ในขณะเดียวกัน ในด้านของเมืองโจวเฉิง เฉินซิงไห่ยืนขึ้นอย่างช้าๆ ข้างหลังยังคงมีบอดี้การ์ดติดตามอยู่หลายคน มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้อสูทแล้ว และพร้อมที่จะลงมือทุกเมื่อ
ทางด้านเจียงโจว กวนเจิ้งซานนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น แต่กวนเสว่ซงหลานชายของเขากลับพาคนลุกขึ้นมาแล้ว
ชั่วขณะหนึ่ง ภายในการประชุมแลกเปลี่ยน เมืองเอก เมืองโจวเฉิง เจียงโจวทุกๆ ตระกูลของสามเมืองใหญ่ต่างก็เตรียมพร้อมหมดแล้ว
ไม่ว่าฝ่ายไหนจะลงมือก่อน ตรงจุดนัดพบก็จะกลายเป็นสนามรบทันที
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ หยางเฉินนั้นทำตัวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่งอยู่บนที่นั่งของตัวเองอย่างเงียบๆ เพียงแต่ส่วนลึกของนัยน์ตา เต็มเปี่ยมไปด้วยความดูถูกและไม่ชอบใจ
ตระกูลเมิ่งต้องการเข้าข้างตระกูลหวง ตอนนี้แม้แต่ตระกูลหนิงก็ยังก้าวออกมาเพื่อเข้าข้างตระกูลหวง
เพียงแต่ การตัดสินใจของตระกูลเมิ่งในครั้งนี้ เกรงว่าจะคำนวณผิดไปซะแล้ว
การที่ตระกูลเมิ่งลุกขึ้นในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าตระกูลหวงเป็นคนส่งสัญญานให้ แต่ตระกูลเมิ่งดันทำตัวเหมือนไอ้หน้าโง่นึกว่าตระกูลหวงให้การสนับสนุนตระกูลเมิ่ง
แต่ดูเหมือนตอนนี้เมิ่งหงเย่จะรู้ถึงจุดนี้แล้ว ชั่วขณะหนึ่ง ก็รู้สึกเหมือนขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก
“หานเซี่ยวเทียน นี่คุณคิดจะเปิดศึกจริงๆ ใช่มั้ย?”
หนิงจี้หยวนหรี่ตายิ้มแล้วถามออกมา ทำตัวเหมือนไม่ได้รู้ว่าการที่หานเซี่ยวเทียนบอกว่าจะเปิดศึกนั้นเป็นการข่มขู่เลยแม้แต่นิดเดียว
“ผมยังคงยืนยันคำเดิม ตระกูลเฉินแห่งเมืองโจวเฉิงกับตระกูลกวนแห่งเจียงโจว เป็นตระกูลที่เป็นพี่น้องกับตระกูลหานของผม ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าทำอะไรพวกเขา มันก็เป็นศัตรูกับตระกูลหานของผม
หานเซี่ยวเทียนพูดออกอย่างไม่ชอบใจ “สู้เพื่อตระกูลของพี่น้อง มีอะไรที่ต้องกลัว?”
“คุณคิดจริงๆ เหรอว่า มณฑลเจียงผิงในตอนนี้ ตระกูลหานของคุณมีอำนาจมากขนาดนั้นเลยใช่มั้ย?”
หนิงจี้หยวนพูดล้อเลียน จากนั้นก็กวาดตามองทุกคน แล้วพูดออกมาว่า “ผู้นำตระกูลทุกท่าน ตระกูลหานต้องการทำตามอำเภอใจ เหมือนจงใจที่จะแหกกฎของมณฑลเจียงผิง พวกคุณช่วยบอกตระกูลหานทีครับว่า พวกคุณยอมมั้ย?”
“ตระกูลหลิวแห่งเมืองชาง ไม่ยอมครับ!”
“ตระกูลฉีแห่งเมืองไห่ ไม่ยอมครับ!”
“ตระกูลไป๋แห่งเมืองจี๋โจว ไม่ยอมครับ!”
……
หลังจากที่คำพูดของหนิงจี้หยวนสิ้นสุดลง พวกผู้นำตระกูลเศรษฐีระดับสูงเจ็ดแปดคนก็พากันลุกขึ้นยืน
พอเห็นแบบนั้น สีหน้าของเมิ่งหงเย่ก็ดูแย่อย่างถึงที่สุด เพราะเดิมทีตระกูลเหล่านี้ต่างก็รับปากเขาแล้ว ว่าในการประชุมแลกเปลี่ยนพวกเขาจะยืนอยู่ในฝั่งของตระกูลเมิ่ง
แต่ตอนนี้พอหนิงจี้หยวนเรียก พวกเขาก็ตอบรับทันที
หวงเหมยที่นั่งอยู่ข้างหวงจง ส่วนลึกของนัยน์ตาก็แสดงความตกใจออกมาเหมือนกัน
ไม่ว่าจะทางส่วนตัวหรือทางความรู้สึก เธอก็อยากให้ตระกูลหวงนั้นสนับสนุนตระกูลเมิ่งจนกลายเป็นตระกูลเดอะคิงแห่งมณฑลเจียงผิง
แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ หวงจงกลับเลือกตระกูลหนิงโดยที่ไม่ส่งสัญญาณอะไรให้รู้เลย
ทุกสิ่งนี้ ต่างก็เป็นเรื่องที่เธอคาดไม่ถึงทั้งนั้น
สีหน้าของหานเซี่ยวเทียนก็แย่ไม่ต่างกัน เขาไม่เคยคิดที่จะเป็นพันธมิตรกับตระกูลอื่นเพื่อต่อกรกับตระกูลหนิงและพันธมิตรตระกูลหวง เกรงว่าสองมือจะรับมือกับสี่มือยาก
“เจ้าบ้านหาน ตอนนี้ คุณยังคิดที่จะสอดมือเข้ามายุ่งกับเรื่องความแค้นระหว่างตระกูลเมิ่งกับตระกูลหวงอีกมั้ยครับ?”
หนิงจี้หยวนจ้องมองหานเซี่ยวเทียนด้วยใบหน้าที่สนุกสนาน พร้อมกับคลึงลูกวอลนัทเล่นอยู่ในมือสองลูก
“แกร็ก แกร็ก แกร็ก~”
ภายในการประชุมแลกเปลี่ยน ได้ยินแค่เสียงของลูกวอลนัทดังขึ้นในตอนที่มันเคลื่อนไหวเท่านั้น
บรรยากาศนั้นตึงเครียดอย่างถึงที่สุด คนรุ่นหลังของตระกูลบางคนที่ถูกผู้ใหญ่ในตระกูลพามานั้น ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดังแล้ว
ศึกใหญ่ กำลังจะเกิดขึ้น!
ถึงหานเซี่ยวเทียนจะไม่ได้หนักใจเรื่องการร่วมมือกันของตระกูลเมิ่งกับตระกูลหนิง แต่เขาก็รู้ดี ว่าเมื่อไหร่ที่เปิดศึกกันขึ้น มันก็จะเกิดความเสียหายอย่างหนักกับทุกฝ่ายแน่นอน
ประเด็นคือ ตระกูลหนิงได้ซื้อตระกูลพวกนี้ไปกว่าครึ่งแล้ว
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ตระกูลหานก็ไม่ได้ ได้เปรียบเลย
ในเมื่อตระกูลหนิงชอบเข้ามายุ่งเรื่องของชาวบ้านมากขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นผมก็มาคิดบัญชีกับตระกูลหนิงที่มีกับตระกูลเฝิงเลยแล้วกัน!”
ทันใดนั้นเอง ทางด้านเมืองจิงเหอ ก็ได้มีเสียงที่เย็นดังขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งมันก็เป็นเสียงของผู้นำแห่งตระกูลเฝิงเฝิงฉวนนั่นเอง!
“เฝิงฉวน ก็เข้าร่วมแล้ว!”
สายตานับไม่ถ้วนต่างพากันมองมาที่เฝิงฉวน พร้อมกับสีหน้าที่ตื่นตกใจ
ไม่ว่าใครก็มองออก สามมหาเศรษฐีแห่งเมืองเอก ได้ออกมาเผชิญหน้ากันแล้ว
ในสถานการณ์แบบนี้ การที่ตระกูลเฝิงออกมา มันไม่เท่ากับกำลังรนหาที่ตายอย่างนั้นเหรอ?
หนิงจี้หยวนที่ยังทำหน้ายิ้มอยู่เมื่อกี้ ตอนนี้ตาทั้งสองข้างก็ได้หรี่เล็กลง “ไม่ทราบว่าตระกูลหนิงของผมไปมีความแค้นอะไรกับตระกูลเฝิงของคุณอย่างนั้นเหรอครับ?”
หนิงจี้หยวนนั้นไม่รู้จริงๆ ว่าลูกชายของเฝิงฉวนนั้น เพิ่งถูกฆ่าไปเมื่อคืนนี้เอง
แต่เฝิงฉวนก็ไม่รู้เลยว่าการตายของลูกชายเขานั้น ตระกูลหนิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิดเดียว
หยางเฉินมองไปที่เฝิงฉวนด้วยความสนใจ
ดูท่า เฝิงอี้ฉินที่ถูกเขาฆ่าไปนั้น จะเป็นลูกรักของเฝิงฉวนมากจริงๆ
ส่วนหนิงเฉินหยู่ที่นั่งอยู่หลังสุดของตระกูลหนิงมาโดยตลอด หลังได้เห็นเฝิงฉวนก้าวออกมา จู่ๆก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นทันที
เมื่อคืน จู่ๆ ศพของเฝิงอี้ฉินก็มาอยู่ที่ท้ายรถของเขา จากนั้นลูกน้องที่เขาสั่งให้เอาศพไปจัดการก็หายสาบสูญไป
“ทั้งสองตระกูลของเรามีความแค้นอะไรต่อกัน ก็ต้องถามคนรุ่นหลังของตระกูลคุณดูแล้ว!”
ในส่วนลึกนัยน์ตาของเฝิงฉวน ได้แสดงจิตสังหารอันแรงกล้าออกมา สองตาจ้องมองไปยังหนิงเฉิงหยู่
ทันใดนั้น!
พอหนิงเฉิงหยู่รู้ตัวว่าสายตาของเฝิงฉวนกำลังจ้องมองมาที่เขา เขาก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที
ตอนนี้พอมาคิดดูดีๆ ทันใดนั้นเขาก็รู้ตัวขึ้นมาทันที ว่าตัวเองติดกับเข้าแล้ว
เกรงว่า ลูกน้องที่เขาสั่งให้ไปจัดการกับศพของเฝิงอี้ฉินนั้น น่าจะโดนจัดการไปแล้ว
ตำแหน่งของเขาในตระกูลหนิงนั้นไม่ได้สูง ถ้าเรื่องที่เขาต้องการอำพรางศพเกิดถูกเปิดเผย ตระกูลหนิงก็ต้องตกเป็นเป้าของทุกคนแน่นอน
การสร้างปัญหาแบบนี้ให้กับตระกูลหนิง มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะถูกตระกูลทอดทิ้ง
“นี่คุณต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ พูดมาให้ชัดๆ!”
หนิงจี้หยวนหรี่ตาลง และจ้องเขม็งไปที่เฝิงฉวน
ถึงเขาจะกำลังยิ้ม แต่จะมีใครรับรู้ถึงความโหดเหี้ยมที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้นกัน
ในตอนที่เขากำลังเล่นงานตระกูลหาน กับการที่ตระกูลหานเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องระหว่างตระกูลหวนหับตระกูลเมิ่งนั้นเขากลับถูกตระกูลเล็กๆ ที่เทียบกับตัวเองไม่ได้เลยมาโจมตีซะได้
สำหรับเขาแล้ว มันคือความอัปยศอย่างถึงที่สุด
แต่เฝิงฉวนก็ไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย และยังพูดพร้อมกัดฟันว่า “ลูกชายของผมเฝิงอี้ฉิน ถูกคนฆ่าตายเมื่อคืน ถ้าผมไม่ได้ไปถึงในตอนนั้น เกรงว่าแม้แต่ศพของลูกชายผมก็คงจะรักษาไว้ไม่ได้!”
เฝิงฉวนแทบจะกัดฟันพูดออกมาทั้งหมด เมื่อคืนเพิ่งจะเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกอันเป็นที่รัก แค่คิดก็รู้แล้วว่าในใจของเขาตอนนี้มันโกรธแค้นแค่ไหน
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่มีทางทำอะไรตระกูลหนิงได้ แล้วเขาจะรอให้ถึงตอนนี้ทำไม?
นี่คือโอกาสเดียวที่เขาจะสามารถแก้แค้นได้ แล้วจะปล่อยให้มันหลุดมือไปได้ยังไง?
“ว่าไงนะ? ลูกชายของเฝิงฉวนถูกฆ่าอย่างนั้นเหรอ?”
“ฉันได้ยินว่า เฝิงฉวนมีลูกชายตอนแก่ และเขาก็รักลูกคนนี้มาก เขาจึงไม่มีทางปล่อยให้คนร้ายลอยนวลไปได้แน่นอน”
“แล้วใครกันที่กล้าฆ่าแม้กระทั่งลูกชายของเขา?”
หลายคนต่างเคยได้ยินเรื่องความรักที่เฝิงฉวนมีให้ลูกชายคนนี้มาก่อน ตอนนี้จึงพากันซุบซิบกันใหญ่
หนิงเฉิงหยู่ทำหน้าอึดอัด เขาอยากอธิบาย แต่ก็ไม่กล้า ตอนนี้จึงได้แต่ตีมึน
หนิงจี้หยวนนั้นเป็นถึงหนึ่งในผู้นำของตระกูลเดอะคิง การที่เขาสามารถขึ้นมานั่งในตำแหน่งนี้ได้ ก็ต้องไม่ใช่คนโง่อย่างแน่นอน
จากแววตาของเฝิงฉวน เขาก็มองเห็นความแค้นอันแรงกล้า
แล้วเฝิงฉวนยังมาต่อต้านตัวเองตอนนี้ จึงมีความเป็นไปได้เพียงแค่อย่างเดียว นั่นก็คือการตายของลูกชายเฝิงฉวน ต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลหนิงแน่นอน
“ผู้นำเฝิง ไม่ทราบว่าการตายของลูกชายคุณ เป็นฝีมือของใครกันแน่? คุณพูดออกมาได้เลยไม่ต้องกลัว วันนี้ที่อยู่ตรงนี้มีแต่ผู้นำตระกูลใหญ่แห่งมณฑลเจียงผิงทั้งนั้น เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นอีก เราจำเป็นต้องให้คนที่ทำผิดได้รับโทษอย่างสาสม!”
หานเซี่ยวเทียนก็ได้ถือโอกาสนี้พูดออกมาเหมือนกัน
หลายคนต่างรับรู้ได้แล้วว่า การตายของลูกชายเฝิงฉวน มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหนิง
ทันใดนั้น เฝิงฉวนก็มองไปทางตระกูลหนิง ยกมือขึ้นมาชี้ แล้วพูดอย่างโมโหว่า “หนิงเฉิงหยู่ ลูกชายของฉันจริงจังกับแกแค่ไหน แต่แกกลับฆ่าเขา แถมยังคิดที่จะอำพรางศพอีก!”
“การฆ่าคนตายก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต มันเป็นกฎที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้! วันนี้ ฉันจะใช้เลือดของแก มาเซ่นไหว้ให้วิญญาณของลูกชายฉัน!”
เฝิงฉวนนั้นโมโหมากจริงๆ โกรธจนสั่นไปทั้งตัว
หนิงเฉิงหยู่สีหน้าซีดเซียว และกัดฟันพูด “ผู้นำเฝิง คุณอย่าพูดอะไรมั่วๆ นะ เรื่องบางเรื่อง มันต้องมีการรับผิดชอบนะ!”
“ทำไม? กล้าทำไม่กล้ารับอย่างนั้นเหรอ?”
เฝิงฉวนพูดประชด “ทั้งๆ ที่เป็นคนของตระกูลหนิงแท้ๆ แต่ก็เป็นได้แค่เศษสวะตัวหนึ่งเท่านั้น!”
“บัดซบ! แกหาว่าใครเป็นเศษสวะห๊ะ?”
หนิงเฉิงหยู่รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที และได้ลุกพรวดขึ้นมา
“หุบปาก!”