the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ – ตอนที่ 163 พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก

ก่อนหน้านี้เหล่าผู้บริหารในสมาคมตระกูลชิ่งยังคุยหัวเราะกันอยู่ ทว่าตอนนี้พลันสะอึกเงียบกันหมด

ชิ่งไหว่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วของคนรุ่นวัยกลางคนสำหรับการนำทัพ กองกำลังที่ไปกับเขาล้วนเป็นทหารชั้นดี เดิมทีทุกคนต่างคิดว่ากองพลที่เจ็ดจะมุ่งไปป้อมปราการ 113 จัดการพวกตัวทดลองจนเรียบได้ ไม่คิดว่าก่อนจะประชุมกันเสร็จก็มีข่าวร้ายมาถึงแบบนี้

“กองพลที่เจ็ดที่มีคนหลายพันทำไมถึงโดนตัวทดลองไม่กี่ร้อยซุ่มโจมตีได้?” มีคนถาม “ข้อมูลผิดพลาดอย่างนั้นเหรอ แต่กองพลที่เจ็ดมียุทธปกรณ์ที่ดีที่สุด ขีดจำกัดการรบก็แข็งแกร่งที่สุดเหมือนกัน”

แต่คนที่พูดไปเมื่อครู่ก็รู้ดีว่าก่อนหน้านี้หน่วยรบที่แข็งแกร่งที่สุดในสมาคมตระกูลชิ่งคือกองพลที่ห้าภายใต้ชิ่งเจิ่นและกองพลที่หกภายใต้หลัวหลาน แต่กองพลน้อยพวกนั้นสลายตัวไปแล้ว

กองพลน้อยที่ห้าที่ยุบไป ทหารในกองพลต่างแยกย้ายไปประจำการยังกองพลน้อยอื่นๆ ส่วนกองพลที่หกนั้นถูกทำลายเพราะแผ่นดินไหว

และในความเป็นจริง ทุกคนคิดจะลงมือกับชิ่งเจิ่นอยู่แล้วเพราะทั้งเขาและชิ่งเจิ่นครอบครองกองกำลังทหารที่แข็งแกร่งไม่น้อยจนพวกเขายำเกรง แต่หลัวหลานเกิดเรื่อง ชิ่งเจิ่นจึงหัวเดียวกระเทียมลีบ

แต่พวกเขาไม่รู้เลย ใช่ว่าทหารของหลัวหลานทุกนายจะตายในภัยพิบัติของป้อมปราการ 113 แผ่นดินไหวเพียงแบ่งฐานทัพออกเป็นสองส่วน จนทหารในกองพลต้องแยกกัน ไม่สามารถรวมกลุ่มได้

ตอนนี้รอยแยกธรณีที่ลากยาวมาจากเขาจิ้งซานนั้นรู้จักกันในชื่อบันไดแห่งเขาจิ้งซาน เพราะมันเหมือนเป็นขั้นบันไดที่ดันออกมาจากพื้นราบ

.

แทบเดาได้เลยว่าในอีกไม่กี่ร้อยหรือพันปีข้างหน้า ที่นี่จะกลายเป็นเทือกเขาแห่งใหม่

แต่สมาคมตระกูลชิ่งจะไม่ละทิ้งที่นี่ไปจนกว่าจะพบเหมือนถ่านหินแห่งใหม่

ผู้อาวุโสในห้องประชุมยังคงสงบนิ่ง พูดขึ้น “จำนวนตัวทดลองมากกว่าที่เราคาดไว้ น่าจะมีเกือบพันได้ ตอนที่พวกชิ่งไหว่ตั้งแคมป์ พวกตัวทดลองก็บุกโจมตีอย่างฉับพลัน ชิ่งไหว่ไม่ทันคาดการณ์ว่าตัวทดลองจะเป็นคนเปิดการโจมตีก่อน ตอนนี้ฉันคิดว่าในฝูงตัวทดลองต้องเกิดสายพันธุ์ที่…ทรงปัญญาขึ้นมาแน่”

“ดูเหมือนว่าป้อมปราการ 113 จะกลายเป็นรังพวกมันไปแล้ว” มีคนถอนหายใจ “ทำไมเราไม่ให้ชิ่งเจิ่นไปจัดการตัวทดลองพวกนั้นล่ะ ยังไงเขาก็มีประสบการณ์ด้านนี้”

ผู้อาวุโสมองหน้าผู้ที่เสนอคำแนะนำ ห้องประชุมเกิดความกดดันขึ้นมา ผู้อาวุโสเอ่ย “ชิ่งอวิ่น นำกองพลที่หนึ่งไปกับเธอ เป้าหมายของสมาคมจะขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคลได้ยังไง จากนี้ไปชิ่งเจิ่นห้ามออกมาจากที่พักแม้แต่ก้าวเดียว”

ผู้บริหารคนอื่นๆ ในห้องประชุมเกิดความคิดของตัวเองไปต่างๆ นานา ชิ่งเจิ่นหลายปีมานี้พิสูจน์คุณค่าของตัวเองให้สมาคมเห็นแล้ว แต่ในเมื่อเป้าหมายของสมาคมเปลี่ยนไป ชายหนุ่มมากความสามารถก็ได้แต่กลายเป็นนักโทษสูงศักดิ์แล้ว

พวกเขารู้สึกว่าถ้าชิ่งเจิ่นเป็นคนไปป้อมปราการ 113 ตั้งแต่แรก ผลลัพธ์คงต่างจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง

เหตุการณ์ในเขาจิ้งซานทำให้ชิ่งเจิ่นกับหลัวหลานสูญเสียอะไรไปเยอะมาก แต่ใครจะคิดได้เล่าว่าจู่ๆ จะเกิดแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิด มันเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ

ตอนนี้เอง ก็มีขบวนรถขนสินค้าและเสบียงค่อยๆ แล่นมายังป้อมปราการ 109 ใต้รถบรรทุกคันโตมีเงาร่างสีดำเกาะอยู่ คนผู้นั้นก็คือสูเสี่ยนฉู่ที่เดินทางอย่างยาวนานและตรากตรำจนมาถึงป้อมปราการ 109 นั่นเอง

สูเสี่ยนฉู่กัดฟันอดทน เกาะอยู่ใต้รถนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เขาต้องการลอบเข้าป้อมปราการ 109 ช่วงเวลาแบบนี้ คงไม่มีใครคาดเดาว่าสูเสี่ยนฉู่จะเข้ามาสภาพนี้หรอกมั้ง?

และตอนนี้ไม่มีใครในป้อมปราการ 109 สนใจจะจับตัวสูเสี่ยนฉู่อย่างที่เขาคิดจริงๆ อย่างไรป้อมปราการนี้ก็ได้อยู่ในภายใต้เขตอำนาจของสมาคมตระกูลชิ่ง ต่อให้ลู่หยวน ลู่หยวนยังต้องไว้หน้าสมาคมตระกูลชิ่ง แต่ใช่ว่าเขาต้องก้มหน้าทำตามคำสั่ง

แถมทุกคนไม่คิดว่าสูเสี่ยนฉู่จะใช้กำลังบุกเข้ามาหรอก เริ่นเสี่ยวซู่รู้มาว่ากองรักษาความสงบตั้งหมายจับสูเสี่ยนฉู่ตอนไปร้านเครื่องประดับ พวกเขาสั่งการเหล่าเถ้าแก่ว่าถ้ามีคนมาขายทองไม่ทราบที่มาต้องรายงานทันที ทว่าถ้าคิดจะจับสูเสี่ยนฉู่จริงๆ มาตรการควรเข้มงวดกว่านี้มาก

ดังนั้นสูเสี่ยนฉู่จึงตัดสินใจได้อย่างถูกต้องที่สุดแล้ว

กองกำลังส่วนตัวที่ทำหน้าที่รักษาการณ์กำลังจะเปลี่ยนกะ

สูเสี่ยนฉู่รู้ดีว่าพฤติกรรมของทหารกองกำลังส่วนตัวเป็นอย่างไร ซึ่งกองกำลังส่วนตัวเกือบทั้งหมดล้วนทำตัวไม่ต่างกัน เพราะทุกองค์กรในโลกล้วนเป็นไปในทางเดียวกัน

ตอนที่เขายังอยู่ในป้อมปราการ 113 เขาสังเกตว่าพวกกองกำลังส่วนตัวจะตรวจทุกคันที่ผ่านไปอย่างตั้งใจมาก แต่การตรวจตราตอนเปลี่ยนกะยามค่ำคืนนั้นจะหละหลวมมากเช่นกัน ของเถื่อนมากมายล้วนถูกส่งเข้าไปในยามนี้ ถึงกับมีบางคนติดสินบนทหารให้ทำเป็นมองไม่เห็นด้วยซ้ำไป

สูเสี่ยนฉู่เดาว่ากองกำลังส่วนตัวของป้อมปราการ 109 ก็คงเหมือนกัน แน่ละว่าเขาเองก็ไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่ถ้าเขาอยากผ่านเข้าป้อมปราการไปจริงๆ นี่ก็เป็นช่วงเวลาเดียวที่ทำได้แล้ว ถ้าเขาเข้าไปไม่ได้ ก็คงได้แต่หนีไปอีกครั้ง ใช่ว่าทหารกองกำลังส่วนตัวจะรั้งตัวเขาไว้ได้เสียหน่อย

และแล้วก็เป็นไปอย่างที่สูเสี่ยนฉู่ทำนายไว้ ขบวนสินค้าเข้าไปโดยไม่ผ่านการตรวจขั้นพื้นฐานด้วยซ้ำ

นี่ทำให้สูเสี่ยนฉู่ทั้งโล่งใจทั้งระแวดระวัง ดูเหมือนว่าการจัดการของกองกำลังส่วนตัวในป้อมปราการ 109 จะหละหลวมยิ่งกว่าของป้อมปราการ 113 เสียอีก

หลังจากขบวนรถเข้าป้อมปราการด้วยเสียงหนวกหู สูเสี่ยนฉู่ก็ปีนจากข้างล่างเข้าไปท้ายรถบรรทุก รถพวกนี้คล้ายรถบรรทุกถ่านหินที่ไม่มีหลังคาคลุม

สูเสี่ยนฉู่นั่งอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ในใจวางแผนขั้นต่อไป ตอนนี้เขาหนีจนอ่อนล้าไปหมด อยากหาที่หลบเร้นพักผ่อนรับประทานอาหาร

เขามองดูสินค้าในตู้ สูเสี่ยนฉู่พลันเกิดความสงสัย ทุกอย่างอยู่ในกล่องไม้ปิดผนึกเลยไม่เห็นว่าของข้างในคืออะไร

สูเสี่ยนฉู่ควักมีดออกมางัดกล่อง แต่พอเห็นตัวสินค้าก็ต้องตะลึงไป เป็นปืนกับกระสุนหมดเลย!

ตอนนั้นเอง รถบรรทุกก็หลบออกจากขบวนรถ รถคันที่เหลือยังมุ่งหน้าต่อไป แต่รถบรรทุกที่เขาอยู่นั้นแยกออกจากกลุ่มใหญ่และกำลังไปที่ไหนไม่ทราบได้

สูเสี่ยนฉู่รู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลแล้ว รถบรรทุกคันนี้ไม่ได้มาส่งยุทโธปกรณ์ให้สมาคมตระกูลหลี่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น คงไม่ทำตัวลับๆ ล่อๆ แบบนี้ ต้องมีคนลักลอบอาวุธเข้ามาแน่!

ก่อนที่เขาจะทันคิดออก รถบรรทุกก็หยุดลง จากนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก “รีบขนของลงไปเก็บในโกดัง แล้วพรุ่งนี้ค่อยหาโอกาสส่งออกไป”

ประตูข้างของตู้คอนเทนเนอร์เปิดออกด้วยเสียงเสียดหู จากนั้นสูเสี่ยนฉู่กับหลัวหลานก็จ้องหน้ากัน

ตอนนี้เป็นช่วงเช้ามืด หลัวหลานส่องไฟฉายเข้าไป อยากจะดูเสียหน่อยว่าใครกันอยู่ในตู้ จากนั้น…

หลัวหลานตะโกน “เชี่ย! สูเสี่ยนฉู่?”

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
Status: Ongoing
ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู “ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset