The King of War – ตอนที่ 433 แม่บังเกิดเกล้า

“เหอะๆ!”

หยางเฉินหัวเราะพลางส่ายหน้า ผู้หญิงที่มาจากตระกูลสูงส่ง เหยียดหยามคนอื่นแบบนี้หรือจะยอมรับความผิดของตัวเอง?

“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณมีลูกสาวดีๆ อย่างฉินซี แค่คำพูดคุณเมื่อกี้ผมก็ไม่ปล่อยคุณไปแล้ว!”

“ผมขอเตือนนะ ฉวยโอกาสตอนที่ผมยังไม่เปลี่ยนใจ รีบไปเสียดีกว่า!”

น้ำเสียงหยางเฉินเย็นยะเยือกจนติดลบ ไร้เยื่อใย

เย่ม่านเบิ่งตาโต พูดอย่างเกรี้ยวกราด “เธอไล่ฉันเหรอ? แล้วเธอยังคิดจะฆ่าฉันอีก? ฉันเป็นแม่ฉินซีนะ เป็นแม่ยายของเธอ เธอจะไล่ฉันได้ยังไง?”

“ทำไมจะไม่ได้?!”

หยางเฉินยิ้มเย็น “ตอนนี้ผมเป็นใหญ่ในเจียงผิงกับหนันหยัง เชื่อไหม แค่ผมพูดไปคำเดียวก็ทำให้คุณติดอยู่เจียงโจวตลอดชีวิต แถมตระกูลเย่ก็สืบไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

ถ้อยคำของหยางเฉินเต็มไปด้วยการข่มขู่

แน่นอน เขาไม่คิดจะฆ่าเย่ม่านจริง เพราะจนถึงตอนนี้ฉินซีก็ยังไม่รู้ว่าเย่ม่านก็คือแม่แท้ๆ ของตัวเอง

เท่าที่เขารู้จักฉินซี เธอผู้นี้มีเมตตาจิตเกินไป ถึงจะรู้ถึงความต่ำทรามไร้ยางอายของเย่ม่าน เธอก็ต้องเลือกให้อภัยอยู่แล้ว

หากเย่ม่านยังมีลูกอย่างฉินซีอยู่ในใจและไม่คิดหลอกใช้เธอ หยางเฉินหรือจะขัดขวางไม่ให้พวกเธอได้พบกัน?

“หยางเฉิน!”

เย่ม่านโมโห “ฉินซีเป็นลูกสาวฉัน ทำไมฉันจะพบกับฉินซีไม่ได้?”

“ถ้าเธอกล้าแตะฉันแม้แต่ปลายเล็บ ตระกูลเย่ต้องไม่ปล่อยเธอแน่!”

ใบหน้าเย่ม่านเต็มไปด้วยความเดือดดาล

หยางเฉินไม่ได้โมโห เพียงหัวเราะเย้ยและมองอีกฝ่ายอย่างดูถูก “พรุ่งนี้ก่อนตะวันขึ้นฟ้า ถ้าคุณยังไม่ไปอีก ผมก็ไม่ขัดที่จะให้ตระกูลเย่ต้องสูญเสียผู้หญิงหนึ่งคน!”

ว่าแล้วหยางเฉินก็ไม่ดูท่าทางโมโหตะลึงงันของอีกฝ่ายอีก หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรทันที “พรุ่งนี้ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ถ้าผู้หญิงตระกูลเย่ยังอยู่เจียงโจว ก็ทำให้หายสาบสูญตลอดกาลไปซะ!”

หลังจากวางสาย หยางเฉินก็มองเย่ม่านเหมือนกับมองคนตาย “จะไปไม่ไป คุณก็ตัดสินใจเองเถอะ!”

ครั้นแล้วหยางเฉินก็หันตัวย่างเท้าจากไป

ทิ้งให้เย่ม่านสติแตกอยู่คนเดียว

“ไอ้สารเลว! เธอกล้าขู่ฉันเหรอ?!”

เย่ม่านมองแผ่นหลังของหยางเฉินที่จากไป อับอายจนโมโหพูด “ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปแน่!”

“คุณนาย พวกเราไปกันเถอะครับ!”

จู่ๆ เหลียงเหลียนที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้น

“จะไปก็ไปเองสิ! ถ้ายังทำภารกิจของตระกูลไม่สำเร็จ ฉันจะไม่ไปเด็ดขาด!”

เย่ม่านตะคอกใส่

เหลียงเหลียนจนใจเล็กน้อย เอ่ยปาก “คุณนายครับ ขนาดหนิวเกนหุยอันดับเก้าของสมาคมบูโดยังตายด้วยมือเขา แล้ว คุณคิดว่าเขาจะกลัวตระกูลเย่เหรอครับ?”

ครั้นแล้วเย่ม่านก็หน้านิ่งไป

ในฐานะที่เป็นผู้หญิงตระกูลเย่ ทั้งยังได้รับมอบหมายภารกิจให้มันเกี่ยวดองกับเจียงโจว เธอจึงไม่ใช่คนเบาปัญญาอยู่แล้ว

คำพูดของเหลียงเหลียนทำให้เธอใจเย็นลงทันที

สมาคมบูโดมีสาขาทั่วประเทศ หากรวมพลังกันแล้วก็ไม่แพ้แปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู

แม้แต่คนอย่างหนิวเกนหุยยังถูกหยางเฉินสังหาร แล้วเธอเป็นใครกัน?

การข่มขู่ของหยางเฉินไม่ใช่แค่การล้อเล่นเท่านั้น

จู่ๆ สมองของเธอก็ปรากฏภาพที่หยางเฉินสังหารหนิวเกนหุยในงานต่อสู้เมื่อก่อนหน้านี้ ครั้นแล้วตัวเธอก็สั่นสะท้านไปหมด

ตอนนี้เอง เธอถึงนึกขึ้นได้ว่าคนที่เธอเพิ่งเผชิญหน้าไปน่ากลัวเพียงใด

“แต่…ถ้าไปแบบนี้ งั้นภารกิจที่ตระกูลมอบให้ฉันก็ล้มเหลวนะสิ? เธอน่าจะรู้นะ สำหรับฉันแล้วเรื่องนี้สำคัญมาก”

เย่ม่านกัดฟันพูด ความแค้นอัดอั้นอยู่เต็มดวงตา

เหลียงเหลียนถอนหายใจ “แต่ถ้าคุณไม่ไป เขาก็จะฆ่าคุณนะครับ ยังมีอะไรสำคัญกว่าชีวิตอีก?”

ที่จริงเขาอยากพูดว่าตอนที่เจอหยางเฉินครั้งแรก หากเย่ม่านมีมารยาทหรือสืบเรื่องหยางเฉินก่อนก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้

แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพูดออกไป

หลังจากหยางเฉินจากไปแล้ว เขาก็ขับรถตรงไปที่ซานเหอกรุ๊ป

คำพูดที่เขาพูดกับเย่ม่านเมื่อก่อนหน้านี้เป็นการข่มขู่จริงๆ ส่วนที่เขาโทรศัพท์นั้น ที่จริงเขาไม่ได้กดเบอร์

ไม่ว่าอย่างไร เย่ม่านก็เป็นแม่แท้ๆ ของฉินซี เขาจะลงมือกับผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร

เมื่อก่อนตอนที่โจวยู่ชุ่ยหน้าไม่อาย และยังจะเอาชีวิตเขาตั้งหลายครั้ง เขาก็ยังไม่ลงมือฆ่าเธอเลย

ที่เขาข่มขู่เย่ม่าน ก็เพราะไม่อยากให้ฉินซีเสียใจเท่านั้น

กว่าฉินซีจะออกมาจากเงามืดของโจวยู่ชุ่ยได้ เย่ม่านก็ดันมาปรากฏตัวเอาตอนนี้อีก ฉินซีจะทนรับได้หรือ?

“หยางเฉิน!”

ก็ขณะที่หยางเฉินกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่ ประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับก็ถูกเปิดออก ฉินซีเข้ามานั่งอย่างอ่อนล้า

“ไม่รู้ทำไม จู่ๆ วันนี้ก็มีหลายบริษัทมาเจรจาจะขอร่วมงานด้วย รับแขกไปตั้งหลายคนแน่ะ”

ฉินซีคาดเข็มขัดนิรภัย นั่งพิงเบาะพลางพูดด้วยความเหน็ดเหนื่อย

หยางเฉินต้องรู้อยู่แล้วว่าเพราะอะไร ก็ตอนเช้าเขาเพิ่งเอาชนะหนิวเกนหุย ขึ้นเป็นราชาแห่งเจียงผิงกับหนันหยังไปนี่

แล้วตระกูลใหญ่พวกนี้จะไม่หาโอกาสมาผูกมิตรด้วยได้อย่างไร?

น่าจะไม่แค่ซานเหอกรุ๊ป แต่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปกับธุรกิจอื่นในมือเขาก็น่าจะเป็นเหมือนกัน

“บางทีคุณก็วางงานให้ลูกน้องช่วยบ้างก็ได้นะ คุณจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป”

หยางเฉินพูดด้วยความเป็นห่วง

ฉินซียิ้มบางแล้วหันไปมองอีกฝ่าย พูดกับเขาด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข “คุณรู้ไหมคะ ซานเหอกรุ๊ปเป็นบริษัทที่ฉันสร้างมากับมือ ฉันอยากทำมันให้เป็นบริษัทใหญ่ระดับโลกด้วยมือตัวเอง”

หยางเฉินส่ายหน้ายิ้มเจื่อน ด้วยทรัพย์สมบัติและฐานะของเขาในตอนนี้ หากจะทำให้ซานเหอกรุ๊ปเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จะยากอะไรกัน?

แต่เขาก็เข้าใจอยู่ ก็เหมือนกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปที่เป็นสิ่งเดียวที่แม่หลงเหลือไว้ให้เขาในโลกนี้ เขาก็จะกุมเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้อยู่ในมือของตัวเอง และพัฒนาให้เป็นธุรกิจอันดับหนึ่งของจิ่วโจวให้ได้

“จริงสิ ผู้หญิงคนนั้นมาหาฉันอีกแล้วล่ะ”

ทันใดนั้นฉินซีก็พูดขึ้น

“เย่ม่าน?”

หยางเฉินขมวดคิ้ว

ฉินซีพยักหน้า สีหน้าซับซ้อน ดวงตาคาดหวังเล็กน้อย เธอค่อยๆ พูด “เธอบอกว่าเธอรู้เรื่องแม่ของฉัน อยากนัดเวลาฉันไปคุยด้วยหน่อย”

เมื่อได้ยินดังนั้นหยางเฉินก็แอบขมวดคิ้วนิ่งงัน

เขาขู่เย่ม่านแล้ว คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้ยังกล้ามาก่อกวนฉินซีอีก

“ทำไมคุณไม่พูดล่ะคะ?”

ฉินซีมองหยางเฉินแบบงงๆ เอ่ยถาม “เธอจะบอกเรื่องเกี่ยวกับแม่แท้ๆ ของฉัน ทำไมคุณเหมือนไม่ดีใจล่ะ?”

“คุณอยากหาพ่อแม่ที่แท้จริงจริงๆ เหรอ?” หยางเฉินเอ่ยขึ้น

ฉินซีฝืนหัวเราะ “ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไมพ่อแม่ต้องทิ้งฉัน แต่ฉันคิดว่าโลกนี้ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ไม่รักลูกของตัวเองหรอก”

“ที่พวกเขาทิ้งฉันอาจเพราะมีความจำเป็นก็ได้ ฉันอยากถามต่อหน้าพวกเขา ว่าสาเหตุอะไรกันแน่ที่ทำให้พวกเขาต้องทิ้งฉัน”

อารมณ์ฉินซีเป็นปกติ ราวกับพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตน เธอหยุดไปครู่หนึ่งแล้วจู่ๆ ก็พูดต่อ “ถ้าพวกเขาถูกบีบจนมุมจริง บางทีฉันอาจจะอภัยให้พวกเขา”

“หยางเฉิน คุณต้องสนับสนุนฉันอยู่แล้ว ใช่ไหมคะ?”

ดวงตากลมโตเป็นประกายของฉินซีมองทางหยางเฉินแล้วถาม

“คุณไม่กลัวว่าพวกเขาจะเหมือนโจวยู่ชุ่ยเหรอ? ยอมทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ และตอนนี้ก็เพื่อจะใช้ประโยชน์จากคุณก็เลยมาหา”

ขณะที่หยางเฉินกำลังขับรถ สายตาของเขามองตรงไปด้านหน้า เขาไม่ได้ตอบคำถามฉินซี ซ้ำยังถามกลับอีก

The King of War

The King of War

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset