ตอนที่44 เริ่มสอดแนมฐานแล้วสิ
ทีมจู่โจม เบลซ ซีฟอส เรย์ลิน สเกีย เหมียนเหมียน
ทีมรถบัส เอลลี่ เอมิเลีย จางมู่ ชิน และ คนที่ไม่ได้ปลุกพลัง
“ก่อนอื่นเรย์ลินนายขี่สเกียไปสอดแนมก่อน” เบลซพูด
“อืม” เรย์ลินพยักหน้าก่อนจะขี้สเกียเข้าสู่โหมดหายตัวแล้วมุ่งไปบริเวณเสาแสงดังภูตผี
-มุมมองของเรย์ลิน
“งานสอดแนมต้องเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วหนินะสเกีย”
“บ๊อก บ๊อก” ใช่แล้วเจ้านายสเกียตอบ
“ช้าลงหน่อยระวังเรื่องกลิ่นด้วยหละ ถ้าสัตว์อสูรที่เฝ้าที่นี้เป็นพวกจมูกดี มีเรื่องแน่นอน ถึงเราจะหายตัวได้ แต่ว่ากลบกลิ่นกับเสียงไม่ได้หรอกนะ”
สเกียพยักหน้าตอบแล้วผ่อนความเร็วลงแล้วค่อยเดินอย่างช้าๆเหมือนกับหมาป่าเวลาล่าเหยื่อ
“เห็นอะไรไหม?”
“หงึบหงึบ” สเกียส่ายหัว
“งั้นค่อยๆเข้าไปอีกนึดนึง”
“กรอบแกรบ ซูวว กรอบแกรบ ซูววว” เสียงเหยียบหญ้าเบาๆกลืนไปกับลมที่พัดโชยมา
หลังจากที่เดินช้าๆ เดินๆย่องๆเข้าไปซัก2-3ร้อยเมตรในที่สุดก็เจอสัตว์อสูร
“ หยุดก่อน” เรย์ลินตบหลังสเกียเบาๆเป็นสัญญาณว่าหยุดเดิน จากนั้นเรย์ดินแบบมือออกแล้วกดลง ซึ่งหลังจากสเกียเห็นสัญญาณมือก็หมอบลง
“นั้นคือ?” เรย์ดินมองไปยังที่ๆเขาเจอสัตว์อสูรรูปร่างของมันคล้ายๆกับกิ้งก่าแต่ว่าเกล็ดและหน้าของมันคล้ายๆมังกร ไม่มีเขาเกล็ดเป็นสีเขียวถึงน้ำเงินสวยและตัวมันใหญ่มากมันใหญ่พอๆกับเสือตัวนึง และมีตัวที่เด่นที่สุดเขาคิดว่ามันน่าจะเป็นหัวหน้าเขตเกล็ดของมันเป็นลายสีเขียวสลับเหลืองตาของมันเป็นสีเหลืองแวววาวตัวมันใหญ่เท่ากับรถหุ้มเกราะคันนึงตั้งแต่ตัวถึงปลางหางมันยาวประมาณ6เมตร เรย์ลินไม่รู้ว่าพวกมันคือตัวอะไรและเสียดายด้วยที่ตัวเองยังไม่ถึงเลเวล10ไม่อย่างนั้นเขาก็จะมีทักษะประเมินและสามารถประเมินมันได้
มีกิ้งก่าผสมมังกรราว20ตัวและจ่าฝูงหนึ่งตัวพวกมันยืนเฝ้าบริเวณเสาแสงอยู่แต่เมื่อเรย์ดินเข้ามาในระยะนี้เขาก็เห็น
มันเป็นกลุ่มแห่งศิลาคริสตัลขนาดยักษ์4-5แท่ง มันรวบรวมพลังงานบางอย่างเป็นแสงสีขาวพุ่งขึ้นเป็นเสาแสงสู่ท้องฟ้า แน่นอนว่าพวกสัตว์อสูรกิ้งก่าผสมมังกรทั้งฝูงต่างอยู่ไม่ห่างจากกลุ่มแห่งศิลาครสตัลนี้
“งั้นก็แสดงว่านี้คือแกนกลางฐานสินะ” เรย์ลินคิดในใจก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“ช่วยไม่ได้กลับไปบอกเบลซก่อนละกัน กลับก่อนดีกว่า” เรย์ลินตบหลังสเกียและบอกให้กลับ
อีกฝั่งนึ่งสัตว์ที่คล้ายๆกับกิ้งก่าผสมมังกรมันนอกราบหันซ้ายหันขวาก็ปกติดีแน่นอนว่าพวกมันมีระยะการมองเห็นที่สั้น แต่ว่ารายละเอียดดีแต่มันมองระยะไกลๆไม่ค่อยชัดหรือต่อให้ชัดมันก็มองไม่เห็นเรย์ดินและสเกียอยู่ดี
แต่ทันใดนั้นหางตาของมันกระตุกนิดนึงถึงแม้ว่ามันจะมองไม่เห็นแต่ว่ามันมีความสามารถในการตรวจจับอุณหภูมิ ตําแหน่งที่เรย์ลินอยู่และดูจะอุ่นเป็นพิเศษซึ่งแน่นอน่าเรย์ลินได้จากไปพักนึงแล้ว
“โฮกกกกก” กิ้งก่าผสมมังกรตัวดังกล่าวคํารามลั่นทําให้ตัวอื่นๆไปรวมตรงที่เรย์ดินและสเกียเคยอยู่กันหมดแต่เมื่อไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใดก็กลับไปอยู่รอบๆฐานที่เดิม
“วิ่งเร็วเข้าสเกียวิ่ง” เมื่อได้ยินเสียงพวกสัตว์อสูรคํารามไล่หลังมันใจของเรย์ลินตกลงแต่ก็ยังใจเย็นอยู่และบอกให้สเกียเร่งความเร็วแต่เมื่อเห็นว่าพวกมันไม่ได้ไล่ตามมาก็กลับสู่ความเร็วปกติ ค่อยๆกลับไปหาเบลซและพรรคพวก
ไม่นานเรย์ดินและสเกียกกลับมาหาเบลซและคนอื่นๆ
“เป็นยังไงบ้าง” เบลซถาม
“มันเป็นแบบนี้” เรยลินหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาแล้วบนพื้นดินเป็นภูมิศาสตร์ สภาพคร่าวๆและตําแหน่งของสิ่งต่างๆในแถวๆนั้นโดยเฉพาะตําแหน่งที่มีแกนกลางฐานอยู่
“อืมมมม ฉันอยากไปดูด้วยตัวเองแฮะกิ้งก่าผสมมังกรของนายเนี่ย” เบลซพูดแต่ใจในของเขารู้สึกแปลกๆจริงอยู่ว่าสัตว์อสูรมีโอกาสที่จะสามารถวิวัฒนาการเป็นมังกรได้ตราบใดที่วิวัฒนาการมากพอแต่ว่านี้เป็นช่วงแรกๆจะมีสัตว์อสูรแบบนั้นได้อย่างไร?
“ฉันอยากไปดูด้วยตัวเองแล้วแฮะแต่ว่าถ้าเดา กิ้งก่าที่รูปร่างคล้ายมังกร?” เบลซคิดเพราะเรย์ลินยังไม่มีสกิลประเมินเขาไม่สามารถรู้ได้ว่ามันเป็นสัตว์อสูรสายเลือดมังกรจริงๆหรือว่ามันเป็นสัตว์อสูรสายเลือดธรรมดาอื่นๆแต่ว่ารูปร่างคล้ายมังกรเฉยๆ ซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นอย่างหลังมากกว่า
“นายคิดว่าฉันควรจะไปตรวจสอบด้วยตัวเองไหม?” เบลซ
ถาม
“ฉันคิดว่าน่าจะได้นะเหมือนพวกมันจะตรวจจับร้อนได้แต่ว่าสายตาไม่ค่อยดี ถ้านายมีกล้องส่องทางไกลนายสามารถมองมันจะไกลๆได้”
“เยี่ยม งั้นฉันจะไปดูมันก่อนที่จะบุกยึด คนอื่นๆก็กินของว่างดื่มน้ำเตรียมตัวให้พร้อมหละ” เบลซพูดจากนั้นเขาก็ขี่เจ้าดาบน้อยออกไปสอดแนมโดยมีเรย์ลินนำทาง
เรย์ดินขี่สเกียนำทางเบลชมาอีกที่มันเป็นเนินที่อยู่ไกลจากฝูงของพวกกิ้งก่าผสมมังกรมากกว่าจุดที่เขามาสอดแนมตอนแรก
เบลซหยิบกล้องส่องทางไกลออกมาแล้วส่องไปที่ฝูงสัตว์อสูร
“ที่แท้ก็กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันนั้นเอง” ด้วยความที่เบลซเป็นนักบรรพชีวิตวิทยาแน่นอนว่าเขาต้องเชี่ยวชาญวิชาชีวะในระดับสูง
“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกัน เป็นกิ้งก่าที่ใกล้สูญพันธ์แล้วในโลกนี้ มันเป็นกิ้งก่าที่สวยมากและรูปร่างคล้ายกับมังกร แม้แต่คนในพื้นที่ ที่มีมันยังเรียกว่า กิ้งก่ามังกรเลย
แน่นอนว่าสาเหตุที่ใกล้สูญพันธ์ก็เพราะมันสวยนั้นแหละเลยโดนล่าเยอะ
“เอาจริงๆ ถึงแม้ว่ามันจะกลายพันธ์เป็นสัตว์อสูรแล้วแต่ว่ามันก็ไม่เป็นมังกรหรอกมันก็คือสัตว์อสูรประเภทกิ้งก่าอยู่ดี ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่ด้วยความที่มันใกล้สูญพันธ์ดังนั้นมันเป็นสัตว์อสูรที่หายากแน่นอน ที่สําคัญดูแล้วมันค่อนข้างที่จะต่อสู้เก่งเหมาะที่จะเป็นสัตว์อสูรขี่มากๆ มันสามารถใช้ขี่ทําการต่อสู้ได้ดีแน่ๆ และด้วยจิตวิญญาณของเบลซเขาไม่อยากให้มันสูญพันธ์ดังนั้นเขาอยากเลี้ยงมันและขยายพันธ์ให้เป็นสัตว์พาหนะทั่วไปของฐานเขายังจะดีกว่า
เบลซมองไปที่กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันตัวหนึ่งแล้วใช้ “ประเมิน”
“เป้าหมายอยู่ห่างเกินไปไม่สามารถประเมินได้”
“ช่วยไม่ได้แฮะ เรย์ลินกลับกันเถอะไปวางแผนใหม่ดีกว่า” เบลซพูดจากนั้นพวกเขาก็กลับมาที่รถบัส
“กลับมาแล้วหรอ” เอลลี่พูดหลังจากเห็นเบลซกลับมา
“อื่อ ดูเหมือนว่าเราจะต้องใช้แรงกายเยอะเลยทีเดียวในการยึดฐานครั้งนี้พักให้StaminaกับSpiritualityให้เต็มก่อนแล้วค่อยเริ่มแผนการเอาหละไปพักเถอะ” เบลซพูดแล้วก็กลับขึ้นไปพักบนรถบัส
“งั้นเราก็ไปพักกันดีกว่าเดี๋ยวฉันจะทําเกราะศิลาให้รถบัสก่อน” ชินพูดจากนั้น คนอื่นๆก็ขึ้นรถบัสไปพักทั้งเอนนอนบ้าง ดื่มน้ำอัดลมกินขนมบ้างฯลฯ
ในขณะที่คนอื่นๆขึ้นมากันหมดแล้วเบลซก็หยิบคริสตัลไฟและคริสตัลน้ำขึ้นมาและเริ่มดูดซับทีละก้อน
“ท่านดูดซับคริสตัลเพลิง ได้ค่าวิวัฒนาการ+9”
ทันใดนั้นเบลซรู้สึกว่าพลังมหาศาลก่อเกิดขึ้นมาภายในร่างกายของเขาร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังชีวิตและพลังงาน ร่างกายของเขาถูกยกระดับและทลายขีดจํากัดของร่างกายปัจจุบันแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
“ท่านดูดซับพลังงานอย่างมหาศาลแต้มวิวัฒนาการ51แต้มพลังงานเกิน50แต้มเริ่มกระบวนการวิวัฒนาการ”
ทันใดนั้นเบลซรู้สึกว่าโครงสร้างร่างกายของเขาเปลี่ยนไป
The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 44 เริ่มสอดแนมฐานแล้วสิ
Posted by ? Views, Released on October 12, 2021
, The Great Geneticist in Apocalypse
The Great Geneticist in Apocalypse
Status: Ongoing
The Great Geneticist in Apocalypse
เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ
แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น
“พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”
Recommended Series
Comment
Facebook Comment