The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 697-698

DND.697 – หุ่นเชิดสังหาร
สี่ศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึงเขารีบปกป้องร่างกายตัวเองด้วยพลังชีวิต พร้อมกันนั้นเขายังรีบสร้างโล่สีอำพันในมือที่ทรงพลังกว่าครั้งแรก
ปั้ง!
ทุกอย่างที่ลำแสงโลหิตผ่านถูกทำลายสิ้นมันระเบิดโล่สีอำพันจนสิ้นซาก สี่ศักดิ์สิทธิ์ครางด้วยความเจ็บยปวด โลหิตของเขาไหลออกมาจากปากมากยิ่งกว่าเดิม ดูเหมือนว่าเขาจะบาดเจ็บหนัก
หยูฉิวฮั่นบอกว่านี่เป็นหุ่นเชิดที่จัดการกับภูติระดับกลางได้ทุกคนมันสังหารสี่ศักดิ์สิทธิ์ได้แน่นอน ซือหยูใช้ความได้เปรียบพุ่งไปที่รอยแยกมิติ เขามองมันด้วยเนตรวิญญาณและพบว่ามันคือก้อนพลังมิติที่กำลังสับสนวุ่นวาย
และพลังแห่งความตายที่ดูดกลืนพลังชีวิตเข้าไปก็กำลังพุ่งเข้าไปหามันดูเหมือนว่าพลังเหล่านั้นจะทำให้รอยแยกมิตินี้ขยายขนาด
“รอยแยกมิติรึ?”
ซือหยูพยักหน้าเขารู้แล้วว่ามันคืออะไร
รอยแยกมิติมีพลังที่ปั่นป่วนเพราะว่ามันกำลังขยายขนาดตอนนี้คือช่วงที่อ่อนแอที่สุดของมัน เขาเพียงแค่หยุดใส่พลังลงไปเท่านั้น จากนั้นมันก็จะหยุดขยายตัวและแตกสลายไปเอง
นี่เป็นเรื่องที่ทำได้แม้จะเป็นเด็กขอบเขตมังกรซึ่งมันไม่เป็นปัญหากับซือหยูเลย ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่น่าแปลกใจที่สี่ศักดิ์สิทธิ์เลือกที่จะทิ้งคนของตัวเองให้ต่อสู้และกลับมาคุ้มกันที่นี่
“หยุดเขาเร็ว!ขอเวลาข้าสามลมหายใจ”
เสียงดังมาจากอีกฝั่งของมิติเขารู้สึกถึงอันตรายจากซือหยู
สี่ศักดิ์สิทธิ์ที่เจอกับหุ่นเชิดมิอาจทำอะไรได้ยากที่เขาจะปกป้องแม้แต่ตัวเอง การขวางซือหยูไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำได้
เมื่อซือหยูดันฝ่ามือไปยังรอยแยกมิติและจะทำลายแผนการใหญ่ของราชาเขตกลางเสียงของคนที่บินเข้ามาอย่างรวดเร็วก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนอย่างโกรธแค้น
“ซือหยูข้าจะเอาเจ้าไปตายกับข้าซะ!”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความชิงชังและความพร้อมใจที่จะตาย
“ฝ่ามือเทพ ดับ สวรรค์!”
เสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้นดังก้องเสียงระเบิดส่งสะท้อนทั่วนภา
ซือหยูหันไปมองด้วยใจเต้นแรงเมื่อเห็นว่ามีจันทราปรากฏในพื้นที่แห่งนี้!มันตระการตาและสว่างราวกับดวงจันทร์ของจริง ดูเหมือนดวงจันทร์นี้จะแทนที่ดวงอาทิตย์ได้ด้วยซ้ำ
ซือหยูใจเต้นแรงเมื่อถูกแสงจันทร์กลืนกินเขารู้สึกราวกับว่าทั้งร่างจะหายลับไป อีกไม่นานเขาจะกลายเป็นฝุ่นผง
“ฝ่ามือเทพดับสวรรค์!นั่นมันวิชาสูงสุดขององครักษ์แสงกระจ่าง”
ซือหยูใจสั่นเมื่อคิดถึงสิ่งที่วู่เหิงเคยบอก
รอยฝ่ามือที่มีทั่วทุกคนแห่งในเฉินหลงได้ทำลายอารยธรรมไปมากมายและรอยฝ่ามือเหล่านั้นก็คือสิ่งที่เกิดจากฝ่ามือเทพดับสวรรค์!
ห้าศักดิ์สิทธิ์เป็นองครักษ์เงาทมิฬคนเดียวที่เข้าใจส่วนของวิชาเพียงเล็กน้อยว่ากันว่าเพียงแค่ใช้มันเขาก็แข็งแกร่งเท่ากับภูติระดับเก้า
จันทร์กระจ่างขจัดความมืดมิดพลังมหาศาลดูน่ากลัว แต่ด้วยเหตุบางอย่าง ซือหยูรู้สึกว่าเขาเยือกเย็นถึงขีดสุด ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มเข้าใจถึงกฎเกณฑ์ลี้ลับที่อยู่ในวิชา ดูเหมือนว่าเขาเริ่มที่จะเข้าใจวิชานี้แล้ว
เขายกมือขึ้นช้าๆดวงตาของเขาว่างเปลบ่า แสงจันทร์อ่อนๆปรากฏบนฝ่ามือ รัศมีแสงนั้นกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เพียงไม่นานมันก็ใหญ่เท่ากับไข่ไก่มันอัดแน่นอยู่ในฝ่ามือและสะท้อนใบหน้าหล่อเหลาของเขา ดูเหมือนว่าเขากำลังถือดวงจันทร์ไว้ในมือ
สี่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นจากระยะใกล้ตกตะลึงและตะโกนร้องออกมา
“ฝ่ามือดับสวรรค์กระบวนท่าแรกฝ่ามือจันทรา!”
เขาทั้งตกใจและหวาดกลัวราวกับเห็นผี
“เจ้าเป็นใครกัน?ทำไมเจ้าถึงใช้วิชาสูงสุดขององครักษ์แสงกระจ่างได้?”
สี่ศักดิ์สิทธิ์ตื่นตระหนกอย่างหนัก
ในความคิดของซือหยู…
หืมถ้าเช่นนั้น ฝ่ามือนิรนามก็คือฝ่ามือดับสวรรค์งั้นรึ? ถ้าเช่นนั้น…มันไม่ได้หมายความว่าผู้เฒ่าจิวคือคนในเมืองเขตกลาง…และเป็นองครักษ์แสงกระจ่างหรอกรึ?
จิตใจของซือหยูส่องสว่างยิ่งกว่าเดิมสิ่งที่ศัตรูใช้ได้ทำให้เขาได้เห็นสิ่งที่เขาเคยไม่รู้ วิชาฝ่ามือนิรนามแจ่มชัดในตัวซือหยูอีกครั้ง
จันทราบนโลกเกิดจากความมืดมิดที่ตะวันตกดินมันจึงเปล่งแสงได้ในค่ำคืน
มันใช้แสงจากดวงตะวันเพื่อส่องสะท้อนให้แก่เหล่ามวลมนุษย์ในยามวิกาลทุกสิ่งล้วนส่องประกายเพราะดวงจันทร์
เมื่อมีฝ่ามือจันทราจะไม่มีใครกล้าต่อกร เขาเข้าใจมันยิ่งๆขึ้นไป ฝ่ามือจันทราในมือของเขาเปล่งประกายยิ่งขึ้น
มันขยายขนาดจากไข่ไก่ไปถึงภูเขาทั้งร่างของซือหยูหลอมรวมกับมันและทำให้เขากลายเป็นดวงจันทร์ด้วยตัวเอง!
“มนุษย์ดุจจันทราจันทราดุจมนุษย์!”
ซือหยูพูดเบาๆเขารู้สึกผ่อนคลายใจ
ราวกับว่าจู่ๆเขาก็ได้รับรู้ทุกอย่างแต่เขาก็ยังคงสงสัยอย่างมากเมื่อเข้าใจวิชาไปหนึ่งส่วน เพราะมันยิ่งทำให้ส่วนอื่นดูสับสนขึ้นไปอีก! ณ ตอนนี้ ดวงจันทร์สองดวงกำลังฉายแสงต่อกันจนก้นบึ้งมังกรสว่างจ้า
สี่ศักดิ์สิทธิ์ยังคงตกตะลึงไม่จางหาย
“ระดับปัญญาอะไรกัน!เขาเข้าใจส่วนของวิชาเพียงได้มองห้าศักดิ์สิทธิ์”
“เจ้าใช้ข้าเรียนรู้ฝ่ามือดับสวรรค์งั้นเรอะ?”
ห้าศักดิ์สิทธิ์ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดเขาพุ่งเข้าใส่ซือหยู
ถ้าหากมองจากระยะไกลจะพบว่ามีจันทราดวงหนึ่งพุ่งเข้าหาดวงจันทร์อีกดวงอย่างบ้าคลั่ง
ปั้ง!
คลื่นสายลมอันรุนแรงจากแรงปะทะพัดไม่หยุดดวงจันทร์ของห้าศักดิ์สิทธิ์กลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกทำลาย ร่างของเขาที่เผยออกมาร่วงหล่นไปกับพื้นและถูกแสงจันทร์อีกดวงกลืนกิน
ห้าศักดิ์สิทธิ์ทั้งตกตะลึงและไม่เชื่อสายตา
“เป็นไปได้ยังไง…”
แสงจันทร์สะท้อนในแววตาชายหนุ่มผมสีเงินก้มหน้ามองบางอย่างที่อยู่ในดวงจันทร์ ดวงจันทร์ของเขานั้นเริ่มที่จะขยายขนาดอีกครั้ง
เวลายาวนานหลากหลายปีของเขาที่ใช้บ่มเพาะมิอาจเทียบได้เลยกับช่วงเวลาเดียวของเด็กหนุ่มน้อยผู้นี้เขาคงจะไม่มีวันเป็นสุข…แม้ในความตาย
“มันยังไม่พอ…”
ซือหยูพยายามจะทำความเข้าใจมันอยู่สิ่งที่เขาได้รู้เมื่อครู่เป็นแค่ผิวเผินของวิชาเท่านั้น เขายังไม่เข้าใจฝ่ามือจันทราที่แท้จริงทั้งหมด
“คงจะดีถ้ามีคนมาใช้มันให้ข้าเห็นอีกครั้ง…”
ซือหยูเสียใจมากสิ่งที่ได้หยั่งรู้ได้จบลงไปแล้ว ระดับการเรียนรู็ของซือหยูในตอนนี้นับว่าอยู่ในขั้นที่สูงจนน่าตกใจแม้จะไม่มีพลังเร่งเวลาของหม้อเก้ามังกร
ซือหยูมังห้าศักดิ์สิทธิ์ที่กลายเป็นถ้าถ่านดวงตาของเขามีเพียงความเศร้า
“ขอบคุณเจ้ามาก…”
แม้จะอยู่ในสภาพปางตายเขาก็บินอย่างยาวไกลมาเพื่อช่วยให้ซือหยูเข้าใจวิชาระดับภูติมากขึ้น ดังนั้นซือหยูจึงรู้สึกขอบคุณกับเขา
สี่ศักดิ์สิทธิ์สั่นไปทั้งตัวเมื่อมองชายหนุ่มในแสงจันทร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศสี่ศักดิ์สิทธิ์รู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้รู้สึกกดดันเพราะพลังของฝ่ามือ แต่เป็นเพราะพรสวรรค์ของชายหนุ่มตรงหน้า
เมื่อเขาคิดถึงเรื่องที่ได้ยินว่าซือหยูสังหารร่างเงาของจ้าวเทวะในกระโจมเทพสวรรค์เขาก็หวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม เพราะชายคนนี้คือคนที่เขากำลังต่อสู้ด้วยและก็เป็นคนที่น่ากลัวถึงขีดสุด!
เมื่อแสงจันทร์สลายซือหยูกลับมาอยู่ในสภาพเดิม เขาเดินไปยังรอยแยกมิติ เขาหยุดห่างจากมันไม่ไกลนัก
“สามลมหายใจผ่านไปแล้วข้าสายไปรึ?”
ซือหยูถอนหายใจเบาๆ
ซ่า!
รอยแยกเปล่งแสงงดงามมีคนเดินออกมาจากที่นั่น เขาสวมชุดสีดำ เส้นผมสีดำ และดวงตาเยอืกเย็น
สิ่งรอบตัวเขาเยือกเย็นถึงจุดเยือกแข็งทันทีที่เขาปรากฏตัวยังมีเกล็ดหิมะทมิฬปรากฏรอบตัวเขาอีกรอย ความเย็นยะเยือกทำให้วิญญาณของซือหยูสั่นสะเทือน
“บ่มเพาะน้ำแข็ง…”
ซือหยูไม่แปลกใจกับวิชานี้เพราะเขาเองก็เคยบ่มเพาะวิชาน้ำแข็งมาก่อนแต่ความเย็นที่ปล่อนออกมาจากชายตรงหน้านั้นเหนือกว่าต้นกำเนิดน้ำแข็งของซือหยูไปมาก
“ต้นกำเนิดน้ำแข็งมิใช่สุดทางของการบ่มเพาะสินะ…”
ซือหยูลูบอกที่มีแก่นแท้น้ำแข็งอยู่ภายในที่หลับใหลมาเนิ่นนานมันเริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขายังคงเดินในเส้นทางน้ำแข็งได้ตามวิถีของจิวโจว
“ท่านสาม”
ความยินดีปรากฏบนใบหน้าสี่ศักดิ์สิทธิ์เขายื้อเวลาได้ทันเพราะห้าศักดิ์สิทธิ์พยายามจะโค่นซือหยู นั่นทำให้สามศักดิ์สิทธิ์มาถึงเฉินหลงทันเวลา
สามศักดิ์สิทธิ์เป็นภูติระดับเจ็ดที่เป็นภูติระดับสูงดังนั้น เขาคนเดียวก็มากพอที่จะพลิกสถานการณ์
หุ่นเชิดลูกสุนัขปล่อยลำแสงโลหิตไปที่เขาสี่ศักดิ์สิทธิ์พยายามจะป้องกัน
แกร๊ก!
แต่ลำแสงโลหิตก็ไปไม่ถึงตัวเขามันกลับหยุดที่กลางอากาศอย่างประหลาด เมื่อมองให้ดีจะพบว่ามันถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แม้แต่ลำแสงที่สร้างจากพลังบริสุทธิ์ก็ถูกแช่แข็งอย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากที่เขามองหุ่นเชิดสุนัขอีกครั้งก็พบว่ามันถูกแช่แข็งไปแล้วแม้แต่ดวงวิญญาณภายในของมันก็กลายเป็นน้ำแข็งไปด้วย ซือหยูมองสามศักดิ์สิทธิ์อย่างเงียบเชียบ แค่ดัชนีเดียวของเขาก็สังหารหุ่นเชิดสุนัขได้แล้ว!
“ถ้าเจ้าอยากฆ่าเขาเจ้าก็ควรจะถามข้าก่อน”
สามศักดิ์สิทธิ์เริ่มพูดเสียงของเขาเยือกเย็นไม่ต่างจากน้ำแข็ง แม้แต่หูของซือหยูก็ถูกแช่แข็งเมื่อได้ยินเสียงของเขา
สี่ศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งรอดชีวิตดีใจอย่างมากเขารีบวิ่งไปที่ข้าวสามศักดิ์สิทธิ์
ซือหยูยังคงไร้อารมณ์แม้จะถึงตอนนี้เขาโบกมือ สัตว์ประหลาดสีดำขนาดเท่าฝ่ามือลอยออกมา
มันดูอัปลักษณ์แม้มันจะเป็นแค่แมงมุม แต่ความอันตรายของมันก็เหนือกว่าหุ่นเชิดสุนัขเป็นสิบเท่า
“หุ่นเชิดภูติระดับสูงรึ?”
สามศักดิ์สิทธิ์เลิกคิ้วและพุ่งไปยังสี่ศักดิ์สิทธิ์
แต่เมื่อแมงมุมไปถึงมันก็พ่นใยออกมาอย่างรวดเร็ว และสี่ศักดิ์สิทธิ์ก็จมอยู่ในใยก่อนที่จะตั้งตัวทัน
พอแมงมุมอ้าปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมสี่ศักดิ์สิทธิ์นั้นตะโกนร้องด้วยความกลัว เขารีบใช้พลังชีวิตปกป้องร่างกายแต่เขี้ยวแมงมุมนี้คมอย่างไม่น่าเชื่อ มันทะลวงผ่านชั้นพลังป้องกันไปถึงเลือดเนื้อของเขา
เสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวดดังลั่นร่างของสี่ศักดิ์สิทธิ์เริ่มกระตุก ดวงตาของเขาไร้แววไปพร้อมกันชีวิตที่ปลิดปลิว ภูติระดับหกตายเพราะพิษไปในเวลาอึดใจเดียว!
ซือหยูละสายตาจากเขาและมองไปที่สามศักดิ์สิทธิ์
“ต่อให้เจ้าอยู่ที่นี่มันก็รอดตายไม่ได้”
“ไอ้เฒ่าหยู!”
สามศักดิ์สิทธิ์ไม่ลืมเรื่องที่หยูฉิวฮั่นให้หุ่นเชิดสองตัวกับซือหยูหนึ่งในนั้นคือหุ่นเชิดสุนัข ส่วนอีกตัวคือหุ่นเชิดแมงมุมที่ฆ่าได้แม้แต่ภูติระดับสูง
“ถึงตาเจ้าแล้ว”
ซือหยูชี้นิ้วไปที่สามศักดิ์สิทธิ์
เขาใช้สมบัติทั้งหมดที่มีโดยไม่ซุกซ่อนอะไรเอาไว้นั่นก็เพราะทวีปกำลังจะล่มสลาย
“ข้ารู้เรื่องหุ่นเชิดของเจ้าแล้ว”
สามศักดิ์สิทธิ์มองซือหยูอย่างโหดร้าย
“มันจะจบที่นี่แหละซือหยู”
เมื่อเขตกลางรู้ว่าคนที่พวกเขาจะเผชิญหน้าคือซือหยูพวกเขาก็ได้รู้อีกว่าซือหยูยังมีหุ่นเชิดที่น่ากลัวอยู่อีกสองตัว ดังนั้นเขาจึงเตรียมการมาก่อนแล้ว
สามศักดิ์สิทธิ์หยิบเหยือกสีแดงอิฐออกมาและขว้างมันลงกับพื้น
ปั้ง!
เมื่อเหยือกตกลงกับพื้นของเหลวสีเลือดได้กระจายไปทั่ว หลังจากนั้น ของเหลวสีเลือดเหล่านั้นเริ่มที่จะขยับด้วยตัวมันเอง มันได้ร่วมตัวกันเป็นตะขาบยาวสามสิบเมตร!
DND.698 – เจอตะขาบเลือดอีกครั้ง
ซือหยูรู้สึกราวกับโดนระเบิดที่หัวนี่คือตะขาบเลือดเกล็ดมุก!
วันที่ซือหยูได้สู้กับเซี่ยหวู่เซี่ยหวู่ได้ปลดปล่อยมันออกมา และท้ายสุดก็มีคนลึกลับชิงตะขาบเลือดไปและเกือบจะได้ฆ่าซือหยู
ความน่ากลัวของเขายังคงอยู่ในจิตใจของซือหยูมาถึงตอนนี้และตอนนี้ ตะขาบเลือดเกล็ดมุกที่ถูกพาตัวไปได้ปรากฏตัวอีกครั้ง! พลังที่มันปล่อยออกมายังน่ากลัวกว่าครั้งก่อนเป็นสิบเท่า
ซือหยูสัมผัสได้ถึงพลังจากโบราณกาลของมันเขาจ้องมองร่างกายของมันและพบว่ามีร่องรอยของเหลวสีเลือดอยู่ด้วย
“ท่านจ้าวศักดิ์สิทธิ์เลี้ยงหนอนวิญญาณนี้ด้วยตัวเองเขาได้อัดสายโลหิตอมตะเข้าไปด้วย หุ่นเชิดของเจ้าทำอะไรมันไม่ได้หรอก”
แววตาของสามศักดิ์สิทธิ์เยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
จ้าวศักดิ์สิทธิ์รึ?ซือหยูเริ่มตั้งใจ
“ใครคือจ้าวศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า?”
ถ้าเป็นอย่างที่ซือหยูคิดคนที่ชิงตะขาบเลือดเกล็ดมุกไปจะต้องเป็นจ้าวศักดิ์สิทธิ์! นั่นหมายความว่าเขาได้มาถึงทวีปเฉินหลงแล้ว!
เรื่องนี้ทำให้ซือหยูตกตะลึงเป็นอย่างมากแต่ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมเขาถึงไม่แสดงตัวออกมาปกครองเฉินหลงเล่า?
และตอนนี้ก็เป็นเวลาชี้ขาดความสำเร็จและความล้มเหลวของเขตกลางในจิวโจวทำไมเขาถึงไม่ปรากฏตัวออกมาเล่า?
หรือว่าเขาจะหวาดกลัวอะไรบางอย่าง?เขากลัวว่าจักรพรรดิจิวโจวจะฆ่าเขารึ?
ซือหยูที่ปะติดปะต่อเรื่องราวดูเหมือนจะเข้าใจในอะไรบางอย่าง
สามศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจ
“จ้าวศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยปรากฏตัวให้ใครได้เห็นแม้แต่คนอย่างข้าถ้าเจ้าอยากรู้ เจ้าก็ตายไปก่อนเถอะ!”
“ไป!”
สามศักดิ์สิทธิ์สั่งตะขาบเลือดเกล็ดมุกได้พ่นโลหิตออกจากปาก มันจ้องมองหุ่นเชิดแมงมุมอย่างไม่ละสายตา
หุ่นเชิดแมงมุมไม่ได้หวาดกลัวมันคลานด้วยขาทั้งแปดและพุ่งเข้าใส่ตะขาบ ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน!
ตะขาบเลือดเกล็ดมุกนั้นมีขนาดใหญ่ขณะที่แมงมุมนั้นมีขนาดที่เล็กมากทั้งสองมีพิษที่คล้ายๆกัน
เวลาผ่านพ้นไปช่วงหนึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีฝ่ายใดที่ชนะ
“ข้าอยากจะได้เห็นนักว่าเจ้าจะมีอะไรนอกจากหุ่นเชิดอีก!เพราะเจ้าเคยฆ่าร่างเงาของจ้าวเทวะไม่ใช่รึ?”
สามศักดิ์สิทธิ์ก้าวออกมาข้างหน้า
ทุกย่างก้าวของเขาทำให้พื้นเยือกแข็งมีเสียงแตกดังออกมาจากพื้น
ซือหยูใจสั่นนี่คือภูติระดับเจ็ดที่เป็นภูติขั้นสูง!
มันต่างจากร่างเงาของจ้าวเทวะในกระโจมเทพสวรรค์เพราะภูติตรงหน้าซือหยูก็คือภูติของจริงที่ไม่มีการจำกัดพลัง!
ซือหยูพยายามจะข่มใจเมื่อความเยือกเย็นเข้าใกล้
ซูม
แสงสีทองปรากฏในฝ่ามือมันคือกระบี่ทองที่หมุนไปมาในฝ่ามือของเขา
เขาพลิกฝ่ามือกระบี่เล่มเล็กพุ่งไปยังสามศักดิ์สิทธิ์โดยตรง สามศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจมันด้วยซ้ำ
เอี๊ยด
กระบี่ทองหยุดนิ่งมันตกลงกับพื้นและถูกแช่แข็ง มันหยุดนิ่งในระยะของพื้นที่ถูกแช่แข็ง
แต่ทันดนั้นก็มีมิติสั่นสะเทือนที่ด้านหลังสามศักดิ์สิทธิ์กระบี่ทองอีกเล่มปรากฏอีกครั้ง แต่ทันทีที่มันปรากฏ มันก็ถูกแช่แข็งและร่วงไปที่พื้น
พริบตาเดียวสมบัติกึ่งวิญญาณสองชิ้นได้กลาเยป็นน้ำแข็ง ซือหยูยังสัมผัสขนเส้นเดียวของศัตรูไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
สามศักดิ์สิทธิ์พูดอย่างเยือกเย็น
“หลอกล่อข้างั้นรึ?วิธีชั้นต่ำแบบนี้ใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก ข้าเริ่มสงสัยแล้วว่าเจ้าฆ่าร่างเงาของจ้าวเทวะได้ยังไง!”
เล่ห์กลของซือหยูไร้ผลต่อหน้าศัตรูที่แข็งแกร่งแต่เขาก็ไม่ได้โกรธแค้นเมื่อถูกเหยียดหยาม
เขากลับใจเย็นอย่างเคย
“ระยะสามลี้คือระยะสังหารของเจ้าระยะสองลี้คือระยะที่เจ้ามีพลังป้องกันมากที่สุด หรือพูดอีกอย่างก็คือ การฆ่าเจ้า จะต้องทำลายระยะสองลี้ให้ได้ มิเช่นนั้นทุกอย่างจะกลายเป็นน้ำแข็ง”
สามศักดิ์สิทธิ์เลิกคิ้วเมื่อได้ฟังคำพูดของซือหยูสามศักดิ์สิทธิ์มองไปยังสมบัติกึ่งวิญญาณสองชิ้นที่ตกอยู่กับพื้น
เขาเริ่มเป็นกังวลในทันที
“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าทำอะไรกระบี่สองเล่มนี้ก็เพื่อทดสอบพลังน้ำแข็งของข้าสินะ? เล่มแรกใช้ทดสอบระยะสังหาร เล่มที่สองใช้ทดสอบระยะป้องกันของข้า”
เขาเริ่มจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย
“ตอนนี้เจ้าดูเหมือนอัจฉริยะสีเงินที่ข้าเคยได้ยินมาจริงๆแต่เจ้าจะทำอะไรข้าได้เล่า?”
สามศักดิ์สิทธิ์ชี้ดัชนีไปที่ซือหยู
“ผนึกน้ำแข็ง!”
อากาศเย็นเยือกรอบข้างรับบัญชามันเข้าล้อมตัวซือหยู อากาศ พลังวิญญาณ เศษฝุ่น และพื้น ทุกสิ่งถูกดูดกลืนโดยพลังน้ำแข็ง มันคือกระบวนท่าที่สร้างมาเพื่อใช้แช่แข็งซือหยูไปพร้อมกับทุกสิ่งรอบข้าง!
ซือหยูเลิกคิ้วเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นรอบข้างเขาเห็นน้ำแข็งที่เริ่มก่อตัวบนผิว อวัยวะภายในของเขาค่อยๆแข็งตัวอย่างช้าๆ
ต้นกำเนิดน้ำแข็งที่เขาบ่มเพาะมาแทบจะเทียบกับพลังน้ำแข็งนี้ไม่ได้เพียงลมหายใจเดียว เขาจะไม่ต่างกับรูปปั้นน้ำแข็ง พลังของเขาค่อยๆจางหายไป
ซือหยูหวาดวิตกอย่างหนักเขาหยิบเอาร่มวิเศษบัวแดงออกมา เขาพยายามจะไล่พลังน้ำแข็งออกไปด้วยเพลิง
แต่เพลิงก็ถูกแช่แข็งในพริบตาเดียวเมื่อสัมผัสกับพลังน้ำแข็งเพลิงที่ดับมอดถูกแช่แข็งคาที่
“เปล่าประโยชน์เส้นทางน้ำแข็งของข้าเหนือกว่าต้นกำเนิดน้ำแข็งมากนัก เพลิงธรรมดาทำอะไรไม่ได้หรอก”
สามศักดิ์สิทธิ์ส่ายหน้าซือหยูในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับซากศพ
แต่จู่ๆเขาก็เบิกตาโพลงเขาเห็นว่าซือหยูเรียกสายเพลิงทมิฬออกมาจากอก มันดูอ่อนแอจนแทบมองไม่เห็น
ทันทีที่มันปรากฏเขารู้สึกราวกับจักรวาลถึงจุดเดือด รอบข้างเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นพลังน้ำแข็งที่เข้าใกล้ซือหยูยังหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“วิบัติอัคคีเรอะ?”
สามศักดิ์สิทธิ์เลิกคิ้ว
เขารู้สึกกังวลใจเป็นครั้งแรก
“เจ้ามีพลังสังหารจ้าวเทวะจริงๆเจ้ายังซ่อนวิบัติอัคคีเอาไว้อีก!”
ซือหยูยิ้มตอบ
“เจ้าพูดถูกข้าเก็บวิบัติอัคคีไว้ใช้กับสี่ศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าเจ้ามาแล้ว ข้าก็จะให้มันเป็นของขวัญกับเจ้าแทน!”
รอยยิ้มของซือหยูหายไปมันแทนที่ด้วยสายตาคมกริบ เขาดีดวิบัติอัคคีไปยังสามศักดิ์สิทธิ์ อีกฝ่ายเคร่งเครียดเมื่อรู้สึกถึงอันตรายตรงหน้า
เขาตะโฏน
“สองตะวันเยือกแข็ง!”
ครืน
เกิดชั้นน้ำแข็งสองชั้นในระยะสามลี้แต่ละชั้นปล่อยพลังน้ำแข็งที่น่ากลัวออกมา
พลังน้ำแข็งในผนึกน้ำแข็งนั้นด้อยกว่าพลังน้ำแข็งครั้งนี้อย่างมากดังนั้นระยะสามลี้จึงเป็นระยะสังหารที่แน่นอน!
ชั้นนอกของน้ำแข็งเป็นชั้นที่ใช้โจมตีส่วนชั้นในใช้ป้องกัน พลังน้ำแข็งนี้สามารถแช่แข็งภูติระดับเจ็ดให้ตายได้ในพริบตา!
เมื่อวิบัติอัคคีลอยเข้ามาพลังน้ำแข็งได้สลายไปจนหมด แต่ชั้นน้ำแข็งทั้งสองมิได้สั่นไหว
ครืน
เมื่อวิบัติอัคคีสัมผัสกับชั้นแรกมันได้สร้างรอยเปิดเล็กๆก่อนจะดับมอดไปเพราะพลังน้ำแข็ง วงน้ำแข็งทั้งสองกลายเป็นชั้นเกราะป้องกันที่ทรงพลัง!
ใบหน้าของสามศักดิ์สิทธิ์เยอืกเย็นดั่งน้ำแข็งเขารู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย!
โชคดีที่น้ำแข็งทั้งสองชั้นมีพลังที่เขาบ่มเพาะมาทั้งชีวิตเขาได้รวบรวมพลังน้ำแข็งทั้งหมดและสร้างชั้นเกราะป้องกันที่น่าตกใจ นั่นจึงเป็นเหตุที่เขาป้องกันวิบัตอัคคีได้!
เขาเงยหน้ามองซือหยูและพบว่ามีความประหลาดอยู่ในดวงตาของซือหยู
“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปข้าจะไม่ออมมืออีกแล้ว! ทุกอย่างจะต้องจบที่นี่!”
สามศักดิ์สิทธิ์ระวังตัวขั้นสูงสุดเขาไม่ออมมืออีกต่อไปแล้ว
น้ำแข็งชั้นนอกได้เคลื่อนออกจากตัวเขามันกลายเป็นจันทร์เสี้ยวขนาดยักษ์ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ซือหยู ต่อมาทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้ถูกจันทร์เสี้ยวนั้นล้อมรอบรวมถึงซือยหู ไม่ว่าจันทร์เสี้ยวจะไปที่ใด ที่นั่นจะกลายเป็นน้ำแข็ง
สามศักดิ์สิทธิ์ใช้วิชาสุดยอดของเขาเพื่อกำจัดซือหยู!เขาไม่อยากจะให้ซือหยูมีโอกาสได้ตอบโต้ เพราะวิบัติอัคคีนั้นทำให้เขาหวาดกลัวอย่างมาก
ซือหยูรู้สึกว่าเขากำลังจะตายตั้งแต่ก่อนที่จันทร์เสี้ยวน้ำแข็งจะถึงตัวเขารู้สึกว่าเขาจะกลายเป็นน้ำแข็งไปตลอดกาล!
อันตรายเช่นนี้ทำให้ซือหยูใจเต้นแรงแต่เขาก็ไม่ได้แสดงความหวาดกลัวบนใบหน้า เขากลับยิ้มและหยิบเอาม้วนคัมภีร์สีดำออกมาจากอก
“หึหึข้าไม่ได้มีวิบัติอัคคีแค่นั้นหรอกนะ”
ซือหยูหัวเราะเบาๆและเปิดม้วนคัมภีร์
ตู้ม
เพลิงทมิฬได้พวยพุ่งออกมาจากม้วนคัมภีร์ก่อนจะพุ่งออกไปยังทุกทิศทางราวกับว่ามันอยากจะออกมาจนทนไม่ไหว
รอบข้างร้อนขึ้นอย่างมาก!ทั้งก้นบึ้งมังกรได้ถึงจุดเดือดพล่าน น้ำแข็งที่น่ากลัวถูกคลื่นเพลิงทมิฬโต้กลับไป
“อะไรกัน?เจ้าไปเอาวิบัติอัคคีมากมายขนาดนี้มาจากไหน?”
สามศักดิ์สิทธิ์เสียความเยือกเย็นและรีบถอยกลับ
เขามิอาจเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น
“คนหนุ่มอย่างเจ้าจะเก็บวิบัติอัคคีมากเท่านี้ได้ยังไง?แม้แต่จ้าวเทวะก็ทำไม่ได้!”
ยากนักที่จะรวบรวมวิบัติอัคคีและก็ยากมากกว่าที่จะเก็บมัน ตอนที่ซือหยูหยิบเอาสายเพลิงเพียงเสี้ยวเดียวออกมา สามศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ตกใจมากพออยู่แล้ว เขาไม่เคยคิดเลยว่าซือหยูจะมีเพลิงอยู่มากมายเช่นนี้!
คลื่นเพลิงทมิฬได้ทะลวงชั้นน้ำแข็งต่อมาและพุ่งตรงไปยังสามศักดิ์สิทธิ์น้ำแข็งที่เหลือที่ล้อมกายเขาถูกทำลายอย่างช้าๆโดยวิบัติอัคคีอันน่ากลัว!
“เจ้าหนูเจ้าหลอกข้าเรอะ!”
ซือหยูมีเพลิงอยู่มากมายแต่เขาก็ไม่ใช้มันออกมา! เขาจงใจเผยเพลิงออกมาเพียงน้อยนิดเพื่อบังคับให้สามศักดิ์สิทธิ์ใช้ท่าไม้ตาย
เดิมทีสามศักดิ์สิทธิ์คงป้องกันเพลิงได้โดยการใช้ชั้นน้ำแข็งทั้งสองรวมกัน แต่เมื่อมันถูกแยกออก แต่ละชั้นก็ถูกเพลิงทำลายอย่างง่ายดาย
ซือหยูหัวเราะโดยไม่พูดอะไรในตอนที่เขาเก็บม้วนคัมภีร์แต่เขาก็แอบถอนหายใจ ไพ่ตายของเขาลดลงไปอีกหนึ่งใบแล้ว
สิ่งเดียวที่เขาเหลืออยู่คือม้วนคัมภีร์ที่ว่างเปล่าเพื่อที่จะสังหารคนผู้นี้เพื่อสันติสุขของเฉินหลง ซือหยูต้องเสียสละไปมาก เขาใช้หุ่นเชิดสองตัวและวิบัติอัคคีส่วนสุดท้ายที่มี ซึ่งความจริงแล้วพวกมันคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี!
ปั้ง
ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นซือหยูมองออกไปและพบกับแมวหยกในมือสามศักดิ์สิทธิ์
ซือหยูคุ้นเคยกับแมวตัวนี้กู้ไทซูเคยใช้มันตอนที่เขารับพลังถึงตายจากซือหยู เขาหลบท่าของซือหยูได้โดยใช้สิ่งนี้แทน
ในครั้งนี้สามศักดิ์สิทธิ์ได้รับภารกิจสำคัญคือการปกป้องรอยแยกมิติ ราชาเขตกลางต้องให้ของช่วยชีวิตเขามาอยู่แล้ว
พรึ่บ
วิบัติอัคคีค่อยๆจางหายไปพร้อมกับความร้อนแมวหยกในมือสามศักดิ์สิทธิ์เริ่มแตกหัก สามศักดิ์สิทธิ์ทั้งตกใจและโกรธแค้น
“ซือหยู!”
เขาจ้องมองซือหยูตาไม่กระพริบ
“เจ้ายังเหลืออะไรอยู่อีก!”
ครืน
เขาเรียกจันทร์เสี้ยวน้ำแข็งและซัดเข้าใส่ซือหยูอีกครั้งซือหยูไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรเมื่อไร้วิบัติอัคคี
สุดทางของข้าแล้วรึ?ซือหยูผิดหวังอย่างมาก เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ ทางเดียวของเขาคือต้องถอยกลับ เขารู้ว่าสามศักดิ์สิทธิ์จะไม่ไล่ตามเขา เพราะเขาต้องปกป้องรอยแยกมิติ

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset