ฉินซีส่งรูปมาให้หยางเฉินซึ่งมีถึงสิบกว่าใบ แต่ละใบมีเนื้อเรื่องที่เห็นได้ชัดเจนมาก ล้วนเป็นภาพของหยางเฉินอยู่กับซูซาน
ภาพแต่ละภาพก็มีมุมกล้องระดับมืออาชีพ ดูเห็นได้ถึงความสัมพันธ์ที่สนิทสนมของทั้งสอง
นี้ยังไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญยังอยู่ในอีกหลายภาพ มีภาพที่หยางเฉินซบอยู่บนตัวซูซาน ถูกหิ้วปีกเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง
ภาพเหล่านี้ เป็นภาพที่ฉินซีส่งเข้ามาเมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมานี้ นอกจากภาพเหล่านี้แล้ว ก็ไม่มีข้อความฝากใด ๆ อีก
หยางเฉินร้อนรนอย่างมากขึ้นมาทันที ก็ไม่สนใจว่าจะเป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว ต่อโทรศัพท์ตรงไปหาฉินซี แต่โทรศัพท์ที่โทรเข้าไปอยู่ในสถานะปิดเครื่อง
เขารีบต่อสายเข้าวีดีโอคอล แต่ยังไม่ทันได้กดเรียกออก ก็มีการแจ้งเตือนมา ฝ่ายตรงข้ามได้บล็อกเขาไปแล้ว
ต่อให้เผชิญหน้ากับกองทัพข้าศึกนับพันนับหมื่น หยางเฉินไม่เคยมีการหวาดหวั่น แต่ตอนนี้ติดต่อโทรศัพท์กับเฉินซีไม่ได้ เฉินซีกลับให้รู้จักถึงความกลัวแล้ว
ตั้งแต่ฉินซีเริ่มส่งรูปภาพเหล่านั้นมา ก็เดาได้เลยว่าฉินซีโกรธอยู่ขนาดไหน ตอนนี้ปิดเครื่องทิ้งอีก ทั้งตัดเส้นทางติดต่อหมด แสดงออกชัดเจนว่าโกรธจัด
“มันเป็นใครกัน?”
หยางเฉินขบฟันพูด
ตอนนี้ติดต่อฉินซีไม่ได้ แน่นอนเพราะหล่อนกำลังโมโหขึ้นสมอง แต่ที่ทำให้หยางเฉินโกรธแค้นนั้น คือใครกันที่แอบถ่ายรูปของเขากับซูซาน?
ครั้งนั้นที่ฉินซีเพิ่งกลับจากเยี่ยนตูมาถึงเจียงโจว เพราะหลังจากหยางเฉินไปที่ตระกูลอวี๋เหวิน รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกในตระกูลอวี๋เหวิน รู้สึกหดหู่เป็นเอามาก จึงได้ไปที่บาร์เหล้า
แต่คิดยังไงก็ไม่ถึงว่า ตัวเขาเองจะพบเจอซูซานที่นั่นได้ไง ที่สำคัญคือตัวเองเมา สุดท้ายถูกซูซานหามส่งไปที่โรงแรม
มาคิดได้ตอนนี้ ก็ให้รู้สึกเสียใจเป็นนักหนา
“เพราะเมาเหล้าทำให้เสียการจริง ๆ!”หยางเฉินรู้สึกผิดในตัวเองเป็นอย่างมาก
เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วโทรศัพท์ออกไปทันที “จองตั๋วเครื่องบินกลับเจียงโจวเดี๋ยวนี้ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
พอตัดสายโทรศัพท์ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาอีก
“เสี่ยวยี!”
โทรศัพท์จากเสี่ยวยี หยางเฉินรับขึ้นมาทันทีเดี๋ยวนั้น
“หยางเฉิน คุณมันคนสารเลว ฉันมองคุณผิดไปจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าคุณกับซูซานหญิงแพศยาคนนั้น ไปมั่วเป็นคู่ขากันอยู่ได้จริง ๆ!”
“ตั้งแต่แรกที่เห็นหล่อนควงแขนกับคุณที่เมืองเอก ฉันก็น่าจะไม่เชื่อคุณได้แล้ว!”
“คุณคงคิดว่าเดี๋ยวนี้คุณแน่มากแล้ว ขนาดอยู่ในเยี่ยนตู ก็ไม่มีสักกี่คนที่กล้าไปตอแยกับคุณ คุณเลยคิดรังแกพี่สาวฉันยังไงก็ได้งั้นหรือ?”
“หยางเฉิน ฉันเสียใจจริง ๆ ที่เทิดทูนคุณ มองคุณเป็นไอดอลในการเลือกคู่ของตัวเอง คิดไม่ถึงว่าคุณนั้นก็พวกผู้ชายสารเลวที่เอาผู้หญิงมั่วไปหมด”
หยางเฉินไม่มีโอกาสได้ชี้แจงใด ๆ เลย ฉินอีหลับหูหลับตาด่าใส่เอาใส่เอา จบแล้วก็ตัดสายโทรศัพท์
“ฮัลโหล โหล โหล!”
หยางเฉินตะโกนไปหลายคำ ได้ยินแต่สัญญาณสายไม่ว่างในโทรศัพท์ ไม่มีเสียงตอบรับของฉินยี
เขาแม้จะโกรธแค้นคนที่เล่นงานเขาข้างหลัง แต่ก็อยากรู้ว่าใครกันแน่ที่จ้องเล่นงานเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่าร้อนใจไปตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะดับไฟโกรธของฉินซีได้ยังไง
เขาก็จึงได้พยายามต่อโทรศัพท์ไปให้ฉินยีอยู่อีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ถูกฉินยีตัดสาย
ติดต่อกันห้าหกครั้งที่ฉินยีตัดสาย สุดท้ายในครั้งสุดท้ายนี้ฉินยีก็ได้รับสาย “หยางเฉิน คุณรู้ไหมว่าพี่สาวฉันตอนนี้ทุกข์ระทมขนาดไหน?”
“เธอนั่งร้องไห้มาเป็นชั่วโมงแล้ว ร้องจนตาบวมแล้ว”
“ที่คุณหายไปห้าปีนั้น หล่อนไม่ไยดีกับการกีดขวางต่าง ๆ คลอดลูกของคุณออกมา และเฝ้ารอการกลับมาของคุณ แต่ที่ทำมาตั้งแต่ต้น คุณกลับทดแทนให้กับหล่อนแบบนี้หรือ?”
“หยางเฉิน จะบอกให้นะ ถ้าพี่สาวฉันโกรธจนเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ปล่อยคุณแน่!”
ฉินยีพูดจบ ก็ตัดสายโทรศัพท์ทิ้งอีก
หยางเฉินวางสีหน้าบอกไม่ถูก ฉินยีเอาแต่คิดคิดที่จะด่าตัวเขาเอง!
ไม่คิดจะเปิดโอกาสให้เขาได้อธิบายเลย แต่เขาก็เข้าใจ ก็อย่างที่ฉินยีว่า สิ่งที่ฉินซีทุ่มเทให้กับหยางเฉิน มันมากเอามาก ๆ จริง ๆ
ถ้าหากหยางเฉินออกนอกลู่นอกทางจริง ๆ นั้นก็เป็นการผิดต่อฉินซีจริง ๆ
“คงต้องรอกลับไปที่เจียงโจวก่อน แล้วค่อยชี้แจงต่อหน้ากับเสี่ยวซีละ!” หยางเฉินว่า
อีกด้านหนึ่ง ณ ยอดเมฆาที่เจียงโจว
ภายในห้องของฉินยี ฉินซีกับเสี้ยวเสี้ยวนอนอยู่บนเตียง เสี้ยวเสี้ยวหลับไปแล้ว ส่วนบนใบหน้าของฉินซี ก็ไม่เห็นมีรอยคราบน้ำตา
“เสี่ยวยี พวกเราทำอย่างนี้ มันจะเกินไปมั้ย?อย่างน้อยก็น่าจะให้เขาได้มีโอกาสชี้แจงบ้าง พูดก็พูดนะ ฉันก็เชื่อนะ หยางเฉินไม่มีทางที่จะทรยศต่อฉันได้!”
ฉินซีมองฉินยีพูดว่า “รูปพวกนั้นถ้าเกิดเป็นของปลอมขึ้นมาหละ?”
ฉินยีส่งเสียง ฮึ แล้วพูดว่า “พี่สาว ครั้งนี้พี่ต้องฟังฉันนะ ถ้าไม่ขู่ใส่หยางเฉินไว้บ้าง ใครจะไปรู้ว่าอีกหน่อยเขาจะไม่ทำอะไรเลยเถิด”
“อีกอย่างนะ ครั้งก่อนตอนอยู่ที่เมืองเอก ฉันก็เห็นซูซานเดินควงแขนกับหยางเฉินอย่างอี๋อ่อเลยนะ ถ้าไม่กลัวว่าพี่จะทุกข์ระทมปวดใจ ฉันก็จะบอกพี่ไปนานแล้ว”
“ปัจจุบันนี้ หยางเฉินยิ่งวันยิ่งมีสถานะสูงขึ้น เกรงว่าพวกตระกูลมหาเศรษฐีทั้งมากหลาย จะคอยจ้องจะยกสาว ๆ สวย ๆ มาแต่งงานให้กับหยางเฉิน”
“ถึงแม้เขาจะไม่มีสัมพันธ์อะไรกับซูซาน พวกเราก็ต้องให้เขารู้สำนึกไว้ ต่อไปต้องรักษาระยะห่างกับผู้หญิงไว้”
ฉินยีพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ
ฉินซียิ้มแห้ง ๆ พูดว่า “ซูซานเป็นเพื่อนซี้ของพี่ เขากับหยางเฉินก็สนิทกันมากอยู่แล้ว พวกเขาไม่มีทางทรยศฉันอยู่แล้ว”
“ส่วนที่เธอห่วงว่าหยางเฉินจะถูกพวกตระกูลมหาเศรษฐีทั้งหลายนั้นแย่งเอาไปเป็นเขย จริง ๆ แล้วยิ่งไม่มีอะไรต้องคิดมาก ถ้าหยางเฉินเป็นคนมีความคิดเป็นแบบนั้น ป่านนี้น่ากลัวไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่นนานแล้วมั่ง?”
“ห้าปีที่ผ่านมา ฉันใช้ชีวิตที่ลำบากมาก แต่เขาจะอยู่ได้อย่างดีหรือ?เชื่อว่าก็ไม่ดีแน่!”
“หากไม่ใช่ได้ทุ่มเทลงทุนด้วยเลือดเนื้อ มีหรือจะได้รับผลอย่างทุกวันนี้?ฉันเชื่อใจเขา!”
ฉินซีพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
“ฉันก็รู้ว่าเขาไม่ทรยศพี่แน่ แต่ใครจะรับประกันได้ว่า จะไม่มีผู้หญิงอื่นใช้เล่ห์เพทุบายกับเขา?”
ฉินยีปริปากพูด “พี่ลองคิดดู ไอ้ตัวนิรนามที่ส่งรูปภาพมาให้พี่นั่น มันจะเป็นใคร? แล้วมุ่งหวังอะไร?”
“นี่มันต้องเป็นผู้หญิงที่อยากได้ตัวหยางเฉินชัด ๆ เพื่อหวังให้พวกพี่แตกกัน จึงเจาะจงส่งภาพพวกนี้มาให้”
“ฉันยังคิดว่า ภาพพวกนี้ ก็นังซูซานนั่นแหละกำกับเองแสดงเอง หล่อนคิดจะแย่งหยางเฉินไปจากพี่!”
ฉินซีพูดด้วยสีหน้าเสียไม่ได้ “เสี่ยวอี ซูซานเป็นเพื่อนซี้ของพี่นะ หล่อนเป็นคนยังไง พี่รู้ดี หล่อนไม่มีทางจะทำเรื่องแบบนี้แน่นอน เธอไม่ต้องคิดมากไปเลย”
“นี่ก็แค่เพียงฉันเดาเองไม่ได้รึ?”
ฉินยีค้อนใส่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เจ้าสารเลวหยางเฉินนี่ ดันปิดโทรศัพท์ไม่ยอมติดต่อกับฉันเลยรึ?”
“ผู้ชาย มันไม่มีดีสักคนจริง ๆ ไม่ทันไรก็ปล่อยเรื่องทิ้ง เจ้าหยางเฉิน ฉันขอประณามแก!”
ฉินยีพูดเสียงฮึดฮัด
ยังนั่งหงุดหงิดร้อนใจอยู่ที่เยี่ยนตู หยางเฉินจู่ ๆ ก็จามออกมา “ใครกำลังนินทาข้าอยู่(วะ)?”