The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 725-726

DND.725 – พลังผนึกเทพ
  ฉั่วะ!
  ฟู่กุยกระอักเลือดออกมาเขาตีลังกากระเด็นไปหลายรอบเพราะกระบวนท่าของทั้งสอง ชุดสีอำพันของเขาฉีกขาดเพราะท่าของชางเซี่ยง มันทำให้เส้นผมของเขากระเจิงเต็มไปหมด
  “กล้าดียังไง!…”
  ฟู่กุยตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวเขามิได้โกรธเพราะถูกทำร้าย แต่เขาโกรธแค้นที่โดนทรยศ
  เขาสะบัดชุดเบาๆและยืนขึ้นเขาไม่ได้บาดเจ็บมากนักจากท่าของชางเซี่ยง
  “ชางเซี่ยงข้าเป็นคนสอนวิชาฝ่ามือนี้กับเจ้า แต่เจ้าก็กล้าใช้มันใส่ข้างั้นเรอะ?”
  ฟู่กุยเช็ดโลหิตที่มุมปาก
  แต่เมื่อพูดจบเขาก็กระอักเลือดอีกครั้ง มีหนามอยู่ในโลหิตที่กระอักออกมาด้วย
  “หนามกระหายเลือด?”
  จิตสังหารของฟู่กุยเอ่อล้นออกมา
  “อู๋หยางเจ้าเพิ่งจะเป็นจ้าวเทวะเมื่อเดือนก่อน แต่เจ้าก็ควบคุมผนึกเทพได้เร็วนัก ไม่เลว…”
  เมื่อเขาพูดก็กระอักเลือดมาาอีกครั้งมันยังมีหนามอยู่ในเลือดของเขาอีก ผนึกเทพเป็นผนึกที่เกิดขึ้นเมื่อคนได้เป็นจ้าวเทวะ จ้าวเทวะหลายคนใช้เวลาอย่างยาวนานในการหล่อหลอมผนึกเทพหลังจากที่เป็นจ้าวเทวะ
  ชางเซี่ยงมิได้ผนึกเทพของตัวเองแม้จะใช้เวลาทั้งปีแต่อู๋หยางกลับได้มาโดยเวลาแค่เดือนเดียว เห็นได้ชัดว่านางแข็งแกร่งกว่าชางเซี่ยงเพราะสร้างผนึกขึ้นมาได้
  บาดแผลภายในส่วนใหญ่ที่ฟู่กุยได้รับนั้นเกิดจากอู๋หยางถึงแม้ท่าของชางเซี่ยงจะดูแกร่ง มันก็ไม่ได้ทำให้ฟู่กุยบาดเจ็บมากนัก
  อู๋หยางเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัวนางอยากจะอธิบายทุกสิ่งกับเขา แต่ทั้งซือหยูและเนตรสวรรค์ยังคงอยู่ นางทำได้แค่กัดฟัน
  “นายท่านขอต้องขออภัย แต่พวกเราถูกบังคับให้ทำ อย่าถือโทษพวกข้าเลย”
  ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้าย
  “ข้าจะว่าอะไรพวกเจ้าเล่า?ถ้าจู่โจมข้า มันก็เป็นข้ออ้างที่ดีให้ข้าเปลี่ยนพวกเจ้าเป็นหัวผี! ข้าจะกล่าวโทษพวกเจ้าทำไมกัน?”
  สีหน้าของทั้งสองแปรเปลี่ยนจนซีดเผือดหัวผีที่เขาพูดถึงก็คือสิ่งที่เขาปลดปล่อยออกมาได้ เขาใช้หัวของศัตรูในการสร้างมันขึ้นมา!
  วิชาเช่นนี้เป็นวิชาต้องห้ามในเขตกลางเขาจึงไม่กล้าจะไล่ล่าจ้าวเทวะเพื่อสร้างมัน แต่นั่นก็แค่ในจิวโจว ทุกสิ่งล้วนไม่มีผลเมื่อเขาอยู่ที่เฉินหลง!
  ทั้งคู่หวาดกลัวอย่างมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้พวกเขารีบบินหนีเมื่อรู้สึกได้ว่าฟู่กุยโกรธแค้นเพียงใด
  “หึหึหึ…”
  ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้ายและส่งหัวผีอีกสองหัวออกมา
  หัวผีทั้งสองใหญ่กว่าหัวธรรมดาๆพวกมันมีพลังที่เหนือกว่าภูติ มันมีพลังเท่าจ้าวเทวะ!
  “อย่าเข้ามานะ!”
  ทั้งสองตะโกนด้วยความกลัว
  หัวผีที่มีพลังระดับจ้าวเทวะมิได้แข็งแกร่งกว่าหัวอื่นๆเท่านั้นแต่มันยังดุร้ายและบ้าเลือดกว่ากันมาก! เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเผชิญหน้ากับสิ่งนี้
  ชางเซี่ยงถูกหัวผีตามทันและถูกกัดชุดเกราะทันทีจากนั้นมันจึงกัดเขาและฉีกร่างไปครึ่งส่วน
  ชางเซี่ยงกรีดร้องเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะหนีขณะที่ถูกกัดฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ เขาตายอย่างน่าสยดสยองที่สุด! สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้อู๋หยางชาไปทั้งตัว นางกัดฟันเพิ่มความเร็วในการหลบหนีเป็นสามเท่า
  ฟู่กุยตกใจเล็กน้อย
  “วิชาระดับตำนานระดับสองรึ?หึหึ เจ้าซ่อนเรื่องนี้เอาไว้ด้วย? แต่ก็น่าเสียดาย ไม่มีอะไรหยุดข้าได้ถ้าข้าต้องการหัวเจ้า!”
  หัวผีไล่ล่าอู๋หยางอย่างรวดเร็วมันกำลังจะกัดนาง อู๋หยางหวาดกลัวอย่างมาก นางกรีดร้องเสียงดัง
  “ซือหยูช่วยข้าด้วย!”
  “ไม่มีใครช่วยเจ้าได้หรอกมันยังปกป้องตัวเองไม่ได้เลย!”
  ฟู่กุยเยาะเย้ย
  แต่เมื่อเขาพูดก็มีสายฟ้าปรากฏออกมารอบตัวอู๋หยางหัวผีที่ไล่ล่านางกรีดร้องทุรนทุรายไปครู่หนึ่งก่อนจะหายไปเหลือเพียงแค่ควัน
  พรึ่บ!
  ในตอนนั้นสัตว์ดุร้ายที่ร่างกายเต็มไปด้วยสายฟ้าได้ปรากฏขึ้น มีสายฟ้าปะทุออกมาจากจมูกเมื่อมันหายใจออก ลมหายใจสายฟ้าที่มันปล่อยออกมาได้ตกลงท้องทะเลและเปลี่ยนมันเป็นทะเลเพลิง เหล่าวารีทั้งหมดได้ระเหยไป
  รอยยิ้มของฟู่กุยหุบลงแทนที่ด้วยความครั่นคร้าม
  “จิตวิญญาณสายฟ้า!”
  เหล่าจิตวิญญาณสายฟ้าจะเกิดขึ้นมาท่ามกลางสายฟ้าและครอบครองสายฟ้าที่แข็งแกร่งว่ากันว่าสายฟ้าที่เป็นวิบัติสวรรค์ถูกควบคุมโดยจิตวิญญาณสายฟ้าตัวหนึ่ง เหล่าจิตวิญญาณสายฟ้าถือเป็นสิ่งต้องห้ามกับความมืดและสิ่งชั่วร้าย!
  ฟู่กุยโบกมือเพื่อสั่งให้หัวผีจ้าวเทวะบินกลับมาหาเขาแต่จิตวิญญาณสายฟ้าก็มองเห็นก่อนและพุ่งเข้าไปกัดหัวผีและเริ่มกินมัน! จิตวิญญาณสายฟ้านั้นเกลียดชังสิ่งชั่วร้ายทุกอย่าง แม้ว่าซือหยูจะไม่สั่ง มันก็จะเข้าไปจู่โจมอยู่ดี!
  “เจ้าหนูเจ้าต้องตายอย่างทรมาน!”
  ฟู่กุยบินเข้าหาซือหยูที่ถือตราหยกหลากสีในมือและจ้องมองอย่างเคียดแค้น
  ไม่มีหัวผีล้อมรอบซือหยูอีกแล้วพวกมันทั้งหมดได้กลายเป็นเถ้าถ่านเพราะจิตวิญญาณสายฟ้า ซือหยูดูจะไม่สนใจอะไร
  “เจ้าห่วงตัวเองก่อนดีหรือไม่”
  เขาพูดและปล่อยพลังชีวิตลงในตราหยกตราสายฟ้าเปล่งแสงจ้า จิตวิญญาณสายฟ้าเริ่มขัดขืนขณะที่จ้องมองซือหยูอย่างโกรธแค้น มันแยกเขี้ยวให้เขาด้วย มันไม่ยอมจำนนต่อเขา
  แต่ตราสายฟ้าห้าธาตุนั้นเป็นต้นแบบสมบัติภูติและยากที่ะจต่อต้านจิตวิญญาณสายฟ้าร้องคำรามเสียงดังจากนั้นจึงพุ่งเข้าหาฟู่กุย
  ฟู่กุยดวงตาสั่นระริกเขารีบหลบเพราะไม่กล้าจะปะทะกับสิ่งที่ทรงพลังเช่นนี้ แต่เขาก็ช้าไป แขนเสื้อของเขาถูกจิตวิญญาณสายฟ้ากัดและเพลิงอัสนีก็ได้ไหม้ลามไปยังตัวเขา
  เหล่าสิ่งชั่วร้ายที่เขาซ่อนเอาไว้ได้กรีดร้องออกมาทันทีพวกมันถูกเพลิงอัสนีเผาจนสิ้น
  “อ๊าาา!ไอ้สัตว์นรก!”
  ฟู่กุยตกตะลึงเขาร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและตัดแขนเสื้อทิ้งหนีออกมา
  เขามองดูสิ่งที่เหลือข้างในแขนเสื้อเขาพบว่าเหล่าภูติผีทั้งหมดและของสิ่งอื่นที่เขาซ่อนเอาไว้ถูกเผาไม่เหลือรอด กว่าครึ่งเป็นสิ่งที่เขาใช้เวลามาตลอดชีวิตในการรวบรวม แต่มันก็ถูกทำลายในพริบตาเดียนว!
  “ไอ้สัตว์เดรัจฉานข้าจะฆ่าเจ้า”
  ฟู่กุยคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวเพลิงภูติในดวงตาพุ่งออกไปยังจิตวิญญาณสายฟ้า
  จิตวิญยาณสายฟ้าลังเลไปพริบตาหนึ่งมันดูเป็นกังวลแต่ก็พุ่งเข้าใส่เพลิงภูตินั้น เพลิงภูติทั้งสองมีพลังที่ชั่วร้ายอย่างมาก มันต้านทานจิตวิญญาณสายฟ้าได้ครู่หนึ่ง
  ฟู่กุยใช้เวลาที่มีระเบิดความโกรธใส่ซือหยูและกัดฟันแน่น ดวงตาของเขาได้เสียเพลิงภูติไปแล้ว มันดูดำสนิท
  “เจ้าต้องตาย!”
  ฟึ่บ!
  ฟู่กุยมีวิชาการเคลื่อนที่อันรวดเร็วเขาจะตามซือหยูทันในพริบตาเดียวถ้าหากไม่มีใครมายุ่ง และแม้ว่าเขาเข้าใกล้ซือหยูอย่างมาก ซือหยูก็ไม่รู้ตัว
  “ตายซะไอ้เด็กเวร!”
  ฟู่กุยดันฝ่ามือไปที่อกของซือหยูเพื่อที่จะทะลวงเอาหัวใจของเขาออกมา
  ในตอนนั้นซือหยูได้หันไปและพูดอย่างใจเย็น
  “ข้ารอเจ้ามานานแล้ว”
  ขณะที่พูดลำแสงจ้าได้เปล่งประกายล้อมทั้งโลก แสงนั้นพุ่งออกมาจากตาซ้ายของเขา มังกรม่วงที่มิอาจเห็นด้วยตาเปล่าได้ปรากฏรอบตัวฟู่กุยและรัดเขาเอาไว้
  “ผนึกเวลา!”
  มังกรม่วงรัดรอบตัวฟู่กุยจนขยับไม่ได้ราวกับว่าเวลาหยุดนิ่งลง!เขาทั้งตกใจและหวาดกลัว
  เพราะห้วงเวลานั้นเป็นของทุกสิ่งมีชีวิตมันคือกฎเกณฑ์ที่แน่วแน่ เป็นสิ่งที่มิอาจมีใครก้าวล่วงได้ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีมนุษย์คนหนึ่งที่ควบคุมมันได้!
  แม้ว่าจะมีคนที่มีพลังพิเศษติดตัวมาแต่กำเนิดแต่ก็ไม่มีใครที่เคยหยุดการไหลของห้วงเวลาได้มาก่อน มันเหมือนกับที่เกิดขึ้นในตอนนี้! สติของเขาหลุดลอย…
  เจ้าเด็กนี่มีพลังวิเศษที่น่าขนลุกโดยที่เขาคิดไม่ถึง!
  ดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัวมองซือหยูที่พุ่งมาข้างหน้าอย่างสิ้นหวังซือหยูหยิบเอาเส้นไหมบางๆออกมา เส้นไหมนี้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เขาพันเส้นไหมรอบคอฟู่กุย
  แม้ว่าเวลาของฟู่กุยจะหยุดลงแต่เขาได้พุ่งเข้าใส่ซือหยูก่อนที่เวลาจะหยุด ดังนั้นพลังที่เหลืออยู่จึงทำให้เขาไปข้างหน้าต่อไปด้วยความเร็วที่สูงมาก…จนถึงตอนนี้
  ฉั่วะ!
  เสียงโลหิตพุ่งกระจายดังสู่หูฟู่กุยมันคือเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินในชีวิตนี้ นั่นก็เพราะว่าหัวของเขาถูกเส้นไหมบั่นไปแล้ว!
  ร่างไร้หัวตกลงไปยังมหาสมุทรหัวค่อยๆลอยลงช้าๆและมีร่างเงาโปร่งใสบินออกมาด้วย แต่ร่างเงานี้ก็มิอาจมองเห็นได้ด้วยตา มีเพียงจ้าวเทวะด้วยกันหรือวิญญาณเท่านั้นที่จะมองเห็นได้
  และร่างเงาโปร่งใสนี้ก็มีรูปลักษณ์เหมือนกับฟู่กุยทุกประการ!จ้าวเทวะนั้นมีพลังวิเศษที่จะปล่อยวิญยาณออกจากร่างได้ แม้ร่างกายฟู่กุยจะตาย แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่
  “ซือหยู….”
  ฟู่กุยร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งขณะที่ความชิงชังได้เอ่อล้นมาจากใจ
  “เจ้าจะต้องเสียใจ”
  เขาพูดจบและบินไปยังก้นบึ้งมังกรที่ถูกผนึกด้วยใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ผนึกนี้ป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาได้ แต่วิญญาณนั้นทะลวงผ่านได้ทุกสิ่ง ถึงวิญญาณของฟู่กุยจะไม่แข็งแกร่งเท่าร่างกาย แต่มันก็มากพอที่จะสร้างโศกนาฏกรรมที่นั่นเพราะทุกคนในก้นบึ้งมังกรล้วนอ่อนแอ
  แต่หลายคนในก้นบึ้งมังกรคือคนที่ซือหยูรู้จักมักคุ้นและซือหยูต้องการปกป้องพวกเขาเหล่านั้น
  “ฮ่าๆๆๆซือหยู จงดูข้าฆ่าคนที่เจ้ารักซะ แม้แต่พ่อตาเจ้าก็จะไม่เว้น! จงใช้ชีวิตอย่างรู้สึกผิดบาปไปซะเถอะ!”
  ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้าย
  เพราะตอนนี้เขาเป็นร่างวิญญาณซือหยูมิอาจทำอันตรายเขาได้ ซือหยูจะทำได้เพียงมองดูญาติมิตรถูกล้างสังหารอย่างสิ้นหวังเท่านั้น แต่ตอนนั้นซือหยูกลับพูดออกมา
  “ทั้งที่เหลือแค่ร่างวิญญาณเจ้าก็ไม่ไปซ่อนตัวแต่ยังคิดจะทำร้ายผู้คนอยู่อีกรึ?”
  “ทีแรกข้าก็ไม่อยากจะไล่ตามเสี้ยววิญญาณของเจ้าแต่ถ้าเจ้าอยากตายนัก ข้าก็จะส่งเจ้าไปลงนรกเอง!”
  ดวงตาของซือหยูเปลี่ยนสีเป็นสีเทาเงินและมีวายุปรากฏอยู่ภายใน
DND.726 – มิติวิญญาณ
  “มิติวิญญาณ!”
  ซือหยูตะโกนเบาๆมีพลังดูดกลืนอันเข้มข้นปะทุออกมาจากเนตรสีเงินของเขา
  ฟู่กุยที่กำลังจะผ่านผนึกใบไผ่ทองคำถูกดูดกลับมาราวกับใบไม้ร่วงที่ปลิวตามแรงลม
  “อ๊าาา!นี่มันอะไรกัน?”
  ฟู่กุยตกใจมากแม้ว่าวิญญาณของเขาจะแข็งแกร่ง เขาก็ถูกดูดเข้ามาอย่างรุนแรง ความเกลียดชังในดวงตาที่เคยมีผันแปรเป็นความตื่นตระหนก
  “ข้าจะส่งเจ้าลงนรกไปซะ!”
  ซือหยูตะโกนอย่างเย็นชาขณะที่เนตรสีเงินเปล่งแสงจ้ายิ่งกว่าเดิม
  เสียงวายุดั่งลั่นไปทั่ววิญญาณของฟู่กุยมิอาจต้านทานได้และถูกดูดกลืนเข้าไป
  “ซือหยู!อย่าได้ใจไปหน่อยเลย อย่างไรเจ้ากับทุกคนในเฉินหลงก็ต้องตายอยู่ดี! ไม่มีใครหนีพ้น!”
  ก่อนที่จะถูกดูดฟู่กุยได้ตะโกนใส่ซือหยูอย่างโกรธแค้น
  แต่ใบหน้าซือหยูมิได้เปลี่ยนแปลง
  “เจ้าไม่ต้องห่วงแค่ตายไปก็พอแล้ว”
  ฟึ่บ!
  วิญญาณของฟู่กุยถูกดูดเข้าไปในมิติหนึ่งในวิญญาณของซือหยูมันว่างเปล่าไร้ขอบเขตและไม่มีใครอยู่เลย มันเงียบราวกับป่าช้า
  “มิติที่สร้างจากวิญญาณของเขารึ?เป็นไปได้ยังไง? อสูรเนรมิตรยังทำไม่ได้เลย มันถูกสร้างด้วยกึ่งภูตินี่เรอะ!”
  ฟู่กุยตัวแข็งทื่อ
  เสียงแหบพร่าอันชั่วร้ายได้ดังขึ้นในโลกกันเงียบเชียบนี้
  “หึหึหน้าใหม่รึ? เมื่อก่อนข้าก็พูดเหมือนเจ้า”
  โลหิตหยดหนึ่งค่อยๆลอยมาหาเขาในความมืด
  “นั่นใครน่ะ?”
  ฟู่กุยขนลุกซู่พลังอันชั่วร้ายได้ทำให้เขากลัว
  หยดโลหิตลอยนิ่งๆที่หน้าฟู่กุย
  “ข้าก็ศิษย์พี่ของเจ้ากระมังอย่างไรเจ้ากับข้าก็ถูกจับมาอยู่ในมิติวิญญาณของเจ้าหนูนี่”
  ฟู่กุยเบิกตากว้างเขามองหยดโลหิตและกลอกตาไปมา ผ่านไปนานกว่าสีหน้าของเขาจะกลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง
  เขาถาม
  “ใต้เท้าท่านก็มีเรื่องบาดหมางกับไอ้เด็กนี่รึ?”
  หยดโลหิตหัวเราะเบาๆ
  “บาดหมางเรอะ?จะพูดแบบนั้นก็ได้ เพราะข้าเกือบจะได้ยึดร่างของไอ้เด็กนี่”
  ฟู่กุยคลายใจขึ้นมาบ้าง
  “ใต้เท้าถ้าท่านติดอยู่ที่นี่มานานและหนีไปไม่ได้ เหตุใดไม่ร่วมมือกับข้าหาทางออกด้วยกันเล่า?”
  หยดโลหิตตอบเขาอย่างมีเลศนัย
  “ทาวงออกรึ?ต่อให้เจ้าหาเจอแล้วจะยังไง? เจ้าคิดจะทำอะไรรึ?”
  ความชิงชังฉาบแววตาฟู่กุย
  “ข้าจะไปหาร่างใหม่และเริ่มบ่เมพาะอีกครั้งก่อนจะมาเผาไอ้เด็กนี่ให้เป็นจุณ!”
  หยดโลหิตไม่ตอบอะไรและฟู่กุยก็คิดว่าหยดโลหิตนั้นเห็นด้วยกับเขาจึงพูดต่อ
  “ถ้าท่านร่วมมือกับข้าหลังเสร็จเรื่องแล้วท่านจะได้ผลประโยชน์มากมายแน่ เพราะข้าเป็นหนึ่งในองครักษ์แสงกระจ่างของราชาเขตกลาง ข้ามีราชาเขตกลางหนุนหลังอยู่ ข้าหาร่างใหม่ให้ท่านได้ง่ายดายนัก มาร่วมมือกับข้าเถอะ”
  หยดโลหิตดูลังเลแม้จะมีข้อเสนอเช่นนั้นฟู่กุยเริ่มคาดหวัง เพราะไม่ว่าหยดโลหิตนี้จะโหดเหี้ยมเพียงใด เขาก็น่าจะรู้ว่าควรร่วมมือกันเมื่อต้องกำจัดศัตรูคนเดียวกัน
  แต่หยดโลหิตกับหัวเราะบอกได้เลยว่ามันปฏิเสธข้อเสนอของเขา
  ฟู่กุยหน้าถอดสีเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากหยดโลหิต
  “ท่านไม่อยากจะแก้แค้นรึ?ข้าไม่เชื่อว่าท่านไม่เสียใจที่ต้องติดอยู่ที่นี่ ข้าก็สัญญาแล้วว่าจะให้ร่างใหม่กับท่าน อย่างเจ้ามันก็ต้องมีพลังระดับภูติ เป็นไปได้ว่าข้าจะหาร่างจ้าวเทวะให้ได้ด้วยซ้ำ”
  “หึหึเกลียดเด็กนี่รึ? อาจารย์ของเด็กนี่เป็นคนที่สุดยอด แม้ข้าอยากจะเกลียดเขา ข้าก็ต้องไตร่ตรองเสียก่อนว่าข้ากล้าพอจะเกลียดเขาหรือไม่…”
  หยดโลหิตตอบ
  “แล้วเจ้าก็ให้ร่างที่ข้าพอใจไม่ได้มีแค่อาจารย์ของเด็กนี่เท่านั้นที่จะช่วยข้าได้”
  ฟู่กุยตกตะลึงและสงสัย…อาจารย์งั้นรึ?เด็กนี่มีอาจารย์ลึกลับอยู่ด้วยรึ?
  ฟู่กุยได้แต่ทำใจเมื่อล้มเหลวในการต่อรองกับหยดโลหิต
  “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไม่พูดอะไรต่อแล้ว ข้าจะหาทางออกจากที่นี่เอง ถ้าท่านไม่ช่วยก็อย่ามาขวางข้าก็แล้วกัน ถ้าข้าเจอทางออกแล้ว ท่านจะออกไปด้วยก็ได้”
  เมื่อได้ฟังแผนหยดโลหิตได้ระเบิดเสียงหัวเราะที่แปลกประหลาดและน่ากลัวออกมา
  “หนีออกไปรึ?ข้าจะหนีออกไปทำไมกันเล่า? ข้ามีทั้งคนคอยปกป้องแล้วจะได้ร่างใหม่ในอนาคตอีก แถมยังมีเครื่องบำรุงวิญญาณมาหาข้าถึงที่ ข้าจะหนีไปทำไม?”
  เครื่องบำรุงวิญญาณรึ?ฟู่กุยเริ่มรู้ตัวแล้ว…
  หยดโลหิตนี้คิดว่าข้าเป็นแค่ยาชูกำลัง!
  “ใต้เท้าจะพูดอะไร?คิดว่าจะข่มเหงข้าได้ง่ายขนาดนั้นเชียวรึ?”
  ฟู่กุยใจดีสู้เสือแม้ในใจจะเต็มไปด้วยความกลัว
  หยดโลหิตหัวเราะ
  “ข้าจะพูดอะไรน่ะรึ?วิญญาณข้าเสียหายมาหนัก ตอนนี้ข้าต้องการฟื้นฟูมัน…และเจ้าก็มาถึงที่นี่พอดี ข้าคงจะยอมไม่ได้ถ้าไม่ได้กินเจ้า”
  “ฝันไปเถอะ!”
  ฟู่กุยตะโกนก่อนจะรีบบินหนีเพราะหยดโลหิตนี้ชั่วร้ายและแปลกประหลาดเกินไป เขาไม่กล้าจะสู้กับมัน!
  หยดโลหิตหัวเราะและตะโกน
  “อยู่นิ่งๆ!”
  ฟู่กุยตกตะลึงเมื่อพบว่าตัวเองขยับไม่ได้!เขาขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อยเพราะคำพูดของหยดโลหิตครั้งเดียว ร่างวิญญาณของเขายังเริ่มแหลกสลายไปหลอมรวมกับหยดโลหิต
  “อ๊ากก!อย่านะ…”
  ฟู่กุยร้องด้วยความกลัวสุดขีดก่อนเสียงจะหายไปร่างวิญญาณของเขาแหลกสลายหายไปจากโลกตลอดกาล
  “จ้าวเทวะขั้นต้น…ก็ถือว่าดีล่ะนะ…”
  หยดโลหิตเริ่มเปล่งแสงขึ้นมาและได้พลังกลับมาบ้าง
  “เจ้าเด็กนี่จะไปได้สักกี่น้ำกัน?จ้าวเทวะขั้นต้นคงจะเป็นขีดจำกัดแล้ว ถ้ามีคนที่แข็งแกร่งกว่ามาอีกคงตายแน่ ถ้าเขาตายก็เลิกพูดถึงเรื่องร่างที่ผู้เฒ่าสัญญากับข้าได้เลย ข้าจะติดอยู่ในนี้ไปตลอดกาล”
  หยดโลหิตเป็นกังวลและตกอยู่ในห้วงความคิด
  ที่โลกภายนอกคนในก้นบึ้งมังกรส่งเสียงดังลั่น พวกเขาคิดว่าซือหยูจะต้องจากไปในการต่อสู้นี้…และเขาต้องตายราวกับแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟเสียด้วย
  ไม่มีใครสักคนที่คิดว่าซือหยูที่เพิ่งได้พลังกลับมาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!เขาสังหารเหล่าทวยเทพที่มาขวางทางเขาจนหมด!
  แม้แต่จ้าวเทวะและหนึ่งในสิบองครักษ์แสงกระจ่างก็ตายด้วยน้ำมือของเขา!
  ทุกคนรวมถึงผู้เฒ่าจิวตกตะลึงเขาพูดออกมา
  “ซือหยูยังเป็นมนุษย์อยู่อีกรึ?”
  เพราะกึ่งภูติที่ใช้เพียงสายตามองทุกสิ่งตรงหน้าและสังหารได้แม้กระทั่งจ้าวเทวะนั้นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ!ถ้าเขาไม่เห็นกับตาก็คงต้องค้นหาความจริงในเรื่องนี้ไปอีกนาน!
  อู๋หยางที่ยืนด้านหลังซือหยูมาที่นี่เพื่อที่จะเอาชีวิตซือหยูในทีแรกแต่ตอนนี้นางไม่กล้าแม้จะขยับตัวสักก้าวเพราะความกลัวถึงขีดสุด คนที่แข็งแกร่งอย่างฟู่กุยยังถูกเขาฆ่า นอกจากกายเนื้อจะหนีไม่รอด…วิญญาณของเขาก็ยังไม่รอดไปอีก
  อู๋หยางมองซือหยูราวกับเทพปีศาจที่ไล่ล่าสังหารเหล่าจ้าวเทวะด้วยความคิดเดียวยากที่นางจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไปตลอดชีวิต
  แต่อย่างไรก็ตามซือหยูไม่ได้ดีใจที่เขาฆ่าเหล่าจ้าวเทวะไปแม้แต่น้อย เขาแตะเส้นไหมเบาๆและสะบัดเลือดออกไป
  “เซี่ยนเอ๋อ…”
  เซี่ยนเอ๋อเป็นสิ่งเดียวที่ยังทำให้เขามีหัวใจเขาไม่ได้รู้สึกถึงชัยชนะเลยเมื่อไม่ได้เจอเซี่ยนเอ๋อหลังจากฆ่าฟู่กุย
  เขาหลับตาช้าๆและมองทั้งโลกด้วยเนตรสวรรค์บนชั้นนภาทุกสิ่งบนโลกรู้สึกว่าถูกสวรรค์พิโรธมองผ่าน และไม่มีสิ่งใดตั้งแต่มดน้อยหรือภูติที่จะซ่อนตัวได้
  เขาสัมผัสได้ว่านางมิได้อยู่ในท้องทะเลผืนนี้หรือว่าทวีปเหนือนางมิได้อยู่ทวีปกลาง ตะวันออก ตะวันตก และทางใต้ เซี่ยจิงหยูพาเซี่ยนเอ๋อไปในที่ที่เขามิอาจมองเห็นได้ ราวกับว่านางสองคนได้หายไปเฉยๆ
  “เซี่ยจิงหยู!”
  ซือหยูลืมตาและตะโกน
  เสียงของเขามีพลังของวิชาคลื่นเสียงระดับตำนานและมันก็สั่นสะเทือนไปทั้งโลกทุกสิ่งในท้องสมุทรถึงชั้นฟ้าสัมผัสได้ถึงคลื่นเสียงนี้ แม้แต่คนในทวีปเหนือที่ห่างไกลก็ได้ยินเสียงตะโกนของเขา ทุกคนอึดอัดใจและตื่นตระหนก
  พวกเขาสงสัยอย่างเดียวกัน…ว่าผู้ใดที่ตะโกนดังไปได้ทั้งโลกเช่นนี้?
  ซือหยูมองไปยังส่วนลึกสุดของนภาในตอนนั้นเองได้มีความตื่นเต้นในดวงตาของเขา เขาพูดออกมา
  “จงอยู่ที่นี่เจ้าจะตายถ้าหากขยับไปไหน”
  ซือหยูไม่หันกลับไปมองอู๋หยางด้วยซ้ำเขาหายตัวไปเฉยๆ นอกจากนางจะไม่รู้สึกไม่พอใจกับคำขู่แล้วนางยังโล่งใจอีกด้วยที่ซือหยูสั่งนางเช่นนั้น
  เพราะนั่นหมายความว่าซือหยูจะไม่เอาชีวิตนางด้วยพลังที่เขา เขาสามารถเอาชีวิตนางกลับไปได้ในพริบตาเดียว
  อู๋หยางยืนสงบนิ่งไม่กล้าขัดในตอนนั้น ซือหยูได้ลงไปในส่วนลึกสุดของท้องทะเล เขาหยุดบินบนน่านฟ้าของเกาะเฉินยี่พอดิบพอดี หากจะกล่าวลงลึกไปอีกก็คงบอกได้ว่าเขาอยู่ในตำแหน่งที่เริ่มการผจญภัยพอดิบพอดี มันยังเป็นสถานที่ที่เขาได้รู้จักกับเซี่ยจิงหยูและฉินเซี่ยนเอ๋อ
  ซือหยูสายตาเยือกเย็นเมื่อตามรอยพลังที่เขาพบเขาตามมันอย่างรวดเร็วและร่อนลงพื้น เขาตกตะลึงอย่างมากที่พบว่าพลังนี้มาจากสวนในตำหนักดยุคเซี่ยนหยู
  ตำหนักนี้มีสวนที่เต็มไปด้วยต้นท้อยามใบไม้ร่วงโรย เหล่าแมกไม้ได้เหี่ยวเฉา และบุพผาขาวกระจ่างได้บานสะพรั่งออกมา มันเป็นภาพอันน่าจดจำ แต่บุพผาที่งดงามที่สุดหาใช่บุพผาในสวนแห่งนี้ แต่เป็นสตรีที่อยู่ภายใน
  นางดูราวกับนางไม้ที่งดงามเกินมนุษย์แผ่นหลังของนางดูคุ้นเคย สถานที่แห่งนี้ช่างคุ้นตาต่อเขา แต่ผู้คนได้เปลี่ยนไปแล้ว
  “เจ้ามาแล้วสินะ”
  นางที่หันกลับมามองได้เผยใบหน้าอันสุขุมที่งดงามเหนือสิ่งอื่นใด
  นางยกชายผ้าขึ้นและนั่งอย่างสง่างามก่อนจะเริ่มจิบสุราเหล่าอาหารถัดจากแก้วสุรานั้นมีควันลอยอ่อนๆราวกับเพิ่งปรุงเสร็จ
  นางมีฎีกาสวรรค์ที่รู้ถึงวิถีของสิ่งต่างๆนางรู้ว่าซือหยูจะมาที่นี่ในเวลานี้ นางยังรู้อีกว่าชะตาของฟู่กุยและสามจ้าวเทวะที่ถูกเรียกมานั้นเป็นอย่างไร
  ความอบอุ่นแล่นผ่านดวงตาซือหยูเพียงครั้งเดียวก่อนจะแทนที่ด้วยความเยือกเย็น
  “สิ่งต่างๆยังคงไว้เช่นเดิมแต่ผู้คนช่างเปลี่ยนไปง่ายดายนัก”
  เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างน่ามองนางดูงดงามเมื่อตะวันฉายแสง เมฆาสะท้อนแสงสีแดงอยู่ปลายนภา
  “ถูกแล้วสิ่งของล้วนคงเดิมแต่ผู้คนแปรเปลี่ยน ทั้งเจ้าและข้าล้วนมิอาจกลับไปยังอดีต”
  เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างอบอุ่นมันเป็นรอยยิ้มโดดเดี่ยวอย่างอธิบายไม่ได้
  ซือหยูไม่ตอบเขาเดินมาข้างหน้าและมองนางอย่างไม่แยแสราวกับคนแปลกหน้า
  “เอาเซี่ยนเอ๋อคืนมา”
  “หึหึ…”
  เซี่ยจิงหยูหัวเราะและยกแก้วขึ้นดื่มอย่างเหนื่อยหน่าย
  แก้มขาวหิมะแดงระเรื่อขึ้นมา
  “เจ้าทำร้ายข้าไม่ได้หรอก!นั่นก็เพราะว่าเจ้ารู้สึกผิดและเวทนาข้า”
  ซือหยูยืนหน้าแผ่นศิลาและตอบอย่างใจเย็น
  “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรก็ไม่มีสิ่งใดถูกต้องทั้งนั้น”
  เซี่ยจิงหยูชายตามองซือหยูและยิ้มเยาะ
  “แล้วความจริงคือสิ่งใดเล่า?”
  “เพราะข้ายังรักเจ้า”
  ซือหยูตอบเบาๆด้วยแววตาสงบนิ่งราวกับวารี

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset