“อีกอย่าง ของในห้องนิทรรศการนี้เมืองเทียนฝู่ก็มีเหมือนกันค่ะ และในสินค้าแบบเดียวกัน ราคาที่นี่จะถูกกว่าด้วยนะคะ”
ถ้าเป็นคนอื่น หวางเยี่ยนจะไม่พูดแบบนั้นอย่างแน่นอน แต่เมื่อเธอรู้ว่าเป็นเพื่อนของหยางเฉิน เธอจึงไม่กล้าปิดบังอะไร
ใบหน้าของถังคุนกลายเป็นสีตับหมูในทันที เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเหมือนกินแมลงวันเข้าไป ฉินยีก็อดหัวเราะไม่ได้
ตัวเธอเองก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนที่โรงแรมโอเอซิสเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าในงานนี้ไม่มีการประมูลอยู่แล้ว
“คุณก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนเหมือนกันเหรอ?”
ถังคุนซ่อนความโกรธแล้วถามหวางเยี่ยน
หวางเยี่ยนยิ้มจางๆ แล้วส่ายหัวตอบ “คุณผู้ชายเข้าใจผิดแล้วค่ะ ดิฉันยังไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นตัวแทนของเมืองเทียนฝู่มาเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนนี้หรอกนะคะ”
“ในเมื่อไม่ใช่ แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าในการประชุมแลกเปลี่ยนนี้ไม่มีการประมูล?”
ในที่สุดถังคุนก็โพล่งออกมาและพูดด้วยความโกรธว่า “คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร?”
“ผมเป็นผู้จัดการใหญ่ของต้าเหอกรุ๊ปในเมืองโจวเฉิง เป็นตัวแทนของบริษัทในการเข้าร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ฉะนั้น ในการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้จะมีงานประมูลหรือไม่ ผมต้องรู้ดีกว่าคุณอยู่แล้ว!”
หวางเยี่ยนถึงกับแปลกใจ เธอไม่เข้าใจจริงๆ อุตส่าห์เตือนเขาด้วยความหวังดี แต่กลับทำให้เขาโกรธ
“เจียเจีย เราไปกันเถอะ! เมืองเทียนฝู่มีแต่คนโกหก! หวังอยากให้เราใช้เงินที่นี่อย่างเดียว ไร้บรรทัดฐานจริงๆ!”
ถังคุนกำลังจะพาสวุเจียออกไป เขาเดินไปด้วยและพูดไปด้วยว่า “เดี๋ยวถึงงานประมูลในการประชุมแลกเปลี่ยน ผมจะประมูลสร้อยข้อมือจักรพรรดิสีเขียวราคาหลักร้อยล้านให้คุณเอง!”
“เพล๊ง!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น และสายตาของทุกคนก็ถูกดึงดูดไปหมด
ในขณะที่ถังคุนรีบจับมือสวุเจียเพื่อจะพาเธอออกไปนั้น กระเป๋าของสวุเจียบังเอิญไปเกี่ยวกับตู้โชว์พอร์ซเลนสีขาวน้ำเงินชิ้นหนึ่งที่วางอยู่บนตู้โชว์ และมันก็ล้มลงกับพื้น
พอร์ซเลนสีขาวน้ำเงินชิ้นนั้นแตกเป็นเสี่ยงๆ และฉากนี้ก็ทำให้ทุกคนต้องตะลึง
เมืองเทียนฝู่เป็นร้านขายของเก่าอันดับหนึ่งในมณฑลเจียงผิง ซึ่งสินค้าชิ้นเล็ก ๆ ในร้าน อย่างน้อยก็เริ่มต้นด้วยหลักล้านหยวนแล้ว
คงไม่ต้องพูดถึงพอร์ซเลนสีขาวน้ำเงินชิ้นนี้ที่ถูกวางอยู่บนตู้โชว์ที่เด่นชัด ยิ่งไปกว่านั้น ลวดลายและรูปทรงของมันสวยงามมาก ซึ่งดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา
แต่ตอนนี้มันกลับแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะสวุเจีย
“ก็แค่ขวดพอร์ซเลนเน่าๆ ขวดหนึ่งแตกไม่ใช่เหรอ? จะตกใจอะไรนักหนา?”
“สามีฉันมีเงิน เขายังจะซื้อสร้อยข้อมือจักรพรรดิสีเขียวมูลค่ากว่า 100 ล้านหยวนให้กับฉัน นับประสาอะไรกับขวดพอร์ซเลนเน่าๆ นี้!”
“ที่รัก รูดการ์ด!”
เดิมทีสวุเจียก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน แต่หลังจากที่เธอเห็นเป็นขวดพอร์ซเลนเก่าๆ ขวดหนึ่ง เธอก็รู้สึกโล่งใจ
ในเวลานี้ ท่าทีของเธอหยิ่งผยองมาก เธอไม่เพียงแต่ไม่ขอโทษ แต่กลับแสดงท่าทีไม่พอใจและจะให้ถังคุนรูดการ์ดให้เธอ
ถังคุนสีหน้าบูดบึ้งมาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะการรักศักดิ์ศรี เขาคงอยากถีบผู้หญิงที่ซุ่มซ่ามคนนี้ทิ้งแล้ว
“รูดการ์ด!”
ถังคุนจะดุสวุเจียไม่ได้ เขาจึงได้แต่ระบายให้กับหวางเยี่ยน จากนั้นเขาหยิบบัตรธนาคารออกมาแล้วโยนลงที่เท้าของหวางเยี่ยน
หวางเยี่ยนในตอนนี้ดวงตาแดงก่ำและรู้สึกเสียใจมาก
เธอไม่เข้าใจว่าเธอเตือนพวกเขาด้วยความหวังดีแล้ว แต่ทำไมยังถูกเกลียดชังด้วย?
แต่เมื่อนึกถึงหยางเฉินที่คนใหญ่คนโตอย่างเฉินอิงเหายังต้องให้เกียรติแล้ว สำหรับเพื่อนของหยางเฉิน ต่อให้จะล้ำเส้นแค่ไหน เธอก็ต้องทน
เพราะการที่เธอมีวันนี้ได้ก็เพราะความเมตตาของหยางเฉิน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกดีขึ้นมาก ในขณะที่เธอกำลังจะก้มเก็บบัตรธนาคารที่ถังคุนโยนลงพื้น
“ไม่ต้องเก็บ!”
หยางเฉินตะโกนใส่หวางเยี่ยน
หวางเยี่ยนถึงกับสะดุ้งตกใจ แต่เป็นคำพูดของหยางเฉิน เธอจึงต้องทำตาม
แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมหยางเฉินจะต้องเข้าข้างเธอด้วย?
ในขณะนี้ ใบหน้าของหยางเฉินเต็มไปด้วยความเย็นชา เขามองไปที่ถังคุนกับสวุเจียแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกคุณ จะมากเกินไปแล้ว!”
แม้เมืองเทียนฝู่จะเป็นกิจการของตระกูลเฉิน แต่ในวันนี้ตระกูลเฉินได้ยอมจำนนต่อหยางเฉินไปแล้ว ซึ่งสามารถบอกได้ว่าเมืองเทียนฝู่ก็เป็นทรัพย์สินของหยางเฉินแล้วเช่นกัน
ดังนั้น หวางเยี่ยนก็เป็นพนักงานของเขา!
ในวันนี้ สวุเจียได้ทำลายทรัพย์สินของเมืองเทียนฝู่ ไม่เพียงแต่ไม่มีการขอโทษ แต่กลับทำตัวหยิ่งผยอง
“แมร่ง! มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร แค่ไอ้จ้อนน่าสงสารคนหนึ่ง ยังกล้ามายุ่งเรื่องกูเหรอ?” ถังคุนพูดด้วยความโกรธ
สวุเจียก็เต็มไปด้วยความโกรธ “ถ้าไม่เห็นแก่ยียี ฉันไล่แกไปตั้งนานแล้ว คงไม่ปล่อยให้แกตามมาเปิดหูเปิดตาที่เมืองเทียนฝู่หรอก!”
“ยียี ในฐานะเพื่อนสนิทกัน ฉันอยากเตือนเธอหน่อยนะ จะแต่งงานกับใครให้ดูดีๆ ก่อนค่อยตัดสินใจ”
“มีคำหนึ่งพูดได้ดีมาก แต่งงานกับไก่ก็เหมือนไก่ แต่งงานกับสุนัขก็เหมือนสุนัข ถ้าเธอแต่งงานกับคนจน เธอก็จะต้องใช้ชีวิตแบบคนจนๆ ไปตลอดชีวิต”
“ต่อให้เธอหน้าตาดี แล้วยังไง? ถ้าให้เทียบกับฉัน เทียบกันได้มั้ย?”
“สามีของฉันเป็นถึงรองผู้จัดการทั่วไปของต้าเหอกรุ๊ปเลยนะ อีกไม่เกินสามปีข้างหน้า เขาก็จะเลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการใหญ่ของต้าเหอกรุ๊ป ส่วนฉัน ก็เป็นภรรยาของผู้จัดการใหญ่ไงล่ะ!”
“แล้วเธอล่ะ? อยู่กับไอ้จ้อนกระจอก ใช้ชีวิตยาจกไปวันๆ เธอไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าเน่าๆ ราคาพันกว่าหยวนใส่ด้วยซ้ำ!”
สวุเจียในเวลานี้เสแสร้งโดยไม่คำนึงถึงคำว่าเพื่อนอีก สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยการประชดประชันกัน
ส่วนฉินยีก็โกรธจนตัวสั่น เธออดทนและยังมีความหวังอันริบหรี่ในตัวของสวุเจียมาตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าสวุเจียจะพูดแบบนี้กับเธอ
“หุบปาก!”
ฉินยีตาแดงและพูดด้วยความโกรธ “ฉันจะชอบคนแบบไหน จะแต่งงานกับใคร จะใช้ชีวิตยังไง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย?”
“อย่าคิดว่าเธออวดดีกับฉัน แล้วชีวิตเธอจะดีกว่าฉันนะ!”
“ในสายตาฉัน พวกเธอก็แค่ตัวตลกคู่หนึ่ง เพราะพวกเธอไม่รู้หรอกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเธอคือใคร!”
ฉินยีไม่ขอทนและระเบิดอารมณ์ออกมาทันที จากนั้นเธอถึงจะรู้สึกสบายใจขึ้น
สวุเจียถึงกับทึ่ง เพราะเธอไม่คิดเลยว่าฉินยีกล้าพูดแบบนี้กับเธอ
เธอจึงยิ้มพูดอย่างเยาะเย้ย “นี่เธอยอมรับความจริงไม่ได้ใช่มั้ย? เธอคิดว่าเธอพูดให้ตัวเองดูดี แล้วเธอจะดูดีขึ้นจริงๆ งั้นเหรอ?”
ฉินยีได้แต่ส่ายหัว ในเวลานี้ เธอรู้สึกแค่ว่าเธอเปลืองน้ำลายเสียเปล่าที่ต้องคุยกับผู้หญิงแบบนี้
“รีบไปรูดบัตร รูดเสร็จเราจะได้ไปสักที!”
สวุเจียเองก็ไม่อยากตกเป็นความสนใจของผู้คนมากมาย เธอจึงตะโกนใส่หวางเยี่ยน
หวางเยี่ยนได้แต่แสดงสีหน้าลำบากใจ ในขณะที่เธอทำตัวไม่ถูก หยางเฉินมองไปที่ถังคุนแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “เก็บเอง แล้วขอโทษเธอด้วย!”
“แมร่ง! มึงคิดว่ามึงเส้นใหญ่มาจากไหนกัน? ถ้ากูไม่เก็บล่ะ?”
ถังคุนพูดอย่างเย่อหยิ่ง
หวางเยี่ยนในขณะนี้รู้สึกกังวลและจึงรีบพูดขึ้นว่า “คุณหยางคะ หนูก็แค่พนักงานเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่คู่ควรที่คุณจะต้องมาออกหน้าแทนหนู หนูเก็บเองก็ได้ค่ะ!”
อย่างที่พูด เธอจึงกำลังจะก้มเก็บบัตรธนาคารของถังคุน
“ผมซาบซึ้งในความจริงใจของคุณที่มีต่อลูกค้านะ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะคู่ควรกับความจริงใจของคุณ!”
“คุณเก็บมันได้ แต่คุณต้องคิดให้ดีก่อน ในฐานะที่คุณเป็นพนักงานของเมืองเทียนฝู่ ทุกคำพูดและทุกการกระทำของคุณจะเป็นตัวแทนของเมืองเทียนฝู่!”
“คุณก้มหัวให้กับคนคนหนึ่งที่ไม่ได้เคารพเมืองเทียนฝู่ นั่นหมายความว่าทุกคนก็สามารถเหยียบย่ำคุณได้? ทุกคนสามารถเหยียบย่ำเมืองเทียนฝู่ได้?”
ในเวลานี้ หยางเฉินยืนหยัดอย่างภาคภูมิและในตัวก็เต็มไปด้วยความชอบธรรม
คำพูดของเขาดังก้องอยู่ในหูของหวางเยี่ยนราวกับเสียงเวทมนตร์
ผู้คนรอบๆ มองไปที่หยางเฉินด้วยดวงตาที่เฉียบคม
“ในโลกนี้ ทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ว่าคุณรวยแล้วคุณจะอยู่เหนือคนอื่น แล้วคุณไม่จำเป็นต้องให้เกียรติพนักงานขายก็ได้ เพราะนั่นเป็นการกระทำของคนที่ไร้จรรยาบรรณของมนุษย์!”
“ทุกสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนเกื้อกูลกัน! ถ้าคุณเคารพผม ผมก็เคารพคุณ! ถ้าคุณให้เกียรติผม ผมก็ให้เกียรติคุณ!”
หยางเฉินพูดขึ้นอีกครั้ง คำพูดของเขาเหมือนพายุฝนฟ้าคะนองที่ดังสนั่นอยู่ข้างเข้าหูของทุกคน
ทั้งเมืองเทียนฝู่ถึงกับเงียบลง และคำพูดของหยางเฉินยังคงกึกก้องอยู่ในหัวของทุกคนอย่างไม่หยุด