The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 54 เจออาชีพลับแล้วสิ

The Great Geneticist in Apocalypse
 
ตอนที่ 54 เจออาชีพลับแล้วสิ
 
เปลี่ยนจากอาคารผู้ฝึกสอนเป็นโรงฝึกนะครับ
 
หลังจากเบลซเอาง่าวไปให้ช่างตีเหล็กช่วยอัพเกรดเขาก็เดินออกมาข้างนอกเห็นจางม่ออกมาจากอาคารผู้ฝึกสอนพอ
ดี
 
“ไง พึ่งซ้อมเสร็จหรอ”
 
“npcนักธนตั้งเงื่อนไขหินมากต้องยิงพร้อมกับสามดอกเข้ากลางเป้าทั้งหมดติดกันห้าครั้งฉันถึงจะได้เรียนทักษะคงอีกนาน” จางมู่พูดด้วยท่าทางอารมณ์ร้อน
 
“ไม่หรอกเดี๋ยวนายก็ทําได้เอง” เบลซให้กําลังใจ
 
“งั้นฉันไปละนะ” จางมูโบกมือลาแล้วก็ จากไปแล้วเบลซก็เดินไปโรงฝึกต่อ
 
“ขั้วะๆ ขั้วะๆ” ทันทีที่เบลซเดินเข้ามาก็ได้ยินเสียงหวดกับหุ้นซ้อมอย่างรุนแรงเหมือนว่าจะมีคนซ้อมอยู่ในโรงฝึก
 
เบลซชะเง้อดูเข้าเห็นเอลลี่กับเซลินกําลังซ้อมดาบกันอยู่แต่ดูแล้วเอลลีกําลังสอนเธอมากกว่า
 
“เฮ เจ้าหนุ่มมาทําอะไรรี” โฮมุนครูสนักดาบเดินมาถามและทําลายความเงียบงัน
 
“ผมแค่มาดูเพื่อนๆหนะครับ”
 
“อ๋อหรอ จะว่าไปเจ้าก็ดูแข็งแกร่งไม่เบานะสนใจจะทดสอบเป็นอชูร่าไหม?” โฮมุนครูสนักดาบเชิญชวน
 
“อาชูร่าหรอ? มันคืออาชีพอะไรครับ” เบลซถามตามปกติแต่ในใจกลับตื่นเต้าสุดขีดปกติแล้วในโรงฝึกจะมีอาชีพทั่วๆไปแค่นักดาบ พลหอก พลขวาน นักธนู นักฆ่าส่วนอาชีพอื่นๆมักจะได้มาจากเงื่อนไขพิเศษแต่ว่านี้มันเป็นในโรงฝึกแล้วนี้มันอาชีพอะไรกัน
 
“อาชูร่าคือสุดยอดผู้เชี่ยวชาญสาสตราในศาสตร์สังหารเรียกได้ว่าเป็นอสูรสงครามก็ว่าได้ข้าเห็นว่าเจ้าดูแข็งแกร่งไม่เบามีแววสอบผ่าน แต่ที่สําคัญคือเจ้าผ่านเงื่อนไขเบื้องต้นที่จะเข้ารับการทดสอบ
 
“เงื่อนไขอะไรครับ”
 
“ข้อแรกวิวัฒนาการเป็นขั้นสีเขียวอ่อนโดยแทบไม่ให้คนอื่นช่วยใน3วันหนะ ส่วนข้อสองเป็นผู้วิวัฒนาการสองธาตุในห้า
วัน”
 
“หือ!?” เบลซอดไม่ได้ที่จะตาเบิกโพลงด้วยความตะลึงเงื่อนไขนรกอะไรนะ? วิวัฒนาการเป็นขั้นสีเขียวอ่อนโดยแทบไม่ให้คนอื่นช่วยใน3วัน! มารดามันเถอะใครจะไปทําได้ในโลกของจางหลงคนแรกที่วิวัฒนาการเป็นขั้นสีเขียวอ่อนปาเข้าไปครึ่งเดือนกว่านั้นไม่แปลกใจที่ไม่มีข้อมูลเลยแบบนี้แสดงว่ามันต้องโหดมากแน่ๆ
 
ส่วนข้อที่สองหนะหรอ? ไปทําเองเถอะ! โลกของจางหลงคนแรกที่เป็นผู้วิวัฒนาการสองธาตุก็ปาเข้าไปเป็นเดือน จริงๆตามหลักแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วยซ้ํานี้ขนาดตัวเขาเองต้องอาศัยช่องว่างโกงแล้วโกงอีกถึงจะทําได้เบลซเชื่อเลยว่าในโลกนี้นอกจากเขาไม่มีใครทําไอเงื่อนไขนรกสองข้อนี้ได้หรอก
 
“ว่าไงสนใจไหม?” โฮมุนครูสนักดาบถาม
 
“มีค่าใช้จ่ายอะไรรึปล่าวครับแล้วก็มีบทลงโทษรึปล่าวถ้าพลาด” เบลซถามปกติแล้วเมื่อทดสอบอาชีพหรือเลื่อนขั้นอาชีพจะมีสองแบบคือ อันตรายกับไม่อันตราย
แบบอันตรายก็คือจะต้องไปทดสอบโดยจะมีบทลงโทษถ้าหากไม่สําเร็จเช่นถูกปรับ ถูกริบพลังธาตุถูกลดระดับและหนักสุดคือมีชีวิตเป็นเดิมพันหรือตายระหว่างทดสอบนั้นเอง
 
ส่วนแบบไม่อันตรายก็คือจะไม่มีบทลงโทษแต่ว่าจะต้องเสียค่าทดสอบซึ่งส่วนใหญ่จะแพงมาก
 
“ไม่มีทั้งค่าใช่จ่ายและบทลงโทษเพราะว่านี้เป็นอาชีพที่พิเศษมากแต่ว่านายมีโอกาสแค่ครั้งเดียวถ้าหากว่าไม่สําเร็จเจ้าจะไม่สามารถทดสอบได้อีก” โฮมุนครูสนักดาบเตือน
 
“งั้นขอยังละกันครับ”
 
“อิ่ม แต่ว่าถ้าอยากจะทดสอบหละก็มาภายในสามวันนี้
นะ
 
“ขอบคุณครับ” แล้วเบลซก็เดินออกไปเขาคิดว่ารอให้ได้ง้าวใหม่ก่อนแล้วค่อยมาทดสอบก็ยังไม่สายแล้วก็เดินกลับไปนอนที่บ้านพัก
 
ณ ที่แห่งหนึ่ง
 
บนโลกใบนี้มีรัฐบาลเพียงรัฐบาลเดียวและมีเพียงประเทศเดียวซึ่งครอบครองพื้นที่ทั้งหมดบนโลกมีอยู่ทั้งหมด7แผ่นดินใหญ่แต่ละผืนมี100รัฐแต่ละรัฐมีเมืองราวๆ 120เมืองและแต่ละเมืองก็จะแยกย่อยไปอีกจริงๆแล้วแต่ละที่ก็มีชื่อแต่นิยมเรียกเป็นตัวเลขมากกว่า อย่างเช่นที่ๆเบลซอยู่คือแผ่นดินที่เชื่อทวีปแสงอาทิตย์ รัฐที่40 ชื่อรัฐนทีมรกต เมืองลําดับที่56 เมืองออโรร่า
 
ในขณะเดียวกัน ทวีปแสงอาทิตย์ รัฐนทีมรกตเมืองออโร
 
ณ ค่ายทหารแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ระหว่างเมืองลําดับที่56และ57ที่มืดมิดมีเพียงแสงสว่างจากเทียนและตะเกียงน้ํามันนายทหารคนหนึ่งเข้ามาในห้อง ภายในห้องมีทหารระดับสูงอยู่3คน
 
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้างเกิดมันอะไรขึ้นกันแน่?” ทหารอาวุโสพูดที่เครื่องแบบเต็มไปด้วยเหรียญและยศ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้บัญชาการ
 
“ไม่ได้ครับพวกเราไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้เลยครับ ตอนนี้ข้างนอกเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เครื่องผลิตไฟฟ้าที่ใช้พลังงานลม น้ํา แสงอาทิตย์หรือแม้แต่แรงปั่นก็ไม่สามารถใช้ ได้ครับอาวุธของเราก็เหมือนกัน พลังงานสํารองที่เหลือเพียงเล็กน้อยด้วยหลังจากประกาศฉุกเฉินและแนะนําให้ประชาชนซ่อนตัวอยู่ในบ้านพลังงานก็หมดแล้วครับ”
 
“เรื่องนั้นไม่ต้องแล้วพวกเราก็รู้ๆกันอยู่แล้วข้างนอกหละเป็นยังไงบ้าง?” ผู้บัญชาการถามด้วยสีหน้า เคร่งเครียด
 
“เลวร้ายเอามากๆครับ ตอนนี้แนวป้องกันที่3กําลังทําการต้านทานอยู่เป็นระยะๆ ส่วนภายในฐานเราได้ปิดทางท่าระบายน้ําทั้งหมดแล้วครับ”
 
“แล้วเสบียงหละ?”
 
ทหารที่เข้ามารายงานสีหน้าไม่ค่อยดีนักก่อนจะกล่าวไป
 
“เสบียงตอนนี้เหลือแค่ภายในฐานแล้วครับ โกดังเก็บเสบียงภายนอกตอนนี้เต็มไปด้วยพวกสัตว์อสูร พวกเราไม่สามารถขนย้ายมันมาได้”
 
“มีอะไรที่พิเศษ รึปล่าว”
 
“ครับจากหน่วยพิเศษนอกเครื่องแบบที่พึ่งกลับมามีรายงานว่ามีผู้คนเห็นรถบัสที่ใช้พลังไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ แต่ยังมีคนที่แข็งแกร่งและมีพลังเหนือมนุษย์ด้วยครับ”
 
“มีหลักฐานไหม?”
 
“ไม่ครับเนื่องจากไม่สามารถใช้กล้องได้ แต่ว่ามีหลายคนที่พูดตรงกัน”
 
“อืม ไปได้แล้ว”
 
“ครับ” นายทหารออกไปจากห้อง
 
“เราจะเอายังไงกันดี” ผู้บัญชาการถาม
 
“ผู้บัญชาการไพัน ฉันคิดว่าก่อนอื่นเราควรจะเปลี่ยนที่นี่เป็นที่มั่นในการช่วยเหลือประชาชนก่อนแล้วค่อยหาทางดพื้นที่คืนมา” รองผบ.คนซ้ายมือเสนอ
 
“ไม่ๆตอนนี้เสบียงของเราเหลืออยู่น้อยทรัพยากรอื่นๆก็มีจํากัดเราไม่สามารถรับพวกเขาเข้ามาได้” รองผบ.คนขวาทวงติง
 
“แต่ยังไงในอนาคตเสบียงก็ต้องหมด เราต้องมีแรงงานไว้ ใช้ในอนาคตเราไม่สามารถอยู่ทั้งๆแบบนี้ได้”
 
ผู้บัญชาการคิดอยู่พักนึงก่อนที่จะพูด “ฉันคิดว่าปัญหาหลักของเราตอนนี้คือการไม่มีไฟฟ้าและประปาที่กําลังจะขาดแคลนในอนาคตหากเป็นแบบนี้ต่อไป เราควรเช็คอาวุธที่จะได้โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าก่อน”
“อืม ฉันเห็นด้วยแต่ว่าเราจะไปเอามาจากไหน”
 
“ที่กองกําลังสํารองยังไงหละ เนื่องจากเป็นการฝึกยิงจึงใช้ปืนรุ่นเก่าเมื่อ1000กว่าปีที่แล้วเพราะว่ามันหนักแล้วก็ใช้ยากกว่าปืนรุ่นปัจจุบันแน่นอนว่าเป็นปืนที่ใช้ฝึกที่ดีไม่คิดเลยว่าจะได้เอากลับมาใช้ทําสงครามอีก”
 
“ใช้จริงด้วยเราลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย!” รองผบ.กล่าวออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นก่อนที่จะสั่งออกไปข้างนอก “ไปที่กองกําลังสํารองแล้วไปตรวจสอบอาวุธทั้งหมดที่ยังเหลืออยู่
 
“ครับ!” ทหารที่เฝ้าอยู่นอกห้องก็เดินออกไปจากอาคาร
 
“จะว่าไปแล้วรายงานพิเศษคิดว่าเชื่อได้ไหม?” รองผบอีกคนถาม
 
“ฉันว่ามันเป็นไปได้ยาก ถ้ามันใช้ได้จริงเราคงไม่ต้องเจอปัญหาแบบนี้หรอก” ผู้บัญชาการไพันพูดพลางถอนหายใจ“นั่งอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์ไปดูที่แนวป้องกัน กันก่อน”
 
“ครับ!” แล้วนายทหารระดับสูงทั้งสามคนก็เดินออกจากห้องไป
 
เมื่อทั้งสามเดินมาถึงบริเวณรอบนอกของค่ายพวกเขาก็เห็นกระสอบทรายและรั้วลวดหนาม
 
นายร้อยที่อยู่ใกล้ได้วิ่งเข้ามาก่อนจะทําความเคารพ “ท่านผู้บัญชาการ!”
 
“อืม” ผบ.พยักหน้ารับเขามองไปที่รั้วลวดหนามที่มี “หนูยักษ์”กําลังตะกุยตะกายฝ่าเข้ามาแต่ก็โดนท่อนไม้ติดไฟของทหารฟาดไล่ไป พวกมันดูบาดเจ็บนิดหน่อยแต่ก็ไม่ตาย
 
“พวกมันเป็นยังไงบ้าง?มาบ่อยรึปล่าว?”
 
“พวกมันมีแรงที่เยอะมากครับ เราทําได้แค่ไล่มันไปเท่านั้นส่วนความถี่พวกมันมาทีละ2-5ตัว มาทุกราวๆ10-15นาที”
 
“อิ่ม พยายามตั้งเวรยามให้รัดกุมอย่าให้พวกมันเข้ามาได้”
 
“ครับผม!”
 
“เอาหละพวกเราไปดูคลังแสงของกองกําลังสํารองกัน” แล้วผบ.กับสองรองผบ.ก็ไปยังคลังแสง
 

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset