The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 34 สลบไปแล้วสิแล้วสิ

ตอนที่34 สลบไปแล้วสิแล้วสิ
วันนี้กลุ่มลับอัพถึง40ตอนเเล้วครับ คิดว่าซื้อตอนนี้คงไม่ค่อยคุ้มกันนะเพราะซื้อมาอ่านยันตอนนี้เเล้วเเต่ว่าตอนเปิดกลุ่มสองจะประกาศอีกที
“ฉัวะ” อควาคัตเตอร์ตัดเข้าที่ข้อต่อระหว่างหัวกับลำคอ หัวของมันถูกแยกกับลำตัวตกลงสู่พื้น
“กวีซซ กวีซซซ” แม้หัวจะหลุดจากลำตัวแล้วแต่ว่าหัสมันก็ยังขยับได้อย่างยากลำบากมันค่อยๆหันมาทางเบลซก่อนที่จะ
“ฟึบ” มันเปิดปากออกยิงศรพิษออกมาอีกครั้ง
“แคร้ง” ศรพิษก็ยังไม่สามารถผ่านการป้องกันของเถาโลหิตได้อีกครั้ง ตาบนหัวขาดๆของมันยังคนจับจ้องไปที่เบลซ
เนื่องจากไม่ได้รับเสียงประกาศเบลซรู้ได้ในทันทีเลยว่ามันยังไม่ตายแถมหัวของมันยังพ่นศรพิษใส่เขาอีก
“แคร้ง แคร้ง แคร้ง” เนื่องจากหัวของมันขยับแทบไม่ได้แล้ว เบลซจึงกระโดดขึ้นไปบนหัวของมันก่อนจะโจมตีใส่รัวๆ
“ฟูว! เปรี๊ยะ! บรึ่มมม!” เพลิงอัสนีลุกโชติช่วงอีกครั้ง ง้าวกรีดนภากระหน่ำแทงไปยังหัวของแมลงสาบพิษวาโยจริงอยู่ที่ว่าการแทงแต่ละครั้งสร้างรอยเพียงเล็กน้อยแต่เมื่อแทงไปเรื่อยๆมันก็เริ่มสร้างรอยลึก
“ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก แครก!” ในที่สุดความพยายามก็เกิดผลเมื่อสร้างรอยลึกระดับหนึ่งเปลือกรอบๆก็เริ่มปรึแตกก่อนที่เลือดสีเขียวจะไหลซึมออกมา
“แครก แคร่ก แคร้กก!!!” ในที่สุดง้าวกรีดนภาก็แทงทะลุเปลือกของมันเพลิงอัสนีพุ่งออกมาจากรูที่แทงบนศีรษะซักพักเสียงอันหอมหวานที่เขาต้องการก็ดังขึ้น
“แมลงสาบพิษวาโย(ขาว)ระดับ8 ถูกสังหารได้รับเหรียญชีวิตx9”
“แฮกก แฮกก แฮกก แฮกกก” เบลซหอบอย่างหนักก่อนที่จะทรุดตัวลงนอนบนพื้นที่ชุ่มไปด้วยแอ่งเลือดสีเขียวหัวของแมลงสาบขนาดยักษ์ที่ตัว
“ซีฟอสสังหารหนูยักษ์วารีระดับ7 ได้รับเหรียญชีวิตx6”
“เหมือนทางนั้นก็จะเรียบร้อยแล้วนะ”
เบลซรู้สึกว่าเริ่มมองอะไรเบลอๆมืดๆเขารู้ได้ในทันทีว่านี้เป็นอาการของคนหน้ามืดแถมยังมึนหัวซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการใช้spiritualityไปมากอีกด้วย
“ระบบ!”
ชื่อ เบลซ แร็คน่าร์ เหรียญชีวิต103เหรียญ
ระดับ11
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว(5/100) พลังธาตุ
อาชีพ ไม่มี
อาชีพเสริม นักตัดแต่งยีน
ฉายา
(+5ทุกค่าสถานะ เพิ่มความแรงธาตุไฟ และ เพิ่มอัมพาตธาตุสายฟ้า 50%)
(+2ทุกค่าสถานะเพิ่มพลังโจมตีประสาน2ธาตุ10%) (Admin: อันนี้ถามนะครับเอฟเฟคของฉายาจะให้ใส่มารึปล่าว คนในกลุ่มลับเม้นต์มานะครับถ้าไม่เม้นต์ผมจะใส่มาตลอดนะเพราะกันลืม แต่ถ้าเม้นมาว่าชอบก็จะใส่ต่อเหมือนกัน)
Strength(แรงกาย) : 15+10
Agility(ความว่องไว) : 13+10
Vitality(พละกำลัง) : 9+10
Stamina(ความทรหด) : 3/14+10
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 2/20+10
ทักษะ
ใช้พลังธาตุน้ำควบแน่นเป็นคมดาบซัดใส่ศัตรู
ประเมินสีและระดับของเป้าหมาย โดยระดับต้องไม่มากกว่า15 และสีไม่มากกว่าครึ่งสี
สัตว์อสูรสงคราม
ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)
ยูทาห์แร็พเตอร์เพลิงอเวจี(ลูก) ระดับ10
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ เพลิง ระดับขาว
Strength(แรงกาย) : 20
Agility(ความว่องไว) : 24
Vitality(พละกำลัง) : 36
Stamina(ความทรหด) : 17/22
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 5/8
ทักษะ
ใช้เพลิงจากนรกได้(เพลิงแรงขึ้น75%)
พืชปรสิตดอกเถาโลหิต ระดับ8
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ พืช โลหิต ระดับขาว
Strength(แรงกาย) : 1
Agility(ความว่องไว) : 1
Vitality(พละกำลัง) : 45
Stamina(ความทรหด) : 1
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 1
ทักษะ
+3ทุกสถานะของโฮสต์ เรียกเถาออกมาช่วยได้โดยมีค่าสถานะเท่ากับโฮสต์ ยกเว้นVitality
แบ่งพลังธาตุพืชให้โฮสต์ใช้ชั่วขณะ ผ่านเถาวัลย์
ดูดเลือดหรือพลังงานมาฟื้นฟูให้โฮสต์และตัวเอง
“แฮกก แฮกก แฮกก” เบลซเปิดหน้าต่างอีกครั้ง เข้าใช้พลังมากเกินไปเข้ารู้ว่าเขาจะสลบในอีกไม่ช้า
ตาของเบลซค่อยๆปรือก่อนที่จะหลับลง ตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะครองสติได้แกต่อไป
ในขณะที่เบลซไม่ได้สติอยู่นั้นเอง เถาโลหิตทั้งสามเริ่มขยับด้วยตัวเองและไล่ดูดเลือดสีเขียวของแมลงสาบพิษวาโยเข้าไป
อีกด้านหนึ่ง
ซีฟอส เอลลี่ ชิน เรย์ลิน และ เหมียนเหมียน ช่วยกันจัดการพวกหนูกลายพันธ์ที่เหลือและซีฟอสได้จัดการหนูยักษ์วารีได้ด้วยแบบหนึ่งต่อหนึ่งและมันก็ได้ต่อสู้อย่างมีชั้นเชิงมากขึ้นโดยเลียนแบบการเคลื่อนไหวง่ายๆของเบลซเลยทำให้ตอนระดับเพิ่มขึ้นได้เพิ่มไปที่spirituality และแน่นอนว่ามันก็ฉลาดขึ้นอีกเล็กน้อย
“เอาหละพวกเราจัดการกันเสร็จแล้ว แล้วเบลซหละยังไม่กลับมาอีกหรอ?” เอลลี่ถามด้วยความแปลกใจเหมือนมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
“งั้นฉันไปหานะชิน เอมิเลีย แล้วก็กระต่ายน้อยพวนายกลับนายเฝ้า” เนื่องจากเรย์ลินเป็นคนที่มองรอบๆก่อนที่จะหาจังหวะเข้าไปโจมตีเขาเลยรู้ว่าเบลซเข้าไปในตึกไหน
ในขณะที่เรย์ลินกำลังจะใช้พลังธาตุมืดหักแหแสงให้ตัวเองล่องหนแล้วไปหาเบลซซีฟอสได้คำรามต่ำๆ
“กรู่วววว” ซีฟอสคำรามต่ำๆก่อนที่จะเดินไปทางตึกที่เบลซอยู่เนื่องจากมันเป็นสัตว์อสูรสงครามของเบลซมันเลยสามารถรู้ถึงสภาพและตำแหน่งของเบลซได้ มันรู้ว่าป๊าป๋าแค่ใช้พลังจนหมดเฉยๆและยังปลอดภัยดี
ซีฟอสเดินไปข้างหน้าก่อนทีจะขยับกรงเล็บทั้งสามในท่า กำกรงเล็บทั้ง2และกระดิก1กรงเล็บที่เหลือแบบว่า “ตามมาจิ”
เอลลี่เป็นคนแรกที่มีปฏิกิริยาแล้วเธอก็เดินตามเจ้าดาบน้อยไปเธอรู้ว่าเจ้าดาบน้อยฉลาดกว่าที่หลายๆคนคิด
จากนั้นเพื่อนๆคนอื่น ยกเว้นชิน เอมิเลีย และ เหมียนเหมียนที่ต้องกลับไปเฝ้าห้องพักที่เพื่อนของเอลลี่ อิฟราและอิโนะอยู่
~ตัดกลับมาที่เบลซ~
“ซูดดดดด ซูดดดดดด” ขณะเบลซที่กำลังหมดสติอยู่เถาโลหิตที่อยู่ที่ข้อมือก็ขยับไปเองมันพยายามดูดเลือดสีเขียวจากแมลงสาบพิษวาโยให้ได้มากที่สุดจนในที่สุดก็ไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
“อืม อือ อืม” ในขณะที่หมดสติอยู่เบลซรู้สึกเหมือนกำลังถูกของเหลวอะไรบางอย่างไหลเข้ามาในแขนของเขาและเริ่มกระจายไปทั่วร่างในขณะที่ดอกเถาโลหิตเริ่มที่จะเปลี่ยนไปไม่ใช่รูปร่างภายนอกแต่ว่าเป็นแรงกดดันที่ปล่อยออกมา
“ต๊อก แต๊ก ต๊อก แต๊ก” ตรงบันไดของตึกเกิดเสียงกึ่งเดินกึ่งวิ่งกำลังขึ้นมายังชั้นที่เบลซอยู่
“ซูดดดดด ซูดดดดด” ในตอนนั้นเองเถาโลหิตที่ตอนนี้เปล่งออร่าอันตรายออกมาได้ดูดซับเลือดสีเขียวจนหมดหนามสีแดงของมันยาวขึ้นเล็กน้อย จากเถาตอนแรกที่มีเพียง3-4เถาก็เพิ่มขึ้นมาเป็น9เถาแรงกดดันมหาศาลถูกเก็บกลับไป ตอนนี้ก็มันเหมือนเถาโลหิตธรรมดาที่มีเถามาขึ้นและหนามยาวกว่าเดิมนึดหน่อย ก่อนที่จะหายกลับไปในข้อมือของเบลซ
“เบลซ เบลซ! ไอบ้าเป็นอะไรไหม” เอลลี่วิ่งเข้ามาด้วยความลุกลี้ลุกลนก่อนที่จะใช้มือสองข้างช้อนเบลซขึ้นมา
“ฟึบ” เรย์ลินยกเลิกการหายตัวก่อนที่จะเอามืออังจมูกแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรแค่สลบหนะ”
“กรูวววววว” เจ้าดาบน้อยมองดูป่าป๊าที่กำลังสลบอยู่พลางมองไปรอบๆ พอเห็นว่าหัวของแมลงสาบขนาดยักษ์ที่ง้าวปักอยู่กลางหัวและยังไม่ถูกผ่าหัวมันเลยใช้อุ้งมือทั้งสองข้างดึงง้าวออกมาก่อนที่เรย์ลินจะอาสาเอาไปถือแล้วมันก็ใช้ปากฉีกเปลือกที่ร้าวๆออกมาจนเห็นคริสตัลธาตุลมแต่เป็นสีเขียวสดและมีสัญลักษณ์ลูกศรอยู่ข้างใน
เจ้าดาบน้อยเก็บมันขึ้นมาก่อนที่พวกเขาจะเดินทางกลับไปที่ห้องของเอลลี่และเพื่อนๆ

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset