ตอนที่19 เริ่มดูดซับเพื่อวิวัฒนาการแล้วสิ
“จรี๊ดดด!” หนูยักษ์วารีร้องอย่างเจ็บปวดเป็นครั้งสุดท้ายแววตาเคลือบแคลงไปด้วยความสงสัยว่ามันตายได้อย่างไร
“หนูยักษ์วารี(ขาว) ถูกสังหารได้รับเหรียญชีวิตx5”
“ยินดีด้วยหนูยักษ์วารีได้ดรอปทักษะไว้ในคริสตัลของมัน”
ความจริงแล้วที่เบลซวิ่งเข้าไปตัวเปล่าๆนั้นก็เพื่อให้มันคลายการระมัดระวังตัวลงนั้นเอง
การโจมตีอยู่ที่ดอกเถาโลหิต เบลซให้เถาทั้งสามชอนชัยอยู่ใต้พื้นดินซักพักก่อนที่เถาทั้งสามจะพุ่งขึ้นมาแทงหนูยักษ์วารีจากใต้พื้นโดยที่มันไม่รู้ตัวเลย
เถาทั้งสามแทงทะลุผ่านกลางอกของหนูยักษ์วารีทำให้มันต้องสิ้นชีวิตลงแล้วเถาทั้งสามก็เริ่มดูดเลือดของหนูยักษ์วารีอย่างบ้าคลั่ง
เบลซเดินเข้าไปด้วยความเหนื่อยอ่อนก่อนที่จะไปเก็บง้าวกรีดนภาที่กระเด็นไปส่วนเจ้าดาบน้อยก็มาถึงพอดี
“เป็นยังไงบ้าง?” เอลลี่ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรแค่เหนื่อยหนะ” เบลซพูดแต่ความจริงถึงเขาจะเหนื่อยแต่ก็รู้สึกสบายตัวขึ้นแล้วไม่ได้รู้สึกอึดอัดมากเพราะดอกเถาโลหิตคอยดูดเลือดให้มาฟื้นฟูเขาอยู่
“กรูววววว” ซีฟอสก็แสดงท่าทางเหนื่อยอ่อนเหมือนกัน
“ทนอีกหน่อยนะเดี๋ยวก็ได้พักแล้ว” เบลซลูบหัวเจ้าดาบน้อยแล้วตบหัวของมันเบาๆ
“โกรววววว” เจ้าดาบน้อยใช้กรงเล็บชี้ไปที่หนูยักษ์วารีก่อนที่จะอ้าปากแล้วก็ชี้มาที่ปากของตัวเอง
“อยากกินหรอ?” เบลซถาม
เจ้าดาบน้อยพยักหน้ารัวๆ
“ได้ๆแต่แคข้างเดียวพอนะ”
“กรูวววว” เจ้าดาบน้อยร้องด้วยความดีใจจากนั้นมันก็ใช้พันและกรงเล็บฉีกขาข้างหนึ่งของหนูยักษ์วารีออกแล้ว แล้วก็ถือมันขึ้นมาพร้อมกับพ่นไฟแล้วก็อ้าปากกินเนื้อย่างคำโตอย่างมีความสุข
ไม่นานดอกเถาโลหิตก็ดูดเลือดหนูยักษ์วารีจนแห้ง เบลซเรียกเถาทั้งสามออกมาดูเขายิ้มด้วยความพึงพอใจเพราะว่ารอยที่ถูกฟันของเถาทั้งสามนั้นสมานจนแทบจะไม่เห็นรอยแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ฟื้นฟูความเหนื่อยล้าของเขาแต่ว่าได้ฟื้นฟูเถาโลหิตก็นับว่าดี
เบลซลุกขึ้นแล้วเดินไปทางซากของหนูกลายพันธ์ที่ขาด้วนไปข้างและแห้งกรอบ
“ปุ!!!” เถาโลหิต เถาหนึ่งแท่งลงไปในหัวของมันก่อนที่จะขึ้นมาพร้อมกับพันอะไรบางอย่างขึ้นมาด้วย
มันคือคริสตัลธาตุวารีนั้นเองมันเป็นคริสตัลสีฟ้าใสรูปทรงพีระมิดคู่หกเหลี่ยมภายในหมุนวนไปด้วนระลอกๆเหมือนคลื่นน้ำตรงกลางมีสัญลักษณ์รูปคมดาบโค้งสามเล่มที่เกิดจากการควบแน่นของน้ำอยู่
แน่นอนว่าสัญลักษณ์นั้นแหละคือทักษะอควาคัตเตอร์
เบลซคว้าคริสตัลนั้นมาจากเถาโลหิตก่อนที่จะกำคริสตัลไว้ในมือแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นในใจว่า “ดูดซับ”
เบลซรู้สึกว่าเซลล์ในร่างกายของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยและมีข้อมูลจำนวนหนึ่งไหลเข้ามาในหัวของเขา
นอกจากนี้มันยังผสานกับร่างกายของเขาด้วยทั้งวิธีควบคุมวิธีร่าย
“ระบบ!”
ชื่อ เบลซ แร็คน่าร์ เหรียญชีวิต57เหรียญ
ระดับ8
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว(5/100) พลังธาตุ
อาชีพ ไม่มี
อาชีพเสริม นักตัดแต่งยีน
ฉายา นายแห่งอสูรอเวจี (+5ทุกค่าสถานะ เพิ่มความแรงธาตุไฟ และ เพิ่มอัมพาตธาตุสายฟ้า 50%)
Strength(แรงกาย) : 15+8
Agility(ความว่องไว) : 13+8
Vitality(พละกำลัง) : 9+8
Stamina(ความทรหด) : 6/11+8
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 25/20+8
ทักษะ
ใช้พลังธาตุน้ำควบแน่นเป็นคมดาบแล้วซัดใส่ศัตรูใช่พลังจิตวิญญาณ(Spirituality) 1-4 แต้มตามขนาดและความแรงของทักษะ
สัตว์อสูรสงคราม
ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)
ยูทาห์แร็พเตอร์เพลิงอเวจี(ลูก) ระดับ6
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ เพลิง ระดับขาว
Strength(แรงกาย) : 19
Agility(ความว่องไว) : 23
Vitality(พละกำลัง) : 35
Stamina(ความทรหด) : 16/21
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 6/7
ทักษะ
ด้วยสายเลือดแห่งนรกอเวจีทำให้ใช้เพลิงที่จากนรกได้(เพลิงแรงขึ้น75%)
พืชปรสิตดอกเถาโลหิต ระดับ4
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ พืช โลหิต ระดับขาว
Strength(แรงกาย) : 1
Agility(ความว่องไว) : 1
Vitality(พละกำลัง) : 41
Stamina(ความทรหด) : 1
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 1
ทักษะ
+3ทุกสถานะของโฮสต์ และ โฮสต์สามารถเรียกเถาออกมาช่วยโจมตีหรือป้องกันได้โดยจะมีค่าสถานะทุกอย่างเท่ากับโฮสต์ ยกเว้นVitality ในขณะเดียวกัน เถาโลหิตต้องได้รับพลังงานทุกวันจากโฮสต์
แบ่งพลังธาตุพืชให้โฮสต์ใช้ชั่วขณะ ผ่านเถาวัลย์
ดูดเลือดหรือพลังงานมาฟื้นฟูให้โฮสต์และตัวเอง
เบลซมองไปที่หน้าจอสถานะของเขา เขาเห็นว่านอกจากระดับที่เพิ่มขึ้นแล้ว
ตรงหลังสิ่งมีชิวิตระดับขาวของเขาจาก(0/100)ได้เพิ่มมาเป็น(5/100)
แล้วก็ เขายังได้รับทักษะ เพิ่มขึ้นมาอยู่ในหมวดหมู่ทักษะแล้วด้วย
“ไหนๆแล้วก็ลองหน่อยซิ” เบลซคิดจากนั้นเขาก็ยืนมืออกไปทางโคมไฟที่ห้อยอยู่ริมถนน
“ควาคัตเตอร์!” พลังธาตุน้ำออกมาจากฝ่ามือแล้วควบแน่นประมาณหนึ่งวิเป็นใบดาบโค้งพุ่งออกมาตัดโคมไฟเป็นสองซีกอย่างเรียบเนียน
มันก็ดีอะนะแต่ว่ากว่าจะร่ายออกมาใช้เวลาตั้งหนึ่งวิตอนสู้จริงคงใช้ไม่ค่อยได้….แต่ว่าเรามีข้อมูลจากชิพหนิ! สกิลนี้สามารถใช้ได้โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาควบแน่นได้แต่ว่าต้องสบัดมือเหมือนกับซัดมีดออกไป เพราะการเรียกพลังธาตุใกล้ๆกับร่างกายจะทำให้ควบคุมง่ายขึ้นดังนั้นถ้าเรียกออกมาเป็นใบดาบที่มือเลยก็ไม่ต้องร่ายแต่ว่าส่วนของทิศทางอันนี้ก็อยู่ที่ความชำนาญแล้วหละ
ทีนี้เบลซลองใช้เป้าหมายเป็นป้ายห้อยที่อยู่ข้างหน้าหอพัก เบลซสบัดมือก่อนที่จะส่งอควาคัตเตอร์ตรงไปยังป้ายทันที่
“ฉับ” อวาคัตเตอร์ตัดป้ายออกเป็นสองซีก
เบลซเดินไปหยิบป้ายทั้งสองซีก ทั้งสองนั้นแบ่งออกเป็นราวๆ4ส่วนกับ6ส่วน
“ตอนแรกเรากะจะแบ่งครึ่งแฮะควบคุมแบบนี้มันก็เร็วและโดนเป้าหมายง่ายอยู่หรอกแต่ว่าถ้าเป้าหมายเล็กหรือว่าต้องควบคุมแบบแม่นยำหละก็….คงต้องฝึกอีกพอตัวเลย แต่ว่ามันก็ดีกว่าไม่มีหละนะเพราะเรามีค่าจิตวิญญาณเยอะ เราแกว่งง้าวกรีดนภาใช้เพลิงอัสนีหรือไม่ก็วารีอัสนีไปเยอะแต่ว่ากลับใช้ Spirituality(จิตวิญญาณ)แค่สองสามแต้มเพราะว่ามันเป็นการเอาพลังธาตุไปเคลือบวัตถุเฉยๆไม่ได้ควบแน่นเป็นเป็นวัตถุหรือว่าใช้แบบพิเศษเหมือนทักษะ แน่นอนว่าการใช้พลังธาตุเคลือบอาวุธจะแรงกว่าการโจมตีมหาศาลแต่ก็จะไม่แรงเท่าทักษะ”(Tl. งงม่ะ?ถ้างงอธิบายง่าย ทักษะแรงสุดโจมตีธาตุแรงรองลงมาโจมตีธรรมดาแรงเบาสุด)
.
.
The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 19 เริ่มดูดซับเพื่อวิวัฒนาการแล้วสิ
Posted by ? Views, Released on October 12, 2021
, The Great Geneticist in Apocalypse
The Great Geneticist in Apocalypse
เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ
แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น
“พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”
Recommended Series
Comment
Facebook Comment