DND.779 – ผู้อยู่เบื้องหลัง
หลังจากที่ฝูงสัตว์อสูรกลับไปจำนวนผู้สอบได้ลดลงไปอย่างมากขณะที่ป่าได้เต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่หลงฝูงมากมาย ซือหยูนำหญิงสาวทั้งสามวิ่งรอบป่าเพื่อหาสัตว์อสูรที่เหมาะสมจะล่า
หนึ่งคนล่าโดยใช้พลังวิญญาณส่วนอีกคนล่าโดยใช้พลังของค่ายกล ด้วยวิธีทั้งสอง พวกนางสองคนก็ผ่านการสอบเรียบร้อย พวกนางเพียงแค่พยายามล่าเพื่อเก็บคะแนนให้มากขึ้นเท่านั้น
ในบ่ายวันที่สองซือหยูกับหญิงสาวทั้งสองได้ไล่ล่าจิ้งจอกหิมะที่เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ มันเป็นสัตว์อสูรภูติระดับสี่ ตามกฎแล้วจะได้ร้อยคะแนนถ้าสังหารมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ซือหยูต้องการ
เมื่อจิ้งจอกหิมะกำลังจะพุ่งเข้าพุ่มไม้ซือหยูยกมือขึ้นยิงลูกแก้วสี่ลูกเข้าใส่หัวของมัน ลูกแก้วแต่ละลูกนั้นปล่อยลำแสงกักขังจิ้งจอกเอาไว้ จิ้งจอกหิมะนั้นดุร้ายมาก มันฉีกม่านแสงด้วยการใช้กรงเล็บครั้งเดียว และก่อนที่มันจะหนี ซือหยูก็พุ่งลงมาจากฟ้าปล่อยหมัดใส่มัน
หมัดของซือหยูที่มีพลังของภูติระดับห้าทำให้จิ้งจอกหิมะมิอาจต้านทานหัวของมันแหลกละเอียดไป มันตายในพริบตาเดียว ซือหยูโยนซากมันลงในแหวนมิติ
ซือถูหยางกับหยวนหยิงหยิงมองเขาด้วยความตกตะลึงทั้งสองเหม่อลอย พวกนางไม่อยากจะเชื่อว่าจิ้งจอกหิมะจะถูกฆ่าอย่างง่ายดายด้วยฝีมือเขา!
“ว้าว!พี่ซือน่าทึ่งจริงๆ”
ซือถูหยางตาเป็นประกาย
นางเห็นหนุ่มสาวมากพรสวรรค์หลายคนในตระกูลซือถูแต่ก็ไม่เคยสักครั้งที่เห็นคนน่าทึ่งอย่างซือหยู นางหยุดเคารพและนับถือเขาไม่ได้
ตอนที่ซือหยูกำลังจะตอบอย่างถ่อมตัวเสียงบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหู
“ตรงนั้นน่าจะมีอะไรไปดูกันเถอะ”
ไม่นานพวกเขาก็ไปถึงภูเขาเขียวขจี
หนุ่มสาวตระกูลชางก่วนได้มารวมตัวกันพวกเขาหนีจากฝูงสัตว์อสูรมาได้เพราะไม่ได้ไปยังหุบเขาร้อยสัตว์อสูรเมื่อก่อนหน้านี้ ดงันั้นพวกเขาจึงโชคดีและไม่ได้สูญเสียอะไร แต่สภาพตอนนี้ก็ไม่สู้ดีนัก เพราะพวกเขาถูกเสียดาวเพลิงล้อมเอาไว้!
เสือดาวเพลิงเป็นสัตว์อสูรภูติระดับสามที่ชอบการอยู่เป็นกลุ่มพวกมันเก้าตัวล้อมรอบแปดคนเอาไว้ พวกเขาถูกบังคับให้เข้าไปในถ้ำโดยไร้ทางหนี พวกเขาทำได้แต่เผชิญหน้าเท่านั้น
ชางก่วนเฟยกับฉางฟานอยู่ที่หน้ากลุ่มทั้งสองพยายามสุดความสามารถเพื่อรับมือกับเสียดาวเพลิง สภาพของฉางฟานนั้นไม่เป็นอะไรเพราะเขาคือภูติระดับสี่
ส่วนชางก่วนเฟยสภาพของเขาค่อนข้างย่ำแย่ ร่างกายนั้นมีแต่บาดแผล เขาใช้พลังจำนวนมากไปแล้ว ยากที่เขาจะรับมือได้ต่อ
“พี่ฉางเราจะยื้อได้อีกนานเท่าไหร่?”
ชางก่วนเฟยหน้ามืดสถานการณ์ไม่ได้ดีไปกว่าเดิมเลย
ฉางฟานที่เศร้าหมองไม่ต่างกันตะโกนกลับ
“ข้าจะไปรู้เรอะ?ทั้งหมดก็เพราะตระกูลชางก่วนของเจ้าไล่คนแข็งแกร่งออกไปหมด เหลือแต่พวกเจ้าที่เป็นแค่ตัวถ่วง มันเละเทะหมดแล้ว!”
ฉางฟานในอดีตไม่กล้าจะพูดกับชางก่วนเฟยเช่นนี้แต่เมื่อคิดว่าไม่มีทางรอด เขาก็ได้ระเบิดความโกรธทั้งหมดออกมา ชางก่วนเฟยขมขื่นในใจ
เขาพูดอย่างโศกเศร้า
“ไม่ใช่หรอกทั้งหมดก็เพราะไอ้พวกตระกูลเฉาบัดซบ! ถ้าพวกมันไม่ฆ่าภูติระดับห้าที่ปกป้องพวกเรา เสียดาวเพลิงก็มาล่าเราไม่ได้หรอก!”
ตระกูลชางก่วนได้เชิญยอดฝีมือภูติระดับห้ามาเข้าร่วมทดสอบด้วยเขามาจากตำหนักชิงวิญญาณและเป็นศิษย์นอกลำดับสาม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการทดสอบที่เปิดรับคนนอกเช่นนี้ เข้าก็ผ่านการรับเข้าภายในจนได้เข้าตำหนักโลหิตอยู่ดี
ตระกูลชางก่วนจ่ายหนักเพื่อที่จะเชิญเขามามันคือการลงมือเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยแก่ตระกูล แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าเขาจะถูกศรธนูของตระกูลเฉาลอบฆ่า! เมื่อไร้ผู้ปกป้อง พวกเขาก็ลงเอยด้วยการถูกสัตว์อสูรไล่ล่า!
“พูดไปก็เปล่าประโยชน์น่าเศร้านักที่ข้าไม่ออกไปกับซือหยูเซี่ยน”
ฉางฟานเศร้าใจ
“ข้าแข็งแกร่งกว่ามันข้าเจิดจรัสกว่ามัน แต่ข้ากลับเป็นคนแรกที่ต้องตายในป่าขังภูติ หึหึ ชะตานิยมเล่นตลกกับชีวิตคนนัก!”
ฉางฟานนั้นค่อนข้างหยิ่งผยองจนถึงตอนนี้เขาก็ยังดูถูกซือหยู
แต่จู่ๆเสือดาวเพลิงก็หยุดจู่โจมและเริ่มถอยพวกมันรวบรวมเพลิงในปาก
ฉางฟานสีหน้าดำมืด
“แย่แล้ว!มันจะย่างสดพวกเราในถ้ำ!”
พวกเขาทนเพลิงเหล่านี้ได้ไม่นานเท่านั้นด้วยพลังชีวิตที่เหลืออยู่พวกเขารับได้ไม่นานแน่
“ข้าจะตายที่นี่จริงๆรึ?”
ชางก่วนเฟยพูดเบาๆใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า
เขาเดินทางจากตระกูลอย่างยิ่งใหญ่และภูมิใจเขาถึงกับสาบานว่าจะต้องเข้าตำหนักโลหิตได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขากำลังจะถูกสัตว์อสูรเผาทั้งเป็น!
ปั้ง!ปั้ง! ปั้ง!
เสียงรบกวนดังมาจากนอกถ้ำเสือดาวเพลิงสามตัวถูกเงาร่างจู่โจมต่อเนื่อง พวกมันแหลกเป็นชิ้นๆในทันที ชายสวมหมวกไผ่ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน มือแต่ละข้างของเขาจับร่างเสือดาวเพลิงเอาไว้ เขาบีบมือจนมันแหลกสลาย
เสือดาวเพลิงห้าตัวถูกฆ่าในพริบตาเดียว!วิชาอันแข็งแกร่งทำให้ฉางฟานตกตะลึง เสือดาวเพลิงที่เกือบจะเอาชีวิตพวกเขาตายไปมากกว่าครึ่งเพียงลมหายใจ ตัวอื่นๆหนีไปด้วยความกลัวเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย
ปั้ง!
จากนั้นฉางฟานกับคนที่เหลือก็ได้เห็นภาพที่ทำให้ขนลุกเสือดาวเพลิงที่หนีไปนั้นร่างกระตุกและล้มลงไปกับพื้น มันกรีดร้องอย่างทรมาน ไม่นานมันก็ตาย
“พี่ซือนี่ของพี่…”
หญิงสาวสองคนพูดพร้อมกัน
ทั้งสองเพิ่งจะตามมาถึงหนึ่งในนั้นมีหน้าตาน่ารักและร่างกายยั่วยวน ส่วนอีกคนงดงามและผอมบาง ทั้งคู่แบกร่างเสือดาวเพลิงสองตัวให้ซือหยูอย่างว่าง่าย
ซือหยูเก็บร่างเสือดาวเพลิงทั้งหมดในแหวนมิติสัตว์อสูรระดับสามนั้นมีค่าสี่สิบคะแนน เก้าตัวจึงเท่ากับสามร้อยหกสิบคะแนน!
“ซือถูหยาง?”
ชางก่วนเฟยเบิกตากว้าง
“นี่คือคนสวมหมวกไผ่ที่ประลองกับตระกูลเฉางั้นรึ?”
ฉางฟานแสดงความนับถือผ่านแววตาเขาเดินออกจากถ้ำและโค้งคำนับให้ซือหยู
“พี่ชายขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกข้า”
ชางก่วนเฟยก็เดินมาหาซือหยูด้วยซือหยูมองทั้งสองก่อนจะมองเด็กตระกูลชางก่วนคนอื่นๆที่สภาพย่ำแย่ที่เดินออกมาตามๆกัน
ซือหยูตอบอย่างไร้อารมณ์
“ข้าช่วยพวกเจ้าเพราะชางก่วนหยุนซื่อ”
เพราะพี่ใหญ่รึ?ชางก่วนเฟยตกใจ แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจความหมาย ชางก่วนหยุนซื่อนั้นมีสหายมากมาย และชายที่ปกปิดตัวตนผู้นี้ก็อาจจะเป็นหนึ่งในศิษย์นอกของสำนักใหญ่
“ไปกันเถอะ”
ซือหยูพูดก่อนจะเตรียมจากไป
ชางก่วนเฟยรีบถาม
“ช้าก่อน!โปรดบอกนามอันยิ่งใหญ่ของท่านจะได้หรือไม่?”
ซือหยูยิ้มนามอันยิ่งใหญ่เรอะ? ข้าก็แค่คนที่ตระกูลชางก่วนของพวกเจ้าไล่ออกมา…
“เจ้าไม่อยากรู้หรอก”
ซือหยูโบกมือปฏิเสธโดยไม่หันหลังกลับ
แต่ชางก่วนเฟยก็รีบพูด
“พี่ชายพวกเราเจอตระกูลซือถูเมื่อครู่ก่อน พวกนั้นบอกเราให้บอกพี่ชายให้รีบไปช่วย สถานการณ์ไม่ดีเลย”
ซือถูหยางสีหน้าตึงเครียด
“สถานการณ์ไม่ดีคืออะไร?พูดให้ชัดๆ”
ชางก่วนเฟยกล่าวอย่างเศร้าหมอง
“พวกเขาถูกตระกูลเฉาไล่ล่าพวกเราอยากช่วย แต่แค่ปกป้องตัวเองยังทำไม่ได้เลย”
อะไรนะ?ตระกูลเฉาลงมือกับพวกเขารึ? ซือถูหยางกำหมัดแน่น
“พวกมันอยู่ไหน?มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?”
ชางก่วนเฟยตอบ
“มันเกิดขึ้นเมื่อชั่วยามก่อนแต่ถ้าพวกเขาโชคดีก็อาจจะยังไม่ถูกตระกูลเฉาฆ่า พวกมันประกาศไปแล้วว่าพวกเจ้าถูกฝูงสัตว์อสูรฆ่าตาย คนตระกูลซือถูคนอื่นไม่มีจิตใจพร้อมจะต่อสู้ต่อไปอีก เจ้าสามคนควรรีบไป ไม่งั้นพวกนั้นจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่”
ซือหยูขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาสงสัยว่าตระกูลเฉารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาตายในหุบเขาร้อยสัตว์อสูรเพราะตระกูลเฉาไม่ได้ไปล่าที่นั่น เรื่องนี้มีเงื่อนงำซ่อนเร้น..
หรือว่าฝูงห่าสัตว์อสูรจะเกิดจากตระกูลเฉา?
เขานึกถึงตอนที่เฉาหลี่เจอกับเขาหลังจากเข้าป่านางพูดอย่างมีเลศนัยว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีชีวิตรอดออกไป ดูเหมือนว่าตระกูลเฉาจะน่าสงสัยที่สุด!
ความเยือกเย็นปรากฏในดวงตาซือหยูเมื่อเขาคิดได้ฝูงสัตว์อสูรเกือบจะเอาชีวิตเขาไป มันถึงกับทำให้เขาต้องใช้ปีกวารีเก้าสวรรค์ที่มีค่ามากกว่าแก้วแสนดวง!
ตระกูลเฉาช่างกล้านักเขาเตือนไปแล้วหลายคราว่าอย่ามาข้องแวะต่อกัน ดูเหมือนว่าคำเตือนในเสาศิลาจะยังไม่พอ เขาจะต้องชำระด้วยเลือด!
“หยางเอ๋อหยิงหยิง ไปกันเถอะ”
ซือหยูพูดอย่างใจเย็น
ซือถูหยางรีบพูด
“พี่ซือต้องไปช่วยพวกเขานะ!ได้โปรด ช่วยพวกเขาด้วยเถอะ”
หยวนหยิงหยิงก็เริ่มสงสารขึ้นมาแม้นางจะชอบทะเลาะกับซือถูหยาง แต่นางก็ไม่ได้เกลียดอีกฝ่าย
“พี่ซือช่วยนางด้วยนะ…”
ซือหยูจับเอาแต่ละคนด้วยมือข้างเดียวเขายิ้มอย่างเยือกเย็นบนมุมปาก
“แค่ช่วยจะพอได้ยังไง?ถ้าตระกูลเฉาเชื่อว่าจะทำลายทุกอย่างได้เพราะมีกำลังมากที่สุด ข้าก็ต้องสั่งสอนว่าความโศกเศร้าที่แท้จริงเป็นยังไง!”
หยวนหยิงหยิงตากระตุก
“พี่ซือจะทำอะไร?”
ซือหยูตอบอย่างใจเย็น
“ข้าจะละเลงเลือดพวกมันมั่นใจในการสอบ แต่คอยดูเถอะว่าจะมีสักกี่คนที่มีชีวิตรอดออกมา!”
DND.780 – ล่าตระกูลเฉา
ในเขตตะวันตกเฉียงใต้
เด็กตระกูลซือถูสิบแปดคนกำลังบินด้วยความยากลำบากในป่าขังภูติพวกเขาจิตใจอ่อนล้า ทั้งโศกเศร้าและหมดหวังเมื่อหนีในป่าชุ่มชื้น
แต่พวกเขาก็ยังนับว่าโชคดีเมื่อเทียบกับตระกูลที่ตายในหุบเขาร้อยสัตว์อสูรพวกเขาทั้งหมดติดตามซือหยูไปติดๆจนถึงแค่ทางเข้าหุบเขา พวกเขาจึงได้พบฝูงสัตว์อสูรก่อนหน้าใคร
โชคดีที่พวกเขาหนีได้ทันเวลาส่วนพวกซือหยูสามคนที่ไม่ได้ออกมาก็ถูกสันนิษฐานว่าตายในฝูงสัตว์อสูรเหล่านั้น
แต่พวกเขาได้เจอกับอันตรายเพราะถูกยอดฝีมือตระกูลเฉาเจอตัวเข้ายอดฝีมือตระกูลเฉาที่นำโดยเฉาหลิงเจี้ยนได้เริ่มไล่ล่าพวกเขาในเวลาหลังจากนั้น
ถ้าซือหยูยังมีชีวิตอยู่พวกเขาก็อาจจะพอรับมือได้เพราะตระกูลเฉาหวาดกลัวเขา แต่ตอนนี้พวกเขาเชื่อว่าซือหยูตายไปแล้ว พวกเขาไม่มีความหวังเหมือนตอนก่อนเริ่มสอบอีก
หญิงสาวคนหนึ่งที่หนีไม่ทันโดนตระกูลเฉาสังหารตายคาที่ส่วนชายอีกคนในตระกูลก็ถูกอสรพิษลมกร่อนชิงตัวไปอีก แน่นอนว่าเขากลาเป็นอาหารของสัตว์อสูรไปแล้ว!
มีคนไล่ล่าพวกเขาอยู่ในเวลานี้ขณะเดียวกันสัตว์อสูรที่สลายตัวจากฝูงสัตว์ก็กระจายเต็มพื้นที่ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็มีเพียงป่าขังภูติไร้ที่สิ้นสุด หัวใจของพวกเขาพร้อมจะหยุดเต้นได้ทุกเมื่อเพราะความสิ้นหวัง
“พวกเจ้าจงหนีไปซะ”
ผู้นำที่เป็นภูติระดับสามจากตระกูลซือถูหยุดหนีเขาหันไปเรียกคนที่เหลือ
“พี่ใหญ่จิวอีกชั่วยามเดียวพวกเราก็ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ถ้าคนตำหนักโลหิตเจอเรา พวกมันก็ไม่กล้าทำอะไรเราแล้ว…”
หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมาเขารู้ว่าซือถูจิวคิดจะทำอะไร
ซือถูจิวส่ายหน้าช้าๆ
“เวลามีไม่พอตระกูลเฉาพลังเหนือกว่า ถ้ายังหนีต่อไปก็จะไม่มีใครรอด ข้าจะอยู่ที่นี่ดึงความสนใจพวกมัน พวกเจ้าจะหนีไปได้ไกลขึ้น”
คนในตระกูลโศกเศร้าเมื่อได้ฟังแผนของเขาพวกเขาทั้งหมดสืบตระกูลซือถูร่วมสายโลหิต แต่พวกเขาก็กลัวชะตาที่ต้องถูกล้างสังหารที่นี่ พวกเขาเริ่มสงสัย…ถ้าหากซือหยูไม่ตายในฝูงสัตว์อสูรพวกนั้น พวกตระกูลเฉาจะกล้ามาก่อเรื่องนี้รึ?
“พี่ใหญ่จิวระวังตัวด้วย…”
หนึ่งคนในตระกูลโค้งคำนับให้เขาคนอื่นๆใช้ความมืดของป่าแอบบินหนีทิ้งระยะไป
ซือถูจิวสูดหายใจเข้าลึกเขาแตะพื้นที่ปลายเท้าและบินขึ้นต้นไม้เก่าแก่ เขามองรอบๆด้วยความสูงของต้นไม้ใหญ่
เขาถือศรคมกริบสีดำที่ปลายนิ้วและดึงคันศรเขาพร้อมยิงทุกเมื่อหากได้เจอคนตระกูลเฉา
“จะอย่างไรก็คุ้มต่อให้ฆ่าตระกูลเฉาได้หนึ่งคนก่อนข้าตาย…”
ซือถูจิวพูดเบาๆ
ทันใดนั้นก็มีเงามืดขยับในป่าข้างล่างแววตาซือถูจิวเยือกเย็น เขาดึงสายธนูลึกขึ้นและก้มลงมองง ในตอนนั้นเองก็มีลมเย็นพัดมาจากด้านหลัง
“แย่ล่ะสิ!นี่เป็นแผนของพวกมัน!”
ซือถูจิวตะโกนด้วยความตกใจอีกฝ่ายเจอตัวเขาแล้ว ส่วนคนข้างล่างเป็นแค่เหยื่อล่อ ส่วนคนที่จะจู่โจมจริงๆอยู่ด้านบน!
ซือถูจิวดันฝ่ามือไปโดยไม่รู้ตัวเขาประกาศเสียงดัง
“เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว!”
ปั้ง!
พลังคลื่นระเบิดแขนเขาหักส่วนฝ่ามือของอีกฝ่ายยังคงฝ่าเข้ามาผ่านเกราะไป
กร๊อบ!
กระดูกครึ่งร่างของเขาหักลงมาตั้งแต่ไหล่โลหิตกระจัดกระจายไปทั่วราวกับลาวา ซือถูจิวเสียการทรงตัวเพราะความเจ็บปวดจนตกจากต้นไม้ใหญ่
เมื่อเขาตกลงก็ได้มองผู้จู่โจมชัดๆมันคือเฉาหลิงเจี้ยน นายน้อยตระกูลเฉา!
เขาไม่อยากจะรับผลเช่นนี้ความโกรธ โศกเศร้า และเสียใจกัดกินตัวตน แต่เขาก็เสียเปรียบและร่วงลงไปกระแทกพื้นอย่างแรง
แรงกระแทกมหาศาลเกือบจะทำให้ร่างของเขาแหลกสลายความเจ็บปวดแผ่ลงมาจากศีรษะจนทำให้เขาสลบ
ฟึ่บ!ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เด็กตระกูลเฉามากมายพุ่งออกมาจากความมืดและยืนรอบต้นไม้ด้วยความนับถือ
“ฮื่ม!ถึงตายก็ชดใช้ไม่พอ! โชคดีที่พี่หลิงเจี้ยนมองอุบายสกปรกของมันออก!”
สาวน้อยภูติระดับสามเตะซือถูจิวที่หมดสติ
ฟึ่บ!
เฉาหลิงเจี้ยนลดมือไพล่หลังเขามองซือถูจิวอย่างใจเย็น เขาเหลือบมองทิศทางที่ตระกูลซือถูหนี
“อย่าหาว่าพวกเราไม่ให้อภัยจงโทษพวกเจ้าเองที่ไร้เหตุผลซะเถอะ ความตายของซือถูหยางคนเดียวก็น่าจะมากพอแล้ว แต่พวกเจ้ายังขัดขืน พวกข้าจำต้องกำจัดพวกเจ้าให้หมดเหมือนกัน”
ในจิตใจของพวกเขาเหตุที่อีกฝ่ายสมควรถูกกำจัดเป็นแค่การที่พวกเขาไม่ยอมจำนน และพวกเขายังใช้ซือหยูเซี่ยนทำให้ตระกูลเฉาต้องอับอาย!
สาวน้อยที่ชุดเคยไหม้กัดฟัน
“พี่ใหญ่หลิงเจี้ยนรีบตามไปฆ่ามันห้หมดเลย ตระกูลเฉาของพวกเราไม่เคยอัปยศถึงเพียงนี้ ตระกูลซือถูต้องชดใช้ด้วยเลือด!”
ความละอายใจปรากฏในดวงตาคนตระกูลเฉาทุกคนความกังวลก็แผ่ออกมาเช่นกัน
เฉาหู่ที่พิการเพราะหมัดจากซือหยูพูดอย่างลังเล
“เราไม่ควรจะตรวจดูก่อนรึว่าชายสวมหมวกไผ่นั่นตายจริงๆแล้วหรือยัง?ถ้าเขาตายก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น พวกเราจะตกอยู่ในอันตรายแน่ถ้าเขารู้วว่าเราออกไล่ล่าตระกูลซือถู!”
หลายคนเห็นด้วยกับคำแนะนำพวกเขายังลบเงาของซือหยูออกจากหัวใจไม่ได้ อย่างน้อยก็จนกว่าจะได้เห็นศพของเขา
เพี๊ยะ!
สาวน้อยเดินไปตบเขาใบหน้าน่ารักของนางบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น
“เจ้าชื่นชมศัตรูและดูถูกพวกเรา!ถึงมันจะไม่ตายเพราะสัตว์อสูร…แล้วจะยังไง? มันก็แค่คนเดียว พวกเรามีคนตั้งเยอะ ทำไมพวกเราต้องกลัว?”
“ต่อให้มันยังรอดข้าก็จะฉีกมันให้เป็นชิ้นๆด้วยมือตัวเอง!”
ในตอนนั้นเองเสียงอันไม่ยี่หระก็ได้ลอยล่องมาถึงพวกเขา
“อ้าวแล้วใยเจ้าไม่มาฉีกข้าให้เป็นชิ้นๆเสียตอนนี้เล่า?”
เสียงนั้นเหมือนกับมาจากทุกทิศทางพวกเขาไม่รู้เลยว่าต้นเสียงมาจากไหน
ใบหน้าคนตระกูลเฉาแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยไม่ผิดแน่…เสียงนี้จะต้องเป็นของชายสวมหมวกไผ่!
เขายังไม่ตาย!เฉาหลิงเจี้ยนตากระตุก เขามองไปยังป่าข้างหลัง
“เจ้ายังไม่ตายเรอะ?”
ชายชุดดำสวมหมวกไผ่เดินออกมาจากป่ามืดราวกับผีหญิงสาวน่ารักสองคนเดินตามเขามาอย่างใกล้ชิด ที่ด้านขวาคือซือถูหยางที่ผอมบาง
ซือหยูมองเขาและหัวเราะเบาๆอย่างใจเย็นเสียงหังเราะของเขาชวนขนหัวลุก
“ก็ไม่นี่ข้ายังไม่ตาย! เจ้าผิดหวังเรอะ? ข้าขอถามหน่อยสินายน้อยตระกูลเฉา ทำไมเจ้าคิดว่าพวกเราตายในหุบเขาร้อยอสูรล่ะ? ข้าจำไม่ได้ว่าเจอพวกเจ้าก่อนจะเข้าหุบเขานะ”
ความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้าหลายคนในตระกูลเฉาเมื่อฟังคำถามพวกเขารู้ดีว่าฝูงสัตว์อสูรเกิดจากอะไร และมันก็คือเหตุผลเดียวกับที่ไม่มีตระกูลเฉาคนใดเลยที่ตายในหุบเขา!
เฉาหลิงเจี้ยนมองซือหยูอย่างเยือกเย็น
“ข้าไม่ได้ผิดหวังข้าก็แค่ทำให้เจ้าตายอีกครั้ง ส่วนเรื่องที่ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าไปในหุบเขาร้อยอสูรหรือไม่ก็ไม่เป็นต้องตอบ”
หลังจากที่ซือหยูเห็นสีหน้าทุกคนเขาก็ยิ้มมุมปาก
“เป็นฝีมือพวกเจ้าจริงๆด้วย”
ความเยือกเย็นของสายลมมาพร้อมกับจิตสังหารเดือดพล่านมันค่อยๆแผ่ออกมาจากร่างของซือหยูไปยังทุกทิศทาง คนตระกูลเฉาทั้งหมดตึงเครียดในทันทีราวกับเจอศัตรูยิ่งใหญ่
พวกเขามองซือหยูด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกลัวพลังการต่อสู้ของซือหยูนั้นไม่ต่างกับสัตว์ประหลาด
สาวน้อยที่ยืนหลังเฉาหลิงเจี้ยนตัวสั่นนางมองซือหยูด้วยความชิงชัง นางชี้ปลายกระบี่ไปที่เขาและกัดฟัน
“เจ้าคงยังไม่ลืมว่าข้าเป็นใครสินะ?”
ซือหยูเหลือบมองนาง
“โอ้…จริงด้วย…ข้าจำได้ว่าเจ้าเป็นคนที่ถูกข้าเผาชุด”
คำพูดของเขาแทบจะทำให้นางเป็นบ้า
“ถ้าเช่นนั้น…เจ้าก็รู้แล้วว่าข้าจะทำอะไร!”
ซือหยูยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจตเขาหรีาตามองคนทั้งหมด
“พวกเจ้าไม่ได้ลืมคำเตือนของข้าสินะ?จงอย่าก่อเรื่อง มิเช่นนั้น พวกเจ้าจะเจออุบัติเหตุที่จะติดอยู่ในป่านี้ไปตลอดกาล”
เขาพูดต่ออย่างใจเย็น
“ข้าเคยคิดว่าพวกเจ้าจำคำเตือนล้ำค่าของข้าใส่ใจแต่ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะมั่นใจไม่เชื่อฟัง ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากเจรจาด้วยวิธีที่รุนแรงขึ้น”
สาวน้อยไม่พอใจกับคำขู่และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“เจ้าไม่ดูสถานการณ์ให้ชัดเสียก่อนเล่า?เจ้าคิดว่าพวกข้าจะสู้กับเจ้าเหมือนในการประลองรึ?”
ซือหยูส่ายหน้า
“ข้าไม่ได้คิดอยู่แล้วแต่ถ้าจำนวนคือความได้เปรียบเดียวที่พวกเจ้ามี พวกเจ้าก็ควรจะคิดไตร่ตรองเสียใหม่”
“เจ้าคนเดียวจะ…อ๊าาาาา…”
สาวน้อยโกรธแค้นจนเกือบจะหัวเราะแต่นางก็ไม่ทันได้พูดจบ
นางล้มลงกับพื้นดวงตาของนางไร้แววอย่างรวดเร็ว สีหน้าเดิมยังคงอยู่บนใบหน้านาง ทั้งอย่างนั้น นางที่เป็นภูติระดับสามก็ตายต่อหน้าทุกคน! คนตระกูลเฉาทั้งหมดรู้สึกราวกับตกไปอยู่ในหลุมน้ำแข็งจนสั่นไปทั้งตัว
เฉาหลิงเจี้ยนเบิกตากว้างเขาเริ่มมองซือหยูอย่างเคร่งเครียด
“นั่นมันการโจมตีวิญญาณ!เจ้า…เจ้ามีพรสวรรค์วิญญาณ!”
ซือหยูไม่ตอบเขาเพียงแค่ปล่อยพลังวิญญาณไร้ที่สิ้นสุดไปยังพวกเขา หยวนหยิงหยิงก็ช่วยด้วย นางใช้พลังวิญญาณของตัวเองร่วมกับซือหยู
พวกเขาเริ่มจัดการเหล่าภูติระดับสามที่อ้อนวอนขอความเมตตาและพยายามหนีก่อน…
“อ๊ากก!”
“อย่าฆ่าข้านะ!ข้ายอมรับผิดแล้ว! อ๊ากกกกก!”
“ข้าจะไม่สอบแล้ว!ปล่อยข้าไปเถอะ! อ๊าาาา!”
…
วิญญาณของภูติระดับสามอีกสี่คนได้ดับมอดไปในเวลาเพียงลมหายใจเดียวพวกเขาตายคาที่ เด็กตระกูลเฉาทุกคนตัวสั่น พวกเขาหวาดกลัวมาก!
“อ๊ากกกก!”
“อ๊ากกกกกกกกกก!”
“อ๊ากกกกกก!”
เสียงกรีดร้องดังก้องป่าอันเงียบสนิทเหล่าเด็กตระกูลเฉาที่เหลือเริ่มหนี พวกเขากระจายไปยังทุกทิศทางเพื่อหนีอย่างบ้าคลั่ง
“อย่าแยกกัน!”
เฉาหลิงเจี้ยนตกใจและรีบตะโกน
เพราะยังมีฝูงสัตว์อสูรหลงเหลืออยู่ในทุกมุมของป่ามีเพียงการรวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่เท่านั้นที่จะทำให้สัตว์อสูรไม่กล้าจู่โจม
เมื่อเสียงของเขาตะโกนออกไปหญิงสาวภูติก็หนีไปคนเดียวก็ถูกไส้เดือนอัปลักษณ์โผล่ขึ้นมากัดจากพื้น! มันลากนางลงไปยังใต้ดิน!
ภาพที่คล้ายกันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมันทำให้พวกเขาตื่นตูมยิ่งกว่าเดิมและพยายามหนี ผู้คนกระจายไปหมดจนเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมารวมตัวกันอีก
เฉาหลิงเจี้ยนมองซือหยูด้วยรังสีฆ่าฟันอันเข้มข้นเขากรีดร้องด้วยความแค้น
“ซือหยูเซี่ยน!เจ้าต้องตาย!”
ซือหยูเพียงแค่ยักไหล่เขาหันไปหาหญิงสาวทั้งสอง
“หยิงหยิงหยางเอ๋อ พาซือถูจิวไปกับพวกเจ้ากลับไปหาตระกูลซือถู พวกเจ้าทุกคนควรกลับเสาศิลาได้แล้ว ป่ายังมีสัตว์อสูรแข็งแกร่งหลายตัวกระจายอยู่”
เพราะพวกนางสังหารครบตามเป้าหมายสำเร็จแล้วพวกนางนับว่าผ่านการทดสอบรอบแรก พวกนางไม่ต้องเสี่ยงชีวิตในป่าอีกต่อไป
“พี่ซือระวังตัวด้วยเราจะไปรอที่เสาศิลา”
ซือถูหยางกัดปากด้วยความกังวล
พวกนางรีบบินออกไปโดยเหลือซือหยูกับเฉาหลิงเจี้ยนเพียงลำพัง
“ข้าควรจะฆ่าเจ้าตั้งแต่ที่เสาศิลานั่น”
แววตาเฉาหลิงเจี้ยนเต็มไปด้วยจิตสังหารเขาขยับขาพุ่งเข้าใส่ซือหยู
กร๊อบ!กร๊อบ!
พริบตาเดียวเสียงกระดูกของเขาได้ดังมาจากร่าง มันดังมากกว่าห้าสิบแปดครั้งที่เหนือกว่าตอนต่อสู้ในเสาศิลาเก้าครั้ง เฉาหลิงเจี้ยนไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงในตอนนั้น!
“ตายซะ!”
เฉาหลิงเจี้ยนดันฝ่ามือเข้าใส่ซือหยู
ฝ่ามือของเขามีพลังมหาศาลร่างกายของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าภูติระดับห้า ถ้าหากสู้กับคนทั่วไป คนผู้นั้นก็คงจะตกอยู่ในอันตราย แต่น่าเสียดายที่เขามาสู้กับซือหยู
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่อีกซือหยูยิ้มอย่างชั่วร้ายและประกาศ
“สุดท้ายข้าก็ได้สู้กับเจ้าด้วยพลังทั้งหมดเสียที!”
The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 779-780
Posted by ? Views, Released on November 23, 2021
, The Divine Nine Dragon Cauldron
Author: Heavenly Overlord
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ
เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน
Recommended Series
Comment
Facebook Comment