พอได้ยินดังนั้น สีหน้าของรปภ.ทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างแรง เมื่อครู่ด้วยเพราะเห็นเขาสองคนลงจากรถหรูไมบัคราคาแพงไม่เบา จึงได้มีท่าทีนอบน้อม
ตอนนี้พอได้ยินหม่าชาวพูด เป็นที่ชัดแจ้งว่าไม่มีบัตรเชิญ รปภ.ทั้งสองขมวดคิ้วย่น ท่าทางเปลี่ยนไปมากอย่างเห็นชัด แค่นเสียงหัวเราะพูดว่า “ไร้สาระ บ้านตระกูลเย่เป็นสถานที่อะไร ไม่ได้รับบัตรเชิญ จะนึกเข้าไปตามสบายได้ไง?”
ในขณะนั้น ก็มีหนุ่มสาวแต่งตัวหรูหราเดินเข้ามาอีกหลายคน ทุกคนล้วนแสดงบัตรเชิญให้ดู
หยางเฉินจึงได้รู้ว่า การจะเข้าไปในบ้านตระกูลเย่ จำเป็นต้องมีบัตรเชิญจริง ๆ
“คุณเย่หวูซวงของตระกูลเย่ได้ไปเชิญท่านประธานบริษัทเยี่ยนเฉินกรุ๊ปของเราด้วยตัวเอง พวกแกกล้าดีมาขวางไม่ให้เราเข้า ไม่กลัวว่าถ้ารู้ไปถึงเย่หวูซวง แล้วยังจะปล่อยพวกแกไว้หรือ?”
หม่าชาวย้อนถามเสียงเยือก
หยางเฉินไม่พูดอะไร แต่ให้รู้สึกได้กลิ่นเล่ห์อุบายบางอย่าง
ก่อนหน้านี้เย่หวูซวงได้ไปหาตัวเขาที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปด้วยตัวเอง ตอนที่เขาบอกว่าเจ้าของบ้านตระกูลเย่สั่งให้มาเชิญตัวเขานั้น หยางเฉินก็ให้รู้สึกประหลาดใจอยู่
ตอนนั้นก็ไม่เห็นทีท่าว่าเย่หวูซวงจะมีการพูดเท็จ
แต่หากถ้าว่าไม่ใช่เป็นการแสแสร้งหลอกลวง แล้วทำไมจึงไม่ได้มีบัตรเชิญให้เขา?มาตอนนี้ต้องถูกกั้นห้ามเข้าอยู่หน้าประตูบ้านตระกูลเย่
“พวกคุณพูดเรื่องตลกอะไรกันเหรอ?”
ได้ยินที่หม่าชาวบอกว่าเย่หวูซวงเป็นคนไปเชิญพวกเขามา สองรปภ.มองหน้าสบตากัน ทั้งคู่ต่างแสดงให้เห็นอาการเย้ยเยาะออกมาทางสายตา หนึ่งในสองคนนั้นพูดด้วยหัวเราะเสียงเย้ย ๆ ไปว่า “คุณซวงมีระดับขนาดไหนแล้ว เขาเป็นถึงผู้สืบสกุลรุ่นที่สามที่ถูกกำหนดตัวไว้ของตระกูลเย่ เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะไปเชิญพวกคุณด้วยตัวเอง?”
บริเวณโดยรอบก็คนหนุ่มสาวอีกจำนวนมากที่เพิ่งเข้ามา ตอนนี้ในแต่ละคนต่างมีสีหน้าเย้ยหยัน นินทากันซุบซิบ
“หาญกล้าขนาดแอบอ้างเป็นแขกของคุณซวง คงจะเป็นไอ้หน้าโง่ที่ไม่รู้จักตายสองคนนี้”
“คุณซวงเป็นถึงทายาทที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ไอ้หน้าละอ่อนสองคนนี้ กล้าดียังไงมาอ้างเองว่าเป็นแขกสูงศักดิ์ที่คุณซวงเชิญมา?”
“เท่าที่มองนะ เจ้าสองคนนี้ น่าจะเป็นพวกรวยฟลุ๊คขึ้นมาเป็นแน่ คิดว่าตัวเองมีเงินได้อยู่หน่อยก็อ้างตัวเป็นเพื่อนคุณซวงซะงั้น”
ช่วงขณะนี้เป็นเวลาที่แขกที่ได้รับเชิญทยอยกันเข้ามา บรรดาหนุ่ม ๆ สาว ๆ หลายคน มองหยางเฉินกับหม่าชาว ต่างพูดกระแนะกระแหนกันไม่ขาดปาก
หม่าชาวมีอารมณ์โกรธอยู่ไม่เบา หากว่าไม่ใช่หยางเฉินคอยเหนี่ยวรั้งไว้ เขาหรือจะพูดอะไรให้ไร้สาระมากมาย ป่านนี้คงลงมือลงไม้ไปแล้วเป็นแน่แท้
“คุณหยาง!”
และในเวลานั้นเอง พลันมีเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ ดังขึ้นมาจากด้านหลังของหยางเฉิน
และที่เห็นเป็นหญิงสาวสวยแต่งตัวเฉิดฉายบาดตาเดินเข้ามา พอในขณะที่ได้มองเห็นหยางเฉิน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ “คุณหยาง เป็นท่านจริง ๆ ด้วย!”
“สวัสดี คุณเย่!”
หยางเฉินมองเห็นหญิงสาว รอยยิ้มที่เมตตาผุดขึ้นที่มุมปาก
ผู้หญิงคนนี้ ตอนนั้นได้ไปเจียงโจวกับเย่ม่าน เขาก็เคยได้เจอกัน
ดูเหมือนจะชื่อเย่เสี่ยวเตี๋ย
พวกบรรดาแขกเหรื่อที่เย้ยเยาะหยางเฉินเมื่อครู่นี้ พอเห็นเย่เสี่ยวเตี๋ยปรากฏตัวมา ต่างรีบเก็บเอาแววตาที่ใช้เหยียดหยามคนนั้นขึ้นทันที
รปภ.สองคนที่หน้าประตู ก็มีสีหน้าที่ตื่นตระหนก ไม่คิดว่าหยางเฉินจะรู้จักกับเย่เสี่ยวเตี๋ย
“ตาหมา ๆ ของพวกแกบอดหรือยังไง?คุณหยางเป็นแขกที่คุณปู่เจาะจงชื่อด้วยตัวเอง ให้เชิญมาเป็นแขกสูงเกียรติในงานฉลองวันแซยิดของท่าน พวกแกกลับกล้ามาสกัดห้าม”
ใบหน้าเนียนละไมของเย่เสี่ยวเตี๋ย เต็มไปด้วยความโกรธ
ก่อนหน้านี้ตอนที่จากกันที่เจียงโจว ใจของหล่อนเฝ้าใฝ่ฝันคิดถึงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อตอนรู้ว่าหยางเฉินแต่งงานแล้ว หล่อนก็ยิ่งเศร้าระทมอย่างสุดแสน
ปีก่อนหน้านี้หล่อนถูกโจรสลัดจับตัวไป ในขณะที่กำลังจะถูกข่มเหง หยางเฉินกับเหล่าทหาร ดั่งกองทัพลงมาจากสวรรค์ เข้าช่วยหล่อนได้ทันพอดี
มาจนกระทั่งถึงเวลานี้ แต่ละฉากที่เกิดขึ้นในวันนั้น ยังเป็นภาพชัดแจ๋วที่คงยังประทับในสมองของตัวเองอยู่
“คุณเย่ครับ พวกผมก็เพียงต้องปฏิบัติตามระบบขั้นตอน หากไม่มีบัตรเชิญ จะเข้าไปในบ้านตระกูลเย่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ขอคุณเย่ได้โปรดเข้าใจพวกเราด้วยครับ”
สองรปภ.ตอนแรกก็ตกตะลึง แต่เพียงชั่วครู่เดียว ก็สงบความรู้สึกลง พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
พอได้ยินเข้า เย่เสี่ยวเตี๋ยกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ พูดอย่างเดือดดาลว่า “พวกแกหมายความว่า แม้กระทั่งตัวข้า ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะพาพวกเขาเข้าไปหรือ?”
สีหน้าของสองรปภ.เต็มไปด้วยความลำบากใจ ผงกหัวพูดว่า “คุณเย่ครับ ได้โปรดกรุณาด้วยเถอะครับ อย่าให้พวกผมต้องลำบากใจเลยครับ”
“บัดซบ!พวกแกกล้าแม้กระทั่งจะขวางข้าด้วยหรือนี่?ถ้าข้าไม่มีบัตรเชิญมาแสดง ก็เข้าไปไม่ได้งั้นสิ?” เย่เสี่ยวเตี๋ยตะคอกอย่างเดือดดาล
ฉากเหตุการณ์นี้ ทำเอาหยางเฉินขมวดคิ้วย่นอย่างอดไม่ได้ ถ้ามาขนาดนี้แล้วยังดูไม่ออกว่า มีคนในตระกูลเย่จ้องเล่นงานเขาอยู่ นั่นก็คงเป็นไอ้โง่จริง ๆ แล้ว
ที่ยิ่งทำให้เขาคิดไม่ตกคือ แม้กระทั่งคนในสายเลือดโดยตรงอย่างเย่เสี่ยวเตี๋ยนี่ รปภ.ของตระกูลยังกล้าชน
“คุณเย่ครับ แน่นอนที่สุดว่าคุณสามารถเข้าออกบ้านตระกูลได้ แต่คนนอก หากไม่มีบัตรเชิญ จะอนุญาตให้เข้าไม่ได้เป็นเด็ดขาด”
รปภ.พูดด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่มีวี่แววจะลดถอยแม้แต่น้อย
ชัดเจนว่า พวกเขาจะต้องมีคนแอบกำชับอยู่ก่อนแล้ว จึงกล้าทำได้ขนาดนี้ มิฉะนั้นคนในระดับอย่างพวกเขา ไม่มีทางจะกล้าปฏิบัติกับเย่เสี่ยวเตี๋ยอย่างนี้ได้
และคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ไม่ว่าฐานะหรือตำแหน่ง ภายในบ้านตระกูลเย่ต้องเหนือไปกว่าเย่เสียวเตี๋ยไกลทีเดียว
“ในเมื่อตระกูลเย่ไม่ต้องการต้อนรับถึงขนาดนี้ ถ้างั้นงานแซยิดนี้ ข้าก็ไม่เห็นมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมด้วยแล้ว”
หยางเฉินปริปากพูดในทันใด และแล้วก็หมุนตัวกลับเตรียมจะจากไป
“คุณหยาง เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
เย่เสี่ยวเตี๋ยรีบตะโกนเรียก ตาแดง ๆ พูดว่า “คุณช่วยรอสักพักเดี๋ยว ฉันจะประสานงานกับคนที่เกี่ยวข้องเดี๋ยวนี้เลย”
“คุณหยางโปรดรอเดี๋ยวครับ!”
และแล้วในขณะนั้นเอง เสียงที่คุ้นหู ดังเข้ามาในทันใด
แต่ละคนต่างพากันหันมองไป ก็ได้เห็นเย่หวูซวงที่มีใบหน้าอันสดใสแช่มชื่น กำลังลงออกจากรถเบนท์ลี่ย์สีดำ เร่งฝีเท้าเดินมุ่งมาทางหยางเฉิน
“น้องเล็ก เธอก็อยู่นี่ด้วย!”
พอเย่หวูซวงเห็นเย่เสี่ยวเตี๋ยอยู่ด้วย แววตาให้รู้สึกดูประหลาดใจนิด ๆ แต่ด้วยความไวในการเก็บความรู้สึกของเขา เพียงแวบเดียวก็หายไป
สายตาของหยางเฉินจ้องอยู่ที่เย่หวูซวงตลอด คิดจะมองหาดูว่าจะมีอะไรให้เห็นได้บ้างจากในตัวของเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้
แต่ทว่า เขามองไม่ได้เห็นอะไรออกมาเลย
ไม่ก็เพราะเย่หวูซวงเก็บซ่อนความรู้สึกได้เก่งมาก หรือไม่ก็เย่หวูซวงไม่ได้คิดตั้งใจจะลืมเอาบัตรเชิญให้หยางเฉินจริง ๆ
“คุณหยางครับ ต้องขออภัยเป็นอย่างมาก ที่ผมมาช้าไปหน่อย!”
เย่หวูซวงเดินเข้ามาถึงข้างหน้าหยางเฉิน อากัปรกิริยาวางไว้อย่างถ่อมตน บนใบหน้าพาเต็มมาด้วยความรู้สึกเสียใจ
หลังจากพูดจบ เขาก็หันกลับมองไปที่รปภ.สองคนนั้น ตวาดใส่ว่า “พวกแกนี่กล้าดีเป็นหมาบ้ากันเลยนะ แม้กระทั่งแขกสูงเกียรติของท่านปู่ พวกแกยังกล้ากั้นขวาง!”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของสองรปภ.เปลี่ยนวูบ รีบทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวว่า “คุณซวงครับ พวกเราไม่ทราบจริง ๆ ครับว่าเป็นแขกสูงเกียรติของท่านเจ้าบ้าน ไม่เช่นนั้นต่อให้พวกผมมีความกล้าอีกสิบเท่า ก็ไม่มีทางกล้าเสียมารยาทกับท่านหยางหรอกครับ!”
“ไปคิดบัญชีที่ฝ่ายบัญชีตระกูลเย่เดี๋ยวนี้เลย แล้วไสหัวออกไปให้พ้นเยี่ยนตู ถ้าให้ข้ารู้ว่าพวกแกยังกล้าอยู่ในเยี่ยนตู ก็อย่ามาหาว่าข้าไม่เกรงใจนะ”
แววตาของเย่หวูซวงสาดส่องจิตวิญญาณฆ่า
สองรปภ.เพียงได้ยินเสียงพูด ใบหน้าเต็มด้วยความกลัวสุดขีด ไหนเลยจะกล้ารีรอ ทั้งกลิ้งทั้งคลานวิ่งหนีออกไป
“หยุด!”
หม่าชาวตวาดออกไปในฉับพลันนั้น ตามด้วยการจ้องไปที่สองรปภ.นั้นสั่งว่า “ชี้แจงให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยไป ไม่งั้นข้าจะส่งพวกแกไปในที่ชอบเอง”
“ปัง!”
พุดไม่ทันได้ขาดคำ หม่าชาวกระทืบตีนลงไป เสียงลั่นดังสนั่น
ภายใต้ความตื่นตระหนกตกสะท้าน แผ่นพื้นแกรนิตเขียวดี ๆ พริบตานั้นแตกกระจุย
เย่หวูซวงที่อยู่ข้าง ๆ เนื้อตรงใบหน้าออกอาการกระตุก ลึกเข้าไปในลูกตา ฉายประกายแวววับมาแวบหนึ่ง