วันรุ่งขึ้น ลั่วปิงมารับหยางเฉินด้วยตัวเองแต่เช้ามืด
“ทีหลังนะ ในกรณีเรื่องแบบนี้ คุณจัดให้คนขับรถมาสักคนก็ได้แล้ว ไม่ต้องมารับส่งผมด้วยตัวเอง”
บนเส้นทางไปสนามบิน หยางเฉินเอ่ยปากสั่ง
ขณะนั้นเพิ่งยังไม่ถึงตีห้า โดยปกติทั่วไป เวลานี้เป็นเวลาที่หลับสบายกันอยู่
ลั่วปิงหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก ท่านก็ไม่ใช่จะใช้ผมทุกวันนี่ครับ อีกอย่าง ได้ขับรถรับใช้ท่านนั้นเป็นเกียรติกับผมเป็นอย่างยิ่งครับ!”
หยางเฉินหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณไปหัดประจบสอพลอเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่นี่?”
ลั่วปิงหัวเราะหุ ๆ “ผมไม่ได้ประจบสอพลอนะครับ แต่พูดเรื่องจริงเท่านั้น!”
ถึงตอนนี้ หยางเฉินมองลั่วปิงเป็นคนกันเองแล้ว เวลาลั่วปิงอยู่ต่อหน้าหยางเฉินก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก ๆ
“ใช่แล้ว คุณช่วยสืบเรื่องให้ผมเรื่องหนึ่ง คือว่าวันที่ภรรยาผมออกไปจากเยี่ยนตูในวันนั้น คืนนั้นผมดื่มมากจนเมา ได้มีเพื่อนผู้หญิงของผมพาผมไปส่งที่โรงแรม แล้วมีคนแอบถ่ายรูปผมไว้”
หยางเฉินจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา “คุณช่วยไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้หน่อย ดูทีว่าใครที่ไหนเป็นคนถ่าย ให้ดีที่สุดต้องสืบให้รู้ตัวคนที่ถ่ายนั้นให้ได้!”
“ได้ครับ!”ลั่วปิงรีบตอบรับปากทันที
หยังเฉินขึ้นเที่ยวบินเวลาห้านาฬิกายี่สิบนาที ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ ๆ เวลาหกโมงครึ่ง เครื่องบินก็ลงสู่สนามบินนา ๆ ชาติเจียงโจว
พอลงจากเครื่องบิน หยางเฉินก็มุ่งตรงไปยังยอดเมฆา ช่วงเวลาที่เขามาถึงที่บ้าน คนในบ้านกำลังกินอาหารเช้ากันอยู่
“คุณพ่อ!”
พอเห็นหยางเฉิน คนที่ดีใจมากที่สุดก็คือเสี้ยวเสี้ยว หล่อนไม่สนใจกับอาหารเช้าแล้ว กำลังจะวิ่งเข้าไปหา
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!”
ฉินยีเข้าไปคว้าอุ้มเสี้ยวเสี้ยว พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “น้าเล็กสั่งหนูไว้ว่ายังไง?”
เสี้ยวเสี้ยวหน้าละห้อยมองไปที่ฉินอี “แต่ว่า คุณพ่อทำให้คุณแม่โกรธ แล้วทำไมจะต้องไม่ให้หนูใส่ใจคุณพ่อด้วย?”
ได้ยินเข้านั่น หยางเฉินก็รู้ได้เลยว่า เป็นที่ฉินยีนี่เองไปบอกเสี้ยวเสี้ยว ว่าหยางเฉินไปทำให้ฉินซีโกรธ จึงห้ามไม่ให้เสี้ยวเสี้ยวพูดกับหยางเฉิน
ฉินยีทั้งอายทั้งโกรธ พูดเสียงดุ “ต่อไป น้าเล็กจะไม่พาหนูออกไปเที่ยวแล้ว!”
“คุณพ่อ หนูขอโทษก่อนนะ!รอไว้ให้คุณพ่อทำให้คุณแม่หายโกรธก่อน เสี้ยวเสี้ยวถึงจะคุยกับคุณพ่อนะ ไม่งั้นเดี๋ยวน้าเล็กจะไม่ยอมพาหนูไปเที่ยวเล่น!”
ได้ผล การขู่บังคับของฉินอีใช้ได้ เสี้ยวเสี้ยวรีบละทิ้งพฤติกรรมที่จะวิ่งไปหาหยางเฉิน
สีหน้าหยางเฉินให้ความรู้สึกไม่รู้จะทำยังไง ตรงข้ามกับฉินยีที่รู้สึกพอใจ มองหน้าหยางเฉินอย่างสะใจ
ส่วนฉินซีนั้น ตั้งแต่หยางเฉินก้าวเข้าประตูมา ก็เอาแต่นั่งก้มหน้ากินข้าว เหมือนกับมองไม่เห็นมีหยางเฉิน
ฉินต้าหย่งไม่ได้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น มอง ๆ หยางเฉิน กลับมามอง ๆ ลูกสาวตัวเอง ถามอย่างสงสัยว่า “นี่พวกเธอทะเลาะกันเหรอ?”
“เปล่าครับคุณพ่อ ไม่ได้ทะเลาะกัน ท่านสบายใจได้นะ” หยางเฉินพูดเสียงหัวเราะ
“ใช่นะไม่ได้ทะเลาะกัน แต่มันหนักยิ่งกว่าทะเลาะกันเสียอีก!”
ฉินยีเปิดฉากพูด “คุณพ่อ หนูขอเตือนคุณพ่อไว้ก่อนนะ คุณพ่อห้ามไปเข้าข้างหยางเฉินนะ!”
ทำเอาฉินต้าหย่งมึนตึ้บไปทั้งหัว “งั้นพวกแกคุยกันไป ข้ากินเสร็จแล้ว ไปบริษัทก่อนละ!”
“คุณพ่อ วันนี้คุณพ่อส่งเสี้ยวเสี้ยวไปโรงเรียนด้วยนะ!”ฉินยีพูดเพิ่ม
“ได้!”
ฉินต้าหย่งไม่ปฏิเสธ
เขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เข้าใจดี เขาไม่ควรเข้าไปยุ่ง ก็เป็นว่าพาหลานสาวปลีกตัวไปก่อนดีกว่า
และไม่รอช้า ฉินต้าหย่งก็ได้พาเสี้ยวเสี้ยวไปออก ในห้องจึงคงเหลือแต่หยางเฉินกับฉินซี ยังฉินอีอีกคนเป็นสามคน
“คุณเมียจ๋า เธอฟังผมชี้แจงนะ ไปที่ https://th.readeraz.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! “คุณไม่ต้องอธิบาย!”
พูดจบ ฉินยีดึงมือฉินซีแล้วบอกว่า “พี่สาว วันนี้พวกเราลางานกัน ฉันจะพาพี่ไปปล่อยอารมณ์ให้สบายใจ!”
“ตกลง!”
ฉินซีตอบตกลงอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย
หยางเฉินยังไม่ทันได้ตั้งตัว ฉินยีก็ดึงฉินซีเข้าไปในห้อง เท่านั้นเอง ที่โถงก็เหลืออยู่แค่ตัวเอง
“เฮ้อ!เห็นทีต้องรอให้ลั่วปิงสืบให้ชัดแจ้ง เราถึงจะชี้แจงได้”หยางเฉินพูดอย่างไม่รู้ทำไง
พี่น้องสองสาวเข้าไปในห้อง เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม ๆ จึงได้ออกมาจากห้องหลังจากแต่งตัวเสริมสวยกันจนงามเช้ง
“วันนี้ ให้ผมเป็นโชเฟอร์ให้นะ พวกคุณจะไปไหน ขอให้สั่งได้เลย!”หยางเฉิงพูดยิ้มแย้ม
“ไม่จำเป็น!พวกเราขับรถเป็น!”
ฉินยีพูดเสียงห้วน ๆ
พูดเสร็จ ดึงมือฉินซีเดินออกไป พอถึงหน้าประตู ฉินยีหันกลับมา ถลึงตาดุมองหยางเฉินบอกว่า “ฉันเตือนไว้ก่อนนะ อย่าได้ตามพวกเรามาเด็ดขาด ไม่งั้นคุณก็อย่าหวังได้พบกับพี่สาวของฉันได้อีกเลย!”
“ผม…..”
หยางเฉินเลยพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองตาแป๋ว ๆ ดูสองสาวเดินจากไป
ในขณะนี้ ยังไม่มีหลักฐานอะไรมาชี้ชัดว่าตัวเองบริสุทธิ์ ฉินยีก็ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ตัวเองชี้แจงอะไรได้ เขาจะร้อนรนไปก็ไม่มีประโยชน์
“เฉียนเปียว แกช่วยดูแลเมียข้ากับน้องเมียข้าให้ดี คอยรายงานพิกัดทุกเวลา!”
ฉินซีกับฉินยีเพิ่งเดินพ้นไป หยางเฉินก็โทรศัพท์สั่งเฉิยนเปียว
ตอนนี้ก็ได้แต่รอ รอหาโอกาสที่อยู่กับฉินซีสองต่อสอง แล้วค่อยชี้แจง
มิฉะนั้นถ้าฉินยีอยู่ด้วย หยางเฉินไม่มีทางที่จะมีโอกาส
หลังจากพี่น้องสองสาวออกไปแล้ว หยางเฉินก็ไม่ใช่จะว่าง การกลับมาเที่ยวนี้ นอกจากจะมาชี้แจงกับฉินซีแล้ว ก็ยังมีเรื่องต้องไปอีกหลายที่
ไหน ๆ เขาก็จะย้ายเข้าไปเยี่ยนตูทั้งครอบครัวแล้ว ก่อนไป ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการให้เรียบร้อย
ยี่สิบนาทีให้หลัง หยางเฉินขับรถไปบ้านตระกูลกวนด้วยตัวเอง
ตระกูลกวนนับว่าเป็นตระกูลแรกที่ยอมมาสวามิภักดิ์กับเขา เวลานี้ตระกูลเฉินก็ได้ตามเขาไปอยู่เยี่ยนตูแล้ว ตระกูลกวนจะคิดอ่านยังไง เขาต้องให้ความใส่ใจด้วย
“คุณหยาง ท่านอุตส่าห์มาถึงบ้านตระกูลกวน ทำไมไม่บอกล่วงหน้าหน่อย จะได้จัดเตรียมโต๊ะรอต้อนรับท่าน!”
พอเห็นหยางเฉิน กวนเจิ้งซานเจ้าบ้านตระกูลกวน ทักขึ้นด้วยความตื่นเต้น
หยางเฉินยิ้ม ๆ “ไม่ต้องวุ่นวายอะไรอย่างนั้นหรอก ผมแค่ผ่านแวะมาเยี่ยมเยียน”
และแล้ว หยางเฉินก็ได้รับการต้อนรับสู่ห้องรับรอง นอกจากกวนเจิ้งซานแล้ว ก็ยังมีกวนเสว่ซงอีกคน
“ตระกูลกวนในตอนนี้ เห็นว่ามาเป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันดับสองในมณฑลเจียงผิงแล้ว?”
หยางเฉินหัวเราะพลางถามไป
ตั้งแต่ตระกูลกวนเข้าสวามิภักดิ์กับหยางเฉิน ระดับก็สูงขึ้นไปตามน้ำ โดยเฉพาะครั้งก่อนที่ในงานต่อสู้สองมณฑลของมณฑลเจียงผิงและหนันหยัง หยางเฉินลงต่อสู้ครั้งเดียวชื่อดังกระฉ่อน ตระกูลกวนกับตระกูลเฉินก็เลยมีฐานะก้าวกระโดดขึ้นในคืนเดียว
เพียงว่า เวลานี้ตระกูลเฉินเริ่มทยอยย้ายฐานออกจากมณฑลเจียงผิง นำศูนย์กลางตระกูลไปตั้งที่เยี่ยนตู
ปัจจุบันนี้ในมณฑลเจียงผิง ตระกูลมู่มาเป็นอันดับที่หนึ่ง ตระกูลกวนอยู่ในอันดับที่สอง
ได้ยินที่หยางเฉินพูด กวนเจิ้งซานรีบตอบไปว่า “ทั้งหมดนี้ก็ด้วยบารมีคุณหยาง ไม่อย่างนั้นลำพังให้ตระกูลกวนเองอีกหลายชั่วคน ก็คงยังมาไม่ได้ได้ถึงระดับนี้”
กวนเจิ้งซานมีความรู้สึกในบุญคุณจากใจจริง เพียงในแววตาส่อเห็นความหนักใจบางอย่างอยู่ แต่ก็อยู่ในสายตาหยางเฉิน
ไม่เพียงกวนเจิ้งซาน แม้แต่กวนเสว่ซง ตลอดจนคนในเครือตระกูลกวน ต่างก็ดูมีอะไรหนักใจ
“ท่านเจ้าบ้าน ผมว่าเรื่องนั้น ควรจะบอกคุณหยางได้นะ!”
และในขณะนั้นเอง คนในเครือญาติตระกูลกวนคนหนึ่ง จู่ ๆ ก็พูดออกมา
“หุบปากซะ!”
กวนเจิ้งซานตวาดใส่อย่างฉุนเฉียว
มีเรื่องจริง ๆ ด้วย แต่กวนเจิ้งซานยังไม่อยากบอกหยางเฉิน รีบชี้แจงว่า “เรื่องเล็กน้อยเอง ยังไม่ต้องถึงกับรบกวนคุณหยางท่าน!”
“พูดมาเถอะ!มันเกิดอะไรขึ้น?”
หยางเฉินพูด