“งั้นเหรอ?”
เย่ม่านเยาะเย้ย:”ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ งั้นคราวนี้ตระกูลหลินของคุณอาจจะสูญเสียไปมาก”
เย่ม่านพูดพลางมองดูผู้แข็งแกร่งข้างหลังหลินเทียนเจ๋ออย่างยั่วยุ
ครั้งนี้ หลินเทียนเจ๋อพาคนมาไม่มาก มีเพียงชายผิวดำตัวใหญ่สี่คนอยู่ข้างหลังเขา รูปร่างกำยำมาก สูง190เซนติเมตร ราวกับยักษ์ที่คอยคุ้มกันหลินเทียนเจ๋อ
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่หลินเทียนเจ๋อใช้เงินเป็นจำนวนมาก เพื่อค้นหาจากต่างประเทศ แต่ว่าครั้งก่อนในบ้านตระกูลเย่ ผู้แข็งแกร่ง 20 คนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ และคนที่เหลือต่างก็เลือกไปเข้าตระกูลเย่
เถียนหวามองเย่ม่านและหลินเทียนเจ๋อที่กำลังตาต่อตา ฟันต่อฟันกัน ก็เข้าใจแล้วว่า ทั้งสองคนมีความแค้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งดูเหมือนจะลึกซึ้งมาก
“เจ้าบ้านซุน คุณลืมความแค้นที่คุกเข่าครั้งนั้นแล้วเหรอ?”
หลินเทียนเจ๋อไม่สนใจเย่ม่าน แต่มองไปที่ซุนซวี่ และถามเขา
ซุนซวี่แอบด่าว่าไอ้สารเลว ฝืนเดินออกไป มองหลินเทียนเจ๋ออย่างเย็นชาและพูดว่า:”เจ้าบ้านหลินเริ่มพูดโกหกเมื่อไหร่กัน? โพล่งออกมาเลย?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเทียนเจ๋อก็เข้าใจว่า ซุนซวี่คิดจะอยู่ข้างเย่ม่าน
ครั้งก่อนที่บ้านตระกูลเย่ ซุนซวี่ถูกบังคับให้คุกเข่าขอความเมตตาจากหยางเฉิน ถ้าซุนซวี่ยืนข้างหยางเฉินและคนอื่น ๆ พวกหยางเฉินจะช่วยซุนซวี่ปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นอย่างแน่นอน
“เจ้าบ้านซุน คุณไม่คิดจะยอมรับเหรอ?”
หลินเทียนเจ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม:”ไม่งั้น ตอนนี้ฉันจะให้คนเผยแพร่รูปที่วันนั้นเจ้าบ้านซุนคุกเข่าขอความเมตตาบนอินเทอร์เน็ต?”
“ในยุคปัจจุบันของการพัฒนาโลกแห่งการสื่อสารออนไลน์อย่างรวดเร็ว ฉันคาดว่าภายในสิบนาที เจ้าบ้านซุนจะเป็นที่รู้จักไปทั่วแล้วล่ะ”
สีหน้าของซุนซวี่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาไม่นึกเลยว่าฉากที่เขาคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาครั้งก่อนจะถูกหลินเทียนเจ๋อถ่ายไว้?
“แกกล้าเหรอ!”
ซุนซวี่พูดอย่างโกรธจัด
ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นหนึ่งในผู้นำตระกูลมหาเศรษฐีในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู หากวิดีโอคุกเข่าขอความเมตตาถูกใครโพสต์บนอินเทอร์เน็ต ไม่เพียงเสียหน้าของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหน้าของตระกูลซุนอีกด้วย
เขากลัวหยางเฉิน และยอมหยางเฉิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะกลัวหลินเทียนเจ๋อด้วย
ในฐานะผู้นำตระกูลมหาเศรษฐีเช่นกัน ใครจะกลัวใคร?
ครั้งก่อนที่เขาถูกตระกูลเย่ทำให้อับอาย ทันทีที่กลับบ้าน เขาได้สั่งให้คนเริ่มตรวจสอบตัวตนของหยางเฉินกับหม่าชาว แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เขาไม่พบอะไรเลยนอกจากเรื่องเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งเตือนว่า อย่าสืบต่อเลยดีกว่า คนที่จู่ๆก็หายตัวไป 5 ปี เป็นไปได้มากที่จะเป็นคนมีความพิเศษเฉพาะตัว
และด้วยเหตุนี้เอง ที่ทำให้เขาเลิกสืบสวนหยางเฉิน และเรื่องการคุกเข่าขอความเมตตา ได้แต่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้น หลินเทียนเจ๋อก็ติดต่อเขาหลายครั้ง แสดงออกมาว่าเขาจะช่วยเขาล้างแค้นเอง
ถ้าไม่มีการเตือนจากเพื่อนในแผนกนั้น เขาจะตกลงที่จะร่วมมือกับตระกูลหลิน เพื่อจัดการกับหยางเฉินแน่นอน แต่เพื่อนได้เตือนเขาแล้ว ถ้าเขายังหาเรื่องหยางเฉินอีกให้ คงจะเป็นการหาเรื่องตายจริงๆ
หลินเทียนเจ๋อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของซุนซวี่ เดิมทีเขาคิดว่าซุนซวี่จะยอม ไม่นึกเลยว่าจะปฏิเสธ
“เจ้าบ้านซุน ดูเหมือนคุณจะหลงลืมอยู่มาก ได้รับความอัปยศขนาดนั้น คุณยังทนได้”
หลินเทียนเจ๋อยิ้มส่ายหัว แล้วพูดว่า:”เจ้าบ้านซุน คุณก็เห็นแล้ว ลูกชายของประธานเถียนถูกฆ่าตาย ประธานเถียนคงไม่ปล่อยตระกูลอ้ายไปง่ายๆแน่นอน ถ้าตระกูลเย่อยากปกป้องตระกูลอ้าย คงต้องต่อสู้กับตระกูลเถียนเท่านั้น”
“และตระกูลหลินของฉัน จะอยู่ข้างตระกูลเถียนแน่นอน ตอนนี้ 2 ต่อ 1 และโอกาสที่จะชนะมันเยอะมากอยู่แล้ว หากเพิ่มคุณเข้ามา ก็จะเป็น 3 ต่อ 1”
“เจ้าบ้านซุน นี่เป็นโอกาสเดียวของคุณที่จะแก้แค้น ถ้าพลาดไป ไปที่ https://th.readeraz.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! ตระกูลใหญ่ทั้งสามร่วมมือกัน นับประสาอะไรกับการจัดการคนๆเดียว ต่อให้จะเป็นตระกูลอื่นๆ ในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ใครจะสู้ได้?”
หลินเทียนเจ๋อยิ้มพูดโน้มน้าว
คราวนี้ ในตาของซุนซวี่มีการดิ้นรนเล็กน้อย
เหมือนที่หลินเทียนเจ๋อพูด ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เขาคุกเข่าเพื่อขอความเมตตาหยางเฉิน เขาก็ฝังใจมาตลอด หากปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก เขาจะไม่มีทางแก้แค้นได้
วันนี้ตระกูลหลิน และตระกูลเถียนก็อยู่ หากเพิ่มตระกูลซุนเข้าไป ตระกูลใหญ่ทั้งสามร่วมมือกัน มันเป็นโอกาสของเขาจริงๆ
สิ่งที่น่ากังวลในตอนนี้คือหยางเฉิน เขาเป็นใครกันแน่?
ถ้าเป็นแค่คนธรรมดาที่มีแต่พลังนิดหน่อย ก็แล้วไป แต่ประเด็นคือ ขนาดเพื่อนของเขาที่มีตำแหน่งสูง ยังสืบไม่ได้เลย
สิ่งนี้สามารถแสดงให้เห็นได้ว่า หยางเฉินมีแนวโน้มที่มีภูมิหลังที่ใหญ่มาก ถึงจะซ่อนเรื่องราวในช่วงห้าปีที่ผ่านมาได้
“เจ้าบ้านซุน คุณคิดให้ดีๆ!”
เย่ม่านพูดอย่างเย็นชา
ถ้าตระกูลซุนเข้าเป็นพวกของตระกูลหลินและตระกูลเถียนด้วย เธอคงจะกดดันมาก
ที่มาในวันนี้ เธอแค่อยากทำอะไรบางอย่างเพื่อหยางเฉิน และหวังว่าจะได้ความเข้าใจจากหยางเฉินและฉินซีในเร็วๆนี้ เพื่อที่เธอจะได้อยู่ร่วมกับลูกสาวของเธอได้
ตั้งแต่ต้นจนจบ หยางเฉินไม่พูด แค่มองทุกอย่างนิ่งๆ
เมื่ออยู่ในภาวะวิกฤตเท่านั้น ถึงจะเห็นได้ว่าใครจริงและใครปลอม
เถียนหวาไม่ได้พูดอะไรอีก จากบทสนทนาระหว่างหลินเทียนเจ๋อและซุนซวี่ เขามั่นใจว่าซุนซวี่เคยได้รับความอับอายจากการคุกเข่าที่บ้านตระกูลเย่
ในเวลาเดียวกัน เขาก็แปลกใจมาก ใครกันแน่ที่ทำให้ผู้นำตระกูลซุน หนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู คุกเข่าลงขอความเมตตาได้กัน?
ชายหนุ่มคนนั้นเหรอ?
เถียนหวามองไปที่หยางเฉินโดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ในสายตาหยางเฉินไม่มีความกังวลเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่เฝ้าดูทุกอย่างอย่างเงียบ ๆ
คนประเภทนี้ ไม่กลัวเพราะมีคนหนุนหลัง ไม่ก็แสดงดีเกินไป
เทียบกันแล้ว เขาเต็มใจที่จะเชื่อว่าหยางเฉินไม่กล้วเพราะมีคนหนุนหลัง
ที่มาของชายหนุ่มคนนี้คืออะไร? เขาสามารถทำให้ซุนซวี่หวาดกลัวได้ เขารู้สึกว่าเย่ม่านก็มุ่งมาที่หยางเฉินเช่นกัน
“หลินเทียนเจ๋อ แกจะทำอะไร มันก็เรื่องของแก ไม่เกี่ยวกับฉัน!”
ในที่สุดซุนซวี่ก็ตัดสินใจได้ กัดฟันพูดว่า:”สู้กับคุณหยาง แกมีสิทธิ์ไหม?”
รอยยิ้มบนหน้าหลินเทียนเจ๋อแข็งทื่อทันที เหลือแต่ความเหลือเชื่อ
เทียบกันแล้ว ซุนซวี่คงจะเป็นคนที่เกลียดหยางเฉินมากที่สุดถึงจะถูก ไม่ว่ายังไง ชายหนุ่มคนนี้ เคยบังคับให้ซุนซวี่คุกเข่าขอความเมตตา
แต่ตอนนี้ ซุนซวี่ได้ละทิ้งโอกาสที่ดีในการแก้แค้น กลับถามหลินเทียนเจ๋อในที่สาธารณะว่า เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับหยางเฉิน
ในที่สุด หัวใจที่กังวลของเย่ม่านก็โล่งทันที สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดคือตระกูลซุนจะเข้าเป็นพวกตระกูลหลินด้วย หากเป็นเช่นนั้น เธอจะไม่สามารถรับมือกับมันได้จริงๆ
“ซุนซวี่ แกรู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่?”
หลังจากนิ่งไปชั่วครู่ หลินเทียนเจ๋อก็โกรธ
ซุนซวี่ปฏิเสธที่จะร่วมมือก็ช่างเถอะ แต่ยังพูดในที่สาธารณะว่าเขาไม่คู่ควรที่จะต่อสู้กับหยางเฉิน เห็นได้ชัดว่าจะเอาใจหยางเฉิน
“สิ่งที่ฉันพูดชัดเจนไม่พอเหรอ? ฉันบอกว่าคุณไม่คู่ควรที่จะสู้กับคุณหยาง”
ซุนซวี่พูดคำต่อคำ จากนั้นโบกมือ และพูดเสียงดังว่า:”วันนี้ใครก็ตามที่กล้าดูหมิ่นคุณหยาง ก๋คือศัตรูของตระกูลซุนของฉัน!”
ในเวลานี้ ทุกคนตกตะลึงกันหมด ซุนซวี่คือผู้นำตระกูลมหาเศรษฐีหนึ่งในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ได้แสดงความโปรดปรานต่อชายหนุ่มในที่สาธารณะ
ดวงตาของคนตระกูลอ้าย เบิกกว้างขึ้นทุกคน และความเสียใจก็เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งในหัวใจของพวกเขา