The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 17 ต้องอธิบายการปลุกพลังแล้วสิ

ตอนที่17 ต้องอธิบายการปลุกพลังแล้วสิ
ปล.ตอนนี้โปรดอ่านให้ละเอียดนะครับ เพราะว่าอธิบายเกี่ยวกับความสามารถของมนุษย์ที่มีพลังธาตุและการวิวัฒนาการเยอะ
“ระบบ!”
ชื่อ เบลซ แร็คน่าร์ เหรียญชีวิต21เหรียญ
ระดับ7
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ ระดับ ขาว (0/100)
อาชีพ ไม่มี
อาชีพเสริม นักตัดแต่งยีน
ฉายา นายแห่งอสูรอเวจี (+5ทุกค่าสถานะ เพิ่มความแรงธาตุไฟ และ เพิ่มอัมพาตธาตุสายฟ้า 50%)
Strength(แรงกาย) : 14+8
Agility(ความว่องไว) : 13+8
Vitality(พละกำลัง) : 9+8
Stamina(ความทรหด) : 14/11+8
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 27/20+8
ทักษะ ไม่มี
สัตว์อสูรสงคราม
ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)
ยูทาห์แร็พเตอร์เพลิงอเวจี(ลูก) ระดับ5
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ เพลิง ระดับขาว
Strength(แรงกาย) : 19
Agility(ความว่องไว) : 22
Vitality(พละกำลัง) : 35
Stamina(ความทรหด) : 21
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 7
ทักษะ
ด้วยสายเลือดแห่งนรกอเวจีทำให้ใช้เพลิงที่จากนรกได้(เพลิงแรงขึ้น75%)
พืชปรสิตดอกเถาโลหิต ระดับ3
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ พืช โลหิต ระดับขาว
Strength(แรงกาย) : 1
Agility(ความว่องไว) : 1
Vitality(พละกำลัง) : 40
Stamina(ความทรหด) : 1
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 1
ทักษะ
+3ทุกสถานะของโฮสต์ และ โฮสต์สามารถเรียกเถาออกมาช่วยโจมตีหรือป้องกันได้โดยจะมีค่าสถานะทุกอย่างเท่ากับโฮสต์ ยกเว้นVitality ในขณะเดียวกัน เถาโลหิตต้องได้รับพลังงานทุกวันจากโฮสต์
แบ่งพลังธาตุพืชให้โฮสต์ใช้ชั่วขณะ ผ่านเถาวัลย์
ดูดเลือดหรือพลังงานมาฟื้นฟูให้โฮสต์
เบลซกำลังครุ่นคิดว่าเขาควรจะสู้กับมันหรือว่าจะรอให้มันออกไปก่อน
ส่วนอ้อมไปเป็นไปไม่ได้เพราะว่าทางแคบและมีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้นที่จะไปตึกที่เพื่อนของเขาอยู่
จากข้อมูลที่ได้มาจากชิพหนูกลายพันธ์อยู่ในระดับ1-4และพลังของมันก็มากกว่ามนุษย์ราวๆ25%เท่านั้นซึ่งหลังจากชินแล้วเบลซก็จัดการกับมันได้ไม่ยาก
แต่ว่าไม่ใช่กับสัตว์อสูรธาตุ หากไม่นับด้านพลังธาตุ  สัตว์อสูรธาตุก็มีสายเลือดที่ดีกว่าถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตระดับขาวเหมือนกันแต่ว่าค่าสถานะของมันสูงกว่าสัตว์อสูรทั่วไปมาก โดยพลังของมันตัวเดียวเท่ากันมนุษย์สามคนเลยทีเดียว
“หนูกลายพันธ์ธาตุน้ำไม่สิหนูยักษ์วารีจากข้อมูลระดับของมันอยู่ที่6-9สินะแต่ว่านี้พึ่งจะเริ่มวันหายนะคงระดับ6ละมั้ง Strength(แรงกาย) Agility(ความว่องไว) Vitality(พละกำลัง) Stamina(ความทรหด) คงราวๆอย่างละ19-21แต้ม ส่วน Spirituality(จิตวิญญาณ) ดูจากท่าทางแล้วปัญญาของมันยังดูไม่ต่างจากสัตว์ปกติอย่างมากก็ร้องเรียกพวกได้แต่ด้วยความเป็นสัตว์อสูรธาตุคงราวๆแค่4แต้ม” เบลซคำนวนในใจ
“สัตว์อสูรธาตุน้ำจะเป็นอัมพาตจากการโดนช็อตนานกว่าปกติถึงค่าสถานะเราจะเสียเปรียบแต่ว่าบวกกับการป้องกันของดอกเถาโลหิตและการช่วยเหลือจากเจ้าดาบน้อยน่าจะไหว!”
“แต่ว่าจะเอายังไงกับหนูกลายพันธ์ตัวอื่นดีนะ” เบลซคิดการจัดการกับมันตัวเดียวคงไม่ยากนักแต่ว่าถ้าโดนขัดจากหนูกลายพันธ์รอบๆก็คงหน้าดู
“ใช่แต่ว่าเรามีเอลลี่นี่นา(TL.เดี๋ยวๆมรึงคิดจะทำอะไร)” เบลซตาเป็นประกายหันหน้าไปมองเอลลี่
เอลลี่เอียงหัวด้วยความงุนงงแล้วถาม “มีอะไรหรอ?”
“นี่เธอรู้จักระบบรึปล่าว?”
“ระบบอะไรของนายฮะ?!” เอลลี่ตอบพลางทำหน้าหงุดหงิดประมาณว่า”ใครจะไปรู้เล่า!”
“แล้วตอนที่แสงสีทองสาดลงมาจากท้องฟ้าแล้วมีเสียงแปลกกับข้อมูลที่อยู่ในหัวหละเธอจำได้ไหม?”
“อันนั้นก็แน่อยู่แล้วแต่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ฉันก็ไม่รู้หรอกแต่ว่าช่วงนี้พวกสัตว์มีขนาดใหญ่ขึ้นผิดปกตินึดหน่อยฉันก็ไม่คิดว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นเหมือนกันนี่มันไม่ใช่สิ่งที่วิทยาศาสตร์อธิบายได้แล้ว”
“ดีนะเนี่ยที่คิดข้ออ้างมาก่อน” เบลซคิดในใจแล้วพูดต่อ “แล้วเธอบอกมาได้รึยังว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง”
“ก็ไม่มีอะไรหรอกนอกจากได้ไม้พลองที่ฉันโยนทิ้งไปแล้ว”
“งั้นเธอลองคิดว่ามีหน้าจอเฉพาะของตัวเองอยู่แล้วเรียกมันออกมาได้ด้วยคำว่าระบบ!”
“ระบบ!” เอลลี่ลองพูดออกมา
“เป็นยังไงบ้างมีอะไรไหม?”
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย” เอลลี่พูดด้วยสีหน้าจ๋อยๆ
“อืมมมม หรือว่าเพราะว่าเธอยังไม่ได้ปลุกพลัง” เบลซคิดในใจ
ถ้าให้พูดง่ายๆการปลุกพลังก็คือการดูดซับคริสตัลสัตว์อสูรเม็ดแรกนั้นแหละ
แต่ว่ามันเป็นอะไรที่สำคัญมากเพราะว่าถ้าดูดซับไปแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนธาตุได้ อย่างเช่นถ้าดูดคริสตัลสีขาว(ไร้ธาตุ)มาก็จะทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้วิวัฒนาการไม่มีธาตุ
ถ้าถามว่าวิวัฒนาการแบบมีธาตุและไร้ธาตุต่างกันอย่างไรก็คงตอบได้ว่าต่างกันมากๆ
อย่างแรกเลยคือพลังโจมตีที่เป็นธาตุมันมีความแรงมากกว่า การโจมตีปกติมากเช่นถ้าเกิดว่าเราเอาไม้ไปทุบหินแน่นอนว่าไม้ต้องแหลกเป็นเสี่ยงๆแต่ถ้าเกิดว่าเราเอาพลังธาตุไปใส่ให้ไม้ก่อนทุบหิน จะกลายเป็นว่าหินอาจจะเป็นหลุมหรือเกิดรอยแตกขึ้นโดยที่ไม้ไม่เป็นอะไรเลย ซึ่งแน่นอนว่าสัตว์อสูรในระดับเท่ากันมักมีค่าสถานะพื้นฐานสูงกว่ามนุษย์ดังนั้นการมีพลังธาตุก็สามารถชดเชยความต่างนี้ได้อย่างน้อยในระดับที่เท่ากันก็สามารถสู้กับสัตว์อสูรไร้ธาตุได้อย่างเบลซในตอนนี้
อย่างที่สองคือการผลิตอย่างที่บอกว่า การปลูก เก็บ หลอม สร้าง ฯลฯ หลายอย่างจำเป็นต้องใช้พลังธาตุเนื่องจากกฎของวันหายนะ เช่นถ้าจะปลูกพืชก็ต้องมีพลังธาตุพืชไม่งั้นพืชก็จะไม่โต
อย่างที่สามค่าสถานะที่เพิ่มจากการวิวัฒนาการ อย่างเช่น ผู้วิวัฒนาการด้วยไร้ธาตุจะมีค่าสถานะเพิ่มขึ้นมาไม่มากอย่างเช่นตอนเป็นสิ่งมีชีวิตสีขาวมีStrength(แรงกาย) 10 แต้ม พอวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตสีเขียวอ่อน Strength(แรงกาย) ก็เพิ่มเป็น 12 แต้ม แต่ถ้าผู้วิวัฒนาการมีพลังธาตุจาก Strength(แรงกาย) 10 แต้ม พอเป็นสิ่งมีชีวิตสีเขียวอ่อนจะเพิ่มเป็น 14 แต้ม และนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมสัตว์อสูรธาตุถึงแกร่งกว่าสัตว์อสูรไม่มีธาตุมากด้วยโดย จากของมูลในชิพ ถ้าวิวัฒนาการโดยไม่มีธาตุจะเพิ่มค่าสถานะ20% มี1ธาตุ40% มี2ธาตุ70% มี3ธาตุ100% มี4ธาตุ150% และ 5ธาตุ200%
ซึ่งนี้คือข้อมูลสูงสุดที่ชิพให้มาเขารู้สึกว่ามันมีมากกว่านี้แต่ว่าเหมือนมันจะเป็นข้อมูลที่หายไป
แน่นอนว่าปกติมนุษย์สามารถครอบครองได้เพียงธาตุเดียวหรือง่ายๆก็คือครั้งแรกที่มนุษย์ดูดซับคริสตัลสัตว์อสูร  ซึ่งในตอนแรกของวันแห่งหายนะส่วนใหญ่ก็ดันไปดูดแต่คริสตัลไร้ธาตุมาเลยอ่อนแอกันหมดแต่ก็อย่างว่าเพราะสัตว์อสูรธาตุก็หายากด้วยหละนะ ซึ่งถ้าต้องการจะครอบครองธาตุเพิ่มเป็น1ธาตุ 2ธาตุ 3ธาตุ หรือมากกว่านั้นจะมีสองวิธี
หนึ่งต้องดูดซับคริสตัลสัตว์อสูรที่มีจำนวนธาตุเท่ากัน
อย่างเช่นมนุษย์ธรรมดาดูดซับคริสตัลสัตว์อสูรไร้ธาตุกลายเป็นต่อมาดูดซับคริสตัลสองธาตุเข้าไป แล้วดูดซับคริสตัลธาตุดินก็จะกลายเป็น
ซึ่งเป็นอะไรที่เปลืองช่องมากมันมีค่าเท่ากับแค่ครอบครองธาตุดินธาตุเดียว และยิ่งกว่านั้นพอวิวัฒนาการยังได้ค่าสถานะแค่40% เหมือนผู้วิวัฒนาการหนึ่งธาตุทั้งๆที่ควรจะมีสองธาตุ
ส่วนกรณีที่ตอนแรกเป็นผู้วิวัฒนาการธาตุตั้งแต่แรก อย่างดูดซับคริสตัลชิ้นแรกเป็นคริสตัลธาตุไฟก็กลายเป็น ต่อมาดูดซับคริสตัลสัตว์อสูรสองธาตุ แล้วดูดซับคริสตัลธาตุลมก็จะกลายเป็น
ส่วนกรณีของผม(เบลซ)เขาดูดซับคริสตัลสามธาตุตั้งแต่ชิ้นแรกเขาเลยได้เป็นผู้วิวัฒนาการสามธาตุบวกกับความพิเศษของการดูดซับคริสตัลชิ้นแรกทำให้ได้ครอบครองธาตุทั้งสามตามคริสตัลโดยที่ไม่ต้องไปหาเพิ่ม
ส่วนวิธีที่สองคือจะต้องดูดซับธาตุระดับมหัศจรรย์
ธาตุทั้งหลายมีความหายากไม่เท่ากันจากข้อมูลในชิพ มนุษย์ในโลกของจางหลงแบ่งระดับของธาตุออกเป็นสี่ระดับไร้ธาตุ ธาตุพื้นฐาน ธาตุชั้นสูง และ ธาตุมหัศจรรย์ ยิ่งระดับสูงขึ้นก็ยิ่งหายาก
ไร้ธาตุเป็นระดับต่ำสุดและมีคริสตัลมากที่สุดก็คือคริสตัลไร้ธาตุนั้นเอง
ธาตุพื้นฐานคือธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ธาตุผสมคือธาตุที่เป็นส่วนสำคัญในการผลิตและแน่นอนว่าใช้ต่อสู้ก็ได้หรือธาตุที่มีพลังเฉพาะทาง เช่น ธาตุสายฟ้า ธาตุพืช ธาตุโลหะ ธาตุโลหิต ธาตุลาวา ธาตุแสง ธาตุมืด
ธาตุมหัศจรรย์ เป็นธาตุที่อยู่เหนือธรรมชาติเช่น ธาตุมิติ ธาตุเวลา ธาตุชีวิต ธาตุความตาย และเป็นธาตุชนิดเดียวที่ไม่จำเป็นต้องมีช่องการครอบครองธาตุเพิ่มก็สามารถครอบครองได้เลยหรือก็คือวิธีที่สอง
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ว่ามีแต่ธาตุระดับสูงๆแล้วจะดีเพราะว่าการวิวัฒนาการจะต้องใช้คริสตัลธาตุเดียวกันมาวิวัฒนาการอย่างก็ต้องใช้คริสตัลธาตุไฟในการดูดซับในการวิวัฒนาการที่สูงขึ้น
ส่วนถ้ามีหลายๆธาตุอย่างเบลซที่มี เขาสามารถใช้คริสตัลธาตุไฟ น้ำ หรือสายฟ้า วิวัฒนาการก็ได้
ดังนั้นถ้ามีแต่ธาตุที่หายากๆการวิวัฒนาการต่อก็แทบไม่ต้องคิดเลย
ดังนั้นก็ควรจะมีธาตุพื้นฐานซักหนึ่งหรือสองธาตุก่อนแล้วธาตุที่สาม สี่ ห้า ค่อยครอบครองธาตุชั้นสูง เพราะถ้าวัดแค่ความสามารถในการต่อสู้ระหว่างธาตุพื้นฐานกับธาตุชั้นสูงก็ต่างกันไม่มากแต่ธาตุชั้นสูงมีลูกเล่นและประโยชน์จากการผลิตมากกว่า
ส่วนธาตุมหัศจรรย์ครอบครองได้เลยเพราะว่ามันไม่ต้องใช่ช่องในการครอบครอง
และไร้ธาตุแน่นอนว่ามันสามารถทำให้วิวัฒนาการได้เร็วก็จริงแต่ว่ามันเปลืองช่องและทำให้ผู้วิวัฒนาการคนนั้นอ่อนแอ เมื่อเจอกับสัตว์อสูรระดับเดียวกันเพราะฉะนั้นก็จะหาคริสตัลมาวิวัฒนาการตัวเองยากขึ้นด้วยดังนั้นไม่ควรครอบครองไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ถึงแม้จะเป็นช่วงแรกๆของวันหายนะแต่ว่าถึงจะดูดซับคริสตัลไร้ธาตุไปค่าสถานะก็จะไม่เพิ่มขึ้นต้องดูดซับให้เยอะพอจนวิวัฒนาการก่อนถึงจะเพิ่มดังนั้นยังไงดูดซับคริสตัลที่มีพลังธาตุมาทำให้โจมตีแรงขึ้น หาคริสตัลง่ายก็ขึ้นรวมถึงโอกาสรอดก็มากขึ้นยังไงก็ดีกว่าทุกกรณี

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset