ตอนที่ 1322 – ใจอสูรอมตะ
ซือหยูซ่อนเทพเอาไว้อีกรึ?ไค่หลินชะงักเล็กน้อย นางเรียกขลุ่ยออกมาบรรเลง เสียงขลุ่ยดังไปทั่วพื้นที่
เสียงขลุ่ยทะลวงทุกช่องว่าง
เมื่อเสียงขลุ่ยมาถึงลูกปัดที่ข้อมือซือหยูเสียงก็ได้เปลี่ยนไป
ไค่หลินมองลูกปัดบนข้อมือของเขา
อย่างที่เทพอสูรหกวิถีพูดมีเทพคนอื่นอยู่อีก! มันคือเทพอสูรเนตรม่วงที่หนีมากับเจ้าใช่ไหม?
ลูกปัดสั่นเล็กน้อยจากนั้นชายที่มีเนตรสีม่วงประหลาดก็ปรากฏตัว เขาคือเทพอสูรเนตรม่วง!
ขออภัยที่ต้องรบกวนเจ้า!
ซือหยูกล่าว
ไม่ต้องคิดมาก… เทพอสูรเนตรม่วงตอบด้วยรอยยิ้ม
ข้าสืบทอดพลังเสร็จแล้วเมื่อดวงวิญญาณกับกายหยาบข้าดับสูญ นางจะกลายเป็นเทพอสูรเนตรม่วงรุ่นใหม่ทันที!
ร่างของเทพอสูรเนตรม่วงมีกลิ่นของคนที่กำลังจะตายซึ่งมิอาจปิดบังได้ด้วยพลังเทพ
ซือหยูแอบถอนหายใจดูเหมือนวาระสุดท้ายของเทพอสูรเนตรม่วงจะมาถึงในอีกไม่นาน
ซือหยูมิอาจทำอะไรเพื่อหยุดยั้งการตายตามอายุขัยได้แม้ว่าจะมีพลังชุบชีวิตก็ตาม
หึหึ!ให้ข้าจัดการนังเทพไม้ เจ้าไปจับตัวเทพอสูรเนตรม่วงกับซือหยูมาซะ!
ไค่หลินหัวเราะอย่างโหดเหี้ยมเมื่อพุ่งเข้าใส่เทพไม้
นางปลดบุพผาแดงที่ติดผมและโบกมันอย่างแผ่วเบาไม่นานทุกที่ก็เต็มไปด้วยบุพผาแดง
ไค่หลินกับเทพไม้จมอยู่ในทะเลบุพผาแดง
บุพผางดงามและมีกลิ่นหอมอบอวลแต่ที่กลางบุพผาแต่ละดอกนั้นจะมีปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวสีดำ
บุพผาฝันร้ายกินวิญญาณ!
เทพไม้เคร่งเครียด
ซือหยูระวังตัวด้วย! ข้าปกป้องเจ้าไม่ได้อีกแล้ว!
ได้ยินเช่นนี้ซือหยูรู้ว่าเทพไม้กำลังเจอกับสิ่งที่อันตราย
ซือหยูเองก็สัมผัสความอันตรายได้จากทะเลบุพผาแดงเหล่านั้น
ไค่หลินที่เป็นข้ารับใช้อันดับหนึ่งของมเหสีหยุนเซี่ยย่อมแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ขณะที่เทพไม้กำลังป้องกันตัวเองสามเทพจากศาลอสูรก็ได้จู่โจม
เทพอสูรเหล่านี้เพิ่งจะเข้าร่วมกับศาลอสูรพลังใกล้เคียงกับเมฆาอสูร เมฆาอสูรคือเทพอสูรอันดับแรกของเทพอสูรทั้งเก้าในแดนจิงหยู
หึหึ!ความปรารถนาของข้าเป็นจริงแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าจนหมดลมหายใจสุดท้าย!
เทพอสูรเนตรม่วงยิ้มมองซือหยูจากนั้นเขาได้แปลงกายเป็นแสงสีม่วงพุ่งตรงไปยังเทพอสูรทั้งสาม
จะหนีไปไหน!
ลำแสงสีม่วงระเบิดออกจากเนตรของเทพอสูรเนตรม่วงเทพอสูรสามคนรู้สึกราวกับแสงสีม่วงนี้ได้เปิดเผยความลับที่พวกเขาซ่อนเอาไว้ในใจ
ความลับในอดีตและความโศกเศร้าถูกมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งโดยเนตรที่ไม่รู้จัก
เทพอสูรเสี่ยวหยินเพื่อที่จะได้กลายเป็นเทพ เจ้าฆ่าทุกคนในตระกูลเจ้า เพื่อที่จะเข้าร่วมศาลอสูร เจ้ากินภรรยากับบุตรตัวเอง! เจ้ามันโหดเหี้ยมยิ่งนัก!
เทพอสูรไป่ซูเจ้ามองมเหสีหยุนเซี่ยด้วยราคะ เจ้าเข้าร่วมกับศาลอสูรเพื่อที่จะได้เข้าใกล้นาง!
เทพอสูรฉิงซานเจ้าคิดจะใช้การเดินทางครั้งนี้หนีออกจากแดนอสูร!
เทพอสูรเนตรม่วงบอกความลับของเทพอสูรทั้งสามด้วยเสียงอันดัง
เทพอสูรเสี่ยวหยินมิได้ทำอะไรผิดแต่เทพอสูรอีกสองคนนั้นทำผิดต่อศาลอสูร
ทั้งสองจะต้องโทษประหารเมื่อเทพอสูรหกวิถีรู้ความลับของตน
ฆ่ามันซะและเจ้าจะได้รับการยกเว้นโทษ!
เทพอสูรหกวิถีพูดด้วยความใจเย็น
ได้ยินดังนั้นเทพอสูรทั้งสามจึงเลิกกลัว ทั้งสามพุ่งตรงไปยังซือหยู
แต่มีเพียงเทพอสูรเสี่ยวหยินที่โจมตีด้วยพลังทั้งหมดเทพอสูรไป่ซูกับเทพอสูรฉิงซานมิอาจเพ่งสมาธิได้
เป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสามจะร่วมมือกันได้ดี แม้เทพอสูรเนตรม่วงจะไม่มีพลังใกล้เคียงกับเทพทั้งสามเขาก็จู่โจมและป้องกันได้อย่างคล่องแคล่ว
ยิ่งไปกว่านั้นเทพอสูรเนตรม่วงยังเปิดเผยความลับในใจของศัตรูต่อไปซึ่งทำให้ศัตรูจิตใจไม่คงที่
สุดท้าย…แม้แต่เทพอสูรเสี่ยวหยินก็มิอาจตั้งใจต่อสู้ได้
ซือหยูงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเขาประทับใจการต่อสู้ของเทพอสูรเนตรม่วงที่ทำให้ศัตรูอ่อนแอลงได้โดยการเปิดเผยความลับ
ซือหยูเชื่อว่าเขาเองก็จะไม่สงบนิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่เห็นความลับทั้งหมดของเขา
ซือหยูเรียกบันทึกธารดาราและหยดโลหิตเทพจำนวนมากลงไป
สัตว์อสูรระดับเทพตัวหนึ่งออกจากบันทึกมาช่วยเทพอสูรเนตรม่วง
โลหิตเทพที่ซือหยูมีนั้นไร้ขีดจำกัดเขาปลดปล่อยสัตว์อสูรระดับเทพออกมาในสนามรบไม่หยุด
เขาปลดปล่อยออกมาได้เก้าตัวบันทึกธารดาราที่เทพตำราสะสมสัตว์อสูรมาร้อยปีกลายเป็นเพียงบันทึกอันว่างเปล่า
แต่สัตว์อสูรเหล่านั้นก็ไม่ได้มีพลังเทียบเท่ากับเทพอสูร
แต่เมื่อร่วมมือกับเทพอสูรเนตรม่วงเหล่าสัตว์อสูรจึงได้ฉวยโอกาสจู่โจมได้ก่อน
เทพอสูรสามคนหวาดกลัวว่าสัตว์อสูรจะลากพวกเขาจมลงสู่สระสวรรค์
เทพอสูรหกวิถีที่มองดูการต่อสู้พูดอย่างไร้อารมณ์
เทพไม้เทพอสูรเนตรม่วง สัตว์อสูรระดับเทพเก้าตัว…เจ้าไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกแล้วใช่ไหม?
เทพอสูรหกวิถีหายตัวไป
เขาไปปรากฏตัวหน้าสัตว์อสูรทั้งเก้าจากนั้นจึงยื่นดัชนีชี้ไปที่สัตว์อสูรเหล่านั้น ปั้ง!
เสียงระเบิดดังลั่นสัตว์อสูรตัวหนึ่งระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนที่มันจะได้กรีดร้อง
สัตว์อสูรที่เหลืออีกแปดตัวหวาดกลัวจนเริ่มหนี
จากนั้นเทพอสูรหกวิถีจึงฆ่าสัตว์อสูรทีละตัวจากการชี้ดัชนีเพียงเท่านั้น
นี่ไม่ใช่การต่อสู้เลยมันคือการสังหารอยู่ฝ่ายเดียว!
สัตว์อสูรทั้งเก้าตายหมดในเวลาไม่นาน
เทพอสูรสามคนใช้โอกาสนี้เข้าจัดการซือหยูกับเทพอสูรเนตรม่วง
แต่ในตอนนั้นเองภูเขาลูกเล็กหลากสีสันได้ตกลงมาจากฟ้า
ภูเขาเข้าปะทะกับเทพอสูรทั้งสามเสียงปะทะดังสนั่น ทั้งสามห่างจากผิวสระสวรรค์เพียงสามศอก
เทพอสูรทั้งสามกำลังจะจมลงสู่สระสวรรค์เทพอสูรหกวิถีเข้าไปคว้าภูเขาห้าธาตุไว้ด้วยฝ่ามือเดียว
ภูเขาห้าธาตุที่กดน้ำหนักลงได้ค้างอยู่อย่างนั้น
เทพอสูรหกวิถีหยุดภูเขาห้าธาตุเอาไว้ได้!
เทพอสูรทั้งสามรู้สึกว่าแรงกดดันที่ไหล่ตนลดลงเป็นอย่างมากทั้งสามจึงพยายามหนีออกจากใต้ภูเขา
ซือหยูแสยะยิ้ม
คิดว่ามันจะช่วยพวกเจ้าได้อย่างนั้นเรอะ?
ในตอนนั้นเองลำแสงอันตระการตาพุ่งออกจากใต้ภูเขาห้าธาตุ มันผลักเทพอสูรทั้งสามตกลงสู่สระสวรรค์
เทพอสูรทั้งสามถูกสระสวรรค์กลืนกินลงไปต่อหน้าต่อตาเทพอสูรหกวิถี
เทพอสูรหกวิถีผลักภูเขาห้าธาตุออกไปและจ้องซือหยูไม่วางตา
เจ้าคนน่ารังเกียจ! แล้วเจ้าล่ะ!
ซือหยูตอบด้วยความใจเย็น
ตายซะเถอะ!
เทพอสูรหกวิถีพยายามชี้ดัชนีออกมาเพื่อสังหารซือหยู
แสงสีม่วงแล่นมาที่ข้างกายซือหยูเทพอสูรเนตรม่วงลากซือหยูหลบไป
คลื่นพลังอันน่ากลัวระเบิดจุดที่ซือหยูเคยยืน
ระวัง!มันคือคลื่นมรณะ วิชาเฉพาะของเทพอสูรหกวิถี มันกำจัดศัตรูได้ด้วยพลังเทพที่ออกมาจากดัชนี…
เทพอสูรเนตรม่วงกล่าวแสงสีม่วงในเนตรของเขาสว่างขึ้น กลิ่นความตายบนตัวเขากำลังเพิ่มขึ้น
ขอบคุณมาก!
ซือหยูพยักหน้า
เทพอสูรเนตรม่วงใจเย็นเป็นอย่างมากเพราะเชื่อว่าซือหยูจะมีชีวิตรอดผ่านพ้นวันนี้ไปได้
ต้นตอแห่งความโกลาหลซึ่งเป็นฉายาของซือหยูมิใช่ฉายาที่เทพอสูรเนตรม่วงให้กับเขา
ฮื่ม!
เทพอสูรหกวิถีพุ่งเข้าใส่ซือหยูอีกครั้ง
เมื่อถึงตัวซือหยูเขาพยายามจะบดขยี้ซือหยูด้วยร่างกายใหญ่มหึมา
มิติรอบข้างถูกปิดกั้นเทพอสูรเนตรม่วงมิอาจพาซือหยูหลบได้อีกแล้ว
ข้าจะหยุดมันเอง!
เทพอสูรเนตรม่วงตะโกน
แต่ดัชนีของเทพอสูรหกวิถีก็ได้บดขยี้ลำตัวของเทพอสูรเนตรม่วงจนกระเด็นไปข้างหลัง
ไม่มีใครปกป้องซือหยูได้อีกแล้วเทพอสูรหกวิถียื่นมือพร้อมกับตะโกน จงตายเสียเถอะ!ข้ารู้ว่าเจ้าหมดทางเอาตัวรอดแล้ว!
แต่ซือหยูได้ยิ้มอย่างสะใจ
ขออภัยข้ายังมีอีกหลายวิธีในการจัดการเจ้า!
อะไรนะ?เทพอสูรหกวิถีสัมผัสเทพที่แข็งแกร่งในตัวซือหยูไม่ได้เลย แล้วเหตุใดซือหยูจึงพูดเช่นนั้น?
เป็นไปไม่ได้ที่ซือหยูจะซ่อนเทพคนอื่นที่แข็งแกร่งกว่าอีกแล้ว
ออกมา!
ซือหยูตะโกนเขายกเท้า
เทพอสูรหกวิถีได้เห็นเส้นเอ็นโปร่งใสจากเท้าของซือหยูที่ปลายสายอีกด้านนั้นอยู่ในสระสวรรค์
เทพอสูรหกวิถีตกตะลึงเพราะไม่เชื่อว่าซือหยูจะไม่ถูกดูดลงในสระสวรรค์
จากที่รู้ทุกสิ่งที่ตกลงสู่สระสวรรค์จะถูกดูดลงไปทันที แต่เส้นเอ็นนี้…
ไม่นะ!เทพอสูรหกวิถีเข้าใจแล้วว่าซือหยูจะจัดการเขาอย่างไร
เขาพยายามบินหนีอย่างรวดเร็ว
แต่มันก็สายไปแล้วซือหยูบินขึ้นไป เส้นเอ็นที่เท้าของเขาลากเทพอสูรสามคนลงสู่สระสวรรค์
ทั้งสามถูกคันเบ็ดรัดแน่นซือหยูลากทั้งสามลงสระสวรรค์ด้วยวิธีนี้
ซือหยูลอบโจมตีได้อย่างยอดเยี่ยมจนเทพอสูรหกวิถีตกใจ
พั่พ!
แกร๊ง!
ปั้ง!
การโจมตีที่เตรียมการไว้เนิ่นนานเข้าตรึงร่างเทพอสูรหกวิถีที่ไม่ทันระวัง
กำไลองค์หญิงสองปะทะกับเทพอสูรหกวิถีจนกระเด็น กระบี่องค์หญิงหกไปถึงลำคอเทพอสูรหกวิถีแต่นางก็บั่นคอเขาไม่ได้ กระบี่ทำได้แค่เปิดแผลที่ลำคอเท่านั้น
แต่กระบี่อสูรขององค์ชายหนึ่งได้ทะลวงอกของเทพอสูรหกวิถีมันทำให้หัวใจอสูรฉีกขาดอย่างรุนแรง
พลังอสูรนับไม่ถ้วนหลั่งรินออกมาจากหัวใจเทพอสูรหกวิถี
แม้แต่เทพอสูรอย่างเขาก็มีจุดอ่อน!
หัวใจอสูรคือหนึ่งในจุดอ่อนนั้น
พวกเขาทำได้
รัชทายาททั้งสามโจมตีเทพอสูรหกวิถีตามแผนของซือหยู
แต่แผนอันไร้ที่ติทำได้เพียงสร้างบาดแผล
ไสหัวไป!
เทพอสูรหกวิถีร้องคำรามดังลั่นสะท้อนก้องฟ้า รัชทายาททั้งสามกระเด็นไปยังธารดารา
ซือหยูลากทั้งสามกลับมาด้วยคันเบ็ดในมือ
ทั้งสามมองเทพอสูรหกวิถีอย่างไม่พอใจ
เทพอสูรหกวิถีควักหัวใจตัวเองออกจากอก
เขายัดหัวใจตัวเองใส่ปากกลืนลงไป
จากนั้นหัวใจดวงใหม่ก็ได้ปรากฏบนอกบาดแผลที่เกิดจากกระบี่อสูรขององค์ชายหนึ่งฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
การโจมตีอันไร้ที่ติมิอาจทำอะไรเทพอสูรหกวิถีได้เลย
ใจอสูรอมตะ!
องค์ชายหนึ่งตกใจ
องค์หญิงหกหน้าซีดในเวลาเดียวกัน
เจ้ามี…หัวใจอสูรอมตะอย่างนั้นเรอะ?