The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 32 ได้เวลาออกไปแล้วสิ

ตอนที่32 ได้เวลาออกไปแล้วสิ
“ได้แต่ต้องทำตามที่ฉันบอกนะ” จากนั้นเบลซ เจ้าดาบน้อย เอมิเลีย และ เหมียนเหมียนก็เดินลงไปข้างล่าง
~หอพักหญิง~
ชั้นที่1
ประตูเหล็กที่เบลซปิดล็อคไว้ในตอนแรกตอนนี้มันเต็มไปด้วยรอยบุ๋มเข้ามาจากการกระแทกและมีเสียง กระทบกันตลอดเวลาดูเหมือนว่าการที่ประตูเหล็กจะพังก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
“เอาหละเตรียมพร้อมนะฉัน เจ้าดาบน้อย ชิน มาข้างหน้า เอลลี่ แล้วก็เหมียนเหมียนอยู่ข้างหลัง เรย์ลินเปลี่ยนตำแหน่งตามใจ ส่วนเธอ เอมิเลียอยู่ห่างจากข้างหลังไปอีกสิบเมตร” เบลซพูดจากนั้นทุกคนก็เริ่มประจำตำแหน่ง
“พอฉันให้สัญญาณฉันจะพังตัวล็อคนะ” เบลซพูดพร้อมกับตั้งง้าวขึ้น
“สาม”
“สอง”
“หนึ่ง”
“ปัง!” ง้าวแทงออกไปโดนสลักข้าง กลไกล็อคเสียหายทันทีและประตูก็ถูกหนูกลายพันธ์พังเข้ามา
“จี๊ดดดดด”
“จี๊ดดดดดดดดด”
“จี๊ดดดดด”
หนูขนเพลิงหลายสิบตัวทะลักเข้ามา
“โกร๊วซซซซซซซ” เจ้าดาบน้อยคำรามลั่นก่อนจะส่งแรงกดดันที่เกือบเท่าหัวหน้าเขตออกมาถึงกับทำให้หนูกลายพันธ์ทุกตัวชะงัก
“ฟูววววววววว” อัคคีสีม่วงร้อนแรงแผดเผาหนูกลายพันธ์ไป8-10ตัว ขนของพวกมันลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงแต่ถูกไฟเผาจนตาย แต่ว่ามีตัวนึงที่รอด
มันเป็นหนูกลายพันธ์ขนสีส้มดวงตาสีแดงมันใช้พลังธาตุเพลิงสีส้มธรรมดาๆปกคลุมร่างกายตนเองถึงแม้เพลิงอเวจีจะเหนือกว่าแต่มันก็ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รับบาดเจ็บ
“ฉัวะ” ตอนนั้นเองเรย์ลินอาศัยช่วงชุลมุนกระโดดลงมาจากฝ้าเพดานลงมามีดเลาะกระดูกที่ปกคลุมไปด้วยคมวารีแต่สีดำทมิฬแผ่ออร่าเย็นจับใจแทงลงกลางกระหม่อมของมันอย่างรวดเร็ว ทำให้สิ้นชีพทันทีแล้วเขาก็ใช่ความสามารถของธาตุมืดหักแหแสงรอบตัวเองและหายไปอีกครั้งด้วยความเร็วสูง
“หนูขนเพลิง(ขาว)ระดับ5 ถูกสังหารได้รับเหรียญชีวิตx6”
ความรู้สึกที่สู้ด้วยตัวเองได้มันรู้สึกดีจริงๆด้วยเรย์ลินคิดอยู่ในใจของตัวเองอย่างปลอดโปร่ง
ที่จริงก่อนที่เบลซจะให้สัญญาณเขาจัดตำแหน่งตามใจตัวเองก็คือหลบอยู่บนฝ้าเพดานอยู่แต่แรกแล้ว
“เพลิงอัสนี”
“ฆ่า!” เบลซตะโกนสั้นๆก่อนที่จะตวัดง้าวกรีดนภาออกไปปลิดชีวิตของพวกมันไปอีก6-7ตัว
“ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ” เอลลี่ก็พุ่งแทรกขึ้นมาจากข้างหลังคมมีดสายลมที่อยู่ที่ตัวดาบเชือดเฉือนลำคอของพวกมันไปอีก5ตัว
“จี๊ดดดดดดดด”
“จี๊ดดดดดดดดดดด”
ฝูงหนูกลายพันธ์เริ่มสำผัสได้ถึงลางไม่ดีแต่ด้วยสติปัญญาที่ต่ำเลยทำให้ยังคงบุกเหมือนเดิม
“ชิบ ชิบ ชิบ” เบลซสบโอกาสเรียกเถาโลหิตออกมาสามเถา เถานึงถูกส่งลงไปบนพื้นคอยดูดซับแอ่งเลือดส่วนอีกสองเถาก็เรียกมาแบบพร้อมเคลื่อนไหวกันเพื่อนของเขาพลาดหรือแม้แต่ตัวเขาเอง
“พุฟฟ พุฟฟฟ พุฟฟฟ” ชินเองก็ทั้งฟาดทั้งทุบกระบองหนามศิลาออกไปอย่างต่อเนื่อง
ในตอนนั้นเองหนูกลายพันธ์ตัวหนึ่งก็ลอดผ่านเข้ามาได้เนื่องจากการเคลื่อนที่ของเขาเข้ามาช้าและมันก็วิ่งตรงดิ่งไปทางเอมิเลียทันที่
ตอนแรกเบลซก็คิดว่าจะแทงเถาโลหิตออกไปจัดการมันแต่ว่าเขาก็เลิกทำเพราะว่า
“ฮู่!” เจ้าหญิงกระต่ายขนมปุยฝ้าย เหมียนเหมียนกระโดดมาขวางไว้เขาเล็กของมันเรืองแสงแสงสีชมพูและสว่างขึ้นเรื่อยๆ
“พิ่ว” ลำแสงสีชมพูถูกยิงออกไปชนกับหนูกลายพันธ์กำลังวิ่งเข้าใส่
“จี๊ดด จี๊ด จี๊ดด จี๊ด จี๊ดดด” หนูกลายพันธ์ตัวนั้นชักดิ้นชักงอเหมือนกับโดนไฟช็อตก่อนที่ร่างกายจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นขนมปุยฝ้ายสีชมพูแล้วขนาดของมันก็ค่อยๆหดเล็กลงจนเหลือขนมปุยฝ้ายรูปหนูกลายพันธ์สีชมพูขนาดเท่าฝ่ามือ
“ความสามารถอะไรวะเนี่ย” เบลซอดไม่ได้ที่จะสบทเขาไม่คิดว่าความสามารถของมันจะจัดการสัตว์อสูรได้ในที่เดียวแบบนี้ที่สำคัญคือมันไม่สำคัญซักเท่าไหร่ว่าจะยิ่งโดนตรงไหนแค่ยิงโดนก็พอก็สามารถฆ่าได้ทันที
“แผลบๆ” เหมียนเหมียนเลยริมฝีปากทีก่อนที่จะเดินไปกินขนมปุยฝ้ายอย่างเต็มปากเต็มคำ
เบลซกลับไปโฟกัสกับการต่อสู้ต่อเนื่องจากเขาสามารถวางใจเจ้ากระต่ายตัวนั้นได้แล้ว
“ฉัวะ” ง้าวกรีดนภาถูกกวัดแกว่งอีกครั้ง ครั้งนี้พวกเข้าสามารถค่อยๆฆ่าหนูกลายพันธ์ได้ ไม่รีบมากเลยไม่ใช้พลังธาตุโจมตีแค่การโจมตีธรรมกับระดับที่สูงกว่าก็เพียงพอแต่ว่าเพื่อนๆของเขาที่ระดับไม่มากก็ยังคงต้องใช้พลังธาตุอยู่ อีกอย่างคือหนูกลายพันธ์ธรรมดาเริ่มไม่ค่อยมีผลต่อการเลื่อนระดับของเขาแล้ว เลยตั้งใจจะฆ่าน้อยลงเพื่อให้เพื่อนๆของเขาได้ระดับมากขึ้น
“ฟิ้วววว” ตอนนั้นเองมีศรสีเขียวจากที่ไหนไม่ทราบมันพุ่งเข้ามาทางเบลซด้วยความเร็วสูง
เถาโลหิต! เบลซส่งเถาโลหิตออกไปหยุดลูกศรนั้นไว้
“แคร้ง” ทันทีที่ลูกศรปะทะกับเถาโลหิตมันก็กระเด้งออกทันทีแต่เบลซก็ยังรับรู้ถึงแรงปะทะและกัดกร่อนจากมันได้
“รู้สึกได้ถึงการฉีกกระชากของแรงลมแล้วก็…การกัดกร่อนแบบนี้พิษ!” เบลซตกใจอยู่ในใจเขาไม่คิดว่าจะเจอสัตว์อสูรสองธาตุติดๆกันแบบนี้ปกติแล้วคนทั้งฐานหากันหลายเดือนอาจจะเจอแค่ตัวเดียวหรือไม่เจอเลย
“ไม่แน่ว่านี้อาจเป็นช่วงแรกๆของวันแห่งหายนะพวกที่ประจำพื้นที่เลยยังไม่ย้ายไปป่าลึกจำนวน็อาจจะยังเยอะอยู่ไม่ก็เพราะว่ายังไม่โดนฆ่ารึปล่าว แต่ก็พอเข้าใจได้เพราะว่าที่นี้มีคนที่หนีตายมารวมตัวกันเยอะ เลยดึงดูดพวกสัตว์อสูรสองธาตุจากเขตรอบข้างที่ต้องการพลังงานเยอะในการวิวัฒนาการมาจากเขตรอบๆ เพราะตั้งแต่ขามาเบลซก็สังเกตเห็นแล้วว่าพวกสัตว์อสูรในรัศมีประมาณ3กิโลเมตรมารวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยหมด
เบลซเหลือบมองไปยังทางที่ยิงมาเขาเห็นเป็นแมลงสาบเกาะอยู่ที่ตึกฝั่งตรงข้ามที่เยื้องออกไปทางขวาสองตึก
“ประเมิน”
“แมลงสาบพิษวาโย(ขาว)ระดับ7”
แมลงสาบเหมือนจะสัมผัสได้ว่าเบลซมองมี่มันและมันก็ไม่ได้โง่ถึงมันจะเป็นสัตว์อสูรสองธาตุแต่มันก็รู้สึกว่าระดับของ มันยังสู้เบลซไม่ได้ มันจึงกลับเข้าไปหลบอยู่ในตึก
“เอาหละฉันได้เวลาออกไปแล้ว” เบลซพึมพัมหลังจากที่เห็นว่าเหลือหนูกลายพันธ์อีกไม่กี่สิบตัว ตัวที่มีพลังธาตุ2ตัวก็ฆ่าตัวธาตุไฟไปแล้วหนึ่งตัว เหลือธาตุน้ำอีกตัวซึ่งก็คือหนูยักษ์วารีที่เคยเจอมาแล้วถึงจะดูระดับสูงกว่าตัวที่แล้วแต่ว่าไม่มีทักษะ เอลลี่ ชิน เรย์ลิน แล้วก็เหมียนเหมียน สามารถจัดการพวกหนูกลายพันธ์ได้อย่างแน่นอน ส่วนเจ้าดาบน้อยก็น่าจะตัวต่อตัวกับหนูยักษ์วารีได้ ส่วนเค้าจะออกไปล่าไอแมลงสาบสองธาตุที่ยิงศรลมกับพิษเมื่อกี้
“แถมแกยังมีทักษะเป็นธนูด้วย ถ้าเอาไปให้จางมู่คงจะเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆแน่เลย ยอด!”
แล้วเบลซก็ตะโกนบอกเพื่อนๆ “พวกนายฉันจะไปล่าไอตัวเมื่อกี้ก่อนนะ เจ้าดาบน้อยนายไปจัดการหนูยักษ์วารี ส่วนคนที่เหลือเคลียร์หนูกลายพันธ์ให้เรียบร้อยหละ
แล้วเบลซก็วิ่งฝ่าออกไปแล้ววิ่งไปทางตึกที่แมลงสาบธาตุพิษและลมหลบซ่อนอยู่ทันที
“แอ๊ดดดด” เบลซค่อยเปิดประตูออก ตึกในละแวกนี้ก็เป็นหอพักหญิงพักหญิงทั้งหมดตึกนี้ก็เช่นกัน
“น่าเสียดายแทนพวกเขาจริงๆ”
เบลซมองไปยังศพของหญิงสาวสิบกว่าคน ใบหน้าสาวๆที่มีชิวิตชีวาของพวกเขาได้รับการกัดแทะมอมแมมดูน่าอนาถมากแต่เดิมสาวๆเหล่านี้ควรจะสนุกกับชีวิตของพวกเธอที่เป็นนักศึกษามหาลัยและใช้ชีวิตกับครอบครัวแต่ตอนกลายเป็นศพที่เย็นเหยียบไปแล้ว
“หลับสบายนะ” เบลซคิดจากนั้นเพลิงสีส้มลุกโชดช่วงจากผ่ามือก็เผาร่างของพวกเธอกลับสู่ธุลี แล้วมุ่งหน้าไปต่อ

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset