เมื่อกี้หยางเฉินฆ่าทายาทของตระกูลซ่งด้วยการเตะครั้งเดียว ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาต่อหน้าทุกคนแล้ว
ส่วนอะปู้ที่อยู่บนเวทีก็เป็นยอดฝีมือจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู และความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ต้องสงสัยเลย
ฉะนั้น การแข่งขันระหว่างผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดสองคน ถึงเรียกว่าเป็นเกมที่น่าตื่นเต้นที่สุด
ที่ประชุมเต็มไปด้วยเสียงเชียร์ที่บ้าคลั่ง นอกจากเสียงเสียงเชียร์และเสียงโห่ร้องเหล่านี้ ยังมีการเดิมพันที่บ้าคลั่งอีกด้วย
ความจริงผู้คนเริ่มเดิมพันกันตั้งแต่คู่แรกแล้ว แต่เหล่าคนรวยหลายๆ กลุ่มยังไม่ได้วางเดิมพันมากเพราะรอคู่ที่ดุเดือดในช่วงท้ายรายการนี้
เกมนี้ซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งที่หวังจะเป็นแชมป์คืนนี้ ดังนั้นจำนวนเงินเดิมพันก็พุ่งสูงขึ้นในอัตราที่น่ากลัวมาก
ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีนี้ จำนวนเงินในการเดิมพันก็สะสมเพิ่มสูงขึ้นถึงแปดพันล้าน ซึ่งสามารถนึกภาพได้ว่าผู้ชมที่มาดูเกมการแข่งขันนี้รวยแค่ไหน
แต่ถ้าดูจากจำนวนเงินเดิมพันของทั้งสองฝ่าย แม้หยางเฉินจะฆ่าซ่งหวาตงด้วยการเตะเพียงแค่ครั้งเดียว แต่สมาคมการเดิมพันส่วนใหญ่ก็ยังมั่นใจในตัวของอะปู้
ไม่ว่าจะยังไง อะปู้ก็คือผู้แข็งแกร่งของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู ส่วนหยางเฉินนั้นเป็นได้แค่คนแปลกหน้าของพวกเขา
“พ่อหนุ่ม คุณชายเหว่ยของเราบอกแล้ว ถ้าแกยอมแพ้แล้วยอมติดตามเขา เขาจะให้เงินเดือนแกถึงหลักสิบล้านต่อปี”
อะปู้ที่เห็นหยางเฉินเดินเข้ามาในเวทีก็เริ่มพูดจายุยงเขา
หยางเฉินได้แต่มองหน้าอะปู้ด้วยรอยยิ้มจางๆ จะให้เขาเป็นลูกน้องของอะปู้งั้นหรือ?
ไม่ต้องพูดถึงสถานะของการเป็นผู้พิทักษ์ของเขา ต่อให้เป็นสถานะทั่วไปบรรทัดฐานของเขายังอยู่เหนือกว่าทายาทสายตรงของตระกูลอวี๋เหวิน แล้วนับประสาอะไรกับการที่จะให้เขาเป็นผู้ติดตามของซ่งหวาเหว่ย?
“ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ ผมก็จะให้โอกาสคุณเหมือนกัน คุณมาติดตามผม แล้วผมจะให้เงินเดือนคุณหลักล้านต่อปี!” หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
ด้วยความสามารถของอะปู้นั้น เขามีคุณสมบัติมากพอที่จะค่าตอบแทนหลักสิบล้านต่อปี
“ไอ้หนู แกอยากตายมากใช่ไหม!” อะปู้หัวร้อนขึ้นมาทันที เพราะคิดว่าหยางเฉินกำลังล้อเลียนเขา
“ดูเหมือนว่า คุณไม่รับปากสินะ?”
หยางเฉินส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเช่นนี้ ผมจะส่งคุณไปหาซ่งหวาตงด้วยอีกคนก็แล้วกัน!”
“กูจะฆ่ามึง!”
อะปู้ระเบิดอารมณ์ออกมา จากนั้นเขาขยับเท้าแล้วพุ่งเข้าใส่หยางเฉินทันที
ซึ่งการแข่งขันในนี้ไม่มีกฎกติกาใดๆ ทั้งนั้น มีเพียงผู้แพ้และผู้ชนะ และเมื่อขึ้นไปบนเวทีสังเวียน การแข่งขันก็ถือว่าเริ่มขึ้นแล้ว
“โอ๊ว!”
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของอะปู้ ผู้ชมในงานต่างก็ตะโกนโห่ร้องส่งเสียงเชียร์ขึ้นมา
ในขณะนี้ สองพี่น้องซ่งหวายี่กับซ่งหวาหย่ารู้สึกประหม่ามาก ซ่งหวายี่ถึงกับเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก ส่วนซ่งหวาหย่าก็กำมือแน่นๆ และสายตาก็เต็มไปด้วยความกังวล
เพราะนี่คือการต่อสู้ที่กำหนดชะตากรรมของพวกเขา ถ้าหากหยางเฉินพ่ายแพ้ พวกเขาจะต้องเผชิญกับความตาย
“ไม่ดูสภาพตัวเองจริงๆ!”
ชายชราในชุดจีนที่ยืนอยู่ข้างอวี๋เหวินปิงใต้เวทีสังเวียนก็หัวเราะเยาะขึ้น
อวี๋เหวินปิงรีบถามเขาว่า “ท่านถัง คุณหมายความว่าหยางเฉินจะแพ้งั้นเหรอ?”
ชายชรามองอวี๋เหวินปิงอย่างผิดหวังแล้วตอบว่า “ถ้าหากมันแพ้ที่นี่ แล้วราชวงศ์จะเลือกมันเป็นหินลับมีดของแกได้ยังไงล่ะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี๋เหวินปิงถึงจะตระหนักได้ว่า ชายชราหมายถึงหยางเฉินจะไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงสภาพที่เกือบถูกหยางเฉินฆ่า อวี๋เหวินปิงก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
“ให้ตายสิวะ ไอ้หมอนั่นมันโง่งั้นเหรอ? หรือว่าตกใจจนไม่กล้าขยับตัว?”
“มึงรีบขยับตัวสิวะ กูเดิมพันกับมึงเป็นร้อยล้านเลยนะ!”
“ฮ่า ๆ ไอ้หมอนั่นตายแน่ รอบนี้ผมวางเงินถูกข้างแล้ว”
……
ขณนี้ ในคลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เมื่อเห็นหยางเฉินยืนนิ่งอยู่กับที่ บางคนก็เริ่มด่าเขาและบางคนก็หัวเราะเยาะเขา
ดวงตาของอะปู้ก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า เพราะซ่งหวาเหว่ยได้สั่งเขาไว้แล้วว่า จะต้องทำให้หยางเฉินยอมจำนน หรือไม่ก็ฆ่าหยางเฉินให้ตาย
ในเมื่อหยางเฉินปฏิเสธที่จะติดตามซ่งหวาเหว่ย ดังนั้นทางเลือกเดียวของเขาก็คือตาย
“ไปตายซะ!”
อะปู้พุ่งเข้าไปหาหยางเฉินแล้วชกหมัดไปที่ศีรษะของหยางเฉินด้วยสุดแรง ซึ่งอะปู้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเมื่อหยางเฉินถูกเขาโจมตีในครั้งนี้ เขาจะตายในทันที
“บูม!”
และแล้ว ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าหยางเฉินจะถูกโจมตีที่ศีรษะนั้น หมัดของหยางเฉินก็ชกออกไปอย่างง่ายดาย
และในวินาทีถัดมา ร่างกายของอะปู้ราวกับลูกวอลเลย์บอลที่ถูกตบปลิวออกไป จากนั้นเสียง “ตูม” ดังขึ้น ร่างกายของอะปู้กระเด็นเข้าไปกระแทกกับราวเหล็กของเวทีสังเวียนด้วยความแรง
เขากระอักเลือดกลางอากาศ ร่างกายฟาดลงกับพื้นอย่างหนัก และลมหายใจก็สิ้นสุดในทันที
ในเวทีมวยขนาดใหญ่นี้ เกิดความเงียบขึ้นในชั่วขณะ ทุกคนเบิกตากว้างและมองไปที่หยางเฉินที่ยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยความเหลือเชื่อ
สังหารผู้แข็งแกร่งของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูด้วยหมัดเดียวเนี่ยนะ!
ซ่งหวาเหว่ยตกตะลึงอย่างที่สุด ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ผู้แข็งแกร่งคนนี้เขาเชิญมาอย่างยากลำบากและยังช่วยเขาเอาชนะซ่งหวาตงกับซ่งหวายี่ติดต่อกันสามปี ขอแค่วันนี้เขาชนะอีกครั้ง เขาก็จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทายาทผู้สืบทอดรุ่นที่สามของตระกูลซ่งแล้ว
แต่ว่า ตอนนี้อะปู้ตายแล้ว ถูกคนของซ่งหวายี่สังหารไปแล้ว
หมายความว่าซ่งหวายี่ชนะแล้วใช่ไหม?
หลังจากซ่งหวาตงเสียชีวิต กิจการเกือบทั้งหมดของซ่งหวาตงก็ต้องยกให้กับซ่งหวายี่ และตอนนี้ซ่งหวาเหว่ยก็พ่ายแพ้แล้ว แสดงว่ากิจการเกือบทั้งหมดของเขาก็ต้องยกให้กับซ่งหวายี่ด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ กิจการครอบครัวที่ซ่งหวายี่ดูแลจะแซงหน้าซ่งหวาเหว่ยในทันที
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ซ่งหวาเหว่ยก็หวาดกลัวและยอมรับความจริงนี้ไม่ได้ “ไม่! เป็นไปไม่ได้! เราจะให้ซ่งหวายี่ชนะไม่ได้!”
ดวงตาของเขาค่อย ๆ กลายเป็นความดุร้าย
ส่วนสองพี่น้องซ่งหวายี่กับซ่งหวาหย่า หลังจากมึนงงอยู่พักหนึ่ง ทั้งสองก็กระโดดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “พี่ เราชนะแล้ว! เราชนะแล้ว!”
“ฮ่า ๆ ใช่ เราชนะแล้ว!”
ซ่งหวายี่ก็ยิ้มตอบอย่างมีความสุข
สองคนพี่น้องถึงกับน้ำตาคลอ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตพวกเขาไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษจากตระกูลของพวกเขาเลย แต่การชนะในครั้งนี้ ทำให้พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าจะถูกไล่ออกจากครอบครัวอีก
ในท่ามกลางเสียงเชียร์ของทุกคน หยางเฉินก็เดินลงจากสังเวียนแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพื่อการช่วยเหลือพี่น้องสองคนนี้ แล้วเขาจะขึ้นไปบนสังเวียนทำไม?
ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว เอาชนะคนของซ่งหวาเหว่ยก็พอ ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันอีก
“คุณหยาง ขอบคุณนะครับ!”
เมื่อเห็นหยางเฉินเดินกลับมา ซ่งหวายี่ก็รีบขอบคุณเขา
ในขณะเดียวกันเขาก็ชื่นชมในตัวของหยางเฉินมาก ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขามั่นใจได้ว่าสถานะของหยางเฉินนั้นไม่ใช่แค่ทหารทั่วไปแล้ว
คนประเภทนี้ไม่ใช่ตระกูลซ่งของเขาจะตั้งตัวเป็นศัตรูได้อย่างแน่นอน
“พี่หยาง ขอบคุณนะคะ!” ซ่งหวาหย่าดวงตาแดงก่ำและพูดด้วยความซาบซึ้ง
หยางเฉินยิ้มตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ถือว่าทำตามสัญญาละกัน”
“ซ่งหวายี่!”
ในขณะนั้น เสียงตะโกนด้วยความโกรธก็ดังขึ้น
ซ่งหวาเหว่ยในครั้งนี้ทำไมถึงแตกต่างกับครั้งแรกที่เจอ?
ในเวลานี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และทั้งร่างกายก็เต็มไปด้วยความโกรธ
ซ่งหวายี่ขมวดคิ้วถาม “ทำไม? พี่ใหญ่ไม่พอใจอะไรครับ?”
“ไม่พอใจอะไรงั้นเหรอ? อะปู้ถูกฆ่าแล้ว เพราะมันสู้คนอื่นเขาไม่ได้ไงล่ะ!”
ซ่งหวาเหว่ยกัดฟันพูดต่อ “แต่นายชนะแล้วจะทำไม? ยังไงนายก็เป็นคนฆ่าซ่งหวาตงอยู่ดี ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ เดี๋ยวกลับไปที่บ้าน นายจะต้องเจอกับการลงโทษแบบไหน!”
ซ่งหวายี่ไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่หลังจากที่ซ่งหวาเหว่ยพูดถึงมัน สีหน้าของซ่งหวายี่ก็เต็มไปด้วยความกังวล
ก่อนหน้านี้เขากังวลหยางเฉินมาก เพราะกลัวหยางเฉินต้องลำบากไปด้วย แต่หลังจากที่เห็นฝีมืออันทรงพลังของหยางเฉินแล้ว ตอนนี้เขากังวลตระกูลซ่งของเขามากกว่า