The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 5 เจอสิ่งมีชีวิตต่างโลกแล้วสิ

ตอนที่5 เจอสิ่งมีชีวิตต่างโลกแล้วสิ
“เอาเถอะตอนนี้ก่อนอื่นก็ต้องหาน้ำหาอาหารเอาตัวรอดไปก่อน”
เนื่องจากตอนนี้ผมไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเลยต้องลองเดินสำรวจก่อนแต่ก่อนจะเดินใช้20แต้มซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อมาล้างเข็มฉีดยาแล้วก็หลอดทดลองที่ใช้ไปก่อนหน้านี้ ผลปรากฏว่าระบบมันล้างให้อัตโนมัติและส่งกลับช่องเก็บของเอง สะดวกจริงๆ
หลังจากเดินไปประมาณชั่วโมงนึงก็เจอลำธารด้วยหละเป็นลำธารตื้นๆลึกแค่ตาตุ่มน้ำใสมากเห็นหินที่อยู่ข้างล่างชัดเจนรอบๆลำธารมีมอสเกาะนึดหน่อยแต่ว่าไม่มีปลา หอย หรือสัตว์น้ำอยู่ในน้ำเลยถึงเป็นน้ำไหลดูแล้วน่าจะดื่มได้แต่ว่าก็ไม่แน่ใจว่ามีสารแปลกๆอยู่ในน้ำรึปล่าวเพราะไม่มีสัตว์อาศัยอยู่เลยดังนั้นเพื่อความชัวร์
“ประเมิน”
น้ำสะอาด ใช้ดับกระหาย ชะล้างร่ายกายและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ
“โอเคปลอดภัยดื่มได้” จากนั้นผมก็ใช้มือวักน้ำขึ้นมาดื่ม
น่าจะเก็บน้ำกลับไปด้วยนะน่าเสียดายที่ไม่มีที่ใส่น้ำหลอดทดลองก็เล็กเกินไปงั้นเก็บไม่คุ้ม สำรวจแถวนี้ละกันไม่แน่ว่าเดินแถวๆริมแม่น้ำอาจจะเจอสัตว์อื่นๆที่มาดื่มน้ำก็ได้
แต่ก็แย่หนะสิถ้าเจอสัตว์กินเนื้อตัวใหญ่ๆแถมตั้งแต่ถูกส่งมายังไม่เห็นสัตว์อะไรเลยด้วยสิ
ผมเดินลัดเลาะไปใกล้ๆกับลำธาร ระหว่างที่เดินไปเรื่อยก็เจอกับพืชต่างๆมากมาย
แต่ว่าผมก็ยังไม่ทำการเก็บยีนเพราะยังไม่รู้ว่าแต่ละอย่างมีประโยชน์อะไรบ้าง
ในขณะที่ผมกำลังอยู่ในภวังว่าจะเก็บยีนไว้บ้างดีไหม
“แซก แซก” มีเสียงพุ่มไม้ที่อยู่ลำธารฝั่งตรงข้ามขยับอยู่ห่างจากผมราวๆ  เมตร
“เหวอออ” ผมตกใจมากแต่ก็ไม่มีเสียงผมหันไปทางฝั่งตรงข้ามแล้วก็แอบอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ที่ใกล้ที่สุด
“แปก แปก แปก แปก” เสียงเท้าเดินตามด้วยเสียงกระทบกันของก้อนหินริมลำธารดังขึ้น
“เหมือนกับว่ามันกำลังเดินมาทางนี้นะ” ผมคิดคร่าวๆจากเสียงตอนนี้ผมรู้สึกแน่นที่หน้าอกและกระวนกระวายแต่ว่าถ้าทำแบบนั้นยิ่งแต่จะแย่ลงเลยพยายามตั้งสติเอาไว้
“ตั้งสติ! ตั้งสติ! ตั้งสติ! ตั้งสติเข้าไว้!” ผมหายใจเข้าหายใจออกอย่างเบาๆ แน่นอนว่าเหมือนกับว่ามันจะนานหลายวินาทีแต่จริงๆแล้วตั้งแต่ที่ผมตกใจจนตั้งสติได้ใช้เวลาเพียงแค่2วินาทีเท่านั้น
“จ๋อม… จ๋อม…..” ผมได้ยินเสียงเหมือนกับว่ามันย่ำลงไปที่ลำธารแล้วเสียงก็นิ่งไป
“คิดว่ามันน่ะมากินน้ำแฮะ” ผมคิดในใจแล้วก็คิดต่อ
ปกติแล้วเวลาที่สัตว์ส่วนใหญ่ะมีตาอยู่ที่ด้านหน้าและด้านข้างศีรษะกินน้ำมันก็น่าจะก้มหน้าและแน่นอนว่าจะไม่สามารถเห็นข้างหน้าได้หรือเห็นได้ไม่ชัด
พอคิดได้แบบนั้นผมเลยลองค่อยๆโผล่หัวออกมาเล็กน้อยเพื่อจะดูว่ามันคือตัวอะไร
“โถ่เอ้ยก็แค่กระต่าย แต่ว่ากระต่ายสีน้ำเงิน? นานิ?” ที่ผมเห็นก็คือกระต่ายน้ำเงินเข้ม ดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ขนาดตัวมีความยาวประมาณ30กว่าๆเซ็นติเมตรดูแล้วยังไม่โตเต็มที่ เรียกได้ว่าต่างจากที่โลกที่มีแค่กระต่ายสีขาว ดำ น้ำตาล เทา หรือโทนราวๆนี้
“แต่มันก็ดูรูปร่างคุ้นๆ นะเหมือนเคยที่ไหน นึกสินึก….”
“เฮ้ย! จริงปะเนี่ย” แต่ประเด็นคือจะวิ่งไล่จับยังดีเนี่ยสิ
ทุกๆคนคงยังงงอยู่สินะว่าผมคิดเรื่องอะไรแต่ก่อนอื่นผมต้องเอายีนของมันมาให้ได้
กระต่ายสามารถเร่งความเร็วได้มากที่สุด48กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือประมาณ13เมตรต่อวินาที แน่นอนว่าต้องท็อปสปีดอะนะ ยิ่งเจ้านี้เป็นกระต่ายป่าถึงจะทีเผลอแต่ก็คงเร็วประมาณ 10 เมตรต่อวินาทีเห็นจะได้ต้องโจมตีในทีเดียว
.
.
.
.
.

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset