียงดังลั่นปานสายฟ้าผนึกแตกสลาย  ยอดฝีมือสวนไผ่ผงะเขาไม่คิดเลยว่าอสูรเนรมิตรขั้นสองจะสวนกลับวิชาของเขาได้

   ปราชญ์เคยขานกฎเกณฑ์เป็นไปตามโลกหาใช่ปรารถนาผู้ใด สรรพสิ่งบนโลกล้วนเป็นไปตามกฎ ซือหยู ทำตามคำสั่งข้าซะ!! 

  เขาพูดอีกครั้ง

  ทันใดนั้นเองแววตาาซือหยูเต็มไปด้วยความสับสน เขาขยับร่างกายเองไม่ได้ราวกับว่ามีใครควบคุมอยู่

  แต่เขาก็กลับมาเป็นตัวเองได้ในระยะเวลาสั้นๆ น่าขันสิ้นดี! นอกจากเทพแล้วจะมีใครบนโลกนี้เล่าที่มีพลังเกินกว่าหม้อเก้ามังกรของเขา?

  ชายคนนั้นชักสีหน้าตอนที่เขาร่ายคาถาครั้งที่สอง เขาใช้พลังมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า ทำไมเขาถึงเอาชนะอสูรเนรมิตรไม่ได้กัน?

   ปราชญ์เคยขาน… 

  เขาร่ายคาถาอีกครั้งด้วยใบหน้าหม่นหมอง  แต่เขาก็ถูกพูดแทรกก่อนที่ตัวเองจะพูดจบ

   ทวยเทพเคยขานผู้ใดก็ตามทำร้ายลูกหลานเทพควรถูกสังหารอย่างไร้ปรานี 

  เขาตื่นตระหนกถึงขีดสุดเขากระอักเลือดออกมาและจ้องมองด้านหลังซือหยูด้วยความกลัว

  สตรีที่ดูดีก้าวออกมาจากด้านหลังซือหยูช้าๆ นางงดงามและเงียบสงบราวกับวารี

  สามยอดฝีมือแห่งสวนไผ่สะพรึงกลัวเมื่อได้เห็นนาง

   เจิ้งหยวนชิง? 

  พวกเขาอุทานพร้อมกัน!

  ใครกันจะจำผู้คุมกฎอาวุโสอันดับหนึ่งไม่ได้?

  นางคือลูกหลานเทพที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคสมัยและมีพลังเหนือกว่าใครนางเกือบจะได้เป็นเทพอยู่แล้ว จะเป็นเทพเมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น  หนึ่งในสามคนหัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่งเขาพูด

   คารวะว่าที่เทพเจิ้ง 

  ต่อหน้าเจิ้งหยวนชิงทั้งสามได้แต่ก้มหน้าและไร้ซึ่งความอวดดี

  พวกเขากำลังจะได้เป็นข้ารับใช้เทพในอนาคตซึ่งเจิ้งหยวนชิงก็กำลังจะเป็นเทพอยู่แล้ว!

   ซือหยูบอกข้าว่าเจ้าไม่เคารพกฎเทพทีแรกข้าก็ไม่เชื่อ ข้าเลยสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะบังอาจจับตัวลูกหลานเทพ! 

  เจิ้งหยวนชิงรูปลักษณ์งดงามแต่คำพูดของนางทำให้ทั้งสามใจหาย

  การทำร้ายลูกหลานเทพถือเป็นการท้าทายอำนาจของพันธมิตร!

  ส่วนเรื่องที่ว่าซือหยูเป็นลูกหลานเทพหรือไม่นั้นพลังสายโลหิตเทพกระเรียนที่เขาใช้ได้อธิบายทุกอย่างแล้ว   ด้วยอำนาจผู้นำผู้คุมกฎอาวุโสข้าขอประกาศใช้อำนาจ… 

  เจิ้งหยวนชิงกล่าว

  สามยอดฝีมือแห่งสวนไผ่ไม่แม้แต่อ้อนวอนขอความเมตตาก่อนจะหนีไป!

  การขอความเมตตานั้นไม่เป็นผลต่อหน้าผู้คุมกฎอาวุโสเจิ้งหยวนชิงมักจะขึ้นชื่อในเรื่องความเข้มงวด

  เจิ้งหยวนชิงไม่ได้ไล่ตามทั้งสามไปนางเพียงแต่เรียกแส้สีเหลืองทองออกมาฟาดสามครั้ง

  เสียงแส้ฟาดดังก้องเจิ้งหยวนชิงถือแส้โดยไม่เคลื่อนไหว

  ซือหยูหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะเขารับรู้อย่างแน่ชัดว่าเซียนขั้นสูงสุดสามคนนั้นได้สลายหายไปจากโลกโดยไม่หลงเหลือแม้แต่กลิ่นอายของพลัง แม้แต่ซือหยูก็คืนชีพทั้งสามไม่ได้

  ซือหยูเหลือบมองแผ่นหลังเจิ้งหยวนชิงพลางหนาวสั่น

  นี่คือพลังของคนที่กำลังจะได้เป็นเทพแม้จะยังไม่ใช่เทพ พวกเขาก็สามารถกำจัดศัตรูจากระยะหลายแสนลี้ได้โดยไม่ต้องขยับตัว แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเซียนขั้นสูงสุดก็ตาม!

  ซือหยูไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้เช่นใดเมื่อได้เห็นการจู่โจมของคนที่กำลังจะเป็นเทพในครั้งแรก

  เจิ้งหยวนชิงหันกลับมานางยังคงดูชดช้อยเหมือนเดิม แต่ซือหยูไม่กล้าจะเข้าใกล้นางไปมากกว่านี้

   ขอบคุณที่ช่วยเหลือหัวหน้าเจิ้ง… 

  เขาพูด

  เจิ้งหยวนชิงยิ้มอย่างอ่อนโยน

   เจ้าไม่ต้องกลัวข้าหรอกถ้าเจ้าไม่ได้ทำผิดกฎเทพข้อใด ข้าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้ 

  ซือหยูอับอายเขาทำผิดกฎเทพรึ? เขาทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าต่างหาก!

  เขาฆ่าผู้คุมกฎอีกทั้งยังลักพาตัวลูกหลานเทพ

  เจิ้งหยวนชิงกระอักกระอ่วนเมื่อนึกถึงสิ่งที่ซือหยูทำมาเมื่อไม่นานนี้ได้

   ตอนที่เจ้าส่งข้อความให้ข้าเจ้าบอกว่ามีรายละเอียดสำคัญเรื่องฉินคั่วที่อยากจะรายงานกับข้าใช่หรือไม่? 

  เจิ้งหยวนชิงถาม

  ซือหยูตอบ

   ใช่แล้ว!อยู่ ๆ ข้าก็จำข่างลือก่อนจิวโจวจะถูกย้ายได้ มีคนรู้ว่าผู้คุมกฎคนหนึ่งสมคบคิดกับอสูรเซียนขั้นสูงสุดในจิวโจว 

  เจิ้งหยวนชิงใจเย็น

   เรื่องเป็นเช่นใดกันแน่? 

  ซือหยูพูด

   อสูรตนนั้นถูกจ้าวเทวะในจิวโจวตามล่าและกำลังจะตายแต่ฉิวคั่วกับปรากฏตัวขึ้นมาและยืนกรานที่จะพาอสูรตนนั้นกลับไปสืบสวน     จ้าวเทวะคนนั้นไม่ยอมฉินคั่วจึงจู่โจมเขา คนในจิวโจวล้วนพูดว่าผู้คุมกฎกำลังช่วยเหลืออสูร 

  เมื่อได้ฟังเช่นนั้นเจิ้งหยวนชิงเริ่มคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทันที

  ในฐานะหัวหน้าผู้คุมกฎอาวุโสนางสามารถใช้สัมผัสอันว่องไวบอกได้ว่ามีบางอย่างเกินเลยไปจากเรื่องราวหรือไม่

  ประการแรกเวลาที่ฉินคั่วปรากฏตัวนั้นบังเอิญจนเกินไป

  ประการที่สองฉินคั่วเข้ามาแทรกเรื่องนี้อย่างผิดปกติ นอกจากจะมีเหตุผลที่จะต้องจับเป็นอสูร พวกนางเลือกที่จะกำจัดอสูรทันทีเสียมากกว่า!

  แต่เขายืนกรานที่จะจับอสูรทั้งเป็นและพยายามหยุดคนจิวโจวไม่ได้ฆ่าอสูรตนนั้นแทนมีบาง

  อย่างไม่ถูกต้อง

   ขอบคุณเจ้ามากนี่เป็นข้อมูลสำคัญ ไม่เพียงแต่จะช่วยหาสาเหตุการตายของฉินคั่ว แต่เราจะหาอย่างอื่นได้อีกด้วย… 

  เจิ้งหยวนชิงพูดกับซือหยูจากนั้นนางก็หยิบหยกออกมาอีกชิ้น มันไม่ใช่หยกสื่อสารอีกแล้ว แต่มันคือหยกอัญเชิญ!

   เจ้าเป็นพยานสำคัญในคดีนี้แล้วชีวิตและความปลอดภัยของเจ้าถือเป็นเรื่องใหญ่ ถ้ามีใครพยายามทำร้ายเจ้า จงทำลายหยกนั้น และข้าจะปรากฏตัวในไม่นาน! 

  เจิ้งหยวนชิงพูดพร้อมเหลือบมองตู่หลงที่รีบหนี

  คนของเทพตำราถูกต้องสงสัยว่าสมคบคิดกับเผ่าอสูร

  และตอนนี้พวกเขายังส่งยอดฝีมือมากมายมาเพื่อจับตัวซือหยูที่เป็นคนในอีกบางทีแม้แต่คนของเทพตำราเองก็ไม่เชื่อว่าคนของฝ่ายตัวเองพยายามจะปิดปากซือหยูด้วยการสังหาร

   ขอบคุณมาก    หลังจากส่งเจิ้งหยวนชิงซือหยูมองหยกอัญเชิญในมือและยิ้มด้วยความดีใจ เขาได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจากเรื่องครั้งนี้ ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่ดีมากทั้งสองเรื่อง

  หนึ่งคือเขาเบนเข็มทิศให้เจิ้งหยวนชิงไปมองหาคนโลกเทพตำราที่อยู่เบื้องหลังพวกเจ้าวางอุบายใส่ข้าไม่ใช่เรอะ? ลองรสชาติอุบายของเจ้าเองหน่อยจะเป็นไร!

  สองคือหยกอัญเชิญนี้คือสิ่งที่จะช่วยชีวิตเขา!

  นอกจากเทพแล้วจะมีกี่คนบนโลกนี้กันที่มีพลังเทียบกับเจิ้งหยวนชิงได้?

  แต่อย่างไรก็ตามการที่ได้เห็นพลังภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกอันชดช้อยของนางทำให้ซือหยูไม่คิดจะเอาเปรียบนาง แม้ว่านางจะเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่านางจะโง่เขลา

  ในขณะเดียวกันซือหยูยังได้เห็นพลังของนางเป็นครั้งแรก เขาต้องคิดเรื่องแผนทำลายเทพดูใหม่  ถ้าหากคนที่เกือบเป็นเทพน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้แล้วเทพตัวจริงจะมีพลังแค่ไหนกัน?

  ซือหยูครุ่นคิดและเข้าสู่มิติวิญญาณ

  สิ่งที่เห็นทำให้เขาตกใจ

   วัวที่ไหนมาอยู่ในบ้านข้ากัน? 

  ซือหยูตะโกน

  ด้านในมิติวิญญาณสัตว์ประหลาดตัวใหญ่กำลังนอนอยู่อย่างสบาย มันมีสีเลือดและมีพลังของปีศาจ

   วัวบ้านเจ้าสิ!ตระกูลเจ้าทั้งตระกูลนั่นแหละวัว ข้าคือเทพจักรพรรดิ หมา ไม่สิ สุนัข ก็ยังไม่ใช่ แต่เป็นเทพปีศาจ! เทพปีศาจยังไงล่ะ! 

  ซือหยูหัวเราะเบาๆ

   เจ้าฟื้นพลังได้ไม่เลวเลยนี่ 

  เทพปีศาจหัวเราะ

   ทั้งหมดก็เพราะเจ้าที่ให้ดวงวิญญาณเซียนกับข้าชิชิ มันมีพลังมากกว่าวิญญาณทั้งหมดที่ข้าเคยกินรวมกันซะอีก 

   เทพปีศาจข้ามีเรื่องจะถามเจ้า 

  ซือหยูพูดอย่างจริงจัง

   หากข้าปรารถนาจะฆ่าเทพและข้ารู้วิธีทำลายจิตวิญญาณเทพให้สิ้นซาก ข้าจะมีโอกาสทำสำเร็จหรือไม่? 

  เทพปีศาจยิ้ม

   จินตนาการเจ้าไม่มีขีดจำกัดรึไงกัน 

   ข้าไม่ได้จินตนาการข้ากำลังทำอยู่… 

  ซือหยูพูดด้วยความตั้งใจ

  รอยยิ้มของเทพปีศาจหยุดนิ่งในทันทีเขาเริ่มระแวง

   เจ้าไม่ได้คิดจะฆ่าข้าใช่ไหม? 

  ซือหยูหัวเราะ

   มิติวิญญาณไม่มีพลังพอจะจองจำเจ้าอยู่แล้วเจ้าแค่ไม่อยากจะไปจากข้าไม่ใช่หรือ? 

  ในตอนที่เขาต่อสู้กับราชาเขตกลางซือหยูสังเกตได้ว่าเทพปีศาจทะลุผ่านมิติวิญญาณออกมาและอัดพลังสายโลหิตสู่ร่างของซือหยู

  ตั้งแต่ตอนนั้นเขาได้ตระหนักว่ามิติวิญญาณมิอาจจองจำเทพปีศาจได้อีกต่อไป เขาจะออกไปเมื่อใดก็ได้

  เมื่อได้ยินเช่นนั้นเทพปีศาจเขินอาย

   เอิ่มข้าจะจากบ้านไปเฉย ๆ ไม่ได้ ถ้าข้าไป เจ้าจะกลายเป็นอดีตที่อยู่ของเทพปีศาจ…นั่นจะเป็นปัญหานะ 

  เทพปีศาจรู้อยู่แล้วว่าซือหยูไม่ได้คิดร้ายต่อเขา

   ทำร้ายจิตวิญญาณเทพคือหนทางเดียวในการสังหารเทพแต่มันใช้ได้ผลกับเทพด้วยกันเท่านั้น! หากเทพทำลายจิตวิญญาณเทพของเทพอีกคน เจ้าเทพนั่นก็ถือว่าตาย 

   แต่หากไม่ใช่เทพมันไม่ต่างกับการรนหาที่ตาย เจ้าหนู ไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ จงหยุดเดี๋ยวนี้และหนีไปซะ 

  ซือหยูตกตะลึง   เรื่องมันก็เท่านี้!เทพเองก็มีดวงวิญญาณเหมือนกัน! การทำลายจิตวิญญาณเทพเป็นแค่การทำลายกายาเทพเพราะดวงวิญญาณของเทพยังคงอยู่! 

   ถ้าหากดวงวิญญาณมันอ่อนแอมากก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าหากยังแข็งแกร่ง เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสเอาชนะวิญญาณดวงนั้นหรือ? ไม่ต้องคิดไปไกลเลย เจ้าคิดว่าดวงวิญญาณเทพของอาจารย์หยุนหยาซือของเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนกันล่ะ? 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset