The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 61 เจออสูรทรายครามแล้วสิ

The Great Geneticist in Apocalypse
ตอนที่61 เจออสูรทรายครามแล้วสิ
เบลซจ้องไปยังทรายที่ฟ้าครามที่แทบจะมองไม่เห็นเนื่องจากความมืดมิดในยามราตรีตรงบริเวณที่นูนอยู่นิดหน่อย
“เถาโลหิต”
“พรึบ” เถาพิษโลหิตทั้งเจ็ดมุดลงไปในดินเบลซใช้ความรู้สึกในการควบคุมพวกมันสานเป็นตาข่ายแล้วค่อยๆรวบเข้าไปใกล้ๆ
“ซูวว!” พอได้จังหวะเบลซยกตาข่ายขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วรวบอะไรบางอย่างได้มันเป็นก้อนกลมๆประมาณลูกฟุตบอลมีขนสีน้ําเงินรอบตัวจนไม่เห็นส่วนอื่นของร่างกายนอกจากดวงตากลมอันบ้องแบ้วหนึ่งคู่ของมันของมัน
 
เพียงแวบแรกที่เบลซเห็นเค้าก็พอจะรู้แล้วว่าตัวอะไรเพราะมีข้อมูลจากชิพจนแทบอดเก็บอาการดีใจไม่ได้จนต้องคิดในใจ “เอลลี่นี้ตัวนําโชคของแท้”
 
“ประเมิน”
 
“อสูรทรายคราม(เขียวอ่อน)ระดับ1”
“ขุมทรัพย์พ” เบลซอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นและดีใจสุดขีดสิ่งที่เขาคิดว่าจะไม่ได้แต่ก็ได้
อสูรทรายครามเป็นสัตว์อสูรที่หาได้ยากมากเนื่องจากมันเป็นสัตว์อสูรที่พิเศษและมักได้รับการปกป้องจากสัตว์อสูรธาตุทรายหินหรือโลหะตัวอื่นๆและมีจํานวนน้อยด้วย
จากข้อมูลในชิพจริงๆแล้วตัวอสูรทรายครามเองแทบไม่มีพลังต่อสู้และถูกล่าได้ง่ายๆจากสัตว์อสูรตัวอื่นๆแต่ว่ามันกับเป็นที่รักของสัตว์อสูรธาตุขั้นสูงทั้งสามธาตุเพราะว่ามันมีความสามารถเฉพาะตัวที่พิเศษมาก
 
คล้ายๆกับแมงปองคริสตัลที่พวกเบลซไปถล่มมาเมื่อเช้าแม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรไร้ธาตุแต่ว่ามันก็มีพิษเพราะว่าเดิมที่มัน ก็เป็นสัตว์มีพิษแถมพิษก็ยังรุนแรงตามความแข็งแกร่งของมันด้วย!
ส่วนเจ้าตัวนี้มันวิวัฒนาการมาจนมีความสามารถพิเศษนั้นคือมันชอบปนหินและพวกแร่ต่างๆและมันสามารถอยู่ได้ในทรายสีฟ้าครามนี้โดยที่ไม่ต้องกินอะไรเป็นพิเศษนอกจากพืชทั่วๆไป น้ําเล็ก น้อยและแร่ธาตุ
 
ประเด็นที่สําคัญก็คือแร่ที่ผ่านการปนของมันจะกลายเป็นวัตถุดิบทําอาวุธและชุดเกราะชั้นดี แร่ระดับเขียวอ่อน ทรายเหล็กคราม!ทรายเหล็กครามมีคุณสมบัติใหญ่ๆเลยก็คือหนึ่งมันเหนียวแน่นและแข็งแรงยิ่งกว่าเหล็กกล้า! สองมันไม่ขึ้นสนิม! นอกจากจะเป็นวัตถุดิบทําอาวุธแล้วยังเป็นเหมือนยาช่วยวิวัฒนาการสําหรับสัตว์อสูรธาตุทรายหินและโลหะด้วยดังนั้นพวกมันจึงมักปกป้องและดูแล อสูรทรายครามดังหัวแก้วหัวแหวน
 
สําหรับคนที่คิดจะฆ่ามันเพื่อเอาคริสตัลสองธาตุขอบอกเลยว่าโง่มากเพราะว่าเจ้าตัวนี้ไม่มีคริสตัลสัตว์อสูรเนื่องจากอะไรก็ไม่รู้แต่ว่าคาดการณ์ว่าเพราะว่ามันมีความพิเศษในการสร้างทรายเหล็กครามแล้วและไม่มีพลังต่อสู้มานักเลยไม่มีคริสตัลไม่อย่างนั้นผู้รอดชีวิตคงหาคริสตัลสองธาตุได้อย่างง่ายดายจนเกินไป
 
“สาเหตุที่ไม่มีสัตว์อสูรตัวอื่นมาคอยดูแลพวกมันคงเพราะว่าเจ้าพวกนี้พึ่งจะวิวัฒนาการมาและยังไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนมาเจอหละมั้ง?”เบลซคิดและตาก็ยิ่งเต็มไปด้วยประกาย
 
“ จะมีตัวอื่นอีกรึปล่าวนะ?” เบลซคิดในใจตอนนี้เค้าแทบจะไม่สนใจต้นกุหลาบชําระล้างแล้วเพราะว่ามันก็ยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนสิ่งที่เค้าต้องการในตอนนี้คือการหาอสูรทรายครามซึ่งหายากกว่ามากเพิ่ม
“มิ้วๆ มิ้วๆ มั่วๆ”
เบลซหยิบอสูรทรายครามออกมาไว้ในมือมันพยายามดิ้นออกจากมือของเบลซแต่ว่าแน่นอนว่ามันไม่สามารถทําได้เลยแม้แต่น้อยเบลซถือมันไว้อย่างนั้นแล้วเริ่มหาตัวต่อไปในพื้นทรายสีครามนี้
 
เบลซกะคร่าวๆพื้นทรายนี้กินพื้นที่กว้างราวๆ20×20เมตรเท่านั้นแต่ว่าจุดที่ทรายลึกพอที่พวกมันจะอยู่ได้มีแค่5×5เมตรเท่านั้น
 
หลังจากเช็ครอบๆแล้วว่าปลอดภัยเบลซก็กวักมือเรียกเอลลี่ในเธอช่วยถืออสูรทรายคราม
 
หลังจากที่เบลซดักล่อแล้วรวบข่ายที่สานจากเถาพิษโลหิตทั้งหมดเค้าได้อสูรทรายครามมาทั้งหมด8ตัวแต่น่าจะมีแค่นี้พรุ่งนี้เขาจะพาเพื่อนๆมาขุดทรายเหล็กครามด้วยเบลซสานเถาพิษโลหิตเป็นถุงตาข่ายขนาดใหญ่และใส่อสูรทรายครามเข้าไปทั้งหมดและใช้งาวค่อยๆแซะดินเป็นบล็อคสี่เหลี่ยมโดยมีต้นกุหลาบชําระล้าง และเก็บมันเข้าไปในช่องเก็บของ
 
“กลับกันเถอะ” คืนนี้เบลซได้เก็บเกี่ยวอย่างมหาศาลและเดินกลับไปที่ฐานกับเอลลี่อย่างมีความสุข
เมื่อถึงที่ฐานเอลลี่ได้กล่าวลาเบลซพร้อมกับพูดว่า “ฝันดีนะ”
 
“เธอก็เหมือนกันฝันดี” แล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป
 
“แล้วจะเอายังไงกับพวกนี้ต่อดี?” เบลซมองไปที่อสูรทรายครามที่เค้าไปจับมาเค้าลืมคิดเลยว่าจะเลี้ยงที่ไหนดี
 
“เรียกชิ้นมาก่อนละกัน” เบลซคิดในใจก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านพักแล้วไปเรียกชินที่กําลังอ่านหนังสืออยู่
“มีอะไรหรอ” ชินถาม
 
“นายเห็นพวกนี้ไหมหละ” เบลซยกพวกอสูรทรายครามขึ้นมา
 
“แล้วจะให้ฉันทําอะไร อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันทํากรงให้”
 
“ประมาณนั้นแหละ”
 
“นายนี้สร้างงานให้ฉันจริงๆ แล้วตรงไหนหละ”
“อืมม ตรงลานหลังบ้านนั้นแหละสร้างชั่วคราวก่อนอะนะนายแค่สร้างเสาหินตามที่ฉันบอกก็พอ” เบลซพูด
“ได้ๆ แต่มันจะไม่หนีหรอ?” ชินถามด้วยความสงสัย
“ไม่หรอพวกนี้หนะเวลาอยู่ตรงไหนแล้วก็จะอยู่ตรงนั้นเลย”เบลซอธิบายเพราะว่าอสูรทรายครามจะอยู่แค่เฉพาะจุดที่มีทรายเหล็กครามที่พวกมันสร้างขึ้นเท่านั้นและไม่เกลียดที่จะออกจากทรายเหล็กครามดังนั้นตราบใดที่คอยตักทรายออกและควบคุมไม่ ให้ทรายเหล็กครามขยายพื้นที่ไปไกลพวกมันก็จะไม่ไปไหน
“เข้าใจแล้ว” ชินพยักหน้าการสร้างเสาศิลาเป็นงานหมูๆสําหรับเขาเมื่อเทียบกับกําแพงฐานที่เบลซให้เขาทํา
 
“ก่อนอื่นก็ต้องปรับทัศนะคติกันก่อนหละนะ” เพราะว่าเบลซจับมันขึ้นมาทําให้มันพยายามหนีไปจากเบลซและทําตัวไม่ค่อยเชื่องทั้งที่ปกติแล้วมันเป็นสัตว์อสูรไม่กี่ชนิดที่มีนิสัยเป็นมิตร
 
“เอาหละโทษทีนะที่ฉันจับพวกนายมาเดี๋ยวฉันจะสร้างที่อยู่ใหม่ให้แล้วก็เพื่อเป็นคําขอโทษฉันจะให้ไอนี้เพื่อเป็นมิตรภาพสําของพวกเราใช่มั้ย?” เบลซยื่นเปลือกคริสตัลชิ้นนึ่งของนางพญาแมงปองคริสตัลเหมันต์ออกมาให้พวกมัน
 
“นิ้ว? นิ้ว? นิ้ว?” พวกอสูรทรายครามกระพริบตาปริบๆด้วยความกระหายแน่นอนว่าพวกมันก็เป็นสัตว์อสูรย่อมอยากได้ของดีๆมาวิวัฒนาการตัวเองเหมือนกัน
“นิ้ว นิ้ว นิ้ว” พวกมันกลิ้งไปกลิ้งมาเป็นเส้นตรงประมาณว่า“จะยกโทษให้ก็ได้”แล้วเบลซก็พาพวกมันก็ไปที่ลานหลังบ้านซึ่งชินได้เตรียมเสาหินทั้งวางแนวตั้งแต่แนวนอนไว้ให้แล้ว
 
“นิ้ว! นิ้ว! นิ้ว!” พวกอสูรทรายครามพุ่งไปที่เสาศิลาและเริ่มให้ขนของพวกมันสีไปสีมาที่เสาศิลาถ้าสังเกตดีๆจะสังเกตได้ว่ามีผงสีฟ้าครามออกมาที่ละเล็กน้อยออกมาจากการสีของพวกมัน
“เอาหละภารกิจวันนี้เสร็จเรียบร้อยรีบนอนดีกว่า”เบลซกลับ ข้าบ้านพักไปอาบน้ําและเข้านอน
 
วันต่อมา เบลซก็ตื่นแต่เช้าเหมือนเดิมทุกคนก็อาบน้ําและรวมกันกินข้าวเช้า ก่อนจะทําหน้าที่ของตัวเอง โดยชินไปสร้างกําแพงหนามศิลาต่อจากเมื่อวาน เพิ่งหยิ่งหยิงและรินได้ใช้พลังธษตุพืชเร่งโตต้นไม้และเริ่มปลูกข้าวพลังงานสูงเพิ่ม แน่นอนว่าเบลซได้ให้ต้นกุหลาบชําระล้างไปปลูกด้วย ส่วนต้นคริสตัลแบริเออร์มันจําเป็ นต้องขุดหลุมค่อนข้างใหญ่พวกเธอสองคนคงทํากันไม่ไหวเดี๋ยวถ้าวันนี้มีเวลาเหลือก็จะช่วยกันขุด
ส่วนคนอื่นวันนี้จะต้องมาช่วยกันขุดทรายเหล็กครามไปไว้ตรงที่เลี้ยงอสูรทรายครามไว้แน่นอนว่าแค่ครึ่งเดียวมันก็อยู่ได้อย่างสบายๆแล้วและไม่กินพื้นที่มากด้วยที่เหลือก็ให้พวกมันค่อยๆสร้างกันเองส่วนอีกครึ่งนึงก็รวบรวมเก็บไว้ เนื่องจากยังไม่มีที่เก็บเบลซเลยกดสร้างโรงเก็บไม้และหินที่ยังฟรีในครั้งแรกอยู่โดยสร้างไว้ที่ข้างร้านตีเหล็กและเก็บทรายเหล็กครามอีกครึ่งหนึ่งใส่กระสอบและนําไปไว้ในโรงเก็บ
หลังจากนั้นงานเสร็จเร็วกว่าที่คิดไว้มากเลยทําให้พวกเขามีเวลาช่วยกันขุดดินปลูกต้นคริสตัลแบริเออร์ แน่นอนว่ามีอุปกรณ์ไม่พอสําหรับทุกคนก็เลยผลัดๆกันขุดจนในที่สุดก็เสร็จและทุกคนก็ตกลงกันว่าวันนี้จะพักกันก่อนหนึ่งวันเป็นการผ่อนคลายหลังจากทํางานหนักติดกันมาสามวัน พวกเขาแทบจะทําตั้งแต่เช้ายันค่ํามืดไม่ว่า จะเป็นสํารวจต่อสู้สร้างนั้นนี้นั้นนับของปลูกพืช ฯลฯ ดังนั้นโอกาสที่จะได้พักตั้งแต่กลางวันอย่างวันนี้จึงมีไม่มากซึ่งเบลซก็เห็นด้วย
 
กุหลาบชําระล้าง
 

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse
Status: Ongoing
The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset