The King of War – ตอนที่ 45ตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิง

บทที่45ตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิง

ตอนที่ฉินเฟยโดนซัดจนกระดอน เขาได้สลบไป

ทั้งห้องโถงเงียบกริบ ท่านผู้เฒ่าฉินนิ่งงัน สีหน้าเกรี้ยวกราด“หยางเฉิน!”

ฉินซีตกใจพูดร้อนรน“คุณปู่คะ อย่าโกรธหยางเฉินเลย เขามาวันนี้ ไม่มีเจตนาร้ายนะคะ……”

“หุบปาก!”

ท่านผู้เฒ่าฉินตะคอกดุดัน“ทำร้ายเสี่ยวเฟยขนาดนี้ ยังบอกไม่มีเจตนาร้าย”

“อย่าคิดว่าแกได้รับผิดชอบโครงการกับซานเหอ แล้วฉันจะมองแกสูงขึ้นนะ ซานเหอเห็นในศักยภาพของตระกูลฉิน ถึงยอมร่วมมือ ต่อให้ไม่มีแก ก็ต้องมีคนรับผิดชอบต่ออยู่ดี”

“จะบอกอะไรให้นะ ในสายตาฉัน แกไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะแกยังมีประโยชน์ต่อตระกูลฉินฉันไล่แกออกจากตระกูลนานแล้ว”

“ไสหัวไป!ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!ต่อไปห้ามเหยียบเข้าตระกูลฉินอีก!”

คำพูดของท่านผู้เฒ่าฉินราวกับคมมีด ที่ปักลงกลางใจ ทำให้เธอเจ็บปวดเกินทน

เธอก้มหน้า น้ำตาหยดลงราวกับห่าฝน ไหลรินไม่หยุด

ฟางเยว่ตะคอกเดือดดาล“พี่คิดว่าน้ำตาหยดแหมะ แล้วจะทำให้คุณปู่เห็นใจได้เหรอ คุณปู่บอกให้พี่ไสหัวไป ก็ไม่ต้องตอแหล รีบไสหัวไปกับไอ้ผัวสวะนั่นซะ!”

หยางเวยมองฉากนี้อย่างสะใจ นั่งอยู่ด้านข้าง ไม่พูดอะไร มีเพียงสายตาคู่นั้น ที่จ้องมองมาทางฉินซีทำให้ฟางเยว่ยิ่งเดือดดาล

หยางเฉินสีหน้าไม่เปลี่ยน ยังคงจ้องเย็นชา ได้แต่รู้สึกไม่ยุติธรรมกับฉินซี

ถ้าไม่ใช่เพราะฉินซีขอร้องให้ไว้หน้าตระกูลฉิน ตระกูลฉินดับไปนานแล้ว

“เสี่ยวซี คุณทำเพื่อตระกูลฉินมากมายขนาดนี้ คุณใช้หนี้บุญคุณหมดแล้วล่ะ ในเมื่อไม่รู้ผิดชอบชั่วดีกันขนาดนี้ ก็ปล่อยตามยถากรรมแล้วกัน!”หยางเฉินเปิดปากพูด

ฉินซีมองตาละห้อย ก้มหน้าเช็ดน้ำตา ตอนที่เงยหน้า ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ

เธอมองดูท่านผู้เฒ่าอย่างลึกซึ้ง“คุณปู่คะ ในใจคุณปู่ ไม่เคยมีหลานสาวแบบหนูเลยใช่ไหมคะ”

ท่านผู้เฒ่าแค่นยิ้ม“อย่าโง่ไปเลย พ่อแกน่ะติดย่าแกมาตอนแต่งกับฉัน แกคงไม่คิดว่าฉันต้องปฏิบัติให้เหมือนลูกในไส้หรอกนะ”

แววตาฉินซีเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เธอยิ้มขมขื่นส่ายหน้า“หนูเข้าใจแล้วค่ะ!”

พูดจบ หมุนตัวออกจากห้องโถงไป

หยางเฉินมองปราดไปที่ท่านผู้เฒ่า มุมปากยิ้มเยาะ“ต้องมีสักวันที่ท่านเรียกตัวเธอกลับ!”

เมื่อคำพูดนี้หลุดไป หยางเฉินจึงพาฉินซีออกไป

“ยโส!ยโสเหลือเกิน!”ท่านผู้เฒ่าได้ฟังคำพูดหยางเฉิน ตัวสั่นเทา

ในเวลานี้เอง เงาหนึ่งปรากฏขึ้น รีบพูด “ท่านประธาน ประธานสงมาครับ!”

“ประธานสงเหรอ ประธานสงคนไหน”ท่านผู้เฒ่าคิดไม่ออก

“ตระกูลสงแห่งเจียงโจว สงโป๋เฉิงแห่งผับโป๋เฉิง มาด้วยตัวเองครับ”คนนั้นกล่าวด้วยสีหน้ากังวล

“ว่าไงนะ”ท่านผู้เฒ่าตกใจ รีบวิ่งเหยาะไป

ฟางเยว่มองดูหยางเวย“พี่หยางคะ พวกเราไปดูมั้ยคะ”

“ได้สิ!”หยางเวยตอบรับ

ท่านผู้เฒ่าฉินวิ่งออกไป ตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า

“คุณหยาง ผมขอเป็นตัวแทนตระกูลสง พาไอ้เดรัจฉานนี่มาขอขมา!”สงโป๋เฉินก้มหัว น้ำเสียงกังวาน

ฉากนี้ ทำให้ท่านผู้เฒ่าหัวใจแทบวาย

ส่วนฟางเยว่กับหยางเวย ก็ได้มาถึงข้างตัวท่านผู้เฒ่า ฟางเยว่เหม่อลอย ต่อให้เป็นหยางเวย ตอนนี้ตาทั้งคู่ได้หรี่ลง

ด้านหลังสงโป๋เฉิง มีคนแบกคานไม้อยู่สองสามคน บนเปลนั้นมีคนนอนพะงาบอยู่ เป็นสงโป๋เหริน

ตระกูลสงเป็นอันดับหนึ่งของเจียงโจวอยู่แล้ว ศักยภาพเหลือเฟือ ส่วนสงโป๋เฉิง มีความสำคัญในตระกูลสง และก็ถูกวางให้เป็นผู้สืบทอดตระกูลสงด้วย

บัดนี้ กลับต้องมาขอขมาหยางเฉิน

สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่หยางเฉิง เขาเป็นลูกเขยที่ถูกขับไล่จากตระกูลสงจริงหรือ

ท่านผู้เฒ่าฉินสงสัยเป็นคนแรก ฟางเยว่เองก็จ้องตาเขม็ง จับจ้องไปที่หยางเฉินไม่วางตา

“คุณหยาง ผมผิดไปแล้ว ปล่อยตระกูลสงไปเถอะนะ ต่อไปเราจะรับใช้คุณหยางอย่างดี”สงโป๋เหรินที่อยู่บนเปลวิงวอน

หยางเฉินมองพี่น้องตระกูลสง บ้านนี้ลงมือได้โหดร้ายจริงๆ ฟาดขาสงโป๋เหรินเสียหัก

“พวกคุณจำคนผิดหรือเปล่า เขาก็แค่คนที่โดนขับไล่ออกจากตระกูล”

ฟางเยว่สีหน้าตกใจ ชี้ไปที่หยางเวยข้างๆ พูดกับพี่น้องตระกูลสง“เขาต่างหากคุณหยาง!”

“ผัวะ!”

สงโป๋เฉิงได้ฟัง ตบฉาดลงบนหน้าฟางเยว่ เดือดดาล“หญิงชั่วนี่มาจากไหน คุณหยางแกลบหลู่ได้ด้วยหรือไง ไม่รู้อะไรก็หุบปาก ถ้าพ่นอะไรออกมาอีกคำ กูตบปากแตกแน่”

“คุณหยางครับ ครั้งนี้ตระกูลสงของเรา ต้องขออภัยจากใจจริง ท่านเห็นมั้ยครับ ไอ้เดรัจฉานนี่โดนคุณพ่อฟาดขาหักแล้ว แต่คุณพ่อสุขภาพไม่แข็งแรง มาขอโทษด้วยตนเองไม่ได้”สงโป๋เฉิงพูดร้อนรน

เพียงแต่ หยางเฉิงไม่ได้เห็นความจริงใจตรงนั้น ดูเหมือนการแสดงละคร

“หยางเฉิน ช่างเถอะนะ!”ฉินซีเปิดปากขึ้น

เดิมทีหยางเฉินจะทำลายตระกูลสงให้สุด แต่ในเมื่อฉินซีขอไว้ เขาเลยปล่อยไป

“เห็นแก่หน้าภรรยาผม จะปล่อยตระกูลสงครั้งหนึ่ง ถ้ามีอีก ตระกูลสงก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่!”หยางเฉินแค่นเสียง

ได้ฟัง สงโป๋เหรินดีใจลิงโลด แม้ว่าขาหักทั้งคู่ แต่อย่างน้อยยังเหลือชีวิต

“ขอบคุณครับคุณหยาง!ขอบคุณครับคุณหยาง!”พี่น้องตระกูลสงรีบขอบคุณ

“ไสหัวไป!”หยางเฉินตะคอก คนตระกูลสงรีบถอยไป

“เราไปกันเถอะ!”หยางเฉินพาฉินซีจากไป

ท่านผู้เฒ่ายิ่งประหลาดใจขึ้นอีก เขาคิดไม่ถึงว่า ลูกเขยที่โดนไล่ออกจากตระกูล จะเป็นขนาดนี้

ตระกูลสงเป็นหมายเลขหนึ่งของเจียงโจว ตระกูลฉินไม่มีวันเทียบเท่า แต่ทว่า ทายาทของตระกูลเบอร์หนึ่ง ต้องมาก้มหัวให้หยางเฉิน

ฟางเยว่แค่นเสียง“เสแสร้งได้ไม่เลวนี่ ตอนนี้สวะยิ่งใหญ่เหลือเกิน กล้าหลอกทายาทตระกูลสง”

“แกหมายความว่าไง”ท่านผู้เฒ่าขมวดคิ้ว

ฟางเยว่กล่าว“คุณตาคะ คุณตาไม่เข้าใจหริอคะ ตระกูลสงจำคนผิด สงโป๋เฉิงเป็นประมุขตระกูลในอนาคตนะคะ จะมาขอขมาสวะได้ไง”

“จำคนผิดเหรอ”

ท่านผู้เฒ่ามีคำถามมากมายหลายแสน ได้ยินคำพูดฟางเยว่ เขาถึงรู้สึกได้ มีแต่เหตุผลจำคนผิดที่ฟังขึ้น

“คุณตาคะ สงโป๋เฉิงเรียกคุณหยางนี่คะ อาจจะต้องการขอโทษพี่หยางก็ได้”

ฟางเยว่หัวเราะแหะๆ ชายตามองไปทางหยางเวย“พี่หยางคะ ฉันเดาไม่ผิดใช่ไหม”

แม้ว่าหยางเวยจะไม่รู้ความจริง แต่เวลานี้ถ้าจะให้เขาสวมรอย เขาไม่พลาดโอกาสแน่ ยิ้มอย่างนอบน้อม“วันก่อน ผมขัดแย้งกับตระกูลสงครับ คิดไม่ถึง ผมมาบ้านฉิน พวกเขาก็รู้ด้วย อุตส่าห์มาขอขมา”

“เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วย!”

ฟางเยว่พูดดีใจ“เสียดายนะคะ พวกเขาจำคนผิด แต่ไม่เป็นไรค่ะ ให้ตระกูลสงคิดได้ ก็ไม่ปล่อยหยางเฉินไว้แน่”

“คุณชายหยางสุดยอดจริงๆ ทำให้ตระกูลสงมาขอขมาถึงหน้าประตู”ท่านผู้เฒ่าตื่นตะลึง หัวเราะเสียงดัง

เขาคำนวณในใจ แม้ว่าตระกูลหยางจะเป็นตระกูลชั้นนำต่างเมือง แต่ทำให้ตระกูลสงมาขอขมาถึงหน้าประตูได้ ถ้าฟางเยว่ได้แต่งเข้าสกุลนี้ ตระกูลฉินจะมีอำนาจแค่ไหน ง่ายดุจพลิกฝ่ามือ

คิดมาถึงตรงนี้ จึงเงยหน้ามองหยางเวยอย่างชื่นชม อยากจะให้ฟางเยว่แต่งเข้าเร็วๆ

“ท่านประธานฉิน ถ้าหากไม่มีคำสั่งอะไรอีก ผมขอตัวนะครับ”หยางเวยพูดขึ้น

ท่านผู้เฒ่ารีบพูด“เสี่ยวเยว่ สองสามวันนี้ไม่ต้องมาบริษัท ต้อนรับคุณชายหยางให้ดี”

“ค่ะ คุณตา!”ฟางเยว่ตอบรับดีใจ

หยางเวยแค่นยิ้มในใจ แต่แสดงทีท่าว่าดีใจ แล้วตามฟางเยว่ไป

“พี่หยาง อายุน้อยขนาดนี้ ยังไม่มีครอบครัวใช่ไหมคะ”ฟางเยว่ขับรถพลางถาม

หยางเวยจะไม่รู้ความในใจหล่อนได้อย่างไร

“เสี่ยวเยว่คิดว่าไงล่ะจ๊ะ”หยางเวยยิ้มเลศนัย มองไปทางแววตาที่เปลี่ยนไปของหล่อน

ฟางเยว่ตัวสั่น จนพวงมาลัยเอน

“พี่หยางหล่อขนาดนี้ ฉันเดาว่ายังไม่แต่งแน่นอน”ฟางเยว่หน้าแดงก่ำ แสดงความนัยให้หยางเวย

หยางเวยยิ่งได้ใจ

ฟางเยว่หน้าแดงถึงใบหู“พี่ พี่หยาง ฉัน เราจะไปไหนกัน”

“ไปโรงแรมพี่แล้วกัน!”ดวงตาหยางเวยเป็นประกาย

ฟางเยว่ลุ่มหลงจนถอนตัวไม่ขึ้น

อีกด้าน หยางเฉินกับฉินซีออกมาจากบริษัทฉินซื่อ รีบเดินทางไปที่ซานเหอ

ระหว่างทางหล่อนจิตตกมา หยางเฉินเองก็ปวดใจ

“หยางเฉิน ส่งฉันหน้าประตูพอค่ะ”ฉินซีรู้ว่าสถานภาพหยางเฉินพิเศษ จึงไม่อยากให้ใครรู้

หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย“เลิกงานผมมารับคุณ ไปรับเสี้ยวเสี้ยวกลับบ้านกัน”

“ตกลงค่ะ!”ฉินซีพูดจบ หมุนตัวจากไป

เขาทอดสายตาส่งฉินซีจนลับเงา หยางเฉินหยิบมือถือออกมา กดเบอร์ “ตรวจสอบคนๆหนึ่ง ที่ไปฉินซื่อกรุ๊ป ผู้ชายแซ่หยาง อายุสามสิบกว่า”

ไม่ใช่ว่าเขาระวังตัว แต่ชายคนนั้นจ้องฉินซีไม่วางตา เขาไม่อยากให้ฉินซีเป็นอะไรไป

ไม่นาน มือถือหยางเฉินดังขึ้น พอรับสาย ได้ยินลั่วปินพูด“เขาชื่อหยางเวย เป็นคนเมืองโจวเฉิง ตระกูลหยางแห่งโจวเฉิง แม้จะเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง บริษัทเฉิงเหอกรุ๊ปขึ้นชื่อสุดในตระกูล ไม่กี่วันก่อนที่ร้านอาหารเป่ยหยวนชุน พวกเราได้เจอหยางหลิ่ว เป็นน้องสาวแท้ๆของเขา”

หยางเฉินหรี่ตา“ในเมื่อเป็นแบบนั้น อย่าให้ธุรกิจใดๆของตระกูลหยาง ปรากฏตัวขึ้นที่เจียงโจว!”

The King of War

The King of War

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset