“เอี๊ยด!”
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ รถออดี้ A6 สีดำคันหนึ่ง พุ่งเข้ามาถึงเส้นชัยเป็นคันแรก
“เป็นไปได้ยังไง”
เฉินอิงจวิ้นมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
หยวนเซ่าก็เบิกตาโตเช่นกัน
คนอื่นแค่ตกใจที่หยางเฉินแซงเทพรถน้อยสวีเทาเท่านั้น
แต่พวกเขารู้ดีว่า เกิดอะไรขึ้นบนภูเขา
“นายแพ้แล้ว!”
ซูซานลงจากรถ และจ้องเฉินอิงจวิ้นด้วยสีหน้าได้ใจ
ตอนนี้ความโกรธในใจที่มีต่อเฉินอิงจวิ้นมีอย่างมากมาย ถ้าหยางเฉินไร้ความสามารถ คงโดนฆ่าไปแล้ว
ขณะนี้ สวีเทาก็กลับมาถึงเส้นชัยเหมือนกัน
สีหน้าของเขาซีดเผือด สายตาที่มองหยางเฉิน เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“คุณชายจวิ้น ผมแพ้แล้ว ขอโทษครับ!”
สวีเทาเดินเข้ามายืนข้างเฉินอิงจวิ้น และก้มหัวขอโทษ
การแข่งรถครั้งนี้ เขาแพ้อย่างราบคาบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทักษะการแข่งรถของหยางเฉิน หรือความกล้าบ้าบิ่น เขายังห่างไกลกับหยางเฉินมาก
การที่ทำภารกิจที่เฉินอิงจวิ้นมอบหมายให้ไม่สำเร็จ ทำให้เขารู้สึกกล้าๆ กลัวๆ
เฉินอิงจวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “แกนี่มันสวะจริงๆ!”
สวีเทารู้สึกโมโหขึ้นในใจ แต่สุดท้ายเขาก็ระงับความโกรธเอาไว้
“ไม่รู้ว่านายยังมีแผนอะไรอีกหรือเปล่า รีบใช้มันออกมาสิ ฉันไม่มีเวลามาเสียเวลากับนาย!”
หยางเฉินมองเฉินอิงจวิ้นอย่างยียวน ความอาฆาตฉายออกจากส่วนลึก ในแววตาของเขา
ใครจะมาหาเรื่องเขาก็ได้ แต่ถ้าจะมาข่มขู่กันถึงชีวิต เขาไม่มีทางปล่อยไปแน่นอน
ซูซานก็มองเฉินอิงจวิ้นด้วยแววตาเย็นชา
“ไม่เจอกันนานนี่ คุณหยาง!”
ขณะนั้น น้ำเสียงอันแสนคุ้นเคยดังขึ้น
สายตาของทุกคน มองไปยังคนพูดทันที
“พี่มาได้ยังไง”
หยวนเซ่ามองคนนั้นด้วยสีหน้าตกตะลึง ขณะเดียวกัน แววตาของเขาก็ตื่นตระหนก
เรื่องในคืนนี้ เขากับเฉินอิงจวิ้น แอบทำลับหลังหยวนมู่
“พี่มู่!”
เฉินอิงจวิ้นมีท่าทีนอบน้อมต่อหยวนมู่มาก
หยวนมู่พยักหน้าเบาๆ และเดินเข้าไปหาหยางเฉิน
“ฉันไม่น่าจะสนิทกับนายนะ”
หยางเฉินถามด้วยสีหน้าราบเรียบ
หยวนมู่หัวเราะ “พี่หยาง ตอนนี้ถึงเราจะไม่สนิทกัน แต่หลังจากนี้ อาจจะกลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุดก็ได้”
“หา?”
หยางเฉินคิดไม่ถึง ตอนแรกคิดว่าหยวนมู่จะมาหาเรื่อง แต่ดูท่าแล้ว เหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น
“พี่พูดอะไรน่ะ”
หยวนเซ่ามีสีหน้าตกใจ จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “พี่อย่าลืมสิ ครั้งก่อนก็เพราะมัน ที่ทำให้เราโดนหงฝูไล่ออกจากงานประมูลต่อหน้าทุกคน!”
“หุบปาก!”
หยวนมู่ตวาดใส่หยวนเซ่า
เฉินอิงจวิ้นก็อึ้งไปเช่นกัน นี่หยวนมู่เป็นอะไรไป
ในที่นี้ ยังมีคนในตระกูลใหญ่ของเมืองโจวเฉิงอีกมากมาย
หยวนมู่กลับตวาดใส่หยวนเซ่าต่อหน้าทุกคน นี่แสดงให้เห็นว่า เขาให้ความสำคัญกับหยางเฉิน
ทุกคนมีสีหน้าตกใจ
“เป็นเพื่อนกับฉันงั้นเหรอ”
จู่ๆ หยางเฉินก็ถามอย่างยียวน
หยวนมู่หัวเราะ “ผมแค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณหยาง แต่ไม่รู้ว่าคุณหยางจะยอมรับหรือเปล่า”
หยางเฉินหัวเราะ ขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าหยางเฉินจะตอบตกลง เขาก็พูดออกมาว่า “นายคิดว่าตัวเองเหมาะสม ที่จะเป็นเพื่อนกับฉันเหรอ”
ทุกคนอึ้งไปทันที หยวนมู่เป็นหนึ่งในสองตระกูลใหญ่ในเมืองโจวเฉิง เขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลหยวน และเป็นฝ่ายขอหยางเฉินเป็นเพื่อน คิดไม่ถึงว่าหยางเฉินจะปฏิเสธ
หยวนมู่ชะงักไป เขารู้ว่าหยางเฉินหยิ่งยโส และเคยได้ยินเรื่องที่หยางเฉินทำมาทั้งหมด
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า หยางเฉินจะไม่ไว้หน้าเขาขนาดนี้
สีหน้าของเขาอึมครึม ผ่านไปครู่หนึ่งถึงจะกลับมาปกติ “พี่หยางไม่ไว้หน้าผมสักนิดเหรอ”
“นายเป็นใคร ทำไมฉันถึงต้องไว้หน้านายด้วย”
ขณะนั้น อำนาจของหยางเฉินพลุ่งพล่าน เขาพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “ถ้านายอยากมีเรื่องกับฉัน ก็รีบเข้ามา ฉันจะสู้กับนาย แต่ก่อนจะลงมือ นายต้องคิดถึงผลที่จะตามมาด้วย!”
“ไอ้ฉิบหาย! แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าพูดกับพี่ชายฉันแบบนี้”
หยวนเซ่าเดือดมาก การที่เขามาที่นี่ในคืนนี้ ก็เพราะต้องการฆ่าหยางเฉิน
แต่คิดไม่ถึงว่าหยวนมู่จะมา ยิ่งไปกว่านั้น หยวนมู่ยังอยากเป็นเพื่อนกับหยางเฉินด้วย
“เพียะ!”
สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจก็คือ เมื่อหยวนเซ่าพูดจบ หยวนมู่ก็ตบหน้าหยวนเซ่าอย่างแรง
“ถ้าแกยังกล้าดูถูกพี่หยางแม้แต่คำเดียว อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
หยวนมู่พูดออกมาด้วยแววตาเย็นชา
หยวนเซ่ามองหยวนมู่ด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ เขาพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “พี่ตบผม เพราะสวะตัวเดียวอย่างนั้นเหรอ”
หยวนมู่พูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าไม่อยากตาย ก็หุบปากซะ!”
หยวนมู่รู้เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นที่ร้านอาหารเป่ยหยวนชุนแล้ว
หยางเฉินเป็นคนที่แม้แต่เจ้าบ้านตระกูลมู่แห่งเมืองเอก ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา แต่เขากลับทำให้แขนของมู่เจิ้นพิการ ต่อหน้าของมู่ตงเฟิง
แถมยังบีบบังคับให้เฉินอิงเหาคุกเข่าให้ ต่อหน้าของเฉินซิงไห่เจ้าบ้านตระกูลเฉิน
แต่เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญก็คือเฉียนเปียวปรากฏตัวแล้ว แถมยังติดตามอยู่ข้างกายหยางเฉินอีกด้วย
เฉียนเปียวคือฝันร้าย ในสายตาของคนเมืองโจวเฉิง!
เมื่อเชื่อมโยงกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่สมาคมประมูลเมิ่งจี้ เมื่อครั้งก่อนที่เจียงโจว เหมือนหยวนมู่จะสรุปได้ว่าหยางเฉินคือคนที่อยู่เบื้องหลังเฉียนเปียว
นี่แสดงให้เห็นว่า คนที่ทำลายตระกูลหยางในเมืองโจวเฉิง ก็คือหยางเฉิน
คนหนุ่มที่แค่ยกมือ ก็สามารถทำลายตระกูลชั้นนำในเมืองโจวเฉิงได้ ตระกูลหยวนจะมองข้ามและไปล่วงเกินได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น ตอนที่เขารู้ว่าหยวนเซ่ามาที่ภูเขาห้าธาตุกับเฉินอิงจวิ้น เพื่อจะจัดการหยางเฉิน เขาจึงรีบมาที่นี่ทันที
“ยังไม่รีบขอโทษคุณหยางอีกเหรอ”
หยวนมู่แผดเสียงออกมา
ถึงหยวนเซ่าจะไม่เต็มใจ แต่เขาไม่กล้าอกตัญญูต่อหยวนมู่ เขาจึงทำได้เพียงพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “ขอโทษ!”
หยางเฉินมองหยวนมู่ด้วยแววตาราบเรียบ และพูดเตือนว่า “ถ้าไม่อยากให้ตระกูลหยวนต้องติดร่างแหไปด้วย ฉันเตือนให้พวกนาย ออกห่างจากตระกูลเฉินซะ”
พูดจบ หยางเฉินก็พาซูซานออกไป
เมื่อเห็นหยางเฉินขับรถพาซูซานออกไป สีหน้าของหยวนมู่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
“พี่ทำแบบนี้ทำไม” หยวนเซ่ากัดฟันพูด
หยวนมู่มองเขาด้วยแววตาราบเรียบ แต่ไม่ได้อธิบายอะไร เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “กลับบ้าน!”
“พี่มู่ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
เฉินอิงจวิ้นเดินเข้ามาถามอย่างสงสัย
หยวนมู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เฉินอิงจวิ้น ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เราไม่ต้องไปมาหาสู่กันอีก!”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินไป
เฉินอิงจวิ้นยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ผ่านไปนาน กว่าจะตั้งสติได้ สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ในคำพูดของหยวนมู่ เต็มไปด้วยคำเตือน
“อิงจวิ้น ฉันไปก่อน!”
หลังจากที่หยวนเซ่าบอกลาเฉินอิงจวิ้น เขาก็เดินตามหยวนมู่ออกไป
ถึงแม้ทุกคนจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขารู้ดีว่าเกิดรอยร้าวขึ้นระหว่างสองตระกูลใหญ่แห่งเมืองโจวเฉิง
“พี่ มันเกิดอะไรขึ้น”
หลังจากขึ้นมาบนรถ หยวนเซ่าจึงถามขึ้น
ตอนที่โดนหยวนมู่ตบต่อหน้าทุกคน เขาโกรธมาก แต่ตอนนี้เขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
เมื่อไม่มีคนอื่น หยวนมู่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าเมื่อกี้ฉันมาช้าไปแค่ก้าวเดียว แกอาจจะไม่รอดแล้วก็ได้!”
“หมายความว่ายังไง”
หยวนเซ่ามีสีหน้าตกใจ
จู่ๆ หยวนมู่ก็ถามขึ้นว่า “แกคิดว่าตระกูลมู่แห่งเมืองเอก ถ้ามาอยู่ในเมืองโจวเฉิง จะนับว่าเป็นตระกูลแบบไหนกันล่ะ”