The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 38 มุ่งสู่รถบัสแล้วสิ

ตอนที่38 มุ่งสู่รถบัสแล้วสิ
“เบลซนายกลับมาแล้ว!”
เห็นเบลซ เรย์ลินและเอมิเลยกลับขึ้นมาใบหน้าเด็กน่ารักของเมิ่งหยิงหยิงตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที พร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มความยินดีบนใบหน้าของเธอ
นอกเหนือไปจากเอลลี่สาวๆ ทุกคนที่เหลือยิ้มและถอนหายใจด้วยความโล่งอก เบลซกับพวกที่แยกออกไปหากุญแจรถบัสไม่ได้หายไปนานเกินไป แต่ภายใต้การคุกคามของ หนูกลายพันธ์ที่ล้อมรอบพวกเขามีความรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยถึงแม้จะมีคนพวกส่วนช่วยคุ้มกันก็ตามเพราะพวกมันมาเรื่อยๆทีกลุ่มสองกลุ่ม
เอลลี่มองไปที่เบลซแล้วเดินไปโดยใช้สายตาคู่งามจ้องมองมาที่เขาแล้วถามว่า
“นายได้กุญแจรถมาไหม?”
“อยู่ในมือของฉันแล้วไม่ต้องห่วงทุกคนก็ไปพักเถอะนะใกล้ออกจากที่นี่กันแล้ว”
เบลซนั่งอยู่บนเตียงๆหนึ่งนอนลงกลิ้งไปกลิ้งมาสูดดมกลิ่นหอมชวนผ่อนคลายก่อนหยิบเอาขวดน้ำขึ้นมาแล้วดื่มมันขณะที่เมิ่งหยิงหยิงหน้าแดงก่อนจะพึมพัมว่า “นั้นมันเตียงของชั้น!”
แม้ว่าเบลซ เรย์ลินและเอมิเลียจะจากไปเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็เต็มไปด้วยการต่อสู้ที่รุนแรงและก็รีบไปกลับเขาเสียStaminaไปหลายจุด
“ไปกันเถอะ!”
เมื่อStaminaฟื้นมา เบลซลุกขึ้นยืนและพูดกับทุนคนในหอพัก
เบลซมองไปที่สาวๆและอิฟฟรากับอิโนะที่ยังไม่ได้ปลุกพลังโดยเฉพาะสาวๆที่ไม่เคยออกไปข้างนอกเลยและกล่าวว่า
“เมื่อพวกคุณก้าวออกไปข้างนอกพวกคุณต้องอยู่ข้างหลังผมและคนที่ปลุกพลังแล้ว อย่าวิ่งไปรอบๆ ไม่ดันหรือผลักกันและกัน ผมต้องบอกล่วงหน้าไว้ก่อนถ้าคุณวิ่งไปรอบๆ พวกผมไม่สามารถที่จะแยกตามช่วยเหลือได้ทุกคน”
“โอเค!”
สาวๆพยักหน้าอย่างสุภาพในเวลานี้ถ้าพวกเธอไม่เชื่อฟังเบลซเธอจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเขาและจะตายภายนอกนั้นแน่ๆ
เมื่อเบลซพูดจบเค้าก็จัดตำแหน่งและลงไปอย่างรวดเร็ว
ในระยะเวลาอันสั้นก็ถึงประตูทางออกจากหอพักหญิง
รินมาใกล้กับทางออกแล้วมองไปลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอยังนึกถึงฉากที่น่ากลัวและสยดสยองเหล่าได้แม้แต่ออกจากหอพักเธอก็ยังรู้สึกกลัว
“ถ้าเธอจะไม่ไปงั้นปล่อยให้ฉันไปก่อนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคนอื่นเค้านะริน!”
โลลิต้าเมิ่งหยิงหยิงผลักจางซวนไปด้านข้างแล้วรีบออกมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องกลัวหรอกกล้าๆหน่อยสิ พวกเราปกป้องเธอได้แน่นอน” ชินตบไหล่รินเบาก่อนที่จะไปประจำตำแหน่งข้างหน้า
“ขอบใจนะ” รินกุมมือทั้งสองข้างใกล้ๆกับปากอย่างเอียงอายก่อนที่จะพูดเบาๆแน่นอนว่าชินไม่ได้ยินที่เธอบอก
ถัดไปเป็นเอมิเลียกับเหมียนเหมียนและจางมู่ที่จะคอยดูข้างหลังและสนับสนุนจากระยะไกล แล้วก็เรย์ลินที่เคลื่อนที่อย่างอิสระกับเซลินที่อยู่ตรงกลาง
หลังจากที่ออกมากันหมดแล้วรินก็รวบรวมความกล้าและก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าแถวนี้จะไม่มีหนูกลายพันธ์เนื่องจากโดนกวาดล้างโดยพวกเบลซไปหลายรอบ แต่ถ้าพวกเขาออกจากหอพัก ยังคงมีสัตว์อสูรจำนวนมากรวมทั้งพวกแกร่งๆ หากประมาทจะถูกล้อมรอบและถูกฆ่า
เมื่อสาวๆ 5 คนชาย 6 คนกับอีก 2 ตัวพร้อมที่จะไป มีหญิงสาวคนหนึ่งบนชั้น 4 ยื่นหัวของเธอออกไปนอก หน้าต่างมือถือชิ้นส่วนของกระดาษสีขาวบนกระดาษสีขาวเขียนว่า “SOS โปรดช่วยเราด้วย!”
“นายจะไปช่วยเธอไหม?” เอลลี่ถามเบลซ
ผู้หญิงคนอื่น ๆ มองไปที่เบลซหัวใจของพวกเธอรู้สึกกังวลมากถ้าพวกเธอเลือกที่จะไม่ช่วย พวกเธอจะรู้สึกไม่สบายใจ แต่ถ้าพวกเธอช่วยก็จะมีภาระมากขึ้น
เบลซส่ายหัวแล้วตอบว่า
“ไม่! มันยากเกินไปที่จะปกป้องพวกเค้าไปกับเราด้วย พวกเราเองจะต้องหาสถานที่ที่ ปลอดภัยซะก่อน ไหนจะไปเอารถบัสและฉันกล้าพูดได้เลยว่ากลุ่มของพวกเราตอนนี้มีคนที่ยังไม่ได้ปลุกพลังเกือบครึ่งแต่คุ้มกันพวกเธอก็เต็มกลืนแล้ว ถึงจะมีเรย์ลินช่วยเก็บตกตัวที่หลุดมาก็ตาม หลังจากนั้นถ้าเรามีที่ว่างมากพอเราสามารถกลับมาช่วยเธอได้”
เบลซและเพื่อนๆต้องปกป้องหญิงทั้ง 3 คนและอิโนะกับอิฟฟราที่แบกของ ในขณะที่วิ่งไปที่รถบัสแค่นี้ก็เป็นเรื่องยากมากพออยู่แล้วแต่ถ้ามีหญิงสาวเพิ่มอีกมันจะเป็นภาระเพิ่มขึ้นและอาจจะมีบางคนต้องตาย เพราะเค้าคงช่วยไม่ได้ทุกคนแน่ๆถ้าโดนโจมตีพร้อมกัน
“ถ้าพวกเราเหลือที่ว่างมากพอพวกเราจะกลับมาช่วย พวกคุณจะต้องปกป้องตัวเองไปก่อน”
เบลซตะโกนเสียงดัง แล้วมองไปที่สาวๆทั้ง 5 แล้วพูดว่า
“ไป! ฉัน ชิน เอลลี่จัดการด้านหน้า เรย์ลินนายคอยปกป้องเพื่อนที่ยังไม่ได้ลุกพลังด้านหลังจางมู่กับเอมิเลียก็คอยสนับสนุนหละ ส่วนเจ้าดาบน้อยมานี่”
หลังจากที่พูดจบเบลซก็ขี่ซีฟอสมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถบัส
“รีบไป!”
เอลลี่กระตุ้นสาว ๆ ทั้ง4คน
ทุกคนรู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุด สาวๆทั้ง 4 คนวิ่งตามเป็นกลุ่มอย่างใกล้ชิดอยู่เบื้องหลังของเบลซที่วิ่งนำไปข้างหน้า
เรย์ลินหายตัวแล้ววิ่งรอบๆบริเวณตรงกลางปกป้องพวกเขา
บนชั้น 4 ของหอพักหญิง มีหญิงสาวเฝ้ามองดูเบลซกับเพื่อนๆและสาวๆ คนวิ่งออกไปจากหอพัก ดวงตาเธอแดงก่ำน้ำตาล้นออกมาจากดวงตาคู่นั้นของเธอ ปากของเธอพยายามที่จะกลั้นเสียงของตัวเอง แต่ก็ยังมีการสะอึกสะอื้นออกมาเป็น ระยะๆ
ในช่วงที่เบลซกับพรรคพวกสร้างความวุ่นวายเสียง ดังนอกหอพัก เธอเห็นเบลซพร้อมกับคนในกลุ่มหลบหนีออกไป ทำให้ความหวังที่จะเอาตัวรอดในหอพักหรือที่ไหนๆของเธอริบหลี่
“ไม่เอาไม่ร้อง! เขาบอกว่าจะกลับมาไม่ใช่รึไง?”
หญิงสาวผมยาวนั่งติดกับสาวน้อยพยายามปลอบเธอ
กล่าวในเสียงต่ำ
“โหยวโหยวแต่ที่นี้มันอันตรายมาก ฉันกลัวว่าเขาจะไม่กลับมารับเรา”
เนี่ยนโหยวโหยวจึงพูดตอบว่า
“ไม่ต้องกังวลผู้ชายคนนั้นชื่อเบลซ แร็คน่าร์ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง เขาเป็นคนที่น่าเชื่อถือมาก ถ้าเขาบอกว่าเขาจะกลับมาเขาก็จะกลับมา เพียงแค่ต้องอดทนรอเขา”
อี้หนานถามซอกแซก “เธอรู้จักเขาจริงๆหรอ”
เนี่ยนโหยวโหยวหัวเราะ “แน่นอนที่เค้ามาทำแล็ปที่นี้ตอนที่ยังไม่เกิดเรื่องบ้าๆ ฉันนี้แหละเป็นคนแนะนำให้กับเค้าเอง”
“บอกฉันเกี่ยวกับเรื่องของเขาหน่อยสิ”
อี้หนานพยายามถามเนี่ยนโหยวโหยว ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายเช่นนี้ เธอพยายามหาสิ่งใหม่ที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเธอเพื่อหลบเลี่ยงความกลัว
เนี่ยนโหยวโหยวดึงอี้หนานมากระซิบกับสิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับ เบลซ!
หลังจากออกจากหอพักหญิง เบลซและพรรคพวกเสียเวลาไปมากในการมุ่งหน้าไปทางโรงเก็บรถ เพราะคนที่ยังไม่ได้ปลุกพลังด้านหลังเขา ร่างกายทางกายภาพค่อนข้างห่างจากพวกเขามากทำให้การเคลื่อนที่ช้ากว่าที่คิดไว้
เบลซและพรรคพวกของเขาได้มุ่งต่อหน้า ไม่นานก็เจอฝูงหนูกลายพันธ์วิ่งมาหาพวกเขา
มองไปที่ใบหน้าของผู้ที่ร่างกายถูกกัดและฉีกขาดตามพื้นถนน
สาวๆบางคน กลัวจนแข้งขาอ่อนทำให้ความเร็วของพวกเขาลดลงไปอีก
“ไม่น่าพามาเลย” เบลซคิดในใจ รู้แบบนี้เขาจะให้คนพวกนี้อยู่ในหอพักและแบ่งคนคุ้มกันดีกว่าถึงแม้เขาอยากจะให้คนมาช่วยกันคุ้มกันรถบัสเพราะมันใหญ่ก็ตาม เขาไม่ค่อยอยากจะให้รถบัสเสียหายมากระหว่างการเดินทางเพราะเขาต้องใช้มันค่อนข้างนานเลยทีเดียวต่อจากนี้ แต่ถ้าจะช้ากันขนาดนี้สู้อยู่หอพักไปดีกว่า
ถ้าหากพวกเธอไม่เคยเห็นเบลซและเพื่อนฆ่าฝูงหนูกลายพันธ์มาก่อน พวกเธอคงไม่อาจอยู่ในความสงบได้เช่นนี้และอาจจะแตกตื่นวุ่นวายจนไม่อาจคุมสติได้หากเห็นพวกมันเยอะขนาดนี้
“วิ่งเร็วขึ้นอีก! อย่าหยุด!”
เอลลี่ตะโกน
หนูกลายพันธ์ในด้านหน้าได้รับการกวาดล้างโดยเบลซ เจ้าดาบน้อยและชิน แต่ดัน เป็นปัญหามากขึ้นสำหรับเรย์ลินที่ต้องคุ้มกัน สาวๆและคนที่ยังไม่ได้ปลุกพลังที่อยู่ตรงกลางแม้แต่เอลลี่ก็ต้องถอยจากแนวหน้าลงไปช่วยระวังหลังตอนนี้ไม่ได้เป็นงานที่ ง่าย
ได้ยินเอลลี่ตะโกน พวกเขาสลัดความกลัวลงชั่วคราวและยังคงก้าวไปข้างหน้า

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset