The King of War – ตอนที่ 487 ตามหาความมั่นใจกลับมา

“ผมเป็นคนของประธานซ่ง เว้นแต่ว่าประธานซ่งจะเอ่ยปากเอง มิฉะนั้นใครก็ไม่มีสิทธิ์ไล่พวกผมออก”

หัวหน้ารปภเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ไอ้เด็กสองคนนี้กล้ายุ่งกับหลานชายของประธานซ่ง พวกเขาจะต้องได้รับการลงโทษ!”

“พาตัวเด็กสองคนนี้ไป!”

“ถ้าพวกเขาไม่ให้ความร่วมมือ ก็ตีให้สลบแล้วค่อยเอาตัวออกไป!”

หัวหน้ารปภออกคำสั่งทันที

ลั่วปิงโกรธจนตัวสั่น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกหมดแรงขนาดนี้

หยางเฉินไม่ได้ผิดหวังในตัวเขา เพียงแต่มีความโกรธสุมอยู่ในใจ เขารู้ว่าอุปสรรคในการควบคุมเยี่ยนเฉินกรุ๊ปของลั่วปิงนั้นมหาศาล แต่คิดไม่ถึงว่าอุปสรรคจะมากมายได้ขนาดนี้

แต่พอคิดดูดีก็พอเข้าใจอยู่

ก่อนหน้านี้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปอยู่ในการควบคุมของตระกูลอวี๋เหวินมาโดยตลอด ภายหลังจากที่เขากลับมาจากชายแดนเหนือแล้ว ตระกูลอวี๋เหวินถึงคืนเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้กับตัวเองได้ฝังรากลึกลงไปในเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้ว

ลั่วปิงเป็นเพียงผู้จัดการใหญ่ที่แต่งตั้งโดยหยางเฉิน จะสามารถควบคุมกรุ๊ปได้อย่างง่ายดายได้ยังไงเล่า

เมื่อเห็นสีหน้าทำอะไรไม่ได้ของลั่วปิง หยางเฉินถอนหายใจเบาๆ

“ถ้าใครกล้าเดินเข้ามาอีกก้าว อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”

และในขณะนั้น เงาชุดดำเงาหนึ่งปรากฏตัวข้างกายหัวหน้ารปภประหนึ่งวิญญาณ

มือของเขาจับมีดสั้นที่เปล่งประกายน่ากลัว โยนเล่นไปมา

พริบตาที่หัวหน้ารปภเห็นเขา ก็ตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ ตะโกนด้วยสัญชาตญาณ “ทุกคนหยุด!”

รปภสิบกว่าคนชะงักหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวไปหาหยางเฉินและหม่าชาว

ตอนที่พวกเขาเห็นเงาข้างกายหัวหน้ารปภก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

“เฉียนเปียว นายอย่าพลั้งมือทำอะไรนะ ที่นี่คือบริษัท”

หัวหน้ารปภไม่กล้าขยับ พูดด้วยท่าทีหวาดกลัว

เฉียนเปียวเล่นมีดสั้นอยู่รอบกายเขา มีดสั้นเล่มนั้นเฉี่ยวผ่านหัวของหัวหน้ารปภเป็นครั้งคราว หัวหน้ารปภกลัวจนฉี่แทบราด

ลั่วปิงเพิ่งมาถึงสำนักงานใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็ได้เจอกับการหาเรื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรุ๊ป มีครั้งหนึ่งที่ลั่วปิงถึงขั้นปะทะกับผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่ง

บอดี้การ์ดข้างกายผู้บริหารระดับสูงคนนั้นคิดจะลงมือกับลั่วปิงต่อหน้าทุกคน ในตอนนั้นเองที่เฉียนเปียวปรากฏตัว เอามีดแทงบอดีการ์ดคนนั้นไปสิบกว่าที

แต่ บอดี้การ์ดคนนั้นยังมีชีวิตอยู่

เพราะสิบกว่ามีดที่เฉียนเปียวแทง ได้หลีกเลี่ยงจุดสำคัญทั้งหมด ดูแล้วเหมือนทำให้บอดี้การ์ดคนนั้นบาดเจ็บสาหัส แต่ความจริงแล้วไม่ใช่

และเรื่องนี้ก็สร้างความตื่นตระหนกกับผู้บริหารระดับสูงทุกคน

และเริ่มจากตอนนั้นเอง ที่แม้ศึกระหว่างผู้บริหารระดับสูงและลั่วปิงยังไม่จบ ทว่าไม่มีใครกล้าลงมือกับลั่วปิงอีก

เพราะการมีอยู่ของเฉียนเปียว

เฉียนเปียวโผล่มาในเวลานี้ ก็รู้เลยว่าสร้างความแตกตื่นให้กับรปภเหล่านี้มากขนาดไหน

“เฉียนเปียว บอกให้พวกเขาไสหัวออกไปจากเยี่ยนเฉินกรุ๊ปซะ!”

ลั่วปิงเห็นเฉียนเปียวก็เหมือนเห็นผู้ที่จะมาช่วยชีวิต จึงพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

เฉียนเปียวเล่นมีดสั้นในมือ และหันมองหัวหน้ารปภเย็นๆ “พวกแกไม่ได้ยินที่ประธานลั่วพูดรึ จะให้ฉันช่วยรักษาอาการหูหนวกให้พวกแกมั้ยล่ะ?”

หัวหน้ารปภจะกล้าอยู่ที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปต่อได้อีกได้ยังไง เขารีบเอ่ยขึ้น “นายอย่าวู่วามนะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

พูดจบเขาก็ออกจากเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอย่างกับกำลังหนี

รปภคนอื่นๆก็มีสีหน้ามึนงง หลังจากสติหายไปชั่ววูบ ก็พากันตามหลังหัวหน้ารปภออกไปกันหมด

ผู้สมัครรอบๆก็อึ้งไปด้วย

หานเฟยเฟยยังมึสีหน้าตะลึงไป แต่ใจที่ตุ้มๆต่อมๆมาโดยตลอดในที่สุดก็เป็นปกติ

“พวกเราไปกันเถอะ!”

ลั่วปิงรู้ว่าหยางเฉินมาหาตัวเองต้องมีบางสิ่งบางอย่างจะบอกแน่ๆ เขาไม่กล้าชักช้า พูดจบก็เดินนำออกไปก่อน

หยางเฉินพาหม่าชาวเดินตามขึ้นไป

ห้องทำงานของลั่วปิงอยู่ชั้นบนสุดของกรุ๊ป ภายห้องที่ตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย

“ประธาน ผมทำให้คุณต้องขายหน้า!”

เพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน ลั่วปิงก็คุกเข่าลงแทบเท้าหยางเฉินทันที และพูดด้วยตาแดงก่ำ ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองหยางเฉินด้วยซ้ำ

ตอนแรกที่ทั้งสองถูกรปภขวางไม่ให้เข้าประตูบริษัท หยางเฉินไม่พอใจลั่วปิงมากจริงๆ แต่เรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นกลับทำให้หยางเฉินเข้าอกเข้าใจในสิ่งที่ลั่วปิงต้องเจอมาก

“ลุกขึ้น”

หยางเฉินมองร่างที่คุกเข่าอยู่แทบเท้าตัวเองแล้วพูดด้วยคิ้วขมวด

“ท่านประธานครับ ผมทำภารกิจที่คุณมอบหมายให้ไม่สำเร็จ ผมมีความผิด” ลั่วปิงพูดด้วยเสียงร้องไห้

“ในเมื่อนายชอบคุกเข่านักก็คุกเข่าไปแล้วกัน พวกเราไป!”

ทันใดนั้นหยางเฉินก็เอ่ยขึ้น

เมื่อได้ฟัง ลั่วปิงรีบลุกขึ้น เช็ดน้ำตาและมองหยางเฉินพลางกล่าว “ท่านประธาน ท่านอย่าไปนะครับ ผมไม่คุกเข่าแล้ว”

หยางเฉินถึงนั่งลงใหม่อีกครั้ง เขาเงยหน้ามองลั่วปิงที่ยืนกล้าๆกลัวๆอยู่ตรงหน้าตัวเอง สายตาที่คมกริบก็พลันอ่อนลง

เขาถอนหายใจ ชี้ที่ข้างๆและบอก “นั่งลงก่อนแล้วค่อยคุยกัน”

ลั่วปิงรีบนั่งลงตัวตรง ประหนึ่งเด็กนักเรียนที่มาพบอาจารย์

“นายทำผิดไป นายรู้ตัวมั้ย?” อยู่ๆหยางเฉินก็ถามขึ้น

หยางเฉินในตอนนี้ สีหน้าจริงจังเคร่งเครียด แม้จะคาดคั้นลั่วปิงอยู่ แต่กลับไม่มีความโมโหปรากฏบนใบหน้ามากมาย

ลั่วปิงพยักหน้า พูดด้วยท่าทีรู้สึกผิด “ผมทำภารกิจที่คุณมอบหมายไว้ไม่สำเร็จ ผมทำผิดไปจริงๆ”

“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้”

“ฉันบอกว่านายทำผิดไป ไม่ใช่เพราะต้องการตำหนิที่นายทำภารกิจที่ฉันมอบหมายให้ไม่สำเร็จ แต่เพราะนายเจออุปสรรคมหาศาลขนาดนี้แต่กลับไม่บอกฉันถึงปัญหาที่นายเจอที่นี่”

“ทุกครั้งที่นายรายงานฉันผ่านทางโทรศัพท์ นายพูดแต่ด้านดี ไม่เคยบอกเลยว่านายเจอความลำบากยังไง ไม่ยอมแบ่งปันความทุกข์”

“ฉันถึงได้บอกว่านายทำผิด”

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าเรียบสงบ ความโมโหบรรเทาลงแล้วกว่าครึ่ง

ลั่วปิงมีสีหน้าผงะ ตอนแรกเขาคิดว่าหยางเฉินจะด่าเขายกใหญ่ แต่คิดไม่ถึงว่าหยางเฉินไม่โกรธ เพียงแต่โทษเขาที่ไม่ยอมเล่าปัญหาที่เจอให้เร็วกว่านี้

“ท่านประธาน ผม…..ผมผิดไปแล้วครับ”

ลั่วปิงก้มหน้า มีน้ำตาไหลออกมา

สามารถทำให้ชายวัยกลางคนหลั่งน้ำตาออกมาได้ รู้ได้เลยว่าเขาถูกรังแกและได้รับความอยุติธรรมในสำนักงานใหญ่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปมามากขนาดไหน

หยางเฉินไม่พูดอะไร เขารอจนลั่วปิงอารมณ์คงที่แล้วถึงกล่าว “นายต้องจำเอาไว้ว่านายเป็นผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป นอกจากฉันแล้วก็มีนายนี่แหละที่มีอำนาจสูงที่สุดในบริษัท วันนี้ พวกเรามาทำความสะอาดเยี่ยนเฉินกรุ๊ปให้ดีๆ พวกแมลงจะได้เข้าใจด้วยว่าเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแซ่หยาง ไม่ได้แซ่อวี๋เหวิน! ”

คำพูดของหยางเฉินเป็นดั่งระเบิดที่ระเบิดในหัวของลั่วปิง

ใช่!

เจ้าของที่แท้จริงของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปคือชายหนุ่มเยาว์วัยที่อยู่ตรงหน้า

ต่อให้ตระกูลอวี๋เหวินจะแข็งแกร่งขนาดไหน แล้วยังไง?

สิ่งที่ตัวเองต้องทำมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือเชื่อใจหยางเฉิน

“ครับ ท่านประธาน!”

ดวงตาของลั่วปิงเป็นประกาย ความมั่นใจที่สูญเสียไปนานบัดนี้ได้กลับมาอีกครั้ง

“ตึ้ง!”

และในตอนนั้น ประตูห้องทำงานของลั่วปิงก็ถูกกระแทกให้เปิดจากด้านนอก

ทันใดนั้น ร่างของคนสามสี่คนก็พุ่งพรวดเข้ามา

คนที่นำเข้ามา หยางเฉินเคยเห็นหน้าบริษัทก่อนที่จะเข้ามาด้วย

รองผู้จัดการใหญ่ของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปนั่นเอง ซ่งซวี่หยาง!

ด้านหลังซ่งซวี่หยางมีคนที่คุ้นเคย หัวหน้ารปภที่ลั่วปิงไล่ออกเมื่อกี้นี่เอง

“ลั่วปิง นายจะใจกล้ามากไปแล้วนะ กล้าไล่คนของฉันด้วยรึ?”

ซ่งซวี่หยางเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานของลั่วปิง ตบโต๊ะเสียงดัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

The King of War

The King of War

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset