“ทำไมกัน? ผู้นำเฉินคิดจะฆ่าผมแล้วเหรอ?”
หยางเฉินมองทางเฉินซิงไห่พลางถามหยอกเย้าขึ้น
หัวใจเฉินซิงไห่เต้นรัวแบบบ้าคลั่งอยู่เช่นกัน ในสายตาพยายามดิ้นรนเต็มที่ ส่วนในใจยังขัดแย้งกันอยู่ว่าจะฆ่าหรือไม่ฆ่าดี
ถ้าฆ่าหยางเฉินแล้ว ตระกูลหานคงต้องไม่ปล่อยตระกูลเฉินไปเป็นอันขาด
แต่ถ้าไม่ฆ่า ขอเพียงได้รับการอภัยของหยางเฉินมาได้ ตระกูลเฉินยังมีความเป็นไปได้ที่จะอยู่รอด
ภายใต้การเปรียบเทียบดู เหมือนจะทำได้เพียงเลือกไม่ฆ่าแล้ว
“พ่อครับ ฆ่าเขาเลย จะได้แก้แค้นให้อิงจวิ้นซะที!”
เฉินเห้ากัดฟันบอกไป
เฉินเห้าหน้าตาเต็มไปด้วยแรงอาฆาตแค้น โดยเฉพาะสำหรับเขานั้น การตายของเฉินอิงจวิ้น ก็คือหยางเฉินเป็นคนทำทั้งหมด
ลั่วปิงมองทางเฉินเห้าอย่างเย็นชา พูดแบบไม่เกรงใจเลยสักนิด “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เฉินซิงไห่ถือว่าเป็นบุคคลระดับแนวหน้าของเมืองโจวเฉิง แต่กลับมีลูกชายโง่เขลาแบบนายได้ซะงั้น ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าของตระกูลเฉินจริงๆ เลย!”
“นายว่าอะไรนะ?”
ชั่วขณะนั้นเฉินเห้าระเบิดความโกรธออกมา
“หุบปาก!”
เฉินซิงไห่ตะโกนอย่างโมโห ลูกชายของเขาเป็นคนประเภทไหน เขารู้ดีมาก
ถึงแม้คำพูดของลั่วปิงจะฟังไม่เข้าหูไปหน่อย แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้
เห็นเฉินซิงไห่หงุดหงิด เฉินเห้าจึงรีบหุบปากทันที ในสายตากลับเต็มไปด้วยความเกลียดอันรุนแรง
“นึกไม่ถึงว่านายจะกล้ามาที่ตระกูลเฉินของฉัน!”
เฉินซิงไห่มองทางหยางเฉินแล้วพูดขึ้น
นับวันเขายิ่งรู้สึกว่าหยางเฉินไม่ธรรมดา สามารถทำให้ลั่วปิงและซูเฉิงอู่บุคคลชั้นนำแบบนี้ปกป้องสุดแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังอยู่ต่อหน้าของมู่ตงเฟิงด้วย ย่อมไม่ธรรมดาเป็นแน่
สำหรับความสัมพันธ์ของหยางเฉินและหานเซี่ยวเทียน ถูกเขาเพิกเฉยไปโดยอัตโนมัติ
สำหรับเขานั้น หยางเฉินแค่ช่วยชีวิตของหานเซี่ยวเทียนโดยบังเอิญเท่านั้น อีกไม่นานเท่าไร หานเซี่ยวเทียนคงลืมเลือนไปว่ายังมีหยางเฉินคนแบบนี้อยู่ด้วย
เวลานี้หยางเฉินและลั่วปิงทั้งสองคนมาที่ตระกูลเฉิน ต้องเป็นเพราะมีคนหนุนหลังอยู่แน่
ในที่สุดเฉินซิงไห่จึงตัดสินใจได้ ไม่ลงมือ จากนั้นพูดสั่งยอดฝีมือของตระกูลเฉินที่อยู่รอบด้านว่า “พวกแกถอยไปให้หมด!”
“พ่อ……”
เฉินเห้าตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน กำลังอยากจะขัดขวาง ก็ถูกเฉินซิงไห่สั่งการว่า “แกก็ไสหัวออกไปด้วยเหมือนกัน!”
เฉินเห้าถลึงตาใส่หยางเฉินอย่างแรงทีหนึ่ง แล้วออกไปแบบหงอยเหงาเศร้าซึม
ชั่วพริบตาเดียว ภายในห้องรับแขกที่กว้างใหญ่เหลือเพียงหยางเฉินกับลั่วปิง ยังมีเฉินซิงไห่ และศพอีกคนเท่านั้น
“ประธานลั่วกับคุณหยางมาเยี่ยมผมที่ตระกูลเฉินกะทันหัน น่าจะมีธุระอะไรมาคุยมั้ง?”
เฉินซิงไห่มองทางทั้งสองคนด้วยหน้าตาไร้ซึ่งอารมณ์ น้ำเสียงไม่ถ่อมตัวไม่โอหัง
ถึงแม้ว่าหยางเฉินจะพูดมาประโยคหนึ่ง มีความเป็นไปได้ว่าอาจให้ตระกูลหานออกหน้าแทน พังตระกูลเฉินจนพินาศ แต่เฉินซิงไห่ก็ยังคงไม่แสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าหยางเฉิน
“ประธานลั่ว คุณมาพูดแล้วกัน!”
หยางเฉินนั่งอยู่ตรงข้ามกับเฉินซิงไห่
ลั่งปิงกลับทำเพียงแค่ยืนอยู่ข้างกายของเขา จากตรงนี้สามารถมองออกว่าลั่วปิงต้องฟังคำสั่งของหยางเฉินถึงจะกระทำการ
รายละเอียดอันนี้ ทำให้ในใจของเฉินซิงไห่ตื่นตกใจเต็มที่
“ครับ!”
ลั่วปิงตอบรับอย่างเคารพนอบน้อม จากนั้นถึงมองทางเฉินซิงไห่ “เฉินซิงไห่ นายควรจะรู้สึกโชคดี ถ้าไม่ใช่คุณหยาง เกรงว่าตระกูลเฉินคงพังพินาศไปแล้ว”
“เหอะ!”
เฉินซิงไห่พูดอย่างเย็นชา “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ ฉันรำคาญพวกชอบพูดอ้อมค้อม!”
ลั่วปิงหน้าตาไร้ความรู้สึกมองเขาไปทีหนึ่ง “เฉินซิงไห่ ถ้าให้โอกาสขึ้นเป็นตระกูลใหญ่ชั้นนำหนึ่งเดียวของเมืองโจวเฉิงแก่นาย นายจะยินดีเอาหรือเปล่า?”
เฉินซิงไห่ตะลึงอยู่ตั้งนาน ถึงได้สติเข้ามา ส่งเสียงหัวเราะเยาะ “ลั่วปิง นายเห็นฉันเฉินซิงไห่คนนี้เป็นไอ้โง่หรือไง? ต่อให้มีโอกาสแบบนี้จริง นายจะใจดีให้ฉันเหรอ?”
“เฉินซิงไห่ นายอย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ขอเพียงคุณหยางพูดมาคำเดียว ก็ทำให้ตระกูลเฉินของนายพังพินาศได้!”
ลั่วปิงโกรธอยู่บ้าง พูดจาเย็นชา “ตอนนี้นายมีเพียงสองทางเลือก ฉันช่วยเหลือนาย ทำให้ตระกูลหยวนพังทลาย! หรือไม่งั้นตระกูลเฉินก็พังพินาศ!”
“นายหมายความว่าอะไร?”
จากคำพูดของลั่วปิง เฉินซิงไห่รู้สึกถึงความผิดปกตินิดหน่อย
เขารู้ถึงสถานการณ์ที่ตระกูลเฉินเผชิญอยู่ในปัจจุบันนี้ดีมาก ถ้าหยางเฉินอยากกำจัดตระกูลเฉินจริง ตระกูลเฉินย่อมไม่มีแรงต้านทานสักนิด
แต่ลั่วปิงกลับบอกว่าจะช่วยเหลือเขาทำลายตระกูลหยวน
“คนฆ่าหลานชายนายที่แท้จริงคือตระกูลหยวน! ส่วนนักฆ่าคนนี้ คือคนที่ตระกูลหยวนส่งมา”
ลั่วปิงยื่นมือชี้ไปยังศพที่ใส่ชุดสีดำทั้งตัวนั้น ก่อนจะพูดจาแบบเฉยชา
ชั่วขณะนั้นสีหน้าเฉินซิงไห่เปลี่ยนไปยกใหญ่ “เป็นไปไม่ได้!”
“สิ่งที่ควรพูดก็พูดแล้ว อยากเลือกยังไง นั่นเป็นเรื่องของนาย คุณหยางให้เวลานายครุ่นคิดแค่ครึ่งวัน วันนี้ก่อนตะวันตกดิน ถ้านายยังไม่ได้ตอบกลับมา งั้นคุณหยางจะถือว่านายเลือกทางตายแล้ว!”
ลั่วปิงพูดจบ ลุกขึ้นยืน มองทางหยางเฉิน “คุณหยางครับ พวกเราไปกันหรือยังครับ?”
“มีอีกหน่อย ฉันต้องการเสริมสักนิด ต่อให้นายเลือกทางที่หนึ่ง ก็ทำได้เพียงจัดการทุกอย่างของเมืองโจวเฉิงแทนฉันเท่านั้น แต่ไม่ใช่ให้ตระกูลเฉินของนายควบคุมทุกอย่าง”
หยางเฉินลุกขึ้นมาแบบเชื่องช้า ดวงตาที่เย็นเฉียบจ้องเฉินซิงไห่ “อย่าพยายามหักหลังฉันเป็นอันขาด ก่อนหน้านี้ไม่นาน มีตระกูลหนึ่งที่เมืองโจวเฉิง หายไปจากเมืองโจวเฉิงในชั่วข้ามคืนเดียว!”
“รู้หรือเปล่าว่าทำไม? เพราะพวกเขาเลือกที่จะหักหลังไง!”
พูดจบ หยางเฉินก็หมุนตัวออกไป
ลั่วปิงมองเฉินซิงไห่และพูดว่า “นายเป็นคนฉลาด บางเรื่องน่าจะสามารถเข้าใจได้ ถ้าตระกูลเฉินและตระกูลซูเกี่ยวดองกันจริง ตำแหน่งของตระกูลเฉินที่เมืองโจวเฉิงจะสูงขึ้นอีกครั้ง สถานการณ์แบบนี้ คนที่ไม่ยินยอมเห็นมากที่สุดคือใครล่ะ?”
ลั่วปิงทิ้งคำพูดแบบนี้เอาไว้ จากนั้นถึงตามหยางเฉินออกไปติดๆ
หน้าเฉินซิงไห่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจ จ้องภาพเบื้องหลังของหยางเฉินที่จากไปตาไม่กะพริบ
ในช่วงเวลานี้ มีเพียงตระกูลเดียวที่พังทลายลงไปในชั่วข้ามคืน นั่นก็คือตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิง
เรื่องนี้ เดิมคือปัญหาที่คาราคาซังกันอยู่ คนเมืองโจวเฉิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงว่าเฉียนเปียวออกไปจากตระกูลหยาง ต่อมาศัตรูที่ตระกูลหยางเคยล่วงเกินไว้ ต่างมาหาถึงที่แล้ว
ถ้าไม่ใช่ความฉลาดปราดเปรียวของหยางเซี่ยงหมิง เกรงว่าตระกูลหยางคงโดนประหารชั่วโคตรไปแล้ว
ตระกูลหยางเป็นตระกูลระดับหนึ่งของเมืองโจวเฉิง แต่สำหรับตระกูลใหญ่โตแต่ละที่ของเมืองโจวเฉิง เทียบกับตระกูลเฉินและตระกูลหยวนแล้ว ความน่าเกรงขามของพวกเขายังยิ่งใหญ่กว่า
เพราะตระกูลหยางมีเฉียนเปียว ทหารที่กล้าหาญผู้ซึ่งสามารถขึ้นสู่ระดับหัวหน้าได้อย่างง่ายดาย
เมื่อคืนนี้ที่ร้านอาหารเป่ยหยวนชุน เฉียนเปียวปรากฏตัวแล้ว โดยเฉพาะยังมีท่าทีเคารพนบน้อมต่อหยางเฉินที่สุด
ทุกอย่างนี้แสดงให้เห็นว่าที่ตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิงพังทลายลง ก็คือหยางเฉินเป็นคนทำ
ยังมีคำพูดพวกนั้นที่ลั่วปิงเพิ่งพูดเมื่อสักครู่ ควรค่าให้คิดอย่างลึกซึ้ง
ตั้งแต่ตระกูลเฉินและตระกูลซูเปิดเผยเรื่องที่จะเกี่ยวดองกันออกไป เฉินอิงจวิ้นเคยเจอการลอบสังหารมาหลายครั้งมาก ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว ที่เมืองโจวเฉิง มีเพียงตระกูลหยวนที่เทียบเคียงเสมอกันกับตระกูลเฉิน และไม่ยินยอมเห็นการเกี่ยวดองของตระกูลเฉินและตระกูลซูเกิดขึ้น
พอพูดเช่นนี้ มีความเป็นไปได้ว่าตระกูลหยวนจะลอบสังหารเฉินอิงจวิ้น
จนกระทั่งวินาทีนี้ เขาถึงระลึกได้ว่าตนเองทำเรื่องที่โง่เขลาไปมากแค่ไหน
“พ่อครับ พ่อไม่เป็นอะไรนะครับ?”
เวลานี้เฉินเห้าวิ่งเข้ามาแล้ว ท่าทางประหม่ามองเฉินซิงไห่อยู่
เฉินซิงไห่พูดแบบหน้าตาเคร่งขรึม “รีบเรียกรวมญาติพี่น้องตระกูลเฉิน ฉันมีธุระด่วนต้องหารือ!”
“พ่อครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วหรือเปล่าครับ?”
เฉินเห้าถามอย่างสงสัย
“ไสหัวไป!”
เฉินซิงไห่ตวาดใส่
ลูกชายคนนี้ นับวันยิ่งทำให้เขาไม่ปลื้มใจเอาเสียเลย
เฉินเห้ารีบวิ่งออกไปทันที
อีกด้านหนึ่ง ลั่วปิงที่กำลังขับรถ เอ่ยปากถามว่า “ท่านประธานครับ เฉินซิงไห่จะเชื่อพวกเราเหรอครับ?”
“เชื่อแล้วยังไง? ไม่เชื่อแล้วยังไง?”
หยางเฉินหลับตาพักผ่อน เอ่ยปากพูดนิ่งๆ
ชั่วขณะนั้นลั่วปิงตะลึง ไม่นานก็ตอบสนองเข้ามาแล้ว
สำหรับหยางเฉินแล้ว ตระกูลเฉินไม่สลักสำคัญ เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ช่วยเขาจัดการเมืองโจวเฉิงเท่านั้นเอง
ถ้าตระกูลเฉินอยากวอนหาที่ตายเองจริงๆ กำจัดทิ้งก็จบ เพียงแต่ว่าเขาต้องการหาคนที่สามารถดูแลเมืองโจวเฉิงเท่านั้น
“ฉันยอมให้คนอื่นมาท้าทายได้ แต่ไม่มีทางยอมให้คนอื่นมาหลอกใช้ได้!”
ทันใดนั้นหยางเฉินลืมตาทั้งคู่ขึ้น แรงอาฆาตแค้นที่รุนแรงแวบผ่านไป “กล้าหลอกใช้ฉัน ตระกูลหยวน จำเป็นต้องตาย!”