ใครก็คิดไม่ถึงว่า เย่ม่านแอบเลี้ยงดูผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคน เอาไว้อย่างลับๆ
หยางเฉินสัมผัสได้ถึงคนพวกนี้ตั้งแต่แรก แต่เขาไม่ได้คุยกับเย่ม่าน ตอนนี้เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย
แต่เป็นแบบนี้ยิ่งดี เขาจะได้ไม่ต้องออกแรง
เรื่องนี้เป็นเรื่องในตระกูลเย่ ถ้าหยางเฉินผลีผลามลงมือ ขืนเขาไม่ทันระวัง แล้วทำใครตายขึ้นมา เขาไม่รู้จะอธิบายกับฉินซีอย่างไร
เขาแค่ต้องปกป้องชีวิตของเย่ม่านให้ปลอดภัย แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“เย่ม่าน นี่แกจะหักหลังเหรอ”
เย่จี้จงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ความโกรธอยู่บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอย
“พ่อบังคับฉันให้ทำเรื่องทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อ เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ไหม”
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ตระกูลเย่จะครอบครองตระกูลฉีได้ไหม”
“ถ้าไม่ได้ครอบครองตระกูลฉี ป่านนี้ตระกูลเย่คงหลุดออกจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูไปแล้ว”
“ฉันเป็นสายเลือดตระกูลเย่ กฎข้อไหนบอกว่าผู้หญิงไม่สามารถเป็นเจ้าบ้านได้”
เย่ม่านพูดด้วยสีหน้าเฉยชา แววตาอันแหลมคม กวาดมองคนในตระกูลเย่ ไม่ว่าใครได้สบตากับเธอ จะต้องก้มหน้าหลบโดยอัตโนมัติ ไม่มีใครกล้ามองเธอสักคน
“ไม่มีกฎที่ว่าผู้หญิงห้ามเป็นเจ้าบ้าน แต่มันเป็นกฎที่ไม่ได้เขียนเอาไว้ชัดเจน ตระกูลเย่ปฏิบัติตามกฎ มาร้อยกว่าปี แกมีสิทธิ์อะไรมาแหกคอก”
เย่จี้จงมองอย่างปรปักษ์ ถึงเขาจะอายุ 80 ปีแล้ว แต่ความมีอำนาจ ยังไม่ลดลงแม้แต่น้อย
“กฎที่ไม่ได้เขียนไว้ชัดเจนอย่างนั้นเหรอ น่าขำชะมัด!”
เย่ม่านแสยะยิ้ม “ถึงจะเขียนกฎไว้ชัดเจน วันนี้ฉันก็จะแหกกฎ และจะทำลายมันด้วย ผู้หญิงแล้วยังไง นี่มันยุคที่หญิงชายเท่าเทียมกัน ผู้หญิงก็มีศักดิ์ศรีและฐานะเหมือนกัน”
“หลังจากนี้เจ้าบ้านตระกูลเย่ คือคนที่มีความสามารถ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ก็มีสิทธิ์เหมือนกัน!”
“ในเมื่อร้อยปีมานี้ ตระกูลเย่ไม่มีเจ้าบ้านที่เป็นผู้หญิง งั้นคนอย่างเย่ม่าน จะเป็นเจ้าบ้านหญิงคนแรก ของตระกูลเย่!”
ตอนนี้เย่ม่านเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ความน่าเกรงขามปกคลุมทั่วตัวเธอ
เธอมั่นใจแต่ไม่ก้าวร้าว ผู้หญิงที่ใช้กำลังของตัวเองเพียงคนเดียว สร้างแมมบ้าแดงกรุ๊ปขึ้นมา เธอจะธรรมดาได้อย่างไร
“แก……แก แกจะบีบบังคับให้ฉันตาย!”
เย่จี้จงพูดตวาด เขาโกรธจนสั่นไปทั้งตัว
“พอแล้ว เย่ม่าน!”
ขณะนั้น จู่ๆ เย่ชังก็ลุกขึ้น เขากัดฟันพูดว่า “ทำไมเธอถึงพูดกับพ่อแบบนี้ หรือต้องบีบบังคับให้พ่อตาย เธอถึงจะพอใจ”
เย่ม่านเหลือบมองเย่ชังด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เธอพูดประชดว่า “ออกมาพูดตอนนี้ อยากแสดงให้เขาเห็นหรือไง แล้วให้เขาประกาศให้นายเป็นผู้สืบทอดเหรอ”
เย่ชังหน้าแดง จู่ๆ เขาก็พูดเพราะอายจนโกรธ “เธอพูดอะไรไร้สาระ ตำแหน่งเจ้าบ้านตั้งแต่อดีต มีเพียงเจ้าบ้านเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์สั่ง พ่อเป็นเจ้าบ้านในตอนนี้ เขาจะให้ใครเป็นเจ้าบ้าน คนนั้นก็ต้องเป็น ถ้าเขายอมให้เธอเป็นเจ้าบ้านจริงๆ ฉันก็ไม่คัดค้าน”
“แต่พ่อไม่คิดจะทำเช่นนี้ เธอกลับบังคับเขา”
“ได้! เธอเก่งมากไม่ใช่เหรอ ถึงขนาดจะฆ่าพ่อ งั้นก็เข้ามาฆ่าฉันก่อนสิ!”
เย่ชังอารมณ์เดือดดาล เขาเข้ามาขวางหน้า เย่จี้จง และทำตัวเป็นลูกกตัญญู
เย่หวูซวงตากระตุก เขามีสีหน้าหงุดหงิด เขารู้ดี มีหม่าชาวกับหยางเฉินอยู่ เย่ม่านน่ากลัวมาก
นี่เป็นโอกาสเดียวของเขา ถ้าออกหน้าเหมือนเย่ชัง บางทีอาจจะได้รับการชื่นชมจาก เย่จี้จง เผื่อจะได้ตำแหน่งผู้สืบทอด
แต่ว่า ถึงเย่จี้จงมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้ตัวเอง มีเย่ม่านอยู่ ตัวเองจะทำอะไรได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เย่หวูซวงจึงขอดูสถานการณ์ก่อนดีกว่า
เย่ม่านเหลือบมองเย่ชังอย่างเย็นชา เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ในเมื่อนายอยากตายขนาดนี้ งั้นฉันจะสนองให้ คิดซะว่าเชือดไก่ให้ลิงดู คนตระกูลเย่จะได้เห็น ผู้หญิงที่กลายเป็นบ้า สามารถทำได้ทุกอย่าง”
พูดจบ ถ้าเย่ชังยังไม่ถอย ฆ่าเขาได้เลย!”
“รับทราบ!”
ผู้แข็งแกร่งที่สวมหน้ากากผีสิบกว่าคน พูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
ความอาฆาตปกคลุมไปทั่วคฤหาสน์ตระกูลเย่ มันน่ากลัวจนใจหาย
เมื่อได้ยินดังนั้น เย่ชังสั่นไปทั้งตัว เขาออกหน้า เพราะอยากได้ตำแหน่งเจ้าบ้าน ตอนแรกยังมีความหวังกับเย่ม่าน แต่สุดท้ายเขากลับผิดหวังมาก
“เย่ม่าน ฉันเป็นพี่รองของเธอนะ เธอจะฆ่าแม้กระทั่งฉันเหรอ”
เย่ชังถามด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
สีหน้าของเย่ม่านยังปกติ มีเพียงความเฉยชา เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู และพูดอย่างเฉยเมย “สามวินาทีสุดท้าย!”
“น้องเล็ก เธอจะฆ่าฉันจริงเหรอ”
เย่ชังเบิกตาโต
“หมดเวลา!”
เย่ม่านใช้การกระทำตอบเขา เธอพูดออกมาว่า “ฆ่า!”
ผู้แข็งแกร่งที่สวมหน้ากากผีคนหนึ่ง เดินเข้าไปหาเย่ชัง จนถึงตอนนี้ เย่ชังเพิ่งเข้าใจ เย่ม่านจะฆ่าเขาจริงๆ
“ฉันขอถอนตัวออกจากการชิงตำแหน่งเจ้าบ้าน!”
เมื่อเห็นผู้แข็งแกร่งหน้ากากผีกำลังจะเข้ามาฆ่า เย่ชังจึงตะโกนออกมา
เมื่อตะโกนออกมา เขารู้สึกเหมือนปลดปล่อย เป็นผู้สืบทอดมาหลายปี ภาระบนบ่าเขาหนักหนาเหลือเกิน
จู่ๆ เขาก็ตะโกนว่าขอละทิ้งตำแหน่งเจ้าบ้าน เขารู้สึกเหมือนโยนภาระอันหนักอึ้งทิ้งไป
“เหอะ!”
เย่ม่านมองเย่ชังที่เดินไปอีกด้าน ด้วยสายตาดูถูก จากนั้นจึงละสายตามามอง คนที่สีหน้าไม่สู้ดีอย่างเย่จี้จง เธอพูดประชดว่า “นี่คือเจ้าบ้านคนต่อไป ที่พ่อเลือกเอาไว้ แค่คนอ่อนแอที่กลัวตาย”
“อย่าบอกนะว่า ในสายตาของพ่อ คนอ่อนแอแบบนี้ เหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าบ้านในอนาคตที่สุด”
“ใช่สิ ยังมีคนเลว ที่ไม่กล้าแม้แต่จะออกมาสู้อีกคน”
“ตระกูลเย่ตกต่ำขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร ถึงขั้นที่มีเพียงคนเลวกับคนอ่อนแอ มีสิทธิ์เป็นเจ้าบ้านอย่างนั้นเหรอ”
“พ่อเอาแต่พูด กลัวว่าหลังจากตายไป จะไม่กล้าไปพบบรรพบุรุษ พ่อยอมมอบตำแหน่งเจ้าบ้าน ให้คนประเภทนี้เหรอ”
คำพูดของเย่ม่านรุนแรง และเต็มไปด้วยความประชดประชัน
ทุกประโยค ทำให้สีหน้าของเย่จี้จงซีดเผือด เธอพูดออกมาสองสามประโยค ทำให้เย่จี้จงกระอักเลือดออกมา สีหน้าของเขาดูสลดมาก
ทายาทสายตรงของตระกูลเย่ ได้รับแรงกดดันจากเย่ม่าน จึงไม่มีใครกล้าพูดออกมาสักคน
ความเจ็บปวดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่ม่าน และหายไปอย่างรวดเร็ว
“ส่งเจ้าบ้านตระกูลเย่ ไปดูอาการที่โรงพยาบาล!”
เย่ม่านมองทุกคน และพูดสั่งอย่างเด็ดขาด
ไม่นาน ลูกน้องของตระกูลเย่เข้ามา พวกเขากำลังจะประคองเย่จี้จง แต่ทว่าโดนเขาปฏิเสธ
เขาใช้มือค้ำไม้เท้า ส่วนอีกมือค้ำโต๊ะเอาไว้ และลุกขึ้นยืนอย่างโงนเงน ใบหน้าที่เผชิญความลำบากมาโชกโชน ตอนนี้หลงเหลือเพียงความเศร้าโศก
“ฉันขอประกาศว่า เย่ม่านคือเจ้าบ้านตระกูลเย่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!”
พูดจบ เย่จี้จงเดินค้ำไม้เท้าออกไป
แสงไฟสว่างไสวในคฤหาสน์ตระกูลเย่ ภายใต้แสงไฟที่ส่องลงมา ทำให้เงาแผ่นหลังของเย่จี้จงยืดยาว ทุกคนมองเขากำลังเดินออกไปอย่างช้าๆ ด้วยแววตานิ่งเฉย
ทุกคนรู้ดีว่า ตระกูลเย่ในยุคเย่จี้จงได้สิ้นสุดลงแล้ว
ต่อไปตระกูลเย่ จะควบคุมโดยเจ้าบ้านที่เป็นผู้หญิงคนแรก
หยางเฉินรู้สึกทอดถอนใจ ถึงเขาจะคิดเอาไว้บ้าง แต่ก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเย่ม่านจะทำถึงขนาดนี้
“ตอนนี้ถึงเวลากำจัดพวกไม่รักดีแล้ว!”
ทันใดนั้น สายตาของเย่ม่านมองไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่ง ในแววตาของเธอฉายแววอาฆาต