The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 12 วันแห่งหายนะมาถึงแล้วสิ

ตอนที่12 วันแห่งหายนะมาถึงแล้วสิ
12:00
12:15
12:30
12:45
12:50
13:00
13:05
13:06
แสงสีทองได้สาดทั่วทั้งทองฟ้า
“พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”
ตอนนี้การนับถอยหลังเริ่มต้นขึ้น! 5 … “
เสียง ปรากฏขึ้นในหัวของทุกคนบนโลกเป็นเสียงที่เขารู้สึกราวกับว่าเวลาถูกแช่
แข็ง สภาพแวดล้อมยังกลายเป็นช้ามากเหมือน เวลาได้หยุดลง เบลซเรียกง้าวกรีดนภาออกมาตั้งท่าเตรียมแทงไปที่ปลาไหลไฟฟ้าในขณะที่เขาได้ยินเสียง นั้น
“4 … “
“3 … “
“2…”
“1 … ยุคแห่งธาตุและวิวัฒนาการได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่จะให้เวลาเตรียมตัวกันหน่อยตามบ้านที่อาศัยส่วนตัวจะมีบาเรียป้องกัน 15นาทีและทุกคนจะได้รับไม้พลอง อาวุธขาว ระดับ1 พวกเจ้าทั้งหลายจงต่อสู้เพื่อความอยู่รอด!
“ฉึก” ง้าวแทงทะลุตัวปลาไหลทันที แน่นอนว่ามันตายคาที่พร้อมกับไม้พลองที่ระบบแจกมาตกอยู่ข้างๆ
แล้วเบลซก็ชำแหละหัวของมันข้างในมีคริสตัลสีแดงน้ำเงินวนกันเป็นรูปหยินหยางแล้วรอบๆก็มีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปวิ่งมาอยู่รอบๆ
ตัวที่พึ่งฆ่าไปจริงๆแล้วมันคือปลาไหลที่วิวัฒนาการไปเป็นปลาไหลไฟฟ้าลาวา จากข้อมูลในโลกของจางหลง ปีที่5หลังจากวันแห่งหายนะ มันวิวัฒนาการไปถึงสิงมีชีวิตสีม่วง ธาตุของมันคือ ไฟ น้ำ และ สายฟ้า
ปกติแล้วสัตว์อสูรก็จะไม่มีธาตุ หายากหน่อยก็มีแค่ธาตุเดียว จำต้องวิวัฒนาการไปอีกขั้นถึงจะมีธาตุเพิ่ม แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกตัว  จะเป็นต้องมีสายเลือดและปัจจัยที่เหมาะสมด้วย เรียกได้ว่าแค่สองธาตุก็หายากมากแล้ว สามธาตุถือว่าเป็นระดับมหากาพย์(Epic) แน่นอนว่าหลังจากวันแห่งหายนะเริ่มขึ้นไม่กี่วิสัตว์พวกนี้ก็จะถูกวาร์ปไปที่ๆไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ เพราะไม่งั้นมนุษย์คงโดนกวาดล้างทันทีที่วันแห่งหายนะเริ่มขึ้น
แต่ในข้อดีช่วงแรกนี้ก็เป็นช่องว่างเพราะว่าไอพวกสายเลือดโหดๆพวกนี้ยังไม่วิวัฒนาการพวกมันยังเป็นสัตว์สีขาวความจริงมันควรจะโดนย้ายแต่ว่ามันก็มีข้อยกเว้นอยู่ก็คือ
สัตว์เลี้ยงที่รักเจ้าของมากๆหลังจากวันแห่งหายนะซัก3วันพวกมันก็จะวิวัฒนาการเป็นสัตว์อสูรสงครามของเจ้าของ และในโลกคนจางหลงเจ้าของต่างกลัวว่าซักวันมันจะวิวัฒนาการมาฆ่าตนเองบวกกับขาดแคลนอาหารก็เลยทำการฆ่าสัตว์เลี้ยงของตน แน่นอนว่าพอรู้ตอนหลังก็น้ำตาแตกไปตามๆกัน
อีกแบบก็คือสัตว์ที่ไม่วิวัฒนาการหรือก็คือสัตว์ทั่วๆไปอย่างหมู หมา หนู ไก่ ปลา
สุดท้ายคือพืชวิวัฒนาการ พืชที่วิวัฒนาการจะไม่ถูกเคลื่อนย้ายเพราะมันแค่ต้นใหญ่ขึ้นโตเร็วขึ้น น้อยนักที่จะมีวิวัฒนาการมาความสามารถพิเศษ
สัตว์ที่ถูกย้ายจะถูกส่งไปตามที่ต่างๆตามความเหมาะสมของกฎเกณฑ์อันลึกลับของแสงสีทอง
แน่นอนว่าด้วยช่องว่างเล็กๆนี้เบลซเลยได้คริสตัลสัตว์อสูรสามธาตุมาฟรีๆ จากการเอาปลาไหลไฟฟ้า ไปเลี้ยงไว้ในน้ำอุณหภูมิร้อนๆและใส่ธาตุบางอย่างเข้าไปให้คล้ายๆกับอยู่บริเวณภูเขาไฟ แต่ก็แน่นอนว่าทำได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย
“ดูดซับ”
“อ๊ากกกกก” หลังจากที่เบลซพูดจบความเจ็บปวดสายใหญ่ๆก็รุกล้ำเข้ามาในร่างกายของเขา
หลังจากผ่านไปไม่นานความเจ็บปวดค่อยๆลดลงเบลซได้ทิ้งร่างลงพร้อมกับเหงื่อที่ท่วมตัว
“ให้ตายเถอะเจ็บชะมัดยาด  แล้วก็….” เบลซมองไปที่ถังเลือดที่เขาเอาเมล็ดเถาวัลย์ไปปลูกไว้
เลือดภายในถังถูกดูดจนหมดจากเมล็ดเถาวัลย์นับร้อยตอนนี้เหลือเพียงต้นเถาวัลย์ต้นเดียวที่มีกิ่งก้านแตกออกมาแค่สามกิ่งมันก็ดูเหมือนเถาวัลย์สีเขียวปกติแต่ว่ามันไม่มีราก ใบและหนามสีแดงที่ออกมารอบๆดูเงาเหมือนเหล็กและดอกเถาสีแดงสดเล็กๆ จากข้อมูลมันคือพืชวิวัฒนาการชื่อว่า ดอกเถาโลหิต
ดอกเถาโลหิตเป็นพืชวิวัฒนาการที่หายากมากๆ ตามปกติของวันแห่งหายนะมันจะวิวัฒนาการมาจากเถาปรสิตอีกที่ เพราะมันจะเกิดเฉพาะในร่างกายของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากบางตัวเท่านั้น  ถึงจะระดับหายากมากแต่มันมีค่าพอๆกับมหากาพย์เลยเพราะว่าพืชวิวัฒนาการดีๆนั้นหายากว่าสัตว์วิวัฒนาการมากแต่แน่นอนว่าก็แลกมากับประโยชน์ที่มากตาม
เบลซยื่นมือไปแตะมัน
“ขวับบบ” ก้านทั้งสามของดอกเถาโลหิตรัดที่แขนซ้าย
เลือดของเบลซเริ่มไหลเขาไปในดอกเถาโลหิต
“อ๊ากกก เจ็บโว้ยยยยยย”
เบลซเริ่มรู้สึกว่าเส้นประสาทของเขาเชื่อมต่อกับดอกเถาโลหิต ไม่นานดอกเถาโลหิตก็หายไปในแขนของเบลซเหลือแค่เพียงวงกลมเล็กเหมือนกำไล สีเขียวสวยและมีหนามกลมมนประดับรอบๆและดอกสีแดงสดอยู่ตรงกลางเหมือนอัญมณีเม็ดโต
เบลซรู้สึกว่าเข้าสามารถควบคุมให้เถาโลหิตมันโผล่ออกมาจากแขนได้เหมือนเป็นอวัยวะชิ้นใหม่ แน่นอนว่าเขารู้ความสามารถของมันดีจากข้อมูล
ต่อไปเบลซก็มองไปที่ข้าวที่เขาปลูกไว้ ตอนนี้ข้าวได้โตเต็มที่มันมีรวงขาวสีส้มสดเมล็ดอวบๆดูเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน มันคือพืชวิวัฒนาการ ข้าวพลังงานสูง
ข้าวพลังงานสูงก็เหมือนข้าวปกติแต่ว่ามันให้พลังงานเยอะกว่าข้าวปกติถึง4เท่าและอร่อยกว่า แถมกินน้อยก็อิ่มได้เหมือนกัน ที่สำคัญมันออกรวงข้าวออกมาเรื่อยๆไม่ต้องนั่งปลูกใหม่
เพราะหลังจากวันแห่งหายนะเริ่มขึ้นมนุษย์แทบจะไม่สามารถเพาะปลูกได้ ทั้งการขาดธาตุพืช พื้นที่เพาะปลูกไม่มี สัตว์อสูรบุก ฯลฯ ดังนั้นเบลซจึงคิดว่าถ้าเขามีข้าวนี้ เมื่อยึดฐานที่มั่นการปลูกมันจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนอาหารได้เยอะ
เบลซเก็บกระถางที่ปลูกข้าวพลังงานสูงนี้ไว้ในช่องเก็บของ
ตอนนี้เบลซใช้เวลาไป5นาทีกว่าแล้ว
โลกภายนอก
หลังจากที่แสงสีทองหายไปบาเรียสีขาวใสก็ล้อมรอบบ้านที่อยู่อาศัยต่างๆทันที
ช่วงบ่ายๆ คนส่วนมากก็ออกมากินข้าวกลางวัน ซื้อของ ฯลฯ แน่นอนว่าก็อยู่ตามที่สาธารณะ อย่างห้างสรรพสินค้า ตลาด หรือบนท้องถนน แน่นอนว่าที่เหล่านั้นไม่มีบาเรียป้องกัน
“นี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” ชาวเมืองบางคนพูด
“สงสัยมุขครั้งใหญ่ของท่านนายกฯมั้ง” ชาวเมืองอีกคนพูดติดตลก
“เฮ้ย! แล้วไม้พลองนี้มันมาอยู่บนมือพวกเราทุกคนได้ยังไง” ชาวเมืองอีกคนพูดด้วยความประหลาดใจ ทุกคนมีไม้พลองอยู่ในมือที่ว่างถ้าไม่มีมือว่างก็จะวางอยู่ข้างๆตัวของคนนั้น
“แต๊ก แต๊ก แต๊ก” เสียงโลหะกระทบกันของโลหะดังขึ้นจากข้างใต้
ชาวเมืองก็ได้มองไปรอบๆและพบว่า ฝาท่อระบายน้ำได้เผยอๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังดันฝาท่อระบายน้ำให้ออกมา

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset