The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 872 – ต้นหอมอำพันสามราก

DND.
ซือหยูลูบคางและหัวเราะแห้งๆแต่ไม่ได้พูดอะไรอวี่หลิงหลงหันไปยิ้มให้ซือหยู
นางพูด
“ถ้าเจ้าไม่ถือเจ้าใช้ห้องรับรองเดียวกับข้าก็ได้ เจ้าจะได้ชมการประลองชัดๆ ในห้องทั้งสงบและอบอุ่นเชียวล่ะ เจ้าจะได้ไม่ต้องเปิดเผยตัวกับใคร ไม่มีใครจะมองเห็นเจ้าได้ต่อให้เจ้าประมูลสิ่งที่ล้ำค่ามากก็ตาม”
ซือหยูยิ้มตอบจางๆ
“เจ้าของร้านอวี่ขอบคุณท่านมาก ข้าดีใจที่ท่านจะช่วย”
หูหวังกุยเริ่มถากถางเขาในตอนนั้น
“ปล่อยมันไปเถอะ!มันไม่มีทางได้เสวยสุขเช่นนี้หรอก!”
เมื่อเขามองเขาจ้องมองเหล่าสาวใช้และถาม
“พวกเจ้าจะยืนอยู่ทำไมกัน?พาพวกข้าไปห้องรับรองพิเศษเร็ว!”
กลุ่มสาวใช้ไม่กล้าจะโต้แย้งหัวหน้าสาวใช้จึงรีบปรี่เข้ามา
“เข้าใจแล้วท่าน!โปรดแสดงบัตรพิเศษกับเรา พวกเราจะพาท่านไปตามลำดับของบัตร”
แม้แต่ห้องรับรองพิเศษเองก็แบ่งเป็นหลายระดับบางห้องดีกว่าห้องอื่นๆ ยิ่งห้องรับรองใกล้ด้านหน้าเท่าใด การบริการและความหรูหราก็จะดียิ่งขึ้น นั่นหมายความว่าไม่ใช่ทุกคนที่ได้ห้องรับรองพิเศษจะมีฐานะเท่ากัน และความต่างของฐานะก็จะแบ่งตามลำดับขั้น
หูหวังกุยโยนบัตรพิเศษให้นางและมองคนรอบๆ
“เจ้ายังต้องมองดูอีกรึ?ข้าคือคนสำคัญที่สุด เจ้าต้องนำข้าไปก่อน!”
สาวใช้พยักหน้าเงียบๆก่อนจะตรวจสอบบัตรของทุกคนอย่างละเอียดแต่นางไม่แม้แต่มองซือหยู นั่นอาจจะเป็นเพราะนางรู้ว่าเขาไม่มีบัตรพิเศษ
เมื่อได้เห็นหูหวังกุยยิ้มเยาะ
“แม้แต่สาวใช้ก็รู้ว่าเจ้ามันมีแค่ไหน!หึหึ”
แต่เมื่อเสียงของเขาเพิ่งจะดังพวกเขาก็ได้เห็นว่าสาวใช้คนนั้นยิ้มจางๆ นางเดินไปหาซือหยูและถาม
“ท่านคือเจ้าของร้านซือใช่หรือไม่?โปรดตามข้ามา ห้องรับรองพิเศษที่สองถูกเตรียมให้ท่านแล้ว เป็นเกียรตินักที่ท่านมายังโรงประมูลของพวกเรา”
ทุกคนโดยเฉพาะหูหวังกุยตกตะลึงสีหน้าของเขาดำมืด
“เจ้าหมายความว่ายังไง?ทำไมยอดฝีมือที่ไม่มีกระทั่งบัตรพิเศษถึงได้ห้องรับรองที่ดีกว่าข้า?”
บัตรพิเศษของเขามีหมายเลขเจ็ดเขียนเอาไว้มันแทนห้องรับรองที่เจ็ด และมีความแตกต่างอย่างมากกับห้องรับรองที่สองของซือหยู
หูหวังกุยตัวแข็งทื่อ
“เจ้าจะทำให้ข้าขายหน้าอย่างงั้นเรอะ?ห้องรับรองพิเศษของโรงประมูลตำหนักโลหิตถูกจนใครก็เข้าไปได้เรอะ?”
สาวใช้ยิ้มจางๆและตอบด้วยความเคารพ
“ใจเย็นก่อนท่านท่านอ่านจะยังไม่รู้ แต่ท่านซือคือแขกพิเศษในวันนี้ของโรงประมูลตำหนักโลหิต เจ้าโรงประมูลบอกพวกเราให้ต้อนรับเขาอย่างดี นี่เป็นเหตุให้เขาไม่ต้องใช้บัตรพิเศษ”
ทุกคนตกใจเมื่อได้ฟังคำอธิบายแขกพิเศษของโรงประมูลรึ? เจ้าของร้านโอสถเล็กๆเนี่ยนะ? พวกเขาไม่เข้าใจเลย โดยเฉพาะกับเฟยฮั่ง
เฟยฮั่งเป็นเจ้าของร้านกลิ่นสวรรค์และร้านของเขาก็เป็นผู้นำทั้งยอดขายและกำไร แต่สุดท้าย เจ้าของร้านเล็กๆกลับก้าวข้ามเขาไป! เขาไม่อย่างจะเชื่อเลย!
หูหวังกุยก็ไม่เข้าใจเช่นกันเขาคิด…ชายแก่ภูติระดับสามมีพลังอะไรกันถึงกลายเป็นแขกพิเศษของโรงประมูลไปได้? แล้วถ้ามันเป็นแขกพิเศษที่ก้าวข้ามหลายคนมากนัก! แล้วข้าล่ะ?
ในวันนี้รองผู้จัดการใหญ่จะมาเข้าชมงานประมูลด้วยตัวเอง นั่นเป็นเหตุให้ห้องรับรองพิเศษห้องแรกถูกทิ้งไว้ให้เขา ถ้าหากรองผู้จัดการใหญ่ไม่มา ห้องรับรองพิเศษห้องแรกก็จะต้องถูกชายแก่คนนี้ชิงไป! ไม่มีใครเข้าใจเรื่องนี้ได้เลย!
ซือหยูเพียงแค่ยิ้มและประสานมือให้อวี่หลิงหลงก่อนจะเดินนำแถวไปเขาเดินตามสาวใช้ขึ้นไปด้านบนต่อหน้าต่อตาทุกคนที่งุนงง
เมื่อไปถึงห้องรับรองพิเศษเขาได้พบกับสาวใช้น่ารักมากมายรออยู่ด้านใน ทุกคนรอคอยการมาของเขาและพร้อมที่จะทำตามทุกคำสั่ง ห้องนี้ตกแต่งอย่างหรูหรา ข้าวของเครื่องใช้ล้วนสร้างจากวัตถุดิบล้ำค่า
มีหน้าต่างกระจกผลึกแก้วบานใหญ่ที่หน้าห้องและจะได้เห็นทุกมุมของการประมูลที่อยู่ด้านล่าง ยิ่งไปกว่านั้น คนด้านนอกจะไม่เห็นด้านในห้อง นั่นทำให้แขกพิเศษแน่ใจว่าจะไม่ถูกเปิดเผยตัวตน…Aileen-novel
เรื่องนี้ทำให้ซือหยูพอใจมากเขายิ้มและหยิบผลไม้วิญญาณราคาแพงใกล้ๆขึ้นมารับประทานและรอให้งานประมูลเริ่มอย่างอดทน หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม โรงประมูลก็เปิดรับแขกภายนอกจำนวนมากเข้ามา
ที่นั่งหลายพันที่เต็มในเวลาเพียงห้านาทีหลายคนมาที่นี่เพื่อสินค้าของหูหวังกุยและคนของเขา เพราะคนที่คิดอ่านได้ดีที่สุดย่อมรู้ว่านี่คือการแข่งขันระหว่างตำหนักโลหิตและเขตกลาง คนที่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้ายจะได้เป็นผู้ชนะแท้จริง
แต่สิ่งที่พวกเขาหวังจะได้เห็นจริงๆก็คือสินค้าทั้งสามชนิดจากเขตกลางของทั้งสามนี้ทำให้เขตกลางอวดดีพอที่จะจงใจเลือกใช้โรงประมูลตำหนักโลหิต เวลาผ่านไปช้าๆ เมื่อที่ประมูลเต็มไปด้วยผู้คนแน่น พิธีกรก็ปรากฏตัวบนเวที
“ทุกท่านข้าจะทำหน้าที่ในงานประมูลครั้งนี้”
ชายแก่ท่าทางใจดีปรากฏตัวขึ้นผู้คนส่งเสียงเอะอะทันที…
“อะไรกัน?นั่นมันอาจารย์เกา! ข้าคิดว่าเขาเลิกงานนี้ไปแล้วทำหน้าที่ประเมินสมบัติอย่างเดียวไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาถึงมาอยู่บนเวทีอีกครั้งเล่า?”
“ใช่อาจารย์เกาเป็นหนึ่งในผู้ประเมินใหญ่ไม่กี่คนของเมืองเทียนหยา เขาเป็นคนเดียวในตำหนักโลหิตที่เหนือกว่าโรงประมูลเทียนหยา ผู้ประเมินใหญ่ของโรงประมูลเทียนหยายังเป็นศิษย์ของอาจารย์เกาเองด้วย โรงประมูลเทียนหยาพยายามหลายครั้งเพื่อที่จะชิงตัวอาจารย์เกามาแต่ก็ถูกปฏิเสธเสียทุกรอบ!”
“ว้าว!ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นอาจารย์เกาบนเวทีอีกครั้ง น่าตกใจนัก!”
“หึหึถ้าเขามาอยู่ที่นี่ก็แสดงว่าข้าไม่ได้มาเสียเที่ยว!”
อาจารย์เกาหรือ?ซือหยูแปลกใจกับท่าทีของฝูงชน เขาถามเหล่าสาวใช้ด้านหลัง
“อาจารย์เกาผู้นี้คือใครหรือ?”
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่เมืองเทียนหยายกย่อง
สาวใช้ที่ใกล้ที่สุดมองอาจารย์เกาและเผยใบหน้านับถือ
“อาจารย์เกาเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวางและมากประสบการณ์ฐานพลังของเขาไม่สูงนัก เขาเป็นแค่กึ่งภูติเท่านั้น แต่ทุกคนในเมืองเทียนหยาก็ต้องเคารพ เพราะแม้แต่เหล่าจ้าวเทวะก็เข้าไปปรึกษากับเขาอยู่บ่อยครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อสูรเนรมิตรเดินทางไกลมาถึงเมืองเทียนหยาเพียงเพื่อปรึกษาหารือกับเขา”
แม้แต่จ้าวเทวะก็มาเพื่อปรึกษาหารือรึ?ซือหยูขนลุกเมื่อได้ฟัง เขาไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้ในเมืองเทียนหยาด้วย!
“อาจารย์เกาศึกษาหลายด้านและมีความรู้สูงส่งในทุกด้านเขาได้รับความนับถือเพราะเรื่องนี้ และเขาก็ยังเป็นคนที่มีคุณธรรม นั่นทำให้หลายคนชอบเขา”
ซือหยูเหม่อลอยเมื่อได้ยินว่าเขามีความรู้หลายด้าน
จากนั้นอาจารย์เกาบนเวทีก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“ทุกท่านข้าขอขอบคุณแทนโรงประมูลที่พวกท่านเดินทางไกลมาถึงที่นี่ ข้าขอต้อนรับทุกท่านในนามของโรงประมูล”
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนส่งเสียงออกมาด้วยความยินดี
“ครั้งนี้ข้าจะไม่ทำให้เวลาอันมีค่าของทุกท่านสูญเปล่า ขอเริ่มงานประมูล ณ บัดนี้…”
อาจารย์เกาประกาศ
ซือหยูตึงเครียดขึ้นเมื่อได้ยินว่างานประมูลเริ่มขึ้นแล้ว
“โปรดนำของชิ้นแรกออกมา…”
อาจารย์เการ้องขอด้วยรอยยิ้ม
สาวน้อยน่ารักคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนเวทีนางเดินถือถาดสีแดงออกมาด้วยรอยยิ้ม ถาดนี้คลุมผ้าแดงไว้อีกหนึ่งผืน ซึ่งไม่มีใครเห็นว่าข้างในคือสิ่งใด
“โรงประมูลได้สิ่งนี้มาเมื่อสามเดือนก่อนแม้แต่ข้าก็อยากจะเก็บมันเอาไว้เอง! แต่ก็น่าเสียดายที่เจ้าของต้องการขายผ่านการประมูล ทุกท่าน ถ้าพวกท่านสนใจ โปรดห้ามพลาดโอกาสนี้…”
อาจารย์เกาประกาศ
ผู้คนส่งเสียงเอะอะ…
“สิ่งใดกันที่ยอดเยี่ยมจนอาจารย์เกาอยากจะเก็บไว้เอง?”
“ถ้าอาจารย์เกาชอบมันก็ต้องเป็นของชั้นเยี่ยม!”
ซือหยูสังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากด้านบนเขาถอนหายใจยอมรับความสามารถของอาจารย์เกา เขาทำให้ผู้คนตื่นเต้นได้อย่างชำนาญโดยใช้คำพูดไม่กี่คำ แม้แต่ซือหยูเองยังสงสัยว่ามีอะไรอยู่ในถา่ด
“หึหึข้าจะไม่ปล่อยให้ทุกท่านเดาไปมากกว่านี้แล้ว…”
อาจารย์เกาดึงผ้าผืนแดงขึ้นและเผยให้เห็นแง่งพืชสีขาว
มันใหญ่พอๆกับนิ้วก้อยและดูเหมือนกับรากไม้แต่มันบริสุทธิ์และใสราวกับหยกที่เปล่งแสงประกายวาววับ ดวงตาหลายคู่เบิกกว้างเมื่อเห็นมัน แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันคือสิ่งใดกันแน่
“ทุกท่านมีใครรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไรหรือไม่?”
อาจารย์เกาถามด้วยน้ำเสียงลึกลับแบบเดิม…ไอลีนโนเวล
ทุกคนมองหน้ากันพลางปฏิเสธพวกเขาไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด แม้จะเป็นยอดฝีมือที่มีฐานพลังสูงก็ไม่มีใครรู้เลย!
เมื่อทุกคนกำลังสงสัยและตื่นเต้นนั้นเองเสียงหวานก็ดังขึ้น
“ถ้าข้าตอบคำถามท่านได้ถูกต้องท่านจะมอบมันเป็นของขวัญให้ข้าไหมล่ะ?”
ผู้คนมองไปทางต้นเสียงและเมื่อมองก็ลุ่มหลงราวกับต้องมนต์สะกด พวกเขาได้เห็นเด็กสาวน่ารักที่เหมือนกับตุ๊กตาหยกนั่งเท้าคางด้วยมือทั้งสองข้าง
นางนั่งแกว่งขาขาวราวหิมะที่ลอยเหนือพื้นและยิ้มอย่างน่าหลงใหลหาได้ยากที่จะได้เห็นเด็กสาวน่ารักที่นี่!
เมื่อซือหยูมองไปที่นางริ้วรอยดำหลายเส้นได้ถูกวาดบนหน้าผาก
กงซุนหวูซื่อรึ?ทำไมข้าถึงเจอนางไปทุกที่กัน?
อาจารย์เกายิ้มอย่างอบอุ่นและตอบกลับ
“มิใช่ข้าที่ตัดสินใจแต่ถ้าเจ้าตอบได้ถูกต้อง ข้าจะขอเจ้าโรงประมูลให้ลดค่าธรรมเนียมกับเจ้าแน่นอน”
กงซุนกลอกตานางพูดเบาๆ
“คนแก่ขี้ตืด!”
นางกระโดดขึ้นจากที่นั่งและขยับเข้าไปใกล้เพื่อมองแง่งพืชให้ชัดขึ้นพลางเลียริมฝีปากนางพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าข้าเดาถูกมันน่าจะเป็นต้นหอมอำพันสามราก! มันเติบโตในพื้นที่ที่มีพลังหยินสุดขั้ว มันดูดซับวิญญาณเพื่อเติบโต”
นางหยุดเพื่อเหลือบมองคนรอบๆครู่สั้นๆก่อนจะพูดต่อ
“เพราะแบบนี้มันเลยมีพลังกักเก็บอยู่มาก หากกินเข้าไป มันจะชำระล้างวิญญาณและทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้น! มันคือสมบัติมีค่าหายากที่เคยปรากฏในเมืองเทียนหยามาแล้วแค่สองครั้ง!”
อาจารย์เกามองนางด้วยความทึ่งเขาเดาะลิ้น
“แม่หนูอาจารย์เจ้าคือผู้ใดหรือ? เจ้ารู้จักมันขนาดนี้ได้อย่างไร?”
กงซุนหวูซื่อเชิดหน้าอย่างหยิ่งผยองราวกับว่านางอยากจะให้ทุกคนเห็นความมั่นใจของนางด้วยท่าทางที่เหมือนไก่นี้
นางพูด
“ข้าคือสุดยอดอัจฉริยะข้าเรียนรู้ทุกอย่างโดยไม่ต้องมีอาจารย์ ข้าไม่ต้องการให้ใครมาสอนข้า!”
อาจารย์เกาไม่ได้โกรธกับการกล่าวอ้างของนางเช่นนั้นเขาเพียงแค่หัวเราะเบาๆ
“หึหึเจ้าร่ำเรียนต่อไปเถอะ ความสำเร็จของเจ้าต้องยิ่งใหญ่แน่นอน”
เมื่อพูดจบอาจารย์เกามองผู้คนที่ตกตะลึงด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้วสิ่งนี้คือต้นหอมอำพันสามรากที่ร่ำลือ! มันเติบโตจากโลกภูติผีและยากที่จะหาได้ในโลกมนุษย์ มันจะทำให้วิญญาณผู้ใช้แข็งแกร่งขึ้นหนึ่งในร้อยส่วน ข้ารับประกันเรื่องนี้กับทุกท่านด้วยตัวเอง!”
ผู้คนส่งเสียงดังกระหึ่มอีกครั้ง…
“อะไรนะ?มีของที่จะทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นได้อยู่ด้วยรึ?”
ผู้คนประทับใจไม่มีใครคาดคิดว่าของชิ้นแรกจะน่าทึ่งเช่นนี้!
เป็นที่รู้กันว่าของหายากที่สุดที่สามารถทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นได้มักจะพบเจอได้ด้วยโชคชะตาเท่านั้นแต่ของเช่นนั้นกลับปรากฏออกมาต่อหน้าต่อตาพวกเขา! มันไม่ต่างกับไฟที่จุดอารมณ์พวกเขาให้เร่าร้อน!
กงซุนหวูซื่อเลียริมฝีปากและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ข้าไม่ได้มาเปล่าของสิ่งนี้หาได้ยากจริงๆ!”
เมื่อเห็นว่าผู้คนตื่นเต้นพอแล้วอาจารย์เกาได้ประกาศเสียงดัง
“ราคาประมูลต้นหอมอำพันสามรากจะเริ่มต้นที่สามหมื่นดวงทุกท่านเริ่มประมูลได้…”
ราคาเปิดที่สูงมิได้ทำให้ผู้คนเงียบเสียงเพราะสมบัติที่ทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่มิอาจบรรยายได้ด้วยคำพูด!ผู้คนเริ่มประมูลแข่งกันราวกับเสียสติ!
เสียงประมูลดังตามๆกันอย่างบ้าคลั่งจากราคาสามหมื่นก็ขึ้นไปถึงห้าหมื่นในไม่กี่วินาที!
ราคายังคงพุ่งสูงไปจนกระทั่งมีเสียงเย่อหยิ่งดังขึ้น
“หนึ่งแสน!อย่าบังอาจมาแย่งมันไปจากข้า!”
กงซุนหวูซื่อกอดอกพูดราคาก้าวกระโดดหลายคนแทบจะหมดสติไปเพราะความตกใจ
เพราะแก้วแสนดวงนั้นเป็นราคาที่ล่อตาล่อใจแมม้แต่กับจ้าวเทวะ!ซือหยูคิด…นางอยากจะโดนปล้นหรือ?
ราคานี้เหนือกว่าราคาจริงของต้นหอมอำพันสามรากไปมากแล้วนั่นทำให้เสียงของคนที่กำลังแข่งราคาหายไปหมด สุดท้ายอาจารย์เก่าก็ยิ้มประกาศผู้ชนะประมูล
ซือหยูเดาะลิ้น…ถ้าหากสิ่งที่ทำให้วิญญาณแข็งแกร่งขึ้นหนึ่งในร้อยส่วนยังแพงเช่นนี้แล้ววารีผงกลั่นดวงใจของข้าจะไม่มีราคาที่น่าขันยิ่งกว่านั้นรึ?
ซือหยูใจเย็นลงและรู้สึกมั่นใจขึ้นผลของวารีผงกลั่นดวงใจนั้นเหนือกว่าต้นหอมอำพันสามราก และยังขายได้ในราคาถึงหนึ่งแสน วารีผงกลั่นดวงใจของเขาไม่น่าจะมีราคาต่ำกว่านั้น
ขณะที่ผู้คนถอนหายใจจากความเศร้าที่ไม่มีโอกาสชนะในชิ้นแรกบรรยากาศความตื่นเต้นก็ไม่ได้จางหายไปไหน พวกเขารู้สึกเหมือนถูกปลุกเร้าหนักกว่าเดิม! อาจารย์เกาที่ได้เห็นจึงเผยรอยยิ้มออกมา
“ข้าเชื่อว่าทุกท่านคงจะสนใจของประมูลชิ้นที่สองยิ่งกว่า…”
สาวใช้เดินถือกล่องหยกขึ้นเวทีมันมีขนาดเท่าฝ่ามือและมีสีแดงสด มันคือก้อนหยกเพลิงล้ำค่าที่มีขนาดใหญ่พอจะขายได้หนึ่งหมื่นดวง!
“ไม่ง่ายที่จะหาหยกเพลิงก้อนใหญ่เจอสมกับเป็นงานประมูลที่อาจารย์เกาเป็นพิธีกร มันไม่มีของคุณภาพต่ำเลย! ทั้งหมดเป็นของชั้นเยี่ยม!”
ผู้คนจ้องมองหยกเพลิงสิ่งนี้ใช้ได้ดีในการเพิ่มคุณสมบัติธาตุไฟในสมบัติวิเศษ และมันยังมีพลังที่โดดเด่นอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นของหายาก! หลายคนอยากจะได้มันมาครอง
อาจารย์เกามองผู้คนและยิ้มอย่างประหลาด
“ทุกท่านคงจะเห็นแล้วว่ามันคือกล่องหยกที่สร้างจากหยกเพลิงราคาของมันสูงนัก แต่ข้ายังอยากจะพูดว่ามันไม่ใช่ของที่จะนำมาประมูล ของที่นำมาประมูลอยู่ในกล่องหยกกล่องนี้!”
ทุกคนหยุดนิ่ง…หยกเพลิงเป็นแค่วัตถุดิบที่ใช้เก็บสมบัติของจริงหรอกรึ?
เมื่อทุกคนมองดูกล่องหยกเพลิงก็พบว่ามีเศษผลึกสีแดงส่องสว่างอยู่ภายในยังไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใดกันแน่
ซือหยูที่อยู่บนห้องรับรองพิเศษชักสีหน้าท้ายสุดเขาก็รู้สึกแปลกใจ
เขาลูบแหวนมิติของตัวเองโดยไม่รู้ตัวขณะที่กำลังจับจ้องเศษผลึกก้อนนั้นเขาพูดเบาๆ
“ศิลาเลือดศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ!”
เศษผลึกในกล่องนั้นไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากศิลาเลือดศักดิ์สิทธิ์ชำระวิญญาณ!แม้กระทั่งตอนนี้ซือหยูก็มิอาจสืบหาที่มาของมันได้แม้ว่าจะอ่านตำราโบราณมามากมาย

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset