เรื่องราวทางนี้ เดิมก็เป็นจุดสนใจของทั้งร้านอาหาร การปรากฏตัวของหยางเฉินดึงดูดสายตาของทุกคนในชั่วพริบตาเดียวแล้ว
ตอนที่พนักงานสาวมองเห็นหยางเฉิน หน้าตาดูตกใจ “หยางเฉิน!”
พนักงานสาวคนนี้คือเซี่ยเหอ
เวลานี้ดวงตาเธอแดงก่ำ น้ำตาคลออยู่ภายในเบ้าตา
เธอเหมือนเป็นเด็กสาวสมบูรณ์แบบคนหนึ่ง สวยงาม อ่อนโยน จิตใจดี
“บนเสื้อผ้าของเธอ ไม่มีน้ำแกงเปื้อนไปโดนสักหยด อยากให้เพื่อนฉันชดใช้ ดูจะทำเกินเหตุไปไหม?”
หยางเฉินมองทางเว่ยหมิงเยว่อย่างเย็นชา ผู้หญิงคนนี้ยังทำให้คนรู้สึกรำคาญจริงๆ
เขามองดูแล้ว มีเพียงตรงจานวางกับข้าว มีน้ำแกงสาดโดนนิดหน่อย สำหรับเสื้อผ้าของเว่ยหมิงเยว่ เดิมทีไม่ได้เป็นอะไร
ส่วนชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเว่ยหมิงเยว่ ยังทำสายตาหื่นกาม จ้องเซี่ยเหออยู่ตลอด
ไม่นานหยางเฉินก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
เห็นได้ชัดว่าเป็นเว่ยหมิงเยว่เห็นเซี่ยเหอหน้าตางดงามเช่นนี้ แม้แต่ผู้ชายของตนเองยังถูกดึงดูด ดังนั้นจึงเกิดความอิจฉาในใจ จงใจหาเรื่องยุ่งยากให้เซี่ยเหอ
“นายเองเหรอ!”
เวลานี้เว่ยหมิงเยว่จำหยางเฉินขึ้นมาได้แล้ว ความโกรธบนหน้าค่อยๆ เผยขึ้นมา
ผู้หญิงคนนี้เป็นคุณหนูของตระกูลเว่ยของสี่พรรค์แห่งเมืองเจียงโจว
ครั้งก่อนที่หน้าประตูสมาคมประมูลเมิ่งจี้ เว่ยหมิงเยว่พยายามใช้อำนาจบีบบังคับหยางเฉินให้แกล้งเป็นแฟนของหล่อน เพื่อมาสลัดเมิ่งชวนแห่งตระกูลเมิ่งออกไป
ผลปรากฏว่าถูกหยางเฉินปฏิเสธ หลังจากที่อับอายจนโกรธแค้น จึงใส่ร้ายว่าหยางเฉินรังแกหล่อนอย่างน่ารังเกียจ
ส่วนเมิ่งชวนก็ตามจีบเว่ยหมิงเยว่อีกครั้ง หล่อนจึงจำความแค้นที่มีต่อหยางเฉินเอาไว้ในใจตั้งแต่ตอนนั้น
วันนี้เป็นครั้งที่สองที่หยางเฉินได้เจอผู้หญิงคนนี้
“คุณเว่ยครับ คุณรู้จักคุณผู้ชายท่านนี้?”
ผู้จัดการร้านอาหารถามด้วยความระมัดระวัง
เว่ยหมิงเยว่กลอกลูกตาวนรอบหนึ่ง กล่าวตำหนิ “ฉันเว่ยหมิงเยว่มีสถานะแบบไหนกัน? จะรู้จักกับพวกสวะแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?”
“ร้านอาหารของพวกคุณทำงานกันยังไง? ตอนนี้กลายมาเป็นสถานที่รองรับสวะแล้วเหรอ?”
“เป็นพนักงานทำเสื้อชาเนลของฉันเปื้อนก่อน แล้วยังมียาจกคนนี้โผล่มาเป็นฮีโร่ช่วยคนอีก ถ้าถูกลือออกไป ไม่กลัวจะโดนหัวเราะเยาะหรือไง?”
“ตอนนี้ ถ้าไม่ให้พวกเขากินข้าวบนพื้น แล้วไสหัวออกไปจากสายตาฉัน ก็ให้พวกเขามาชดใช้ชุดชาเนลของฉันแล้วกัน!”
เว่ยหมิงเยว่พูดสั่งสอนผู้จัดการร้านอาหารไปยกหนึ่ง แต่ความหมายที่แฝงอยู่นั้น ล้วนเป็นการเหยียดหยามหยางเฉิน
พูดจบ หล่อนยกกับข้าวที่เหลือจากรับประทานในจานหนึ่งขึ้น เทลงบนข้าวสวยบนพื้น พูดแบบหน้าตาเย้ยหยัน “กินข้าวเปล่าอย่างเดียว เดาว่าพวกเธอคงกินไม่ลงล่ะสิ งั้นเพิ่มกับข้าวให้หน่อยแล้วกัน รสชาติน่าจะไม่เลวนะ กินด้วยกันซะสิ!”
ผู้จัดการร้านอาหารเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้ว รีบตวาดใส่เซี่ยเหอทันที “ยังไม่รีบกินแล้วไสหัวไปอีก?”
“ไอ้หนุ่ม อยากเลียนแบบฮีโร่ช่วยคนอื่น นั่นต้องมีเงินก่อน พวกยาจกไม่มีเงินแบบนาย ยังกล้ามาเสแสร้งต่อหน้าคุณเว่ย?”
“ถ้ายังอยากอยู่ที่เมืองเจียงโจวต่อไป ก็รีบกินข้าวนี้ด้วยกันกับผู้หญิงคนนี้เร็ว”
ผู้จัดการร้านอาหารด่าเซี่ยเหอจบ จึงตะโกนใส่หยางเฉินต่อ
พูดจบ ยังจงใจเหยียบลงบนอาหารที่พื้น ใช้แรงขยี้พอสมควร บนหน้าที่มันเยิ้มเต็มไปด้วยความเย็นชา “ไอ้หนุ่ม รู้หรือเปล่าว่าที่นี่คือที่ไหนกัน? ที่นี่คือร้านอาหารเป่ยหยวนชุน ทั้งเมืองเจียงโจ นี่เป็นร้านอาหารชั้นสูงที่สุด!”
“รู้ไหมว่าราคาอาหารที่คุณเว่ยบริจาคให้พวกเธอเท่าไร? ข้าวสวยถ้วยนั้น เป็นข้าวสีแดงที่แพงสุดบนโลกใบนี้ ถ้วยเล็กตั้งหนึ่งพันกว่า ผัดผักจานเล็กๆ นั้น เป็นผักอินทรีย์เกรดดีที่นำเข้าจากต่างประเทศ จานเล็กๆ ก็ตั้งสองพันกว่า”
“พวกเธอเป็นพนักงานคนหนึ่ง เป็นยาจกคนหนึ่ง ชีวิตนี้คงไม่เคยกินอาหารที่แพงขนาดนี้หรอกมั้ง? ยังไม่ขอบคุณความเมตตาใหญ่หลวงของคุณเว่ยอีก!”
ผู้จัดการร้านอาหารหน้าตาดูเยาะเย้ยเต็มที่ เขารู้จักสถานะของเว่ยหมิงเยว่ ขอเพียงสามารถทำให้ผู้หญิงคนนี้ดีใจ ไม่ว่าอย่างไรย่อมได้ทั้งนั้น
หน้าเซี่ยเหอเต็มไปด้วยความสับสน ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเว่ยหมิงเยว่เป็นใคร แต่จากท่าทางของผู้จัดการร้านอาหาร สามารถรู้ได้ว่าเบื้องหลังของเว่ยหมิงเยว่คงแกร่งมาก
เธอรบกวนหยางเฉินมาหลายครั้งแล้ว กังวลจริงๆ ว่าเป็นเพราะตนเอง ถึงลากหยางเฉินมาผิดใจบุคคลยิ่งใหญ่ไปด้วย
“หยางเฉิน นี่คือปัญหาของฉันเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณรีบไปเถอะ!”
เซี่ยเหอพูดเร่งอย่างกระวนกระวายใจ
หญิงสาวโง่เขลาที่จิตใจดีคนนี้ เพียงอยากแบกรับทุกอย่างเอาไว้เอง
“ไป? ไปที่ไหน? ข้าวที่คุณเว่ยบริจาคให้ยังไม่ได้กินเลย! เขากล้าจากไปสักก้าวก็ลองดู?”
ผู้จัดการร้านอาหารทำหน้าข่มขู่
“ผู้จัดการคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเพื่อนของฉันเลยสักนิด ขอร้องให้เขาออกไปก่อนได้หรือเปล่าคะ?”
หน้าเซี่ยเหอเต็มไปด้วยการอ้อนวอน น้ำตาคลออยู่ในเบ้าตา แต่เธอยังอดกลั้นไว้อย่างเข้มแข็ง ไม่ให้น้ำตาไหลออกมาสักหยดเดียว
ลูกค้ามากมายที่ทานข้าวอยู่ในร้านอาหารต่างทนดูไม่ได้ แต่หลังจากรู้สถานะของเว่ยหมิงเยว่เข้า ก็ไม่มีใครกล้ามาพูดแทนให้เช่นกัน
เว่ยหมิงเยว่ทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง นั่งอยู่ตรงนั้น ภายในลูกตาลึกมีแสงเย็นเฉียบเปล่งประกาย
ครั้งก่อนที่หน้าประตูสมาคมประมูลเมิ่งจี้ หยางเฉินปฏิเสธหล่อน สำหรับหล่อนแล้ว นั่นคือความอัปยศอดสูที่ใหญ่ที่สุด
เดิมทีจดจำหยางเฉินใส่ใจมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะให้หล่อนมาเจอที่นี่ได้
หล่อนย่อมไม่ปล่อยหยางเฉินไปอย่างง่ายดาย
หยางเฉินหรี่ดวงตาที่แหลมคมขึ้นมา มองทางผู้จัดการร้านอาหาร “นายบอกว่าอยากให้พวกเรากินข้าวที่พวกนายเหยียบไปแล้ว งั้นเหรอ?”
“เชี่ย! แกแม่งหูหนวกเหรอ?”
ผู้จัดการร้านอาหารตะโกนว่า “ถูกต้อง ขอแค่พวกแกกินข้าวบนพื้นแล้ว ฉันจะปล่อยพวกแกออกไป!”
มีเว่ยหมิงเยว่สนับสนุนเขาอยู่ ตอนนี้เขาไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
ในแววตาลุ่มลึกของหยางเฉินมีไฟโกรธสองดวงลุกโชน ทันใดนั้นก้าวเท้าเดินมายังผู้จัดการร้านอาหาร
“แกอยากจะทำอะไร?”
เห็นหยางเฉินเดินมาทางตนเอง ผู้จัดการร้านอาหารตกใจทันใด รีบตะโกนโวยวายเสียงดัง
“หยางเฉิน!”
เซี่ยเหอรู้ว่าฝีมือของหยางเฉินเก่งกาจ ชั่วขณะนั้นหวาดผวาแล้ว จับแขนของหยางเฉินไว้โดยจิตใต้สำนึก
หยางเฉินหันหน้ามองทางเซี่ยเหอ เผยรอยยิ้มที่ท่าทางอ่อนโยนออกมา “วางใจได้ ผมจะไม่ทำไปเกินกว่าเหตุ!”
เพิ่งพูดจบ หยางเฉินก็เดินไปทางด้านหน้าต่อ
แต่ละก้าวที่เดินไปนั้น ผู้จัดการร้านอาหารรู้สึกได้ถึงความสับสนระดับหนึ่ง จนกระทั่งหยางเฉินเดินมาที่ตรงหน้าเขา เขาอายจนโมโห พลันตะโกนว่า “ทำไม? แกยังกล้ามาตีฉันด้วยหรือไง?”
“ตีแก?”
หยางเฉินพูดจาเยาะเย้ย “แบบนั้นคงทำมือฉันสกปรกไปด้วย!”
ตอนที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา หยางเฉินยื่นแขนข้างหนึ่งออกมากะทันหัน ชั่วพริบตาเดียวคว้าบนศีรษะของผู้จัดการร้านอาหาร จากนั้นใช้แรงกด
“ปึง!”
ส่วนหน้าศีรษะของผู้จัดการร้านอาหารกระแทกพื้นโดยตรง ถูกหยางเฉินกดไว้บนอาหารที่เคยโดนเหยียบกองนั้นอย่างรุนแรง
“ในเมื่อแกคิดว่าอาหารนี้รสชาติดีขนาดนั้น งั้นก็กินทั้งหมดเองเลยสิ!”
ทั้งตัวหยางเฉินล้วนมีแต่ความอันธพาล ในลูกตาที่ดำมืดนั้น สาดยิงแสงหนาวเหน็บดุร้ายสองดวงออกมา
ฉากนี้ สั่นสะเทือนจิตใจของทุกคนในที่เกิดเหตุอย่างลึกซึ้ง
ผู้คนทั้งในที่เกิดเหตุเงียบงันไร้เสียง มองหยางเฉินแบบอึ้งค้าง
แต่ในสายตาของคนมากมายต่างรู้สึกสบายใจ
เมื่อสักครู่การกระทำทั้งหมดของผู้จัดการร้านอาหารกระตุ้นความโกรธของหลายคนไปตั้งนานแล้ว ติดอยู่ที่เว่ยหมิงเยว่ยังอยู่ในร้าน จึงไม่มีใครกล้าลุกออกมาเท่านั้น
เวลานี้มองเห็นหยางเฉินลงมือกับเขา มีเพียงรู้สึกสะใจอย่างมาก
สำหรับการที่หยางเฉินลงมือนั้น เว่ยหมิงเยว่กลับไม่แปลกใจสักนิดเดียว ที่หน้าประตูสมาคมประมูลเมิ่งจี้ตอนนั้น แม้แต่เมิ่งชวน หยางเฉินยังกล้าตี นับภาษาอะไรกับผู้จัดการร้านอาหารคนหนึ่ง
ในสายตาของเว่ยหมิงเยว่มีความรู้สึกเย็นชาที่แผนร้ายสำเร็จประกายแวววาวอยู่