หม่าชาวหัวเราะอย่างเขินอาย “พี่เฉิน ตอนนี้ต้องคุยเรื่องการแต่งงานกันแล้วไม่ใช่เหรอ จะให้เรียกพี่อ้าย คงดูไม่เหมาะสม”
เพื่อนรักทั้งสองคน คุยเล่นกันระหว่างทางกลับโรงแรมเมืองเยี่ยนตู
“เอี๊ยด”
จู่ๆ หม่าชาวเหยียบเบรกอย่างแรง ขณะเดียวกันก็ตะโกนออกมา “พี่เฉิน ระวัง!”
เสียงล้อเสียดสีกับถนน จนเกิดเสียงดังแสบแก้วหู ตัวรถดริฟต์อย่างรุนแรง และอ้อมผ่านรถออฟโรด ยี่ห้อฮัมเมอร์คันสีดำ ที่จู่ๆ ก็มาจอดขวางอยู่ข้างหน้า
จากนั้น ตัวรถหยุดลงข้างทาง
“พี่เฉิน ดูท่าว่าจะมีคนรนหาที่ตายอีกแล้ว!”
หม่าชาวจ้องไปที่ชายวัยกลางคน ข้างนอกหน้าต่าง และพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
มีรถออฟโรด ยี่ห้อฮัมเมอร์ จอดอยู่ข้างชายวัยกลางคน
เมื่อกี้ จู่ๆ รถคันนี้ก็ขับสวนเข้ามาชน ถ้าไม่ใช่เพราะหม่าชาวตัดสินใจรวดเร็ว รถทั้งสองคนคงชนกันแล้ว
คันหนึ่งเป็นรถที่ทนทาน อย่างรถออฟโรดยี่ห้อฮัมเมอร์ ส่วนอีกคันคือรถมายบัค ถ้าทั้งสองคันชนกัน คนที่จะบาดเจ็บ คงเป็นคนที่อยู่ในรถมายบัค
หยางเฉินก็เห็นเงาของคนที่อยู่ข้างรถฮัมเมอร์ เขาหรี่ตาลง “สมาคมบูโด!”
เขาเคยเจอคนของสมาคมบูโด คนพวกนี้ใส่ชุดที่ใช้สำหรับศิลปะการต่อสู้ เหมือนกลัวคนไม่รู้ว่ามาจากสมาคมบูโด
“สมาคมบูโดเหรอ มาแก้แค้นหรือเปล่า”
หม่าชาวมองชายวัยกลางคน ด้วยสีหน้าหวาดระแวง
หม่าชาวรู้สึกถึงความน่าเกรงขามจากอีกฝ่าย
“เขาแข็งแกร่งมาก เว้นแต่นายจะปลดปล่อยพละกำลังออกมาทั้งหมด ไม่งั้นอาจจะแพ้!”
หยางเฉินมองเพียงแวบเดียว ก็รู้พละกำลังของอีกฝ่าย ว่าอยู่ประมาณระดับใด
หยางเฉินอยู่ในระดับที่สามารถแยกแยะความสามารถของอีกฝ่าย จากพละกำลังที่แผ่ออกจากตัวอีกฝ่าย
เมื่อได้ยินดังนั้น หม่าชาวยิ้มอย่างร้ายกาจ “หรือว่า ผมจะยืมมือเขา มาทะลุขีดจำกัดของตัวเอง!”
พูดจบ เขาก็เปิดประตูและลงจากรถ
หยางเฉินนั่งพักสายตาอยู่ในรถอย่างเงียบๆ
ในสถานการณ์ปกติ เขาจะไม่เข้าไปก้าวก่ายการต่อสู้ของเพื่อน เว้นเสียแต่จะอยู่ในช่วงระหว่างความเป็นและความตาย ไม่งั้นยากมากที่จะให้เขาลงมือ
“นายเป็นใครในสมาคมบูโด”
หม่าชาวเดินมาตรงหน้าชายวัยกลางคน และถามด้วยสีหน้าเย็นชา
ชายวัยกลางคนไม่มองหม่าชาวแม้แต่น้อย เขามองผ่านหม่าชาว ไปที่รถยนต์มายบัคสีดำคันนั้น จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หยางเฉิน แกไสหัวออกมา รอรับความตายซะดีๆ!”
ผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโด ไม่เห็นหม่าชาวอยู่ในสายตาเลย ข่มขู่จะฆ่าหยางเฉินให้ตาย
การยั่วยุของเขา ไม่ได้ทำให้หยางเฉินมีปฏิกิริยาใด
สีหน้าหม่าชาวเคร่งขรึมจนน่ากลัว โดนเมินอย่างนั้นเหรอ
“สวะที่ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยชื่อตัวเอง คิดจะฆ่าพี่เฉินอย่างนั้นเหรอ ชนะฉันให้ได้ แล้วค่อยพูด!”
หม่าชาวแสยะยิ้มมุมปาก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความฮึกเหิม
เมื่อพูดจบ เขาพุ่งตัวออกไป “ผลุบ” เสียงดังสนั่น พื้นยางมะตอยใต้เท้าของเขา ยุบลงไปเป็นรอยเท้าขนาดใหญ่
เมื่อกี้หยางเฉินพูดแล้ว เว้นแต่เขาจะปลดปล่อยพละกำลังออกมาทั้งหมด ไม่งั้นอาจจะแพ้
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงไม่เก็บพละกำลังเอาไว้ และใช้พละกำลังออกมาทั้งหมด
“พลั่ก!”
วินาทีต่อมา หม่าชาวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตา เขาพุ่งมาข้างหน้าผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโด และเหวี่ยงหมัดออกไป โดยไม่รอช้า
หมัดนี้รุนแรงมาก เมื่อเหวี่ยงหมัดออกไป สีหน้าผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโด ดูตกใจมาก เขาแขนขึ้นมาบังเอาไว้
จากนั้นเขาใช้แรงตรงเท้า ทำให้ร่างกายขยับไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
หมัดของหม่าชาว ยังคงชกโดนแขนของอีกฝ่าย หมัดอันบ้าคลั่งเช่นนี้ ถูกอีกฝ่ายหลบได้ และยังเสียพละกำลังไปเป็นอย่างมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ หมัดของหม่าชาว ก็ทำให้ผู้แข็งแกร่งของสมาคมบูโดรู้สึกตกใจ
“ตอนนี้ นายเลิกเมินฉันได้หรือยัง”
หม่าชาวไม่ได้ใช้โอกาสโจมตีต่อ เมื่อเขาเหวี่ยงไปหมัดหนึ่ง เขาก็ยืนอยู่ที่เดิม และถามด้วยสีหน้าดื้อดึง
ถึงสีหน้าของเขาจะราบเรียบ แต่ในใจของเขาตกใจถึงขีดสุด
หลังจากมาที่ชายแดนเหนือ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอผู้แข็งแกร่งฝีมือขนาดนี้
แค่ตอนที่เขาจู่โจมเมื่อครู่ การรับมือของอีกฝ่าย เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขามาก
ถึงอีกฝ่ายจะโดนหมัดของเขา และกระเด็นถอยหลังไป แต่ก็ไม่สามารถปกปิดฝีมือที่ไม่ธรรมดาได้
ขณะที่หม่าชาวกำลังตกใจ คนของสมาคมบูโดก็ตกใจจนสุดขีดเช่นกัน
การที่เป็นคนในสมาคมบูโด ที่ความสามารถอยู่ในอันดับแปด เหมือนจะไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
แต่ชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกถึงความกดดันมหาศาล
“ไอ้หนุ่ม นายแข็งแกร่งมาก คู่ควรที่จะให้คนอย่างลือเหมิงให้ความสำคัญ แต่ถึงเป็นเช่นนี้ นายก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอยู่ดี”
ลือเหมิงถือโอกาสบอกชื่อตัวเอง และเป็นการเคารพผู้แข็งแกร่งด้วย
เมื่อหม่าชาวได้ยินชื่อลือเหมิง แววตาของเขาฉายแววตกตะลึง
หยางเฉินให้เขามาที่เยี่ยนตู ไม่ใช่เพียงแค่มาจีบอ้ายหลิน เขารู้ประวัติของผู้แข็งแกร่งในเมืองเยี่ยนตูเป็นอย่างดี
ลือเหมิง ผู้แข็งแกร่งอันดับแปดในสมาคมบูโด
และเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ติดดินที่สุดในสมาคมบูโด
ถึงชื่อของเขาจะอยู่เพียงอันดับแปด แต่ลือกันว่า พละกำลังในการต่อสู้ที่แท้จริงของเขา อยู่ในห้าอันดับแรกของสมาคมบูโด!
แต่เขาแค่เป็นคนติดดิน ไม่ชอบการแก่งแย่ง ดังนั้นรายชื่อของเขาอยู่ที่เดิม มาเกือบสิบปีแล้ว
สิ่งที่ทำให้หม่าชาวตกใจ ไม่ใช่เพราะตำแหน่งของลือเหมิง ในสมาคมบูโด แต่เพราะแค่อันดับแปด ยังแข็งแกร่งถึงขนาดนี้
ถึงความสามารถที่แท้จริงของลือเหมิง จะอยู่ในห้าอันดับแรก แล้วสี่อันดับก่อนหน้า จะแข็งแกร่งถึงเพียงไหน
นี่เป็นครั้งแรก ที่หม่าชาวรู้สึกสนใจพละกำลังของสมาคมบูโดเป็นอย่างมาก
“ยังไม่ได้สู้กันจริงๆ จังๆ นายก็มั่นใจขนาดนี้ ว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาย”
แววตาของหม่าชาวเต็มไปด้วยความฮึกเหิม จู่ๆ เขาก็รอคอย ที่จะเค้นพละกำลังขีดสูงสุด ของตัวเองออกมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็มาสู้กัน!”
ลือเหมิงพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ
เมื่อพูดจบ พละกำลังที่น่าตกใจ พลุ่งพล่านออกมาจากตัวเขา
ตอนนี้ หม่าชาวรู้สึกหายใจไม่ออก กลิ่นคาวเลือดของลือเหมิง ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนที่ผ่านสนามรบ มาหลายปีอย่างเขา
ถ้าไม่ได้ฆ่าคนมาเยอะ คงไม่ใช่แบบนี้
เมื่อหม่าชาวกับหยางเฉินอยู่ในสนามรบ เพื่อปกป้องประเทศ ถ้าพวกเขาไม่ฆ่าศัตรู ศัตรูก็ฆ่าพวกเขา
แต่ทว่าลือเหมิงเป็นอันดับแปดของผู้แข็งแกร่ง ถึงมีกลิ่นคาวเลือดรุนแรงขนาดนี้ แล้วคนที่เขาฆ่า คือคนแบบไหนกันนะ
ความโกรธอันมากมายมหาศาล พุ่งออกมาจากตัวของหม่าชาว
“ถ้าฉันไม่ฆ่านาย ฉันไม่ขอเป็นคน!”
หม่าชาวตวาดออกมาด้วยความโมโห
เมื่อพูดจบ ร่างกายของเขาเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว จนเกิดเงา และพุ่งเข้าไปหาลือเหมิง
ขณะเดียวกัน ลือเหมิงก็เคลื่อนไหวเช่นกัน ความเร็วน่าอัศจรรย์ไม่ต่างกัน
ภายใต้แสงไฟบนถนนอันเงียบสงัด ร่างกายของลือเหมิงเร็วดั่งสายฟ้า ตอนที่ห่างจากหม่าชาวประมาณ 5-6 เมตร จู่ๆ เขาเด้งตัวจากพื้น ทำให้ตัวลอยอยู่กลางอากาศ